จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,490



“โอเอซิส!!”


เพียงห้าสิบหกวินาที


“ล… ลัค!!”


ไม่ถึงหนึ่งนาทีหลังจากทีมของจิสึกะออกไป ความเสียหายเริ่มก่อตัว


จิสึกะ รูบี้ ยูเฟอมิน่า และพีคซอร์ด


การขาดหายไปของทั้งสี่ทำให้เกิดช่องว่างขนาดใหญ่ แต่ปัญหาที่สำคัญกว่านั้นคือขีดจำกัดของท่าไม้ตาย


ท่าไม้ตาย


แบ่งออกได้เป็นหลายประเภท


ประเภทที่สร้างความเสียหายได้นับร้อยเท่าจากพลังโจมตี เช่นวิชาดาบผสานห้าชนิดของกริด และเวทโพรมิเนนซ์เวฟของยูเฟอมิน่า


ประเภทที่ยกระดับพวกพ้องพร้อมกับทำให้ศัตรูอ่อนแอเป็นวงกว้าง เช่นเขตแดนพายุเพลิงเทพของกริด และสยบขุมนรกของยูร่า


ประเภทพิเศษอย่างเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ของรูบี้ รวมถึงทักษะที่ยกระดับตัวบุคคลอย่างก้าวกระโดด เช่นบทกวีสรรเสริญดาบของครอเกล


ประเภทสุดท้าย ทักษะที่ทำให้ศัตรูหมดสภาพต่อสู้ชั่วคราว เช่นดาบจันทราดับของกริดและดาบผ่ามิติของครอเกล


ท่าไม้ตายหลายชนิดล้วนถูกใช้ไปจนหมด


ทุกสิ่งถูกประเคนออกไปภายในสองนาทีแรกหลังจากเอลิกอสปรากฏตัว


เป็นเหตุผลที่แนวหน้าสี่คนแรกหลบหนีออกไปได้ง่ายดาย


หากเสียสละท่าไม้ตายของตำนานห้าคนและไฮแรงเกอร์อีกสิบห้าคนแล้วยังไม่ได้ผล เกรงว่าคงจะเกิดคำถามตามมาอีกมาก


เพราะนั่นย่อมหมายถึง ความหวังของฝ่ายผู้เล่นช่างริบหรี่เหลือเกิน


“ยูร่า… ฉันขอโทษ แต่ช่วยดูแลโอเอซิสด้วย”


หอกปราณอสูรของเอลิกอส กำลังพุ่งตรงมายังแผ่นหลังของโอเอซิสซึ่งโยกตัวหลบหมอกพิษและเปลวไฟเซอร์เบอรัสอย่างคล่องแคล่ว


ช่างโชคร้าย ดาบพินาศทัพแปดหมื่นของโอเอซิสในจังหวะก่อนหน้านี้ ดันพุ่งใส่หน้าเอลิกอสเข้าอย่างจัง ความสนใจจึงเปลี่ยนจากครอเกลเป็นโอเอซิสในพริบตา


ลัคก้าวพุ่งตัวไปข้างหน้า


แทนที่จะเป็นโอเอซิส ผู้รับหอกเข้าไปกลับเป็นลัค เกิดความเสียหายหนักหน่วงจนไม่มีโอกาสได้ฆ่าตัวตาย


หอกปราณอสูรที่แฝงจิตสังหารเอลิกอสอย่างเต็มเปี่ยม รุนแรงชนิดที่จบชีวิตลัคได้ภายในฮิตเดียว


ในทางระบบ ลัคตายไปแล้ว


สาเหตุที่ยังยืนอยู่และพูดได้ เป็นเพราะคุณสมบัติของ ‘เสาหลักแห่งสงคราม’


คุณสมบัติดังกล่าวช่วยยืดการตายออกไปห้าวินาทีหากได้รับความเสียหายรุนแรง


แตกต่างจากบัฟอมตะของตำนานเล็กน้อย


ไม่ว่าจะพยายามแก้ไขอย่างไร แต่หลังจากผ่านไปห้าวินาที ความตายคือชะตากรรมเดียวของลัค


เป็นบัฟอมตะของตำนานรุ่น ‘ดาวน์เกรด’


“หมอนั่น… ถ้าตายแม้แต่ครั้งเดียว… ความเสียหายจะใหญ่หลวง… เกินกว่าที่คนคนหนึ่งจะรับไหว”


อันที่จริง ลัคอยากขอมานานแล้ว ขอให้โอเอซิสได้อยู่ในกลุ่มแรกที่หลบหนีออกไป


แต่พอทราบชื่อแนวหน้าสี่คนแรก มันตัดสินใจปิดปากเงียบ


จิสึกะ รูบี้ ยูเฟอมิน่า และพีคซอร์ด


ลัคได้เห็นกับตาว่าทั้งสี่เก่งกาจและเหมาะสมเพียงใด


แถมคนที่เหลือยังมีครอเกล เฟคเกอร์ หรือแม้กระทั่งคริส จึงไม่มีเหตุผลที่ลัคจะขอให้พาโอเอซิสออกไปก่อน


แต่ถ้าเป็นการเปิดประตูครั้งที่สอง คำขอของมันอาจฟังขึ้น


“ขอร้อง… ช่วยพาโอเอซิสออกจากประตูนรกในรอบถัดไปด้วย”


ความแน่วแน่ของลัคเกิดจากตำแหน่ง ไม่ใช่คลาส


แม่ทัพ


เสาหลักแห่งสงคราม


ในสนามรบ ความตายของแม่ทัพหมายถึงความเสียหายของกองทัพ


ด้วยเหตุผลดังกล่าว เสาหลักแห่งสงครามจึงยืดความตายออกไปได้ระยะเวลาหนึ่ง


“ฉันไม่มีอะไรจะแลกนอกจาก… กองทัพอาเรสจะชดเชยให้อย่างถึงที่สุด”


ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คณะสำรวจอ่อนแอลงหลังจากขาดทีมของจิสึกะ


การขาดหายไปของ ‘ทักษะติดตัวแบบปาร์ตี้’


ย้อนกลับไปในอดีต


ช่วงที่เลเวลครอเกลถูกรีเซตหลังจากเปลี่ยนเป็นคลาสอริยดาบได้ไม่นาน ความแข็งแกร่งโดยรวมถดถอยลงมาก


เมื่อครั้งนั้น ในศึกปราบจอมอสูร ครอเกลแสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยมผิดไปจากความต่ำต้อยของเลเวล แถมยังมีบทบาทสำคัญ


บทบาทที่ว่าก็คือ ‘ทักษะติดตัวของอริยดาบ’ ซึ่งเพิ่มพลังโจมตีกายภาพ ค่าต้านทานการโจมตีทางกายภาพ และความรุนแรงของวิชาดาบให้กับสมาชิกในปาร์ตี้


ในทำนองเดียวกัน ทักษะติดตัวของอริยศร นักบุญหญิง และผู้สืบทอดมูมัด ก็สร้างคุณประโยชน์อย่างมากแก่คณะสำรวจ


ถือเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับช่างตีเหล็กอย่างกริด


ปฏิเสธไม่ได้ว่า คลาสสายต่อสู้โดยแท้จริงจะเฉิดฉายในสนามรบได้มากกว่า ลำพังการมีตัวตนก็มากพอจะทำให้กองทัพแข็งแกร่งแล้ว


ลัคผู้เป็นแม่ทัพก็เช่นกัน


เพียงมีตัวตน ทุกคนจะแข็งแกร่ง


“…?”


บนหลังเซอร์เบอรัส


ดวงตาเอลิกอสกำลังเบิกกว้าง


มนุษย์ซึ่งเทเลพอร์ตมายัง ‘ธง’ ที่ลันเทียร์ปักไว้ สร้างความประหลาดใจให้กับเอลิกอสไม่น้อย


เป็นเรื่องปรกติที่จะตกตะลึง


มนุษย์ซึ่งถูกแทงด้วยหอกปราณอสูรอย่างจังและควรจะตายไปแล้ว กลับยังเคลื่อนไหวได้ต่อหน้าตน


เอลิกอสไม่อยากเชื่อว่า สิ่งมีชีวิตที่หน้าอกถูกทำลายไปกว่าครึ่ง ถูกทำลายในระดับเซลล์ จะยังมีลมหายใจและสามารถเคลื่อนไหวได้


“มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ทนทายาดตั้งแต่เมื่อไร…”


เอลิกอสมีเวลาให้อับอายและชื่นชมไม่นานนัก


เพราะแขนของมันที่กำลังชกใส่ลัค ถูกฟันขาดเป็นสามท่อน


ดูเหมือนว่าอริยดาบคนปัจจุบัน จะมีทักษะดาบที่หลากหลายกว่าอริยดาบมุลเลอร์มากทีเดียว


แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา


หากมนุษย์ต้องการเป็นภัยคุกคามแก่จอมอสูรลำดับสูง สิ่งที่จำเป็นคือพลัง มิใช่เทคนิค


พลังทำลายล้างที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดจนการฟื้นฟูไร้ความหมาย


ในแง่ดังกล่าว อริยดาบคนปัจจุบันยังไม่ใช่ภัยคุกคามที่น่ากลัว


โดนตัดแล้วอย่างไร?


แค่ต่อกลับไปใหม่ก็พอ


บึ้ม—!!


เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น


ขณะปล่อยหมัด แม้แขนของเอลิกอสจะถูกฟันขาดเป็นสามท่อน แต่มันก็แค่เชื่อมกลับไปด้วยปราณอสูรและชกใส่หน้าลัค


ลำพังคลื่นปะทะก็มากพอจะกรีดท้องฟ้าให้แยกออกเป็นสองฝั่ง เมฆดำที่เคยถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยโพรมิเนนซ์เวฟพลันอันตรธานหาย เกิดเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่กึ่งกลางท้องฟ้าเบื้องบน


คงไม่น่าแปลกใจนัก หากร่างกายลัคที่ร่อแร่อยู่ก่อนแล้ว จะถูกป่นจนเหลือเพียงเศษผง


ทว่า ลัคซึ่งเป็นเป้าหมายหลักกลับยังมีชีวิตอยู่ แถมยังพุ่งตัวผ่านคลื่นปะทะพร้อมกับประเคนหมัดใส่หน้าอกเอลิกอส ตามด้วยการใช้กำปั้นอีกข้างต่อยใส่ใบหน้าจอมอสูรลำดับยี่สิบที่กำลังยิ้มอย่างผยองใต้หมวกเหล็ก


ครอสเคาน์เตอร์ (Cross Counter)


ท่าสวนกลับที่ทรงพลังที่สุดซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของลัคมาช้านาน และเคยสวนกลับการโจมตีของ ‘ฟ้าเหนือฟ้า’ ครอเกลมาแล้วในอดีต ตะบันเข้าใส่ใบหน้าหนึ่งในจอมอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของนรก


“ฮะฮะ! เป็นยังไงบ้าง? หมัดที่เคยทำให้ฟ้าเหนือฟ้าต้องคุกเข่ามาแล้ว!”


“…ไม่เคยสักหน่อย”


ครอเกลปฏิเสธทันควัน แต่ลัคไม่ได้ยิน เนื่องจากร่างกายแปรสภาพเป็นแสงสีเทาไปแล้ว


พลังใจอันเหลือล้นของแม่ทัพผู้ไม่ต้องการทำให้กองทัพเสียขวัญเพราะความตายของตน ในที่สุดก็ดำเนินมาถึงขีดจำกัด


[ท่านเสียชีวิต]


[อัศวินดำ ‘เอลิกอส’ เข้าแทรกแซงวัฏจักร ดวงวิญญาณของท่านคืนชีพใหม่ล้มเหลว ท่านได้รับบทลงโทษ ‘ห้ามคืนชีพ’ และถูกยกเลิกการเชื่อมต่อกับเกมเป็นเวลา 24 ชั่วโมง]


“ลัค!!”


โอเอซิสบนพื้นดินแผดเสียงตะโกนแหบพร่า


มันหัวเสียและโกรธแค้นเมื่อเห็นพวกพ้องตายไปต่อหน้า แถมยังเป็นพวกพ้องที่นำชีวิตตัวเองเข้าแลกเพื่อตน


ครอเกลไม่ปล่อยให้การเสียสละของลัคสูญเปล่า


มันทำคอมโบต่อจากท่าครอสเคาน์เตอร์ของลัค


“วิชาดาบไร้เทียมทานฉบับมุลเลอร์…”


โดยทั่วไป แรงเกอร์จะมีท่าไม้ตายเฉลี่ยห้าชนิดต่อหนึ่งคน ทว่า ประสิทธิภาพของแต่ละท่ามักไม่ใกล้เคียงกัน


บางท่าไม้ตายที่ได้รับมาตั้งแต่ช่วงแรก ยิ่งเวลาผ่านไปนานก็ยิ่งเกิดคำถามว่า มันยังเป็นท่าไม้ตายอยู่ไหม


ยกตัวอย่างเช่น หากท่ารำดาบของกริดไม่มีระบบ ‘ผสาน’ หนึ่งในท่าไม้ตายของกริดก็คงเป็น ‘สังหาร’


กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากเป็นผู้เล่นพิเศษอย่างกริด ท่าไม้ตายที่หวังพึ่งพาได้จะมีให้เลือกใช้หลากหลายประเภท


และในสายตาของคนทั่วไป ครอเกลเองก็ถูกยกย่องให้เป็น ‘ผู้เล่นพิเศษ’ เหมือนกริด


แม้จะตามหลังกริดอยู่หลายก้าว แต่ก็ยังเป็นต้นแบบให้นักดาบหลายคน


“…วิชาลับ ผ่าดวงดาว”


แม้จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างวิชาดาบของตัวเองเป็นหลัก แต่ท้ายที่สุด ครอเกลก็เปิดใจรับวิชาลับของมุลเลอร์


ดาบสองเล่มในมือทั้งสองข้าง เริ่มหมุนควงประหนึ่งกระแสน้ำ เกิดเป็นวังวนปราณดาบจำนวนมากพุ่งเข้าหาเอลิกอส


“…ยังอ่อนหัด!”


ฉัวะ!


น่าเสียดายที่พลังทำลายยังต่ำเกินไป


ร่างเอลิกอสซึ่งถูกสะบั้นจนแหลกประหนึ่งจับใส่เครื่องบด ฟื้นฟูกลับคืนสภาพเดิมอย่างรวดเร็ว


พลังในการรักษาสูงกว่าพลังทำลาย


เอลิกอสรวบรวมพลังเวทห้อมล้อมมือซ้ายและชกเข้าใส่วังวนปราณดาบของครอเกล


เวทมนตร์ดังกล่าวดูคล้ายกับเปลวไฟ


เมื่อเวทมนตร์ปะทะกับปราณดาบ สิ่งที่ดูคล้ายเปลวไฟพลันกระจัดกระจายไปทุกทิศ ลุกลามไปตามขนของเซอร์เบอรัสประหนึ่งไฟป่า


“อ… อะ…?”


“บ้าน่า…”


คณะสำรวจซึ่งพยายามดึงความสนใจของเซอร์เบอรัสให้อยู่บนพื้น ต่างพากันอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง


นั่นเพราะเซอร์เบอรัสกำลังร้องคำรามด้วยความยินดีราวกับว่านี่คือร่างที่แท้จริง ทุกคนตระหนักได้อย่างชัดเจนโดยไม่เคลือบแคลงว่า เซอร์เบอรัสแข็งแกร่งขึ้นกว่าในตอนแรกหลายเท่า


เวทมนตร์ของเอลิกอสกลายเป็นบัฟให้เซอร์เบอรัส


นอกจากนั้น


“เลิกหวังดีกว่านะ… ข้าปรับตัวได้แล้ว”


เอลิกอสเองก็แข็งแกร่งขึ้น


ไม่สิ ระบุให้ชัดคือ มันปรับตัวได้ตามที่พูด


ตรงข้ามกับในตอนแรก ผลข้างเคียงจากนรกลดลงมากเนื่องจากนรกและโลกรวมเป็นหนึ่ง ส่งผลให้คณะสำรวจเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น และในทางกลับกัน เอลิกอสต้องสูญเสียพลังไปหลายระดับ เพิ่งจะทำความเคยชินกับร่างกายที่อ่อนแอและกระแสมานาที่ติดขัดได้เมื่อครู่


เอลิกอสไม่ต้องเผชิญความขัดแย้งระหว่างสัญชาตญาณและความเป็นจริงอีกต่อไป


มันเคลื่อนไหวโดยตระหนักว่าร่างกายเชื่องช้ากว่าปรกติ ร่ายเวทโดยตระหนักว่าการไหลของกระแสพลังเวทถดถอยลงจากเดิม


ทำความเคยชินกับสิ่งที่เปลี่ยนไป


จากนั้น


เปรี้ยง!


จุดอ่อนของเอลิกอสซึ่งเคยปรากฏในสายตาครอเกล พลันอันตรธานหาย ค่าสถานะ ‘อ่านใจขั้นสูง’ ร้องเตือนอย่างบ้าคลั่ง


“คึ่ก!”


“เจ้ายังอ่อนแอ”


หมัดที่คาดเดาทิศทางไม่ได้ของเอลิกอสทะลวงผ่านวังวนปราณดาบ ปะทะเข้ากับใบหน้าครอเกลอย่างจัง


ครอเกลไม่แยแสคำเตือนที่บอกให้หนี ตรงกันข้าม มันพยายามเกร็งฝ่าเท้าซึ่งกำลังจะลอยจากพื้น


‘อ่อนแอ?’


ผ่านมาแล้วหลายปีนับตั้งแต่กลายเป็นอริยดาบ


มันต่อสู้กับมีร์หลายสิบหนบนทวีปตะวันออก


แต่กระนั้นกลับยังถูกเรียกว่าอ่อนแอ?


ยอมไม่ได้…


กรอด!


ครอเกลนำดาบสองทั้งเล่ม เสียบไขว้กลับเข้าไปในฝักทั้งสองฝั่งและค้างในท่าไขว้แขวน


เป็นการตั้งท่าดาบที่หมายถึงเตรียมบุกแบบสุดตัว ปราศจากการป้องกันโดยสิ้นเชิง


กำปั้นเคลือบปราณอสูรของเอลิกอสชกเข้าที่ใบหน้าครอเกลอย่างง่ายดาย บั่นทอนพลังชีวิตไปหลายส่วน


“ฮะฮะ! ถอดใจแล้วหรือ…”


เสียงเอลิกอสขาดห้วงกะทันหัน


นั่นเพราะปราณดาบไขว้ พุ่งแหวกอากาศตัดคอมันอย่างง่ายดาย


วิชาดาบที่ผสมผสานระหว่าง ‘เทคนิคชักดาบฟัน’ ของพีคซอร์ดและ ‘ครอสเคาน์เตอร์’ ของลัค


วิชาดาบใหม่ได้ถือกำเนิด พร้อมกับสร้างความเสียหายหนักหน่วงแก่เอลิกอสซึ่งไม่ได้รับแผลฉกรรจ์มาตั้งแต่ดาบผ่ามิติและโพรมิเนนซ์เวฟ


“ครอเกล”


เสียงหนึ่งดังจากเงาใต้ฝ่าเท้า


ครอเกลที่ซวนเซในสภาพชุ่มเลือด ยื่นมือออกไปอย่างยากลำบาก จับมือเฟคเกอร์ที่ยื่นออกจากเงาดำและดึงครอเกลเข้าไป


ทันทีหลังจากนั้น


เปรี้ยง!!


หอกปราณอสูรถูกขว้างใส่จุดที่ครอเกลเคยยืน


ฉึบ


เอลิกอสฉีกยิ้มกว้างขณะต่อหัวเข้ากับลำคอ ตามมุมปากและจมูกมีรอยเลือดไหลซึม


‘อริยดาบคือนักดาบที่แข็งแกร่งของมนุษย์มาช้านาน’


ราวกับต้องการจะพิสูจน์ว่าคำกล่าวข้างต้นคือสัจธรรม อริยดาบรุ่นปัจจุบันเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแม้ในยามต่อสู้


เอลิกอสนึกเสียดาย


หากอริยดาบรุ่นปัจจุบันแข็งแกร่งกว่าที่เป็น สมบูรณ์แบบกว่าที่เป็น การเชือดอริยดาบทิ้งจะหมายถึงความสำเร็จครั้งใหญ่ ช่วยเสริมสร้างเกียรติยศในนรกของมันให้เกรียงไกร


สำหรับตอนนี้… ถึงจะพัฒนาขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่เพียงพอ… เมื่อเทียบกับผู้ส่งสารของ ‘เทพฝีมือปานกลาง’ ที่เพิ่งได้พบกันเมื่อไม่นาน อริยดาบยังตามหลังอยู่หนึ่งขั้น แต่ถ้าพิจารณาจากพรสวรรค์ ในอนาคตคงก้าวขึ้นไปทัดเทียมกันได้ไม่ยาก แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต…


‘หมดเวลาเก็บข้อมูลแล้ว สภาพของเซอร์เบอรัสเริ่มไม่สู้ดี เราต้องรีบจบเรื่องนี้’


มนุษย์สองสามคนกำลังลอยไปมาในอากาศ ดึงความสนใจจากเซอร์เบอรัส


คล้ายกับว่า พวกมันเตรียมโจมตีขนาบจากทุกทิศ ในจังหวะที่อริยดาบกับลันเทียร์โผล่ออกมาจากเงามืด


ตอนแรกอาจยังกังขา แต่ปัจจุบันไม่เคลือบแคลงอีกแล้วว่า อาการของเซอร์เบอรัสกำลังย่ำแย่


ทุกครั้งที่ถูกมนุษย์ซึ่งถือดาบใหญ่มโหฬารนั่นฟันใส่ ร่างกายเซอร์เบอรัสจะสั่นระริก


ในแง่หนึ่ง นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก


เซอร์เบอรัสเป็นผู้เฝ้าประตูนรก เทวตำนานสัตว์ร้ายก็ถือกำเนิดจากนรก


หมายความว่า มันไม่เคยออกจากนรก


เซอร์เบอรัสมิอาจปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมซึ่งโลกและนรกรวมเป็นหนึ่ง มันกระสับกระส่าย หงุดหงิด ขาดสมาธิ และตอบสนองได้ไม่ดี


ซู่ว—!!


ความมืดด้านข้างฝ่ามือทั้งสองของเอลิกอสเกิดไหววูบ


เป็นความมืดที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ทุกสิ่งเกิดขึ้นและจบลงในพริบตา โลกกลายเป็นสีขาวโพลนไปชั่วขณะ


“จงอย่าขัดขืนความตาย… ความตายคือประกาศิตแห่งนรก”


ซู่วซู่วซู่วซู่วซู่วซู่ว—


จุดแสงปริมาณมหาศาลสว่างขึ้นจากความว่างเปล่า ทั้งหมดคือ ‘ป่า’ ที่เต็มไปด้วยหอกปราณอสูร สัญลักษณ์แห่งการคร่าชีวิต จะไม่มีสิ่งใดสามารถรอดชีวิตไปจากเขตแดน ยกเว้นเอลิกอสและเซอร์เบอรัส


“…?”


เอลิกอสซึ่งหันหลังราวกับไม่แยแสสิ่งใด มีอันต้องชะงักและหันหลังกลับ เพราะมันเริ่มตระหนักว่าการก่อตัวของ ‘ป่าแห่งหอก’ เชื่องช้ากว่าปรกติ ผิดไปจากความตั้งใจอย่างมาก


กว่าจะรู้เหตุผลก็สายเกินไป


สยบขุมนรก


นักล่าอสูรทำการแปรผันสภาพแวดล้อมขุมนรกชั่วคราว


เปลี่ยนให้นรก ไม่ใช่นรก


สภาพแวดล้อมปัจจุบันยิ่งลดทอนปริมาณปราณอสูรในอากาศ รวมถึงการไหลเวียนที่ชะลอตัวลง


‘หล่อนคำนวณไว้แล้ว?’


มีหนึ่งสิ่งที่อสูรส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด ทักษะสยบขุมนรกของนักล่าอสูรนั้นมิได้ครอบจักรวาล


หากเข้าใจความหมายของคำว่า ‘สยบ’ ก็สามารถคาดเดาแก่นแท้ได้ไม่ยาก


สยบมิได้หมายถึงการ ‘ผนึก’


กล่าวอีกนัยหนึ่ง การสยบขุมนรกของนักล่าอสูร มิได้เกิดจากการ ‘ใช้พลังเข้าข่ม’ แต่เป็นการใช้พลังเพื่อแปรผันสภาพแวดล้อม ให้นรกสูญเสียตัวตนและความเป็นนรก


หากต้องการใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในขุมนรกลำดับสูง นักล่าอสูรจำเป็นต้องคำนวณสภาพแวดล้อมอย่างแม่นยำ และต้องมีพลังพอที่จะ ‘เปลี่ยน’ และ ‘รักษา’ สภาพแวดล้อมไว้


ยิ่งเป็นนรกที่ซับซ้อน ยิ่งต้องคำนวณและเคลียร์เงื่อนไขค่อนข้างมาก


ทว่า นักล่าอสูรคนปัจจุบันกลับบรรลุเงื่อนไขทั้งหมดได้ด้วยการยิงสไนเปอร์อย่างไม่หยุดพัก


‘อเล็กซ์เคยใช้สยบขุมนรกระหว่างการต่อสู้บ้างไหม…’


อย่างน้อยก็ไม่มีอยู่ในความทรงจำของเอลิกอส


นักล่าอสูรคนก่อน อเล็กซ์ คือชายผู้แข็งแกร่งเหนือจินตนาการ แต่กลับมิอาจแสดงจิตวิญญาณแห่งความศักดิ์สิทธิ์ได้เท่ากับคนปัจจุบัน อเล็กซ์มักต่อสู้โดยการคำนวณจุดอ่อนและจุดแข็งของศัตรูเอาไว้ล่วงหน้า


ขณะเอลิกอสอดกำลังชื่นชมยูร่า


เหล่ามนุษย์ซึ่งเคยกระเสือกกระสนบนพื้นโคลนอันเกิดจากป่าแห่งหอก เริ่มโจนทะยานขึ้นไปในอากาศด้วยการสนับสนุนจากเวทลม ตามด้วยการพุ่งโจมตีเอลิกอสจากทุกทิศ


การ ‘บิน’ ของพวกมันทำให้ความสูงของเซอร์เบอรัสไร้ประโยชน์


ความอัศจรรย์ตรงหน้าเกิดขึ้นได้ด้วยฝีมือของจอมเวทวายุเพียงคนเดียวในกลุ่ม


‘มีพวกอัจฉริยะที่ดวงวิญญาณหอมหวนเต็มไปหมด…’


เอลิกอสรับมือด้วยพลังทั้งหมดของตน แม้จะถูกรุมล้อมโจมตีจากทุกทิศ แต่การโจมตีทั้งหมดก็ถูกโต้กลับและทำให้กลายเป็นหมัน


ระหว่างนั้น เอลิกอสโคจรปราณอสูรระลอกใหม่


มันยังคงคิดจะจัดการมนุษย์ด้วยป่าแห่งหอก แม้สภาพแวดล้อมกำลังถูกสยบ แต่ด้วยร่างกายที่เคยชิน ไม่มีสิ่งใดที่เหลือบ่ากว่าแรง


ฟุ่บ!


มันบิดเอวหลบกระสุนของนักล่าอสูร ใช้มือข้างหนึ่งรับดาบใหญ่มโหฬารอย่างเต็มกลืน ใช้มืออีกข้างปัดป้องการจู่โจมของอริยดาบที่พุ่งออกจากเงามืดด้านล่าง และกระทุ้งศอกใส่รักแร้ลันเทียร์ที่พุ่งลงมาจากด้านบน หมายทำลายหัวไหล่


ขณะเอลิกอสโคจรปราณอสูรเสร็จและเตรียมใช้เขตแดนป่าแห่งหอกอีกครั้ง


“…!”


ราวกับรอคอยอยู่นานแล้ว สยบขุมนรกถูกยกเลิกกะทันหัน


ความผิดพลาดบังเกิด ปราณอสูรถูกโคจรมากเกินไปสำหรับสร้างป่าแห่งหอก


หอกปราณอสูรนับหมื่นเล่มที่เชื่อมกับร่างกายเอลิกอส กำลังสูบพลังเวทอย่างบ้าคลั่งราวกับต้องการจะฆ่าผู้เป็นนาย


เอลิกอสเย็นวาบไปถึงสันหลัง ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดที่ไม่เคยพบพาน ความกลัวซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยกำลังกระตุ้นให้สมองตื่นตัว


‘หล่อนจงใจ?’


นักล่าอสูรคนปัจจุบัน ยูร่า


สายตาและความคิดของเอลิกอสเริ่มจดจ่อแต่เธอเพียงผู้เดียว


มันควรจะเป็นเช่นนั้น เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง


เพราะนี่คือตัวตนที่เกิดมาเพื่อทำลายนรกโดยเฉพาะ


ความประจวบเหมาะทั้งหมด เกิดจากมันสมองของผู้นำคณะสำรวจที่มีไฮแรงเกอร์จำนวนมากยอมติดสอยห้อยตาม


เป็นฝีมือเธอเพียงคนเดียว


โฮกกกก!!


เซอร์เบอรัสปรี่เข้าหาด้วยความเร็วสูงพร้อมกับพ่นพิษและไฟส่งเดชไปทุกทิศ แต่มีบางส่วนตรงมาทางยูร่าอย่างแม่นยำ


นี่มิใช่คำสั่งของเอลิกอส แต่เป็นการทำโดยพลการตามสัญชาตญาณเมื่อสัตว์ร้ายตระหนักถึงอันตราย


ทันทีที่เห็นร่างกายยูร่าเริ่มเสียสมดุล ใบหน้าของคณะสำรวจพลันขาวซีด


“อัศวินดำ… ข้าอยากสู้กับเจ้ามานานแล้ว”


สตรีปริศนาร่อนลงตรงหน้ายูร่า


ไม่มีใครมองเห็นใบหน้า เนื่องจากหมวกปีกกว้างถูกกดลงต่ำ ทราบแต่เพียงว่าตัวเล็ก เสียงคล้ายเด็กผู้หญิง อ่อนโยนเจือเคร่งขรึม แต่อากัปกิริยาแฝงความเคอะเขิน


ราชา เลอราเฆ่


จอมอสูรลำดับสิบซึ่งถูกกล่าวขานว่าไม่เคยพ่ายแพ้  บัดนี้เข้าร่วมสงครามในฝ่ายมนุษย์


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,031
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00