จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,485
“พวกเรากลับก่อนนะ”
บางสิ่งจะมีคุณค่ามากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
หนึ่งในนั้นคือชื่อเสียง
กองอัศวินสีชาดซึ่งนำโดยปิอาโร่ได้นำชื่อเสียงและเกียรติยศมากมายมาสู่จักรวรรดิซาฮารันจนพวกเขากลายเป็นตำนาน นั่นคือความจริงที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธหรือโต้แย้งได้ โดยเฉพาะเมื่อคำป้ายสีผิดๆ ในอดีตถูกเปิดโปง
เรื่องราวของกองอัศวินสีชาดยุคทองนั้นยิ่งใหญ่จนก้าวข้ามตำนานราชาไร้พ่ายผู้ทำให้อาณาจักรลูบาน่าผงาดง้ำไปเรียบร้อยแล้ว
“…”
แต่น่าเสียดายที่พวกมันต้องถูกทอดทิ้งจากแผ่นดินเกิด
หลังจากการต่อสู้อันดุเดือดจบลง เมื่อเหล่าอัศวินสีชาดยุคปัจจุบันและทหารเห็นราชาดาร์คเอลฟ์ถูกจับ ดวงตาของทุกคนเริ่มเปียกปอน
อาการขนลุกซู่และความเศร้าปะทุขึ้นในเวลาเดียวกัน ตามด้วยความละอายใจ
เหตุใดเหล่าวีรบุรุษผู้อุทิศกายใจให้แก่จักรวรรดิจึงต้องถูกเนรเทศ?
พวกเขาซึ่งควรได้รับคำสรรเสริญ กลับถูกถอดถอนเกียรติยศ ชีวิต และครอบครัวจนต้องจมอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์
เหตุใดแผ่นดินแม่ถึงไม่เชื่อใจพวกเขา?
เหตุใดพวกเขาจึงไม่ถูกปกป้อง?
ประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่าพันปีของจักรวรรดิ อาจเลือนหายไปหากตัดสินใจหันหลังให้เหล่าวีรบุรุษกลุ่มนี้
ไม่สิ… ตอนนี้ก็ยังไม่สาย
จักรวรรดิเปลี่ยนทิศทางการปกครองนับตั้งแต่ผู้นำใหม่ถูกแต่งตั้ง
มหาจักรพรรดินีบาซาร่าทำการปฏิรูปครั้งใหญ่ จนสามารถอ้างได้ว่าจักรวรรดิในปัจจุบันแตกต่างจากจักรวรรดิที่เคยขับไล่อัศวินสีชาดยุคทอง
“พวกคุณสู้ได้ดีมาก”
“…”
ได้ยินเช่นนี้ เหล่าอัศวินสีชาดยุคใหม่ต่างสลัดความคิดฟุ้งซ่าน พลางจ้องมองแผ่นหลังของปิอาโร่และเหล่าวีรบุรุษเดินจากไป
สีหน้าและแววตาของอีกฝ่ายบ่งบอกแล้วซึ่งทุกสิ่ง พวกมันจึงไม่กล้าเอ่ยปากชวนกลับมาอยู่ด้วยกัน
ทุกคนสนุกสนานอย่างมากในยามที่บุกถล่มกองทัพดาร์คเอลฟ์ซึ่งทรงพลังจนเหนือจินตนาการ จากนั้นก็พูดคุยเกี่ยวกับการกลับ ‘บ้าน’ อย่างอารมณ์ดีและชื่นมื่น
ท่ามกลางความเงียบ เลซี่ตะโกน
“ขอบคุณที่ช่วยเหลือครับ!”
อัศวินและทหารต่างทยอยทำความเคารพ
วีรบุรุษเหล่านี้ล้วนติดธงรบของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์บนหัวไหล่อย่างหยิ่งทระนงองอาจ
ได้แต่นึกสงสัยว่า หากตรงนั้นยังคงเป็นธงของจักรวรรดิ ป่านนี้ซาฮารันคงได้ปกครองทวีปไปแล้วไม่ใช่หรือ?
อย่างไรก็ตาม อัศวินและทหารสงบสติลง เพราะแม้ว่าสถานะและความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิจะไม่ทัดเทียมสมัยอดีต แต่อย่างน้อยพวกมันก็ยังเป็นพันธมิตรอันแน่นแฟ้นของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
ต่อให้มหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรกำลังจะอุบัติขึ้น แต่ก็ไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวล
อาณาจักรโอเวอร์เกียร์อยู่ฝ่ายตน และนั่นหมายถึงวีรบุรุษเหล่านี้จะช่วยต่อสู้เคียงข้างพวกตน
***
“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเรามีแต่จะสูญเสียเพิ่มขึ้น… จำเป็นต้องลดขนาดของสนามรบลง”
ทวีปตะวันตกนั้นกว้างใหญ่ไพศาล และกว่าครึ่งเป็นดินแดนของจักรวรรดิ
จักรวรรดิซาฮารันมี ‘เขตเวลา’ มากถึงหกเส้น
ในขณะที่สุดขอบตะวันตกยังเป็นกลางดึก สุดขอบตะวันออกนั้นย่างเข้าสู่รุ่งเช้าแล้ว แม้ในภายหลังอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะช่วยติดตั้งวาร์ปเกตตามสถานที่ต่างๆ แต่นั่นก็ยังไม่ครอบคลุมทุกจุดภายในภูมิภาค แถมยังมีวาร์ปเกตเพียงไม่กี่แห่งที่สามารถเปิดทำการได้เต็มประสิทธิภาพ
เหตุผลสำคัญก็คือ การสร้างวาร์เกตนั้นสิ้นเปลืองค่าติดตั้ง ทรัพยากร และกำลังคนเป็นจำนวนมาก
“ย่อสนามรบให้แคบลง… คงต้องอพยพประชาชนให้มารวมตัวกันอยู่ที่ภาคกลาง”
“ถูกต้อง แม้การละทิ้งบ้านเกิดจะเป็นเรื่องยาก แต่จักรวรรดิก็จะช่วยสนับสนุนพวกเขาอย่างเต็มที่ ชาวบ้านต้องปรับตัวได้แน่”
“เมื่อถึงตอนนั้น อุตสาหกรรมหลายแห่งและภาคเศรษฐกิจจะเป็นอัมพาต ท้องพระคลังอาจต้องหมดไปกับการจุนเจือเหล่าผู้อพยพ แต่พวกเราจะไม่นิ่งดูดายและมองประชาชนล้มตายเด็ดขาด ได้โปรดเข้าใจจุดยืนด้วย”
“น้อมรับบัญชา!”
เหล่าแม่ทัพและขุนนางต่างกล่าวโดยพร้อมเพรียง พวกมันล้วนมีความเห็นตรงกันหมด ไม่ว่าใครจะมาจากฝ่ายไหน
การประชุมเริ่มขึ้นไม่นานหลังจากเมืองและหมู่บ้านหลายแห่งถูกครึ่งอสูรยึดครองและข่าวถูกส่งมาถึงวังหลวง
ครึ่งอสูรมีขีดความสามารถสูงจนน่าตกใจ และความเสียหายจะยิ่งรุนแรงถ้ายิ่งเป็นสถานที่ห่างไกลเมืองใหญ่ เพราะทหารของราชวงศ์และขุนนางนั้นมีจำกัด โดยเฉพาะในแถบภูเขาสูงนั้นมิอาจประเมินค่าความเสียหาย
การมีกองทัพหลักล้านแล้วอย่างไร? ในเมื่อจำนวนประชาชนที่ต้องปกป้องมีถึงหลักร้อยล้าน แถมอาณาเขตก็ยังกว้างใหญ่ไพศาลเกินไป
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปกป้องชาวบ้านซึ่งกระจัดกระจายได้อย่างทั่วถึง ส่งผลให้จำนวนของครึ่งอสูรมีแต่จะเพิ่มขึ้นในทุกวัน หนทางเดียวที่จะช่วยรับประกันความปลอดภัยของประชาชน คือการอพยพมายังจุดปลอดภัย
เรื่องน่ายินดีก็คือ ขุนนางที่ยอดเยี่ยมหลายคนมีศักยภาพในการรองรับและปกป้องผู้อพยพ บางรายสามารถรองรับได้ถึง 60% ของจำนวนประชากรเดิม ซึ่งนั้นเป็นตัวเลขที่สูงมาก
“พวกท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว เราต้องสนับสนุนให้ประชาชนอพยพอย่างสุดความสามารถ อย่าได้นึกเสียดายทรัพยากรและกำลังคน”
บาซาร่าลุกขึ้นจากบัลลังก์และถอดมงกุฎทองคำ
สิ่งนี้เป็นมรดกของตระกูลที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เป็นสัญลักษณ์ของบาซาร่าตั้งแต่ยังดำรงตำแหน่งดยุค และเธอเลือกจะสวมมันแทนมงกุฎเดิมของมหาจักรพรรดิ
บาซาร่ายื่นมงกุฎทองคำให้เจ้ากระทรวงการคลัง
“เราจะเปิดท้องพระคลัง… จงใช้มงกุฎนี้และทุกสิ่งภายในท้องพระคลังเพื่อช่วยเหลือผู้คนโดยไม่ต้องเหลือสิ่งใดไว้”
“ฝ…ฝ่าบาท!”
“จักรวรรดิจะเป็นจักรวรรดิมิได้หากขาดผู้คน… ได้โปรดใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
“ราชวงศ์มีบุญคุณต่อประชาชนอย่างหาที่สุดมิได้… พวกเราเหล่าขุนนางก็จะร่วมด้วย”
“ราชวงศ์มีบุญคุณต่อประชาชนอย่างหาที่สุดมิได้!”
นับตั้งแต่บาซาร่ากลายเป็นจักรพรรดินี จักรวรรดิก็ลงทุนระยะยาวมากขึ้น แต่เป็นระยะยาวสำหรับทวีป มิใช่ของจักรวรรดิโดยลำพัง โดยเชื่อมั่นว่าพวกตนจะได้เป็นผู้นำจักรวรรดิในยุคที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์
ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและไม่คาดคิดจึงหนักหนาสาหัสมาก ไม่มีใครล่วงรู้อนาคตว่าจะถูกกองทัพครึ่งอสูรรุกรานและสร้างความพังพินาศเป็นวงกว้าง สถานภาพทางการเงินของจักรวรรดิจึงเข้าขั้นวิกฤติ ชะตากรรมของจักรวรรดิเริ่มสั่นคลอน ไม่ต่างอะไรกับการขับรถไปบนถนนน้ำแข็ง
อย่างไรก็ตาม บาซาร่ายังคงสุขุมและมีสติ
เธอขึ้นครองบัลลังก์ในฐานะสายเลือดหลักของซาฮารัน ไม่เพียงเท่านั้น อดีตมหาจักรพรรดิฮวนเดอร์ถึงกับยอมสละทายาทและตำแหน่งของตนให้บาซาร่าดูแลต่อ นั่นหมายความว่าสตรีผู้นี้มีคุณสมบัติเพียบพร้อม
ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติเพียงใด แต่บาซาร่าก็จะไม่หยุดมองหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้จักรวรรดิ
‘เราต้องทำตัวเป็นเยี่ยงอย่าง… ขุนนางท้องถิ่นจะได้ไม่นิ่งเฉย… ในเมื่อบรรดาข้าราชการรวมใจเป็นหนึ่งเช่นนี้ เราก็ต้องทำหน้าที่ศูนย์กลางให้ดีที่สุด’
การไม่มีมงกุฎสวมเหนือศีรษะ บาซาร่ารู้สึกว่ามีบางสิ่งขาดหายไป แต่เธอก็ต้องทำตัวให้ชิน
บาซาร่ากางแผนที่จักรวรรดิออก จากนั้นก็ร่วมมือกับเหล่าขุนนาง ช่วยกันมองหาจุดที่จะอพยพผู้คนเข้ามาอาศัย มีการถกเถียงกันอย่างออกรสเพื่อมองหาทางออกที่ดีที่สุด
จนกระทั่งผ่านไปสักพัก
“มีรายงานว่าเมล็ดพันธุ์ของครึ่งอสูรทางภาคใต้ถูกกำจัดหมดแล้วขอรับ!”
เหล่าผู้ส่งสารทยอยเข้ามารายงานข่าวเป็นระยะ และเกือบทั้งหมดมาจากภาคใต้
การค้าขายทางทะเลคือสัดส่วนสำคัญในเศรษฐกิจของจักรวรรดิ นอกจากนั้นทางภาคใต้ยังมีจำนวนประชากรมากและเต็มไปด้วยจุดยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ เรียกได้ว่าเป็นหัวใจทางการเงินของจักรวรรดิ ส่งผลให้ดินแดนถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน ให้ขุนนางใหญ่กับราชวงศ์ปกครองโดยมิได้ผูกขาดไว้กับใครเพียงหนึ่ง
แต่เนื่องจากเป็นเขตเศรษฐกิจ กำลังทหารจึงมิได้เข้มแข็งนัก ไม่เพียงพอต่อการรับมือครึ่งอสูรได้อย่างครอบคลุม ภาคใต้จึงเป็นเขตแรกที่จักรวรรดิส่งกองทัพหลวงลงไปช่วย
แต่ทันทีที่ไปถึง ปัญหาก็ถูกคลี่คลายไปก่อนแล้ว รังของครึ่งอสูรทุกหนแห่งถูกทำลายจนราบคาบโดยไม่มีข้อยกเว้น
“พยานทุกคนรายงานตรงกันว่า ชายร่างใหญ่และชายชราผมขาวเป็นผู้ทำลายกองทัพครึ่งอสูร”
“ชายชรา?”
เหล่าขุนนางต่างพากันฉงน
ยากที่จะให้พวกมันเชื่อว่าชายชราและชายร่างใหญ่เพียงสองคนจะรับมือกับกองทัพครึ่งอสูรไหว
แต่ผ่านไปไม่นานก็เริ่มใจเย็นลง ทวีปแห่งนี้กว้างใหญ่ ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมียอดฝีมือนิรนามปรากฏตัวสักคนสองคน และเหล่าขุนนางก็คุ้นชินกับเรื่องแบบนี้เป็นอย่างดี
ไม่ใช่ว่าจักรวรรดิเคยจงใจปกปิดข้อมูลของราชาไร้พ่าย มาดราหรอกหรือ?
มีหลายบุคคลที่ถูกจักรวรรดิจงใจลบชื่อออกจากประวัติศาสตร์ ยกตัวอย่างเช่น มหาโจรราตรีสีชาด เรื่องราวของชายคนนี้ไม่เคยถูกเปิดเผยออกสู่สาธารณะแม้จะเคยขโมยสมบัติล้ำค่าของจักรวรรดิไปหลายชิ้น ชื่อดังกล่าวถูกสั่งห้ามเอ่ยถึงด้วยประการทั้งปวง ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของราชวงศ์อาจได้รับความเสื่อมเสียหากมีใครล่วงรู้เข้า
เฉกเช่นที่ประชาชนไม่รู้เรื่องของราชาไร้พ่ายและมหาโจรราตรีสีชาด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากขุนนางจะไม่ทราบชื่ออื่นๆ ที่จักรวรรดิปกปิด
นอกจากนั้น ตัวตนของพวกมันไม่สำคัญอีกต่อไป สำคัญเพียงว่าทั้งสองคือผู้มีพระคุณของจักรวรรดิ
เป็นเพราะชายร่างใหญ่และชายชรา จักรวรรดิจึงสามารถส่งทหารไปยังจุดอื่นที่กำลังเดือดร้อน
‘ชายชราและชายร่างใหญ่’
บาซาร่าพอจะเดาออกว่าทั้งสองเป็นใคร
อดีตจักรพรรดิฮวนเดอร์และ ‘เกราะอสูร’ ชานสเลอร์
ตรงข้ามกับสิ่งที่โลกรับรู้ ฮวนเดอร์ยังไม่ตาย เพียงแค่ออกจากวังและประกาศว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อผู้คน ส่วนการหายไปของชานสเลอร์ก็ไม่ต่างกัน ชายคนนั้นแค่ต้องการติดตามรับใช้ฮวนเดอร์
“ฮุฮุ…”
บาซาร่าหัวเราะในลำคอพลางยกชายแขนเสื้อขึ้นมาป้องปาก
กริดผู้พยายามรวบรวมชาติพันธมิตรเข้าด้วยกัน และฮวนเดอร์ผู้ตระเวนช่วยเหลือคนของจักรวรรดิ…
เธอรู้สึกโล่งใจและมีความสุขที่เหล่ายอดคนคอยช่วยเหลือตนทั้งภายในและภายนอก
***
เมื่อพิธีเปิดหอคอยดาบของบีบันจบลง ระยะเวลาออนไลน์ของกริดก็ใกล้ถึงขีดจำกัด ชายหนุ่มเดินกลับโรงตีเหล็กพร้อมกับถูกบังคับล็อกเอาต์
บนโลกความจริง กริดหลงลืมความเหนื่อยล้าและตื่นเต้นจนหลับไม่ลง
หลังจากได้รับเกล็ดมังกรเมื่อนานมาแล้ว นี่คือสิ้นส่วนมังกรที่สอง แถมยังเป็นเขี้ยวที่แข็งที่สุด
กริดเชื่อว่าตนสามารถสร้างดาบที่ทัดเทียม ‘ดาบสั้นเฮ็กเซเทีย’ ได้เป็นอย่างน้อย แม้จะเป็นแค่ทฤษฎี แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้มากทีเดียว
ต้องไม่ลืมว่ากริดเคยสร้าง ‘ดาบมังกรเพลิง’ จากวัสดุ ‘ปนเปื้อนลมหายใจมังกร’ จนกลายเป็นศาสตราเทพที่แฝงอีโก้มาแล้ว
ดังนั้น ดาบที่สร้างจาก ‘ชิ้นส่วนมังกร’ โดยตรงจะไม่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าได้อย่างไร?
‘ได้แต่หวังว่าอีโก้ที่เกิดขึ้นจะไม่แข็งกร้าวเกินไปนัก’
หากอีโก้ภายในดาบมีนิสัยคล้ายคลึงมังกร นั่นคงเป็นเรื่องยากที่จะควบคุม
ยองวูส่ายหน้าพลางนึกถึงอุปนิสัยของมังกรจอมเขมือบ ไรเดอร์ส
บางทีดาบเล่มดังกล่าวอาจเป็นอาวุธที่ใช้งานได้แค่ในบางสถานการณ์ เฉกเช่นดาบจันทราดับ และในกรณีเลวร้ายที่สุด กริดต้องลบอีโก้ออกจากดาบและบรรจุอีโก้อื่นลงไปแทน
‘ชักกังวลแฮะ…’
ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ของโลกหรือตำนานต่างๆ ไม่เคยมีการบันทึกอาวุธที่สร้างจากชิ้นส่วนมังกรมาก่อน
เท่าที่ยองวูทราบ มีแค่สภาหอคอยเท่านั้นที่นำชิ้นส่วนมังกรมาสร้างเป็นยุทธภัณฑ์ แต่น่าเสียดายที่ประสิทธิภาพมิได้ยอดเยี่ยมสักเท่าไร เนื่องจากในสภาหอคอยไม่มีคลาสช่างตีเหล็ก
จริงอยู่ที่ลำดับสามอย่างลาร์ดวูล์ฟสามารถใช้ภูมิปัญญาของคนยักษ์และประสบการณ์ที่สั่งสมจากการสร้างจักรกลเวทมนตร์ เพื่อสร้างเป็นอาวุธมังกรที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างดี
แต่ชายคนนั้นสามารถปลุกศักยภาพที่แท้จริงของวัสดุได้หรือ?
คงไม่มีทาง การสร้างอาวุธมังกรคือสิ่งที่แม้แต่กริดสมัยยังเป็นช่างตีเหล็กในตำนานยังไม่กล้าทำ
อันที่จริง ชุดที่บีบันสวมก็สร้างจากการถลุงเกล็ดมังกร แต่ประสิทธิภาพก็มิได้ยอดเยี่ยมสักเท่าไรนัก
กล่าวอีกนัยหนึ่ง อาวุธมังกรที่แท้จริงชิ้นแรกของโลกจะถือกำเนิดจากปลายนิ้วกริด
‘ให้ตายสิ…’
ชายหนุ่มหลับไม่ลงเนื่องจากหัวใจเอาแต่เต้นระรัวตลอดเวลา
ยองวูลุกขึ้นจากเตียงและนั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็เข้าหลายเว็บไซต์ที่มันคอยบริจาคเงินให้ทุกเดือน และมักเพิ่มขึ้นคราวละ 1.2 เท่า จากหลักแสนปอนด์กลายเป็นหลักล้านวอน
มันจะเพิ่มจำนวนการบริจาคทุกครั้งที่ตนมีความสุข ส่งผลให้ยอดบริจาคเพิ่มจากหลักพันวอนไปอีกพันเท่าอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันยอดรวมของการบริจาคอยู่ที่หลักสิบล้านวอนในทุกเดือนรวมทุกเว็บไซต์ บางเดือนมากถึงร้อยล้านวอน และนั่นไม่ใช่จำนวนที่น้อย
ในตอนที่มันเดือดร้อน ไม่เคยมีใครยื่นมือเข้ามาช่วย แล้วเหตุใดมันต้องช่วยเหลือผู้อื่น?
คำตอบนั้นง่ายมาก ยองวูในปัจจุบันได้รับความรักและความสนใจจากผู้คนอย่างล้นหลาม เป็นมูลค่าที่มหาศาลเกินกว่าจะให้เพิกเฉย มันจึงอยากตอบแทนโลกกลับคืนไปบ้าง
แน่นอน การบริจาคทั้งหมดกระทำโดยนิรนาม ด้วยกังวลว่าพวกนักรบคีย์บอร์ดจะตราหน้าว่าบริจาคหวังผล
เนื่องจากปัจจุบันสามารถออกใบเสร็จให้กับการบริจาคแบบออนไลน์ได้ ส่วนนี้จึงนำไปลดหน่อยภาษีได้ตามกฎหมาย
“รู้สึกดีขึ้นแล้ว…”
การได้ทำความดีช่วยให้ยองวูสงบจิตใจและอิ่มเอมใจ ทำให้หลับฝันดีไปได้อีกสักระยะ
รูปทรงของอาวุธมังกรถูกกำหนดไว้แล้ว เป็นข้อสรุปที่ได้จากศึกดวลกับบีบัน
ในวันพรุ่งนี้ มันจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างลงไป โดยมั่นใจว่าสุดยอดทักษะการตีเหล็กจะรับมือกับเขี้ยวมังกรศิลาไหว เช่นเดียวกันกับเกล็ดมังกรที่เคยได้รับเมื่อนานมาแล้ว ยองวูจะใช้สิ่งนี้ในการยกระดับผลงานของข่านโดยระวังไม่ให้ร่องรอยของข่านหายไป
ในอนาคต ชายหนุ่มคาดหวังว่าตนจะได้รับเซตโบนัสการสวมใส่อาวุธและชุดเกราะมังกร
Comments
Post a Comment