จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,481
กริดมีท่าโจมตีที่ทรงพลังนับไม่ถ้วน แม้กระทั่งจอมอสูรลำดับสิบอย่างเลอราเฆ่ก็มิอาจรับมือการโหมบุกของชายหนุ่มได้ง่ายนัก
แต่ปัจจุบันกริดแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า เทียบเลยไม่ได้กับตอนที่เคยดวลเลอราเฆ่
บีบันพลาดมหันต์ที่ยอมยกสิทธิ์การโจมตีครั้งแรกให้กริด
ชายหนุ่มเริ่มมองเห็นแสงแห่งชัยชนะ และเพื่อไม่ให้โอกาสนี้สูญเปล่า มันใช้เขตแดนพายุเพลิงเทพพร้อมกับร่ายบัฟทุกชนิด
แน่นอนว่ากริดไม่ลืมที่จะเปิดอักขระแห่งความตะกละ ภายในหัวสรรหาสารพัดวิธีที่จะทำให้การป้องกันของบีบันกลายเป็นหมัน
กริดไม่ประมาทแม้แต่วินาทีเดียว เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงอริยดาบซึ่งคิดค้นวิชาดาบไร้เทียบทาน
สมญานามชายผู้แข็งแกร่งที่สุดอาจเป็นของมุลเลอร์ แต่เทคนิคการใช้ ‘จิต’ ของมุลเลอร์นั้นคิดค้นขึ้นโดยบีบัน
พิจารณาจากแนวทางการปรับปรุงวิชาดาบราชาไร้พ่ายของบีบัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ‘วิสัยทัศน์ดาบ’ ของบีบันนั้นยอดเยี่ยมเป็นอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ โชคยังดีที่ ‘ความอัจฉริยะ’ ของบีบันจำกัดอยู่เพียงวิชาดาบ
อย่างไรก็ตามในสายตากริด บีบันยังคงเป็นหนึ่งในตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดของโลก เป็นสัตว์ประหลาดผู้ก้าวข้ามสามัญสำนึก
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น เพราะบีบันคือผู้ที่สามารถต่อกรกับ ‘มังกร’ หากยังไม่ใช่หนึ่งในบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุด ตรรกะของโลกนี้ก็คงผิดเพี้ยน
แต่กริดก็มุ่งมั่นที่จะคว้าชัยชนะเพราะปรารถนาได้เขี้ยวของมังกรศิลากูเซล
<ผู้ไม่รู้จักความพ่ายแพ้>
ได้รับพลังเหนือขีดจำกัดร่างกาย
ท่านจะชนะในการประลองพละกำลังทุกชนิด
หากการกระทำถัดไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้กล้ามเนื้อ ท่านจะได้รับผลเชิงบวกโดยไม่มีเงื่อนไข
อย่างไรก็ตาม พลังนี้ไม่สามารถเอาชนะจอมอสูรตั้งแต่ลำดับสามขึ้นไป มังกร ตัวตนสัมบูรณ์ และเทพ
ระยะหน่วง : 12 ชั่วโมง
ทรัพยากร : ไม่มี
ดาบไร้รูปและดาบมังกรเพลิงถูกผสานกลายเป็นหนึ่ง
เขตแดนพายุเพลิงเทพซึ่งทรงพลังขึ้นด้วย ‘พลังจิตอัคคี’ ที่ม้วนเป็นเกลียวอยู่รอบใบดาบ
ในทางกลับกัน บีบันยังไม่ได้ชักดาบ
ตัวมันที่ประกาศว่าจะปล่อยให้กริดเป็นฝ่ายโจมตีเข้ามา ทำเพียงรอตอบสนองเฉพาะตอนที่กริดพร้อมลงมือ
บีบันทำตัวสบายๆ ขณะเผชิญหน้าเขตแดนพายุเพลิงเทพ เพราะในสายตามัน สิ่งนี้ไม่ต่างจากเขตแดนปราณดาบทั่วๆ ไป
นี่คือความเยือกเย็นของผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุด บีบันกำลังเผยสีหน้าของสุดยอดฝีมือที่ไม่คลางแคลงในพลังของตัวเอง
กริดที่ประสานสายตากับบีบันพยายามสลักความองอาจของอีกฝ่ายเอาไว้ในใจ
กริดต้องการจะเป็นเหมือนกับบีบัน มันหลงใหลบีบันในมาดของนักรบ
แต่แน่นอน นั่นคือในกรณีที่บีบันไม่ได้อ้าปากพูด
“ฮ่าห์”
กริดสูดลมหายใจยาวพลางจินตนาการถึงตอนที่เคยดวลกับเลอราเฆ่
ชายหนุ่มจินตนาการถึงคำชมของบีบันหลังจากอีกฝ่ายได้เห็นความแข็งแกร่งของตนเต็มสองตา
เฉกเช่นบีบันที่ไม่เคยคลางแคลงในฝีมือตัวเอง กริดก็ไม่ต่าง
‘ดาบมังกรเพลิงไร้รูป’ ซึ่งปัจจุบันมีพลังโจมตีสุทธิเกิน 10,000 หน่วยหลังจากผ่านการ ‘ปรับแต่ง’ เริ่มส่งเสียงคำรามและพ่นไฟร้อนระอุ
จากนั้น กริดทำการรำดาบ เป็นวิชาดาบผสานห้าชนิด ‘คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร’
ปราณดาบ ‘สังหาร’ ซึ่งมองข้ามพลังป้องกันเกือบทั้งหมดของเป้าหมาย จะพวยพุ่งเข้าหาศัตรูโดยการนำวิถีของเวทตรวจจับ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือหนึ่งในท่ารำดาบทรงที่พลังที่สุดซึ่งมาพร้อมกับสถานะ ‘ปลดอาวุธ’ และสร้างความสิ้นหวังเมื่อปะทะกับเป้าหมาย
ไม่เพียงจะมีอันตรายความแม่นยำสูงกว่าปรกติ แต่ยังแฝงมากับพลัง ‘ผู้ไม่รู้จักความพ่ายแพ้’
นอกจากนั้นปราณดาบทุกเส้นยังเคลื่อนไหวพิสดาร เส้นเกลียวแปรผันเป็นเส้นตรง เส้นตรงแปรผันเป็นเส้นเกลียว นี่คือเอกลักษณ์เฉพาะตัวของดาบไร้รูป
ปัจจัยข้างต้นยังไม่ใช่ความซับซ้อนทั้งหมดของการโจมตี เพราะ ‘จุดปลดปล่อย’ กระแสปราณดาบนั้นแตกต่างกันไปเนื่องจากกริดใช้ชุนโปสอดแทรกขณะรำดาบ
ปัจจุบัน ‘ท่วงท่า’ ของกริดไม่ถูกกำหนดโดยท่ารำดาบอีกต่อไป
พลังแห่งเทพสามารถก้าวข้ามหลักฟิสิกส์ได้ในระดับหนึ่ง ทุกการปลดปล่อยทักษะจะไม่ถูกบังคับให้ออกท่าทางที่ตายตัว ส่งผลให้กริดมีอิสระในการควบคุมร่างกายโดยสมบูรณ์
แสงที่สว่างเจิดจ้าพุ่งเข้าหาบีบันจากด้านหน้า ด้านหลัง ฝั่งซ้าย และฝั่งขวา รวมไปถึงด้านบน
ปราณดาบเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยการผสานเข้ากับเทคนิคเปลี่ยนตำแหน่งด้วยชุนโป ส่งผลให้กริดล้อมกรอบบีบันได้ทุกด้าน
ปราณดาบเจ็ดเส้นหมุนเป็นเกลียวและพุ่งปะทะจากองศาที่แตกต่าง แทบไม่มีช่องว่างให้หลบหนี ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ถือเป็นการโจมตีที่สมบูรณ์แบบมาก
กริดที่เห็นบีบันชักดาบออกจากฝักอย่างเร่งร้อนเริ่มได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นโครมคราม มันอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งเลอราเฆ่แสดงสีหน้าตกตะลึงสุดขีด
สิ่งนั้นกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า นี่คือการมองเห็นอนาคตจากประสบการณ์ที่สั่งสม
ทว่าการคาดคะเนของกริดต้องผิดถนัด เพราะในวินาทีที่บีบันชักดาบ ปราณดาบอันทรงพลังทั้งเจ็ดเส้นซึ่งพุ่งใส่จากทุกทิศทางกลับถูกปัดป้องไว้ได้อย่างพร้อมเพรียง ฉากตรงหน้าสมควรถูกเรียกว่าปาฏิหาริย์มากกว่าฝีมือ
ดวงเจือความตกตะลึงของกริดเริ่มสั่นระริก แต่เพียงไม่นานก็สงบลงเพราะชายหนุ่มเชื่อว่าพลัง ‘ผู้ไม่รู้จักความพ่ายแพ้’ จะบดขยี้การปัดป้องของบีบันจนแหลกละเอียดและเชือดเฉือนเข้าใส่ผิวหนัง
ทว่า
“…!”
คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหารมิอาจฝ่าแนวป้องกันของบีบันเข้าไปได้
ทุกครั้งที่ดาบในมือบีบันเอียงทำมุมรับ ปราณดาบแต่ละเส้นพลันสูญเสียวิถีและถูกเบี่ยงออกไปยังทิศทางอื่น
ท่าโจมตีของกริดสิ้นสุดลงพร้อมกับระยะหน่วงของทักษะ ‘ผู้ไม่รู้จักความพ่ายแพ้’ ในอักขระ
ทุกสิ่งจบลงโดยที่กริดมิอาจสร้างความเสียหายแก่บีบันได้แม้แต่หนึ่งหน่วย ปราณดาบทั้งเจ็ดเส้นที่ถูกหักเหได้พุ่งชนสภาพแวดล้อมจนเกิดระเบิดรุนแรง ทุกสิ่งในละแวกใกล้เคียงถูกทำลายจนพินาศ
บีบันตวัดมือข้างที่ถือดาบอย่างแผ่วเบา ปลายดาบขยับเป็นวงกลมพร้อมกับสายลมหมุนที่ทรงพลังจากความว่างเปล่า ขจัด ‘ลมเฉือน’ ซึ่งเป็นการโจมตีแถมจากท่ารำดาบกริดจนหมดสิ้น เรียกได้ว่าไม่มีสิ่งใดแตะต้องบีบันได้แม้แต่ปลายเส้นผม
มันยิ้มด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“ดาบเพียงคู่เดียวถึงกับทำให้วิชาดาบไร้เทียมทานตกเป็นรองได้เชียวหรือ… จะบอกอะไรให้ มีการโจมตีเพียงไม่กี่ชนิดบนโลกที่ทำให้ข้าต้องงัดวิชาลับนี้ออกมาใช้”
บีบันมีพละกำลังเหนือมนุษย์ และเพื่อสนองต่อความเกรี้ยวกราดของตน มันคิดค้นวิชาดาบไร้เทียมทานและพลังจิตไร้เทียมทานขึ้นมาเสริม
ในการดวลดาบ บีบันไม่เคยพ่ายแพ้ด้านพละกำลังแม้แต่ครั้งเดียว และมุลเลอร์ในยุครุ่งเรืองก็เหนือกว่าบีบันแค่ด้านเทคนิค ไม่ใช่พละกำลัง
บีบันในปัจจุบันได้ก้าวข้ามมุลเลอร์ในด้านเทคนิคไปแล้ว เพลงดาบของบีบันอัดแน่นไปด้วยความเข้มข้นของกาลเวลา
แตกต่างจากมุลเลอร์ที่ต้องการจะตายโดยการละทิ้งดาบและชีวิตโดดเดี่ยวเพื่อให้ผู้คนลืมเลือน บีบันฝึกฝนวิชาดาบอย่างต่อเนื่องมาทั้งชีวิต
ทัศนคติของบีบันแตกต่างจากทุกคน แม้จะไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่บีบันคือนักดาบที่เก่งที่สุดในโลกอย่างไร้ข้อกังขา
และในวินาทีนี้ บุคคลดังกล่าวกำลังยกย่องกริด
“วิชาดาบของเจ้าน่าทึ่งมาก… หากข้าอ่อนแอกว่านี้เพียงเล็กน้อย คงได้ตายไปแล้วเจ็ดครั้ง”
บีบันเรียกการโจมตีของกริดว่า ‘วิชาดาบ’ ไม่ใช่ ‘ท่ารำดาบ’ แตกต่างจากสมัยที่เย้ยหยันท่ารำดาบเป็นเพียงการรำประกอบพิธีกรรม
สิ่งนี้คือเครื่องพิสูจน์ว่ากริดได้ขจัดจุดอ่อนของท่ารำดาบได้อย่างหมดจด นอกจากนั้น เทคนิคการผสมผสานชุนโประหว่างโจมตีก็ยังน่าทึ่งมาก
ระหว่างปลดปล่อย ‘คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร’ กริดใช้ชุนโปเปลี่ยนตำแหน่งตัวเองไปห้าครั้ง ส่งผลให้ปราณดาบทั้งเจ็ดเส้นสามารถคร่าชีวิตเป้าหมายได้เจ็ดหนโดยที่ยังไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น
คำชมเชยของบีบันมิได้เกินจริงเลยสักนิด เป็นการนิยามที่ตรงประเด็นและเหมาะสมมากที่สุด
ปลายนิ้วของกริดกำลังสั่นเทาเล็กๆ ด้วยความตื่นเต้น รอยยิ้มกระจายไปทั่วใบหน้าตั้งแต่ตอนไหนก็มิอาจทราบได้ เหตุเพราะบีบันมิได้เก็บซ่อนความประหม่าและหวั่นเกรง
นักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ตัวตนอันยิ่งใหญ่ที่เคยมองกริดเป็นเพียงเด็กอมมือในวันแรกๆ ที่ได้พบกัน
ในที่สุดบีบันก็ยอมรับให้กริดเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ
กริดกำลังยินดีที่ความพยายามในอดีตตอบแทนกลับมาเป็นผลลัพธ์ที่คุ้มค่า จึงอดไม่ได้ที่จะมีความสุขสุดขีด
นอกจากนั้น
‘เราชนะได้…’
กริดมองเห็นถึงชัยชนะของตน
แต่ในความเป็นจริง การที่บีบันปัดป้อง ‘คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร’ ได้อย่างหมดจดนั้นไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดคาดสำหรับกริด ขนาดตัวมันยังมี ‘วังวน’ เป็นไพ่ตายในการสะท้อนการโจมตี เช่นนั้นแล้วอริยดาบอย่างบีบันจะไม่มีท่าสลายการโจมตีได้อย่างไร?
กริดเชื่อว่าบีบันสูญเสียหนึ่งในท่าป้องกันที่สำคัญไปแล้ว
‘หนึ่งในธรรมชาติร่วมกันของทักษะหลบหลีก ป้องกัน และสวนกลับที่ยอดเยี่ยมคือการมีระยะหน่วงนาน’
นอกจากนั้น ในคนคนเดียวกันจะมีทักษะประเภทนี้รวมอยู่ไม่มาก กรณีของกริดที่สามารถใช้ ‘วังวน’ ได้หลายหนนั้นค่อนข้างพิเศษ
‘รุกให้หนักขึ้นอีก’
เมื่อตัดสินใจได้ ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกและเตรียมปลดปล่อยการโจมตีให้ได้มากที่สุดภายในหนึ่งวินาที
ใช่แล้ว ต้องระเบิดปูพรมบีบันโดยไม่ปล่อยให้พักหายใจ
กริดขยับดาบไปข้างหน้าด้านท่าทีสงบนิ่ง หัวไหล่ไม่เผยอาการสั่นระริกให้เห็น ท่วงท่างดงามรวมกับกำลังเล่นสเกตน้ำแข็ง
‘สมดุลร่างกายยอดเยี่ยมมาก…’
บีบันสำรวจกริดหัวจรดเท้าพร้อมกับชื่นชมในใจ
กลีบดอกไม้สีแดงเริ่มบานสะพรั่งเต็มท้องฟ้า เป็นการเปิดฉากด้วย ‘สะพรั่งร่ายรำทำลายล้างสยบสังหาร’
กริดหวังเน้นใช้ ‘สะพรั่ง’ เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษของกลีบดอกไม้จะส่งผลระยะยาว
เมื่อจบ ‘สะพรั่งร่ายรำทำลายล้างสยบสังหาร’ ก็ต่อด้วย ‘ร่ายรำสะพรั่ง’ ‘มายาร่ายรำสะพรั่ง’ และอีกมากมายในทำนองเดียวกัน นอกจากนั้นบรรดาท่ารำดาบที่มีส่วนผสมของ ‘สะพรั่ง’ ยังช่วยกำจัดบริเวณของบีบันให้แคบลง เนื่องจากพวกมันเป็นกลีบดอกไม้พิษที่สร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสเมื่อสัมผัสกับร่างกาย
ทว่าทักษะชุดนี้แพ้ทางบีบันเต็มประตู กระแสลมที่เกิดจากวิชาดาบไร้เทียมทานนั้นทรงพลังเหนือจินตนาการ กระทั่งปราณดาบที่แข็งแกร่งก็ยังถูกหักเหและเปลี่ยนทิศทาง นับประสาอะไรกับกลีบดอกไม้ จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งลมหายใจ กลีบดอกไม้ก็ทำได้แค่หมุนวนไปรอบๆ โดยปล่อยให้บุรุษสองคนดวลกันตรงกลาง ไม่มีกลีบใดเลยที่สัมผัสร่างกายบีบัน
“ร่างกายของข้าที่เป็นทัพหน้าของสภาหอคอยไม่ถูกทะลวงผ่านง่ายๆ หรอกนะ ไม่แม้แต่ในยามที่เผชิญหน้ากับมังกร… จริงอยู่ที่ข้าอาจแพ้ทางวาจามังกรจนต้องหันไปพึ่งจักรกลเวทมนตร์ของลาร์ดวูล์ฟบ่อยครั้ง แต่ถึงอย่างนั้น… ข้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เจ้าจะเอาชนะได้ง่ายๆ”
“จะเป็นแบบนั้นจริงหรือ?”
กริดไม่เผยอาการตื่นตระหนกแม้บีบันจะยืนหยัดอย่างมั่นคงราวกับกำแพงเหล็ก ในวินาทีที่บีบันทำให้ ‘สะพรั่ง’ สิ้นฤทธิ์และเข้ามาต่อสู้ในระยะประชิด ชายหนุ่มเหยียดแขนซ้ายออกไปพยายามคว้าคอเสื้อบีบัน
แน่นอนว่านั่นทำให้เกิดช่องว่าง บีบันกระแทกศอกใส่ข้อมือกริดพร้อมกับใช้ดาบที่จับสลับหัวท้ายแทงใส่ช่องท้อง นี่คือหนึ่งในท่าพื้นฐานของวิชาดาบไร้เทียมทานซึ่งช่วยให้สร้างความเสียหายจำนวนมากแม้จะอยู่ในระยะประชิดมากๆ
เลือดไหลรินออกจากมุมปากกริด
“…?”
แต่ในวินาทีเดียวกัน ภาพการมองเห็นของบีบันพลันแปรเปลี่ยน
พลิกโลกา – ท่าทุ่มชนิดพิเศษซึ่งได้รับมาจากหนึ่งในสามยอดนักรบ ลีจอง คือสิ่งที่ส่งบีบันลงไปนอนกองกับพื้น
เพียงพริบตา กลีบดอกไม้จำนวนมากร่วงหล่นลงมาปะทะร่างบีบันที่กำลังดวงตาเบิกกว้าง เกิดเป็น ‘มาร์ค’ จำนวนนับไม่ถ้วนบนร่างกาย
กริดรีบใช้ชุนโปเพื่อสร้างระยะห่างและเหวี่ยงดาบเพื่อสร้างความเสียหายที่แปรผันตามจำนวนมาร์ค
“ฮึ่ม!”
บีบันซึ่งขยับร่างกายไม่ได้ไปพักหนึ่ง เมื่อได้รับอิสระกลับคืนมาก็สายเกินไป ในขณะที่พยายามยกตัวขึ้น ปราณดาบจำนวนมหาศาลได้ถาโถมเข้าใส่ร่างกายอย่างท่วมท้น
มังกรทำลายล้างคลื่นสยบสังหาร
สีหน้าบีบันกลายเป็นบิดเบี้ยวในทันที รอยยิ้มอ่อนโยนหายไปและแทนที่ด้วยความโกรธ
“ไอ้คนไร้ยางอาย!”
การที่บีบันสบถเช่นนี้มีสาเหตุมาจาก ‘คำลวงของมังกร’ ที่เป็นหนึ่งในคุณสมบัติของดาบมังกรเพลิง
กริดไม่ลังเลเลยที่จะเล่นงานจุดอ่อนของบีบันหลังจากอีกฝ่ายสารภาพออกมาว่าตนแพ้ทาง ‘วาจามังกร’ และนั่นทำให้ท่ารำดาบ ‘มังกรทำลายล้างคลื่นสยบสังหาร’ ทะลวงผ่านผิวหนังของบีบันผู้ถูกทำให้แน่นิ่งไปพักหนึ่ง
บีบันกระอักเลือดพลางพยุงตัวลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก
“ทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้า!”
ขณะกริดโจมตีซ้ำเข้ามา บีบันตะโกนกึ่งก้องพลางปัดป้องด้วยวิชาดาบไร้เทียมทานที่สามารถผ่าภูเขาได้ง่ายดาย
“หือ?”
“ทำไมถึงไม่ยอมบอกว่าเจ้ามีวาจามังกร!”
“…”
กริดอยากจะย้อนถามว่าแล้วทำไมต้องบอก แต่สุดท้ายก็กลืนคำลงคอเพราะไม่อยากปล่อยให้โอกาสสูญเปล่าหลังจากประสบความสำเร็จในการสร้างความเสียหายอันหนักหน่วง
“จงออกมา”
ดวงตากริดแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงหลังจากพึมพำกับตัวเอง ห้วงมิติด้านหลังกริดเริ่มถูกแหวกพร้อมกับการปรากฏตัวของห้าบุคคล
เพียงไม่นาน ร่างของบุคคลทั้งห้าเปลี่ยนจากเลือนรางเป็นคมชัด ทั้งหมดเป็นชายหญิงที่หล่อเหลาและงดงาม ผิวขาวซีดดวงตาแดงก่ำ
ไม่ใช่ใครนอกจากเหล่าแวมไพร์ทายาททั้งห้า รวมถึงแวมไพร์เอิร์ล เอลฟินสโตน
ทุกตนยืนในท่าเย่อหยิ่ง ด้านหลังมีหัตถ์เทวะสามสิบข้างโผล่ขึ้นจากความว่างเปล่า
แรนดี้ปรากฏกายในสภาพขี่หลังโนเอะ ดูราวกับเป็นหนึ่งในอัศวินไวเวิร์นที่แข็งแกร่ง
“เจ้าละทิ้งเกียรติยศของการดวลตัวต่อตัวไปแล้วหรือ?”
บีบันถามด้วยสีหน้าสุดฉงน
“คุณเองก็ใช้ทั้งอาวุธและทักษะที่มีไม่ใช่หรือ?”
“…?”
“เจ้าพวกนี้ก็ไม่ต่างกัน… พวกเรายังคงดวลตัวต่อตัว”
“เฮ้อ…”
เมื่อบีบันมิอาจหาเหตุผลมาหักล้าง มันตัดสินใจกางเขตแดนปราณดาบโดยยอมสละปราณดาบกว่า 40% เพื่อรักษาเขตแดนเอาไว้
แม้เขตแดนชนิดนี้จะไม่ได้สร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง แต่ก็เป็นถึงโลกจินตภาพของบีบัน อำนาจของมันสามารถข่มเขตแดนพายุเพลิงเทพโดยสมบูรณ์
ถึงจุดนี้ บีบันเริ่มเอาจริงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พร้อมกันนั้นก็ยังมอบคำแนะนำให้กริด
“อย่าลืมว่าเจ้าเองก็มีวิชาดาบราชาไร้พ่าย อย่าได้มองมันแตกต่างจากท่ารำดาบ จงหาโอกาสผสมผสานเฉกเช่นที่ใช้ชุนโปร่วมกับท่ารำดาบ”
Comments
Post a Comment