จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,486
—!
ท่ามกลางแสงแดดอันอบอุ่น เสียงแหกปากของเฮสเตอร์ดังเล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่าง
บางทีอาจเป็นเพราะโทนเสียงค่อนข้างแหลมและเบา ส่งผลให้ฟังดูไม่แปลกหูมากนักในยามที่ได้ยิน
คล้ายกับดนตรี คล้ายกับเสียงนกร้องในยามเช้า
กริดกำลังยืนอยู่หน้าเตาหลอมด้วยบรรยากาศหมองหม่น แม้ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เฮสเตอร์จะพัฒนาตัวเองขึ้นมากจนประสบความสำเร็จในการปราบหัตถ์เทวะเจ็ดข้าง แต่กริดไม่มีเวลาจะชื่นชมในเรื่องนั้น
‘เราต้องใช้ไฟแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน’
รูปทรงของอาวุธมังกรถูกกำหนดไว้นานแล้ว
คมดาบจะมีความโค้งมนเล็กน้อย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง กริดจะสร้างดาบหนักแทนที่จะเป็นดาบยาว
ระหว่างดวลกับบีบัน กริดตระหนักถึงขีดจำกัดของตัวเองขณะชักดาบจันทราดับออกมารำ
ระยะเวลาที่ใช้สลับอาวุธ กริดสามารถทำได้ภายใน 0.1 วินาที เป็นเวลาที่คนทั่วไปยากจะเข้าถึง นั่นเพราะกริดฝึกฝนสิ่งนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างต่อเนื่องมาหลายปี
แต่กริดกลับมองว่านั่นยังช้าเกินไป บีบันถือเป็นคู่ต่อสู้ในระดับสูง หากอีกฝ่ายรู้ล่วงหน้าว่ากริดมีดาบจันทราดับ คงสามารถยับยั้งการสลับไอเท็มได้ทันเวลา
‘ในอนาคต เราต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งไม่แพ้บีบัน’
กริดรู้สึกว่าตนต้องหาวิธีกลบจุดอ่อนไว้ล่วงหน้า
มันนึกถึงเทคนิคการชักดาบฟันที่พีคซอร์ดได้รับจากการเลื่อนระดับคลาสครั้งที่สี่
ดาบคืออาวุธที่ถูกออกแบบมาเพื่อฟันและแทง หากต้องการใช้ทั้งสองคุณสมบัติได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ใบดาบจะต้องตรง
ทว่า ใบดาบที่ตรงจะส่งผลให้ชักดาบออกจากฝักได้ช้ากว่าดาบที่มีทรงโค้ง อาจแตกต่างกันเล็กน้อยตามแต่รูปทรงและขนาด แต่การชักดาบตรงออกจากฝักต้องวาดแขนกว้างกว่าและเผชิญแรงเสียดทานมากกว่า
ในซาทิสฟาย ศิลปะการชักดาบฟันคือเทคนิคที่อาศัย ‘ความเร่ง’ ขณะชักดาบออกจากฝัก เป็นเหตุผลว่าทำไมพีคซอร์ดถึงต้องพกดาบยาวหนึ่งเล่มและดาบสั้นอีกสองเล่มไว้ที่เอว เพราะดาบยาวมีไว้สำหรับเทคนิคการ ‘ชักฟัน’ เพียงอย่างเดียว
จริงอยู่ กริดไม่มีทักษะช่วยสนับสนุนการชักดาบฟัน แต่นั่นก็ไม่ใช้ปัญหา
ทักษะการชักดาบฟันจะเป็นการผสาน ‘การชักดาบออกจากฝัก’ และ ‘การฟัน’ ให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งกริดสามารถทำแยกกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ
หรือหากจำเป็นจริงๆ กริดก็สามารถลอง ‘สุ่ม’ เคล็ดวิชาลับเทพสงครามจากร้านค้าราชรถสุริยัน แต่ชายหนุ่มมองว่าไม่มีความจำเป็นขนาดนั้น
‘ในการปรับแต่งครั้งที่สอง เราต้องเปลี่ยนรูปทรงดาบจันทราดับให้เป็นดาบหนักทรงโค้ง’
ท่ารำดาบของกริดส่วนใหญ่เป็นการฟัน มิใช่แทง เช่นเดียวกันกับวิชาดาบราชาไร้พ่าย
แต่แน่นอน สองทักษะที่มีค่าสัมประสิทธิ์ความรุนแรงสูงที่สุดอย่าง ‘สังหาร’ และ ‘สยบ’ ล้วนเป็นท่าแทง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง กริดยังไม่ควรละทิ้ง ‘ดาบตรง’ โดยสมบูรณ์ เพียงแต่อาวุธที่เกิดมาเพื่อฟันอย่างดาบจันทราดับควรมีความโค้งงอแบบเดียวกับดาบหนัก
“…”
กริดวาดภาพในหัว จินตนาการว่าตนกำลังใช้ ‘คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร’ และสอดแทรกด้วยวิชาดาบราชาไร้พ่าย
ความเสียหายหลักของ ‘คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร’ จะเป็นการแทง นั่นจึงยังต้องพึ่งพาศาสตราศักดิ์สิทธิ์แบบเก่าซึ่งเป็นดาบตรง แต่มือซ้ายที่สามารถขยับได้อย่างอิสระหลังจากคลาสถูกยกระดับเป็นเทวตำนาน จะถูกวางลงบนฝักดาบตรงเอวเพื่อช่วยดึงดาบจันทราดับออกมาได้เร็วขึ้น และท่ามกลางพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในพริบตา กริดจะทำการผสานไอเท็มและฉวยโอกาสในช่องว่างระหว่าง ‘คลื่น’ เพื่อปลดปล่อยวิชาดาบราชาไร้พ่าย
หลังจากนั้น ข้อจำกัดของดาบจันทราดับที่ ‘ฟันได้แค่ครั้งเดียว’ จะส่งผลให้ ‘ไอเท็มผสาน’ แยกออกจากกัน
ในช่วงเวลาดังกล่าว ศาสตราเทพจะถูกถือในมือขวา ส่วนดาบจันทราดับจะถือด้วยมือซ้าย และกริดจะโยนดาบจันทราดับในมือซ้ายทิ้งโดยให้หัตถ์เทวะมารับไป จากนั้นก็ใช้ศาสตราเทพในมือขวาเพื่อดำเนินการ ‘คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร’ ต่อให้จบ
ถัดมา มือซ้ายที่ว่างอยู่จะเอื้อมไปสัมผัสฝักดาบตรงเอวอีกครั้ง คราวนี้เป็นการชักอาวุธมังกรที่จะเหน็บอยู่ข้างดาบจันทราดับ ตามด้วยการก็ปลดปล่อยอีกหนึ่งวิชาดาบราชาไร้พ่าย
ศัตรูที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการรับมือ ‘แสงดาบ’ อันเกิดจากดาบจันทราดับคงยังไม่มีเวลาตอบโต้กลับ
แต่แน่นอน ดาบในมือขวาต้องถูกโยนทิ้งก่อนที่จะใช้งานวิชาดาบราชาไร้พ่าย นั่นเพราะกริดไม่มีทักษะติดตัวสำหรับ ‘ถือดาบคู่’ ในวินาทีที่อาวุธมังกรถูกชักออกมา เพื่อไม่ให้สูญเสียค่าพลังโจมตี ศาสตราเทพในมือขวาจำเป็นต้องถูกโยนทิ้ง อาจมีหัตถ์เทวะมาช่วยรับไว้เหมือนกับดาบจันทราดับ หรือไม่ก็ใช้ ‘เสมือนเทพ’ เพื่อล้างระยะหน่วงของ ‘ผสานไอเท็ม’ และรวมเป็นดาบเล่มเดียว
แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีใด ก่อนจะใช้งานทักษะทุกครั้ง กริดต้องยืนยันให้แน่ใจว่าตนกำลังถือดาบด้วยมือข้างเดียว
‘ทางออกในอุดมคติคือการสุ่มหาทักษะติดตัวสำหรับถือดาบคู่จากเคล็ดวิชาลับเทพสงคราม… แต่ไม่ว่าเราจะมีมันหรือไม่ กุญแจสำคัญก็ยังคงเป็นความเร็วที่เกิดจากการใช้เทคนิคชักดาบฟัน… สมาธิคือสิ่งที่ขาดไม่ได้’
บทสรุปก็คือ การชักดาบออกจากฝักจะเร็วกว่าการนำดาบออกจากช่องสัมภาระ ลำพังเรื่องนี้เรื่องเดียวก็มีเหตุผลมากพอที่จะทำให้กริดสร้างอาวุธมังกรชิ้นแรกของโลกด้วยรูปทรงดาบหนักทรงโค้ง
ปัจจุบัน หลังจากกริดตัดสินใจได้หนักแน่น ปัญหาตรงหน้าจึงเหลือเพียงหนึ่งเรื่อง
ความแรงของไฟ
ชายหนุ่มต้องการไฟที่แรงเพียงพอสำหรับการถลุงเขี้ยวมังกรศิลา กูเซล
หรือว่าฟืนฟอสฟอรัสขาวให้ความแรงของไฟได้ไม่มากพอ?
ไม่ใช่ การที่มันได้รับสมญานามว่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เปลวไฟย่อมไม่ธรรมดา เพียงแต่กริดต้องใช้ไม้ฟอสฟอรัสขาวอย่างน้อยแปดตันเพื่อมอบความร้อนในพริบตา จึงจะเพียงพอสำหรับการถลุงเขี้ยวที่แข็งขนาดนี้
เป็นข้อมูลที่ทราบได้โดยสัญชาตญาณ ไม่ใช่เพราะการสนับสนุนจากคลาสหรือค่าวิสัยทัศน์ แต่เป็นสัญชาตญาณจากประสบการณ์ที่สั่งสม
ในปัจจุบัน ฟืนฟอสฟอรัสขาวมีจำนวนเพียงพอ เพราะพันธมิตรจากทวีปตะวันออกคอยทยอยส่งมาให้อย่างต่อเนื่อง
‘…แต่ปัญหาก็คือ ขนาดของเตาหลอม’
กริดต้องการเตาหลอมที่ใหญ่กว่าเดิม เป็นขนาดเทียบเท่ากับป้อมปราการ ต้องใหญ่พอสำหรับบรรจุฟืนฟอสฟอรัสขาวสิบตัน และนั่นจะต้องมีการก่อสร้างครั้งใหญ่
‘ด้านบนสุดต้องเป็นทรงโดมครึ่งวงกลมเพื่อให้ความร้อนไหลเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด’
กริดชำเลืองไปทางด้านข้าง แลเห็นปิกัสโซ่กำลังนั่งตรงมุมห้องและวาดภาพเหมือนของตน
เธอพยายามหายใจให้แผ่วที่สุดเพื่อไม่ให้เสียงดังรบกวนกริด
“เอ่อ…”
กริดขอยืมกระดาษและปากกา
ภาพของเตาหลอมที่อยู่ในหัวถูกถ่ายทอดลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว แถมยังพยายามสื่อแรงบันดาลใจด้วยการวาดเปลวไฟลุกท่วม
ผลงานออกมาค่อนข้างห่วยเมื่อเทียบกับความตั้งใจ แต่โครงสร้างหลักทุกจุดล้วนแม่นยำถูกต้อง ส่งผลให้ง่ายต่อการตีความในสิ่งที่กริดปรารถนา
ถ้าจำเป็น กริดสามารถใช้ทักษะ ‘ออกแบบไอเท็ม’ เพื่อให้ระบบช่วยวาด ‘พิมพ์เขียว’ ออกมาได้อย่างไร้ที่ติ
ทว่า หากเลี่ยงได้กริดก็ไม่ต้องการสิ้นเปลืองจำนวนครั้งของการออกแบบสักเท่าไร จึงทำเพียงยื่นภาพวาดหยาบๆ ให้คนแคระเคย์
คนแคระเคย์เป็นอัจฉริยะในศาสตร์สถาปนิก ชายหนุ่มจึงวางใจฝากฝังงานที่เหลือให้อย่างไร้กังวล
“สร้างได้ไหม?”
ไม่จำเป็นต้องสาธยายให้ยืดยาว เพียงคนแคระเคย์เห็นแบบที่กริดวาด มันก็ตระหนักถึงความตั้งใจ
“ถึงจะเป็นเตาหลอมอันแรกในชีวิตของข้า แต่ก็ไม่มีปัญหา ขอเพียงสนับสนุนช่างเทคนิคระดับสูงในจำนวนที่มากพอ แปดวันก็เสร็จแล้ว”
เมื่อพิจารณาจากความซับซ้อนเชิงโครงสร้างและขนาด แปดวันถือเป็นระยะเวลาที่เร็วมาก โดยเฉพาะถ้าคำนึงถึงเรื่องที่กรุงไรน์ฮาร์ทขาดแคลนหินเพราะทั่วทั้งอาณาจักรกำลังมีการก่อสร้างขนานใหญ่
ไม่เพียงเท่านั้น เตาหลอมยักษ์ตัวใหม่นี้มีไว้สำหรับสร้างอาวุธและชุดเกราะมังกร เป็นก้าวย่างที่สำคัญของมนุษยชาติ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากจะใช้เวลาสร้างนานนับเดือน หรือหลายเดือน ทุกสิ่งต้องประณีตที่สุด
แต่กริดกลับมองว่าแปดวันนั้นนานเกินไป เพราะมันไม่รู้ว่ามหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรจะเริ่มขึ้นตอนไหน
“ถ้าฉันช่วยสร้าง… ระยะเวลาก็น่าจะลดลงใช่ไหม”
“อา… ถ้าฝ่าบาทช่วยสร้าง…”
คนแคระเคย์ลองกะเกณฑ์ประสิทธิภาพของหัตถ์เทวะสามสิบช้างที่สืบทอดค่าความชำนาญของกริดไปบางส่วน
“คงเสร็จได้ภายในสี่วัน… แต่น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพื่อให้รองรับเปลวไฟจากการเผาฟืนจำนวนมากพร้อมกัน เครื่องเป่าลมคือปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่ง และจำเป็นต้องสร้างด้วยเทคนิคซับซ้อน”
แม้ว่ากริดกับหัตถ์เทวะจะไม่มีทักษะด้านสถาปัตยกรรม แต่ระยะเวลากลับลดลงไปกว่าครึ่ง นั่นเพราะเทคนิคของเทพโอเวอร์เกียร์ที่สามารถรังสรรค์ได้ทุกสิ่งคอยช่วยอำนวยความสะดวกอย่างมาก
แต่ถึงอย่างนั้น กริดยังคงไม่พอใจ
‘สี่วัน… หมายความว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งสัปดาห์กว่าอาวุธและชุดเกราะมังกรจะผลิตเสร็จ’
สถานการณ์คงเลวร้ายหากมหาสงครามเริ่มขึ้นก่อนหน้านั้น
‘เฮ้อ… ช่างเถอะ’
จะมีโอกาสสักกี่เปอร์เซ็นต์ที่มหาสงครามซึ่งพวกตนรอคอยมาอย่างยาวนาน อุบัติขึ้นในวินาทีที่กำลังผลิตไอเท็ม?
SA กรุปอาจเคยกลั่นแกล้งกริดหลายครั้ง (?) แต่ทุกครั้งก็พอจะมีเหตุผลรองรับอยู่บ้าง
หรืออย่างน้อยก็คงไม่ใจร้ายกับเหตุการณ์สำคัญแบบนี้
กริดควบคุมอารมณ์พลางพยักหน้า
“ฉันจะสั่งให้ผู้เชี่ยวชาญมาสมทบ นายเริ่มงานได้เลย”
“ตกลง”
ทั้งสองเดินไปยังลานโล่งที่กริดเคยดวลกับบีบัน
ในละแวกนี้ไม่มีสิ่งก่อสร้างสำคัญแห่งอื่น ส่งผลให้ความเสียหายไม่มากมายนัก นายกเทศมนตรีแร็บบิทจึงไม่หลั่งน้ำตาออกมาเป็นสายเลือด เพียงพ่นลมหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย
นี่คือเครื่องพิสูจน์ว่าทั้งกริดและบีบันตั้งใจเลือกสถานที่ก่อนดวล เพราะหากทั้งดวลกันส่งเดชไปทั่วปราสาทโดยไม่กังวลถึงผลที่จะตามมา เกรงว่าปราสาทโอเวอร์เกียร์คงได้พินาศย่อยยับ และมีโอกาสเล็กน้อยที่ทุกสิ่งจะราบเป็นหน้ากลอง
กริดลงทุนหลักพันล้านเพื่อให้ปราสาทมีเลเวล MAX แถมคนแคระเคย์ก็ยังปรับปรุงปราสาทด้วยตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นป้อมปราการที่แข็งแรงที่สุดของโลกในปัจจุบัน และยังเป็นเหตุผลที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์คือดินแดนที่ปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง
“เฮสเตอร์… ต้องขอโทษที่พูดแบบนี้ แต่ในช่วงสี่วันถัดไป นายช่วยย้ายไปฝึกกับหุ่นฝึกได้ไหม? หรือไม่ก็ลองไปเก็บเลเวล”
“…เข้าใจแล้ว”
กริดค่อนข้างชื่นชอบเฮสเตอร์ อีกฝ่ายมีนิสัยค่อนข้างดีและมีความมุ่งมั่นสูง และเหนือสิ่งอื่นใด ชายคนนี้มีศักยภาพยอดเยี่ยมเป็นทุนเดิม กริดจึงอยากจะดูแลให้ดีเหมือนกับพี่ชายคนหนึ่ง
แต่เฮสเตอร์สัมผัสถึงบางสิ่ง จึงไม่อยากรบกวนกริด ทำเพียงฉากหลบและเดินจากไป ไม่แม้แต่จะขอให้ส่งกลับไปในนรก
‘ทำไมหมอนั่นถึงต้องเดินฉากด้านข้างแบบปู? เป็นวิธีการฝึกแบบใหม่?’
ด้วยรอยยิ้ม กริดมองเฮสเตอร์เดินลับไปจากสายตา
มันยิ่งชื่นชอบในตัวเฮสเตอร์มากกว่าเดิม เพราะอีกฝ่ายแน่วแน่ที่จะฝึกฝนโดยไม่เกี่ยงสถานการณ์รอบข้าง
“มาเริ่มกันเถอะ”
“ข้าจะทำให้เต็มที่ ขออุทิศดวงวิญญาณให้กับงานนี้”
กริดถกแขนเสื้อขึ้นและเริ่มทำงานกับคนแคระเคย์
การขนส่งทางอาการทยอยเข้ามาในวังหลวงตามคำสั่งของลอเอล เป็นการมาถึงของวัสดุคุณภาพสูงและผู้เชี่ยวชาญอีกเป็นจำนวนมาก
แต่มีหนึ่งสิ่งที่กริดยังไม่ทราบ
ทาง SA กรุป ไม่สิ ระบุให้ชัดคือมอร์เฟียส มิได้ใจดีอย่างที่กริดเข้าใจ
***
“เจ้าเคยทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในอดีตรึไง?”
ณ หอคอยดาบโอเวอร์เกียร์
บีบันซึ่งกลายเป็นเจ้าแห่งหอคอยดาบคนแรก ตั้งคำถามกับสตรีที่กำลังยืนเผชิญหน้าตนอย่างองอาจ
ดวงตาของหญิงสาวสั่นเทาเล็กน้อยด้วยขนตาที่ยาวงอน เธอกำลังหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่พ่อค้าชั่วบังอาจซัดราชากริดจนกระเด็นหายไปในอากาศ
“วิชาดาบของเจ้ามีไว้เพื่อปกป้องเพียงอย่างเดียว… เจ้าเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์อันน่าทึ่ง แต่ก็เป็นตัวเจ้าเองที่ทำให้มันเสียของ… ข้าขอเดาว่า เจ้ากลายเป็นแบบนี้เพราะเคยสูญเสียคนสำคัญไป”
“…ฉันไม่ได้สูญเสีย”
ดวงตาของเมอร์เซเดสแน่วแน่ขณะมอบคำตอบ
ในวินาทีดังกล่าว คล้ายกับดวงตาของเธอทำให้บีบันตกอยู่ในภวังค์ ประหนึ่งมันได้เห็นหอคอยมืดลงไปชั่วขณะ
‘เนตรมองทะลุ…’
ดวงตาซึ่งสามารถครอบครองทุกสิ่งได้ในท้ายที่สุด
ไม่แปลกใจว่าทำไมเหล่าทวยเทพถึงยำเกรง เพราะแม้แต่เหล่าตัวตนสัมบูรณ์ก็คงต้องสยบแทบเท้าเธอในสักวัน
เจ้าของดวงตาจะได้ครอบครองสมญานามนักล่ามังกรหรือผู้สังหารเทพอย่างแน่นอน ขึ้นอยู่กับเวลา
แต่อีกเงื่อนไขหนึ่งก็คือ เธอต้องมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนั้นให้ได้
“เจ้าดูอึดอัดกับคำถาม… เช่นนั้นข้าจะไม่ไต่ถามถึงอดีต คำสอนแรกของข้าก็คือ ดาบที่เกิดมาเพื่อปกป้องและเสียสละ คือดาบที่อ่อนแอ… เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียสละตัวเองในยามที่ปกป้องใครสักคนซึ่งแข็งแกร่งกว่าเจ้ามาก”
บีบันเคยผ่านตามานับไม่ถ้วน เหล่าอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์มากพอจะช่วงชิงทุกสิ่ง แต่กลับจากไปก่อนที่พรสวรรค์จะได้เบ่งบาน และเมอร์เซเดสก็มีแววจะเป็นเช่นนั้น
ปัจจุบัน เมอร์เซเดสเป็นเพียงดาบที่มีอยู่เพื่อปกป้องผู้อื่น หากต้องแลกชีวิตเพื่อช่วยใครบางคน เธอจะทำโดยไม่ลังเลราวกับว่านั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่
“ชิ…”
บีบันส่ายหน้า
“จงเตรียมใจให้ดี เนื่องด้วยภาระหน้าที่ เจ้าแห่งหอคอยคนนี้จะช่วยขัดเกลาเจ้าเอง”
จริงอยู่ เจ้าแห่งหอคอยดาบคนแรกมีพันธะผูกพันเพียงหนึ่งสัปดาห์ แต่มันก็ไม่คิดจะปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างสูญเปล่า
นอกจากนั้น มันไม่อยากปล่อยให้พรสวรรค์อันล้ำค่าของเมอร์เซเดสต้องเสียของ แม้การสอนสั่งในคราวนี้อาจทำให้บีบันสูญเสียคุณสมบัติที่จะเป็นสภาหอคอย แต่มันก็ไม่เสียใจ เพราะสตรีผู้นี้จะกลายเป็นเสาหลักที่ค้ำจุนโลกมนุษย์ในอนาคตแทนตน
นี่มิใช่การตัดสินใจด้วยจิตวิญญาณอันสูงส่ง หากแต่ทำในสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง
จิตใจของบีบันทั้งซื่อตรงและเรียบง่าย สิ่งนี้จะไม่แปรเปลี่ยนไปตลอดกาล
Comments
Post a Comment