จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,484
ไม่จำเป็นต้องแยแสมือส่วนที่ขาดออกไป
หลังจากแสงอบอุ่นปกคลุมบาดแผลสักพัก มือข้างใหม่ก็งอกออกมา ไม่ว่าจะกล้ามเนื้อ เส้นเลือด กระดูก หรือเนื้อหนัง ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นใหม่และก่อตัวเป็นรูปทรงของฝ่ามือ
การรับรู้ค่อยๆ กลับมาทีละนิด และทุกครั้งที่ถูกไม้เท้าเคาะ มันจะรู้สึกเจ็บแปลบ
แรงกระแทกที่เกิดขึ้นช่วยให้เลือดลมและพลังปราณเกิดการไหลเวียน รวมถึงช่วยจัดระเบียบตำแหน่งของกระดูกข้อต่อ
นิ้วทั้งห้ากลับมาขยับได้ดั่งใจนึก เช่นเดียวกับก่อนที่จะเสียมันไป
‘นักบุญหญิง… ปรากฏตัวอีกครั้งหลังจากผ่านไปกว่าร้อยปี?’
ฮายาเตะคาดการณ์ว่าเทพสวรรค์คงหวาดระแวงนักบุญหญิงอย่างมาก
เช่นนั้นแล้วทำไมเธอถึงถือกำเนิดได้อย่างปลอดภัย?
นอกจากนั้น สิ่งที่เตะตาไม่แพ้กันคือ ‘พร’ ที่แฝงอยู่ใน ‘ละโมบ’ ของกริด
อันที่จริง ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเทพธิดาจะพิโรธกริดเรื่องที่ขับไล่โบสถ์รีเบคก้าออกจากอาณาจักร
แต่สุดท้ายกลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเลย
อย่างน้อยที่สุด เทพธิดาก็ควรจะถอนพรกลับไป
“อา… ขอบใจมาก”
การรักษาสิ้นสุดลง
บีบันสลัดความคิดฟุ้งซ่านพร้อมกับขอบคุณรูบี้ แต่มันก็มิได้รับปากส่งเดชว่าจะตอบแทนหญิงสาว
เรื่องราวคงต่างออกไปหากรูบี้เป็นนักดาบ แต่ในฐานะนักบุญหญิง อริยดาบก็คงช่วยอะไรเธอไม่ได้มากนัก
แน่นอน บีบันสามารถตอบแทนในฐานะ ‘สภาหอคอย’ ทว่า มันถูกกำชับว่าห้ามแพร่งพรายข้อมูลให้แก่บุคคลภายนอก
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณบาดเจ็บหนักเพราะพี่ชายของฉัน เป็นเรื่องธรรมดาที่ฉันจะช่วยรักษา”
ความโกลาหลโดยรอบเริ่มสงบลงด้วยฝีมือกริด ผู้ที่ยังเหลือจึงมีเพียงกริด บีบัน รูบี้ และเมอร์เซเดส
“ข้าแค่โดนตัดมือ ไม่ได้บาดเจ็บขนาดนั้น… ถ้าเป็นการต่อสู้ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน ข้าสามารถสู้ในสภาพนั้นได้อีกสองวันสองคืนเต็ม”
มันมิได้พูดเช่นนี้เพราะห่วงศักดิ์ศรีหรือไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่เป็นการกล่าวติดตลกเพื่อไม่ให้กริดรู้สึกผิดไปมากกว่าเดิม
บีบันทราบดี การดวลได้ข้อสรุปนับตั้งแต่กริดชักดาบจันทราดับออกมา
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญคือตอนที่มันพยายามปกป้องผู้บริสุทธิ์จนทำให้ตัวเองเสียเปรียบจนโลกจินตภาพเกิดการสั่นคลอน แต่นั่นก็แค่ทำให้การดวลจบลงเร็วขึ้น
‘ไม่ใช่แค่เหล็กแสงจันทร์ที่เป็นปัญหา แต่อัตราความก้าวหน้าของเขารวดเร็วเกินกว่าพรสวรรค์ที่มี… แถมยังสามารถใช้งานวิชาดาบราชาไร้พ่ายต้นตำรับได้อีก’
จุดที่น่าประหลาดใจที่สุดคือประสิทธิภาพของท่ารำดาบ
ในตอนแรก ท่วงท่าขณะกริดรำดาบนั้นดูน่าสมเพชและน่าขบขัน ถูกทักษะบังคับให้ขยับตัวเก้ๆ กังๆ
คล้ายกับเด็กที่ถูกผู้ใหญ่บังคับให้รำ
ถูกต้อง จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ กริดยังมิอาจควบคุมท่ารำดาบของตัวเองได้สมบูรณ์ นอกจากนั้นตัวท่ารำดาบยังเป็นปัญหา ทุกท่าแฝงไว้ด้วยการเคลื่อนไหวที่สูญเปล่า ราวกับเกิดมาเพื่อเป็นเพียงสิ่งประกอบพิธีกรรม
เรียกได้ว่าทั้งควบคุมไม่ได้และไร้ประสิทธิภาพ ส่งผลให้ศักยภาพของกริดถูกบั่นทอนลงมาก
แต่ปัจจุบัน เรื่องราวแตกต่างออกไป
คล้ายกับกริดสามารถเปลี่ยนรูปแบบของท่ารำดาบได้ตามใจปรารถนา กลายเป็นสิ่งที่ดูเหมือนวิชาดาบมากกว่าท่ารำ
เป็นวิชาดาบที่เหมาะกับคนคนเดียวในโลก วิชาดาบที่เกิดมาเพื่อกริดเท่านั้น และยิ่งยอดเยี่ยมขึ้นไปอีกเมื่อผสานเข้ากับการเคลื่อนไหวที่ร่างกายมนุษย์มิอาจกระทำ
วิชาดาบที่ก้าวข้ามหลักฟิสิกส์นั้นทั้งว่องไวและมีประสิทธิภาพสูง แถมยังเกรี้ยวกราดและเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้าง เป็นการผสมผสานระหว่างพลังทำลายของวิชาดาบ และความอลังการของท่ารำดาบได้อย่างลงตัว
แม้ว่ากริดจะแสดงวิชาดาบราชาไร้พ่ายได้เป็นคนแรกในร้อยปี แต่บีบันก็มิได้ทึ่งกับเรื่องนั้นมากนัก เพราะท่ารำดาบของกริดทั้งยอดเยี่ยมและทำให้ติดตราตรึงใจกว่ามาก
‘มิได้แฝงกฎเกณฑ์ที่ลุ่มลึกหรือซับซ้อน’
หากอัจฉริยะสร้างวิชาดาบ จะต้องมีบางจุดที่ ‘แพรวพราว’ เสมอ ส่วนนั้นเกิดจากความพยายามในการทำให้ทฤษฎีในอุดมคติกลายเป็นจริง และนั่นคือสิ่งที่สามัญชนไม่มีวันเข้าใจ
จุดดังกล่าวกลายเป็น ‘ความไร้ประโยชน์’ และ ‘ผิดหลัก’ ในบางครั้ง
แต่สำหรับกริด วิชาดาบของชายคนนี้ถูกพัฒนาขึ้นจากประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสม เป็นวิชาดาบสำหรับ ‘ใช้งานจริง’ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง ส่งผลให้มีบางจุดที่ต้อง ‘แหกกฎฟิสิกส์’ เพื่อเค้นศักยภาพออกมาจนถึงขีดจุด
ผลลัพธ์ก็คือ กริดได้สร้างวิชาดาบที่เรียบง่ายผิดจากเหล่าอัจฉริยะ เพียงแต่ต้องแหกกฎฟิสิกส์เพื่อใช้งาน จึงยากแก่การเลียนแบบ
‘เป็นวิชาดาบที่ยอดเยี่ยมมาก’
มีความคล้ายคลึงกับวิชาดาบไร้เทียมทาน วิชาที่หนึ่งในอัจฉริยะของโลกอย่างมุลเลอร์เลือกใช้
อริยดาบมุลเลอร์ตัดสินใจเรียนวิชาดาบไร้เทียมทานเพียงเพราะคิดค้นวิชาดาบเองไม่เป็น?
ผิดแล้ว หลังจากเปรียบเทียบระหว่างวิชาดาบไร้เทียมทานกับวิชาดาบของอาจารย์ มุลเลอร์เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง
ในทำนองเดียวกัน วิชาดาบราชาไร้พ่ายคือสุดยอดวิชาดาบที่สร้างโดยอัจฉริยะ เน้นหนักด้านพลังทำลายจากการเหวี่ยงดาบเพียงครั้งเดียว
จากมุมมองของบีบัน วิชาดาบกริดยอดเยี่ยมยิ่งกว่านั้นไปอีก
ในตอนต้น สิ่งนี้เคยเป็นเพียงความรู้สึกจากสัญชาตญาณ แต่หลังจากวิเคราะห์อย่างละเอียด บีบันพบว่านั่นคือความจริง
‘แม้จะขาดมารยาทไปบ้าง แต่ยิ่งได้รู้จัก เราก็ยิ่งชอบเจ้านี่’
บีบันยิ้มพลางใช้งานวิชาดาบไร้เทียมทานเพื่อทดสอบมือข้างที่งอกขึ้นมาใหม่
ผลลัพธ์คือสมบูรณ์แบบ
“โล่งอกไปที”
กริดมองบีบันพลางถอนใจผ่อนคลาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นกังวลมากแค่ไหน
บีบันตบไหล่
“ข้าอาจจะแก่ แต่ยังเร็วเกินไปที่จะให้คนรุ่นหลังมาเป็นห่วง”
ขณะกล่าว บีบันหันไปประสานสายตากับเมอร์เซเดส
ท่ามกลางแสงดาว บีบันมองเห็นดวงตาคู่หนึ่ง
เรื่องที่น่าประหลาดก็คือ ดวงตาซึ่งแม้แต่สภาหอคอยยังให้ความสนใจ ถูกกริดยืมไปใช้ระหว่างการดวล
เพราะดวงตาคู่นั้น ท่วงท่ารำดาบที่เกรี้ยวกราดและดุดันราวกับสัตว์ร้าย จึงกลายเป็นการโจมตีที่หมดจดและสมบูรณ์แบบราวกับถูกฝึกซ้ำๆ มาเป็นสิบปี
ในวินาทีดังกล่าว กริดได้กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่บีบันมองว่ายากจะรับมือ ทั้งหมื่นดาบบินและวิชาดาบไร้เทียมทานต่างก็จนปัญญาจะแก้ไขสถานการณ์
จะพัฒนาไปได้อีกไกลแค่ไหนกันนะ?
เมื่อแก่นแท้ของกริดตกผลึกออกมาในรูปแบบนี้ บางทีในอีกหลายสิบปีข้างหน้า ท่ารำดาบ ‘ที่แท้จริง’ ของกริดอาจก้าวข้ามท่ารำดาบในตอนที่ยืมเนตรมองทะลุของเมอร์เซเดสมาใช้
“เจ้าไม่ควรยืมดวงตาของเธอมาใช้บ่อยนัก ไม่อย่างนั้นจะสร้างนิสัยผิดๆ ที่ไม่เหมาะกับร่างกายตัวเอง”
“…”
ด้วยสายตาเย็นชา เมอร์เซเดสจ้องหน้าบีบันผู้รักการสั่งสอนโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
รูบี้ที่บังเอิญเหลือบมาเห็นอดไม่ได้ที่จะสะดุ้ง
บีบันซึ่งยังไม่รู้ตัว ทำการสร้างมิติดาบปิดกันโลกภายนอกระหว่างตนและกริด จุดประสงค์เพื่อสนทนาในสิ่งที่เป็นความลับ
“ขวัญที่ข้าสัญญาไว้…”
บีบันดึงบางสิ่งออกจากมิติช่องสัมภาระ
เป็นเขี้ยวที่สูงเท่าตัวบีบัน ลักษณะแตกต่างจากเขี้ยวหมาแมว ส่วนปลายค่อนข้างทู่และแทบไม่โค้งงอ
แต่ก็มีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ นั่นคือความแข็งที่อาจทัดเทียมได้กับละโมบเลยทีเดียว
“ชีวิตคือวัฏจักร… ร่างกายของมังกรศิลา กูเซลกลายเป็นส่วนหนึ่งของหอคอย กระดูกและเกล็ดกลายเป็นยุทธภัณฑ์ให้กับสมาชิกสภา เลือดเนื้อกลายเป็นโอสถที่ช่วยเพิ่มกำลังวังชาของสภาคอหอย… สิ่งเดียวที่ยังเหลืออยู่คือเขี้ยวอันนี้”
แต่มันไม่ได้ถูกทิ้งไว้เพราะไม่มีใครต้องการ
“แม้แต่ลาร์ดวูล์ฟก็ยังจนปัญญาจะรับมือกับความแข็งของมัน จริงอยู่ที่สามารถดัดแปลงได้ด้วยภาพวาดของอเบลลิโอ้ หรือการตัดด้วยเหล็กแสงจันทร์ แต่ท้ายที่สุด ไม่มีใครกล้าทำอะไรเพราะกังวลว่ามูลค่าของมันจะถูกลดทอน”
บีบันฉีกยิ้มกว้าง
“สิ่งนี้เป็นเครื่องรางของข้ามานานแล้ว… แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้มันกลายเป็นของขวัญสำหรับเจ้า”
บีบันมิได้เอ่ยถึงเทพ เพราะมันมองว่าเทพมิได้สูงส่ง เป็นการท้าทายรีเบคก้าซึ่งตัวอ้างว่าเป็นผู้สร้างโลก
อีกนัยหนึ่งก็คือ เหล่าสภาหอคอยนั้นมิได้นิยมชมชอบในตัวเทพ
“เจ้าจะต้องจัดการกับมันได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่… ข้าเชื่อเช่นนั้น”
“…”
กริดจ้องเขี้ยว
ความคิดแรกในหัวคือการถลุง และนั่นหมายความว่าจะต้องสูญเสีย ‘มวล’ ของเขี้ยวไปเป็นจำนวนมากระหว่างกระบวนการ เหลือเพียงปริมาณที่สามารถใช้สร้างดาบยาวได้สองเล่ม หรือไม่ก็ดาบหนึ่งเกราะหนึ่ง
ในสายตากริด การนำสิ่งนี้ไปสร้างเป็นถุงมือหรือหมวกนั้นค่อนข้างสิ้นเปลือง และต้องไม่ลืมว่า ชุดเกราะส่วนรองย่อมมีประสิทธิภาพด้อยกว่าชุดเกราะส่วนหลัก
สายตากริดชำเลืองไปทางดาบของบีบัน
ขนาดของดาบเหลือเพียงหนึ่งในสาม เป็นผลจากการถูกดาบจันทราดับตัดขาด
ด้วยเสียงสุขุม กริดกล่าวกับบีบันที่กำลังยิ้มแย้ม
“ผมจะสร้างดาบขึ้นมาสองเล่ม… ดาบของบีบันและดาบของผม”
“ดาบของข้า?”
บีบันปิดปากสนิท จ้องหน้ากริดด้วยสีหน้ามึนงงสักพัก
เมื่อตระหนักถึงหัวใจอันซื่อตรงของอีกฝ่าย บีบันหัวเราะ
“ขอบใจมาก… เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
“จนถึงตอนนี้… คุณเคยมอบของขวัญให้ผมมากมาย ถึงเวลาต้องตอบแทนกลับไปบ้าง”
“…”
อริยดาบบีบันเคยใช้ชีวิตบนโลกในฐานะตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด ผู้คนจำนวนมากให้ความเคารพและเทิดทูน จึงไม่เคยมีใครปฏิบัติตัวอย่างเท่าเทียม และนั่นทำให้บีบันรู้สึกโดดเดี่ยว
มันไม่เคยได้รับความห่วงใยจากใคร ของขวัญทุกชิ้นที่ได้รับจากบริวารนั้นไม่ต่างอะไรกับเครื่องบรรณาการ
หลังจากตัดขาดกับโลกและเข้าร่วมหอคอย มันได้พบกับสภาคอหอยที่คอยให้กำลังกันและกัน
ทว่า
นั่นเป็นการปลอบโยนเพียงผิวเผิน บีบันยังไม่เคยมีเพื่อนที่แท้จริง ไม่เคยมีใครวางตัวอย่างเท่าเทียม
แต่ในวินาทีนี้ กริดกำลังเผชิญหน้ากับมันอย่างตรงไปตรงมา ดวงตาชายหนุ่มแฝงความชื่นชอบมากกว่าเคารพ เป็นดวงตาอันแสนอบอุ่นที่ทำให้บีบันหลงลืมอากาศเย็นเยียบของฤดูหนาว
[ท่านสร้างสายสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับลำดับเก้าของหอแห่งปัญญา ‘บีบัน’]
“ข้าต้องกลับแล้ว… ไว้พบกันใหม่”
บีบันเกาเคราพร้อมกับแสดงท่าทางเขินอายที่ไม่เหมาะกับบุคลิก
ขณะมันเตรียมจะปลดมิติดาบ กริดกล่าว
“คุณยังกลับไม่ได้”
“ข้ายังกลับไม่ได้? เพราะเหตุใด? ใครห้ามไว้?”
กริดอธิบายบีบันที่ตอบสนองด้วยท่าทีสับสน
“เพราะเหตุใดน่ะหรือ? เพราะตัวคุณเองยังไงล่ะ บีบัน”
“…?”
“คุณเพิ่งเอ่ยชื่อหอแห่งปัญญาต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก… แม้ว่าผมจะช่วยกำชับว่าห้ามนำเรื่องนี้ไปแพร่งพราย แต่ก็ไม่รับประกันว่าความลับจะถูกปกปิดโดยสมบูรณ์… วีรกรรมที่คุณก่อขึ้นทำให้ใครหลายคนต่างเกิดคำถาม หากมีใครสักคนมิอาจระงับความสงสัยและพยายามสืบหาตัวตนที่แท้จริงของหอแห่งปัญญา ปัญหาจะตามมาอีกมาก”
“…เห็นทีข้าคงต้องใช้ความรุนแรง”
มันจะตามหาตัวพยานที่จำหน้าได้และซัดใส่ท้ายทอย จากนั้นก็หวังให้คนเหล่านั้นตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการความจำเสื่อม
กริดห้ามบีบันผู้กำลังตกที่นั่งลำบากสุดขีด
“ผมมีแผน… คุณไม่ต้องกังวลเกินไปนัก แค่ร่วมมือกันก็พอ”
“ร่วมมือยังไง?”
“อย่างที่คุณทราบ ไรน์ฮาร์ทมีหอคอยเวทมนตร์โอเวอร์เกียร์ แต่ยังขาดหอคอยดาบ”
“หอคอยดาบ? โลกนี้มีของแบบนั้นด้วยหรือ?”
“กำลังจะมี… ที่นี่ที่แรก”
“…?”
“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมสร้างหอคอยขึ้นทั้งหมดสามแห่ง แต่จอมเวทมีจำนวนน้อยเกินไป ส่งผลให้มีหอคอยว่างอยู่หนึ่งแห่ง… ผมจะประกาศให้มันเป็นหอคอยดาบ และคุณต้องสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเจ้าแห่งหอคอยดาบโอเวอร์เกียร์… หลังจากเข้าร่วมพิธีเปิด คุณต้องช่วยฝึกดาบให้ผู้คนสักสองสามวัน จากนั้นเมื่อคุณกลับไป ผมจะแต่งตั้งเจ้าแห่งหอคอยดาบคนที่สองพร้อมกับลบร่องรอยทั้งหมดของคุณ”
“ข้าคืออริยดาบ… ในอดีตเคยมีอัจฉริยะระดับทวีปมากมายนำกองเงินกองทองมาวางต่อหน้าข้าเพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ แต่ข้าก็ปฏิเสธทั้งหมด… กระนั้นเจ้ากลับบอกให้ข้าเป็นอาจารย์สอนฟรีที่นี่?”
“ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องทำ แต่ถ้ามีคนสืบจนรู้ความจริงของหอแห่งปัญญาในสักวัน และเหตุผลที่ความลับรั่วไหลมาจากบีบัน… ท่านฟรอนซาลล์ต้องไม่ปล่อยคุณเอาไว้แน่”
“กรอด… สภาหอคอยไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอกได้…”
“ถ้าอย่างนั้นก็ปฏิสัมพันธ์ในฐานะเจ้าแห่งหอคอยดาบแทน… แบบนี้ความจริงก็จะไม่รั่วไหล”
“กรอด… เจ้าแห่งหอคอยดาบ… ชื่อเห่ยชะมัด…”
“ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไร ผมเองไม่ได้เดือดร้อนกับการที่คุณต้องขัดหอคอยไปตลอดชีวิต”
“…หนึ่งสัปดาห์ ข้าจะอยู่ที่นี่แค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น”
“เลือกได้ฉลาด”
นี่คือวันที่นักดาบอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์สถาปนาตนเองเข้ารับตำแหน่งเจ้าแห่งหอคอยดาบโอเวอร์เกียร์
ตัวตนปลอมของบีบันถูกสร้างขึ้นมาอย่างหยาบ
กริดประกาศว่าบีบันคือยอดฝีมือที่เร้นกายฝึกวิชาและตัดขาดจากโลกภายนอกเฉกเช่นคิรินัส หอกเอกแห่งทวีป
เมื่อมีตัวอย่าง ข้ออ้างจอมปลอมก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่น และนั่นทำให้ใบสมัครเข้าร่วมหอคอยถูกส่งมาจนกองท่วม
“ว่าแต่…”
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีเปิดอย่างยิ่งใหญ่ตามคำขอร้องของบีบันโดยมีเมอร์เซเดสฝากตัวเป็นศิษย์คนแรก กริดซึ่งเดินกลับถึงโรงตีเหล็กตามลำพังอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามกับตัวเอง
“…หมอนั่นมาหาเราทำไม? แค่คิดถึงก็เลยแวะมาเล่นๆ?”
กริดไม่ทราบจุดประสงค์ที่บีบันแวะมาหา แต่ถึงอย่างนั้นเหตุการณ์ก็ดำเนินไปด้วยดีเกินคาด ตนได้รับเขี้ยวมังกรศิลา ส่วนรูบี้ก็พัฒนาเลเวลของทักษะฟื้นฟูอย่างก้าวกระโดด แถมยังได้อดีตอริยดาบมาเป็นเบ๊หนึ่งสัปดาห์เต็ม
สำหรับกริด บีบันไม่ต่างอะไรกับแจ็คพอตเดินได้
จนกระทั่งผ่านไปสองสามวัน บีบันเพิ่งตระหนักถึงจุดประสงค์ที่ตนหลงลืมไป เป็นเวลาเดียวกับที่ปิอาโร่กลับมาจากภารกิจ
______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,023
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ
Comments
Post a Comment