จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,488



[ท่านได้รับความเสียหายร้ายแรง]


[ท่านเสียชีวิต]


[ผู้เป็นตำนานจะไม่ตายโดยง่าย…]


[ระยะเวลาอมตะสิ้นสุดลง]


[เนื่องจากเผ่าพันธุ์ของท่านถูกเปลี่ยนเป็นอันเดด ทรัพยากรบางชนิดจะถูกแทนที่ด้วยพลังชีวิต]


[ท่านได้รับความเสียหายร้ายแรง]


[ท่านเสียชีวิต]


[ในสภาวะย้อนกลับอนันต์ ท่านจะคืนชีพทันทีโดยที่ระยะหน่วงของทุกทักษะถูกล้าง]


[ท่านสูญเสียค่าประสบการณ์เป็นสองเท่าจากสภาวะย้อนกลับอนันต์]


[เลเวลลดลงหนึ่งระดับ]


[ท่านออนไลน์เกิดขีดจำกัดไป 28 ชั่วโมงแล้ว]


[นี่คือตัวเลขตามเวลาจริง]


[สุขภาพของผู้เล่นถูกประเมินว่ามีความเสี่ยงสูง]


[ตามหลักปฏิบัติของซาทิสฟายที่ผู้เล่นยินยอม เพื่อความปลอดภัยของผู้เล่น ทางเราเตรียมส่งทีมช่วยเหลือ…]


“แฮ่ก… แฮ่ก… แฮ่ก…!”


แอ็กนัสไม่แยแสหน้าต่างแจ้งเตือนยิบย่อยที่แสดงขึ้นเป็นระยะ ไม่สิ เรียกว่าไม่ตระหนักถึงคงเหมาะกว่า


มันอยู่ในโลกใบนี้มาแล้วกี่วัน?


แอ็กนัสจำไม่ได้ และไม่มีปัญญาจะนับเวลา


มาร์บาส


ตามชื่อเล่นของมัน มาร์บาสคือหนึ่งในตัวตนทรงอิทธิพลของนรก หนึ่งในผู้นำกองทัพที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ที่สุด


แอ็กนัสย่างกรายเข้าหามาร์บาสในสภาพอ่อนล้า


ภารกิจ <ย้อนกลับอนันต์> ที่ได้รับจากบาเอล ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ยากจะทำให้สำเร็จ


[ท่านเสียชีวิต]


[ท่านเสียชีวิต]


[ท่านออนไลน์เกิดขีดจำกัดไป 30 ชั่วโมงแล้ว]


“ข้าไม่เคยเห็นผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลคนใดอ่อนแอเท่านี้มาก่อน”


ชายผมเขียวซึ่งบุกฝ่ากองทัพมอนสเตอร์จำนวนมหาศาลได้ภายในเวลาเพียงเจ็ดวันเจ็ดคืน กำลังย่างกรายเข้าหามาร์บาส


ขณะจ้องเข้าไปในดวงตาสีทองอันดุร้ายราวกับสัตว์ป่า มาร์บาสวางมือข้างหนึ่งลงบนหมวกฟีดอร่า ตามด้วยการยกไม้เท้าขึ้น


แสงประกายดาบอันคมกริบสว่างวาบพร้อมกับพุ่งเข้าหาแอ็กนัส


คลื่นดาบที่ดุดันแหวกอากาศพลางส่งเสียงดังอึกทึก


เสื้อคลุมของแอ็กนัสพัดกระพือราวกับเผชิญพายุ โครงกระดูกหลายสิบตัวที่คอยคุ้มกันถูกป่นเป็นผุยผงในพริบตา


นั่นคือเหตุผลที่มาร์บาสต้องนำมือทาบลงบนหมวก


“ข้าไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับดวงวิญญาณคนตายอย่างแพ็กม่ามากนัก แต่หากนับเฉพาะสมัยที่ยังมีชีวิต ข้าไม่เคยเห็นผู้ทำพันธสัญญาคนใดเคลื่อนไหวตามเจตจำนงของบาเอลมาก่อน… ผู้ทำพันธสัญญาทุกคนล้วนกลายเป็นบ้า แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะบิดเบี้ยวมากเป็นพิเศษ”


‘หมอนี่…’


ดวงตาแอ็กนัสเบิกกว้าง


ตลอดสัปดาห์ที่มันอดทนต่อคลื่นดาบและสายลมที่ถาโถมเข้าใส่จนจิตใจและร่างกายถูกกัดกร่อน แอ็กนัสเริ่มมองเห็นธาตุแท้ของมาร์บาส


มาร์บาสเป็นคลาสผู้อัญเชิญ


ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเหตุผลใดมาอธิบายได้ว่า เหตุใดมาร์บาสถึงสามารถอัญเชิญมอนสเตอร์หลายหมื่นหลายแสนออกมาได้อย่างต่อเนื่อง


ทว่า ความว่องไวของวิชาดาบเองก็ไม่ธรรมดา ความเร็วดาบของมาร์บาสสูงส่งยิ่งกว่ายอดนักดาบหลายคนด้วยซ้ำ


ผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่แอ็กนัสรู้จัก


วิชาดาบของมาร์บาสแฝงกลิ่นอายแบบเดียวกับกริด ชายผู้เป็นต้นเหตุของมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูร


“ลันเทียร์!!”


แอ็กนัสที่รอดพ้นจากวิกฤติด้วย ‘เสียงเย้ยหยันของเบนทาโอ’ ซึ่งจะมีผลกับ NPC พิเศษเพียง 30% แผดเสียงตะโกนอย่างเร่งร้อน


การตอบสนองเกิดขึ้นในทันที


อัศวินความตายลันเทียร์ ผู้เต้นระบำในเงามืดและนำพาความพินาศมาสู่กองทัพมาร์บาส


ระหว่างที่แอ็กนัสตายไปแล้วหลายร้อยชีวิต เลเวลของลันเทียร์พุ่งทะยานอย่างก้าวกระโดด


อาศัยความเร็วอันเป็นเลิศ ลันเทียร์โผล่ขึ้นกึ่งกลางระหว่างมาร์บาสกับแอ็กนัสในพริบตา


ชิ้ง!


“ฮึ่ม…!”


มาร์บาสซึ่งเตรียมสวนกลับมีดสั้น กลับเปลี่ยนใจกะทันหันและยกดาบป้องกันพลางคำรามต่ำ


เคร้ง!!


แรงปะทะสี่จุดบนคมดาบแผ่ซ่านลงมาถึงปลายนิ้ว เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพละกำลังและเทคนิคของลันเทียร์ฟื้นฟูเข้าใกล้ยุครุ่งเรือง


ทันใดนั้น แสงหนึ่งสว่างขึ้นบนกระจกตามาร์บาสที่กำลังเบิกโพลง


ลิชซึ่งกำลังเข่นฆ่ากองอสูรบนสนามรบอย่างสนุกมือ ลอบยิงเวทมนตร์ใส่มาร์บาส


เป็นพลังทำลายที่รุนแรงกว่าครั้งแรกที่มาร์บาสเคยเห็นหลายเท่า


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


‘…นี่คือสิ่งที่บาเอลเล็งไว้?’


ผ่านมาเพียงหนึ่งสัปดาห์


ในขณะที่ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง ลิชและอัศวินความตายกลับมีพัฒนาการที่ก้าวกระโดด เรียกได้ว่าใช้ความตายของผู้เป็นนายเป็นแหล่งอาหารหล่อเลี้ยง


ปัจจุบัน กองทัพอสูรที่คอยต่อสู้เพื่อมาร์บาส กลายเป็นตัวแปรที่เร่งให้มาร์บาสตายเร็วขึ้น


‘ทางหนีของเราถูกปิด…’


มาร์บาสขมวดคิ้วเมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับขอบเขตบาเรียที่เหล่าลูกน้องบาเอลรวมถึงเซพาเดียกางไว้


มันรับรู้โดยสัญชาตญาณ


ม่านบาเรียคือเวทีแห่งการตัดสินชีวิต


เป็นเขตแดนที่วิญญาณจะคืนชีพอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะตายไปสักกี่หน


‘ไอ้พวกน่ารังเกียจ’


เป็นอีกครั้งที่บาเอลสนุกจนล้ำเส้น


แต่ไหนแต่ไร บาเอลแค่ทำตัวน่ารำคาญเล็กน้อย แต่ปัจจุบันกลับพยายามล้มกระดาน


‘เจ้านั่นหมายหัวเรา… หมายความว่าหันหลังให้กับสายลมของพระองค์แล้ว? ทั้งที่เป็นลูกชาย…’


มาร์บาสส่ายหน้าพลางถอดหมวกฟีดอร่า


ภาพลักษณ์ของชายชราสง่างามพลันอันตรธานหาย เผยให้เห็นศีรษะอันน่าสะพรึงซึ่งมีเขาแหลมจำนวนหนึ่ง


เป๊าะ!


มาร์บาสใช้มือหักเขาหนึ่งข้าง เลือดสีดำไหลซึมพร้อมกับการสั่นสะเทือนของพลังเวท


> อ๊บ?


เมื่อกลับถึงนรก เซพาเดียได้รับพลังและอำนาจคืนมา


ตัวมันที่ยืนสังเกตการณ์ด้วยท่าทีหยิ่งทระนงและผ่อนคลาย พลันเผยความฉงนถึงขีดสุด ขัดแย้งกับขนาดร่างกายอันใหญ่โตเกือบเท่าบ้าน สีหน้าของเซพาเดียเริ่มบิดเบี้ยวราวกับหลงลืมไปชั่วขณะว่าตนคือบริวารของบาเอล จอมอสูรลำดับหนึ่งแห่งขุมนรก


มันกำลังประหลาดใจ


เซพาเดียไม่เคยคิดมาก่อนว่ามาร์บาสจะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้


> ต้องเสริมพลังให้บาเรีย!


“ช้าไป”


มาร์บาสกล่าวหน้านิ่ง เวทมนตร์สีดำระยิบระยับถูกรวบรวมไว้ที่ปลายดาบ ตามด้วยการยกดาบขึ้นเหนือศีรษะ


เป้าหมายคือบาเรีย มิใช่แอ็กนัส


มันคิดจะทำลายบาเรีย


เวทีที่บาเอลสร้างขึ้นเพื่อใช้เสพความบันเทิง


บาเรียโดยรอบถูกสร้างขึ้นอย่างประณีต ผิวแข็งจนยากจะเกิดรอยขีดข่วน เว้นเสียแต่จะเป็นจอมอสูรหลักเดียวที่คร่าชีวิตมามากมาย


เคยมีจอมอสูรบางตนถูกนำมาขังไว้ที่นี่ราวกับสัตว์ และสุดท้ายก็ต้องตายอย่างน่าสมเพชต่อหน้าบาเอล


แต่มาร์บาสในตอนนี้มีพลังมากพอที่จะทำลายเวที เป็นพลังอันเกิดจากความอาฆาตพยาบาท


ความแข็งแกร่งซึ่งแลกมากับการหักเขาไปหนึ่งข้าง ส่งผลให้ปัจจุบันเหลือเพียงสามเขา


‘เราต้องไม่เสียดาย… ชีวิตสำคัญกว่า…’


แต่ทันใดนั้น ความคิดมาร์บาสกลับหยุดนิ่ง ร่างกายแข็งทื่อ มิอาจฟันดาบที่ถูกยกค้างไว้เหนือศีรษะ


“คิดหนีหรือ? กำลังมองไปทางไหน?”


นี่มิใช่ความกลัวหรือผวา


แต่เป็นความเกลียดชังถึงขีดสุด


ความรู้สึกดังกล่าวจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ มันได้เผชิญกับบางสิ่งที่เลวร้ายจนเหนือจินตนาการ


เป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับใครทั้งนั้น


“กำลังมองหาข้าหรือ?”


ประหนึ่งวังวนคลื่นในมหาสมุทร ดวงตาคู่หนึ่งปรากฏขึ้นและเริ่มกลอกไปมา


มองขึ้น มองลง มองไปด้านข้าง


มองไปทุกทิศราวกับกำลังค้นหาของเล่นแสนสนุก


ถึงกระนั้น ดวงตาดังกล่าวไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวของมาร์บาส


“…”


มาร์บาสกลืนน้ำลายแห้งพร้อมกับลดดาบในมือลง ก่อนจะมองหน้าแอ็กนัสและชี้ไปทางสัตว์ประหลาดยักษ์ด้านนอกบาเรีย


“สิ่งนั้นคือ… ความว่างเปล่า… คำสาปที่จะนำพาเจ้าไปสู่จุดจบอันน่าสมเพช”


> อ๊บ! เจ้าบังอาจชี้หน้าท่านบาเอล!!


เมื่อได้เห็นบาเอลปรากฏตัวซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เซพาเดียแหกปากตะโกน


ท่ามกลางความวุ่นวาย แอ็กนัสฟื้นคืนสติ


“…ฉันน่าสมเพชมานานแล้ว”


“ข้าจะเล่าความจริงเกี่ยวกับนรกให้ฟัง”


“ฉันไม่สนใจ… สิ่งเดียวที่ต้องการคือพลัง”


พลัง


แต่หากมีพลังมากพอที่จะปกครองทุกสิ่งเหมือนกริด โลกจะไม่น่าเบื่อเอาหรือ?


นั่นก็จริง แต่บางที มันอาจช่วยลบล้างความเสียใจจากอดีตที่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไข…


เมื่อถึงตอนนั้น เราจะได้เป็นอิสระ…


ท่ามกลางความคิดและความปรารถนา


แอ็กนัสไล่ประกบติดมาร์บาสราวกับวิญญาณหิวกระหาย มันเลิกหนีและประเคนตัวเองให้มาร์บาสฆ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า


ไม่ผิดจากการสิ่งที่มาร์บาสกล่าวไว้ แอ็กนัสกำลังอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง


[ท่านเสียชีวิต]


[เลเวลของท่านลดลงหนึ่งระดับ]


[ท่านเสียชีวิต]


[ท่านเสียชีวิต]



..


[ท่านออนไลน์เกินขีดจำกัดไป 34 ชั่วโมงแล้ว]


เป็นช่วงเวลาที่แสนเจ็บปวด


สติของแอ็กนัสเริ่มเลือนรางอีกครั้ง


มันรู้สึกราวกับตัวเองเป็นปราสาททราย


ปราสาททรายที่กำลังพังครืน


แต่ในทางกลับกัน บริวารของมันแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง


เมื่อเทียบกับเลเวลที่สามารถกู้คืนตอนไหนก็ได้ พลังต่อสู้โดยรวมของแอ็กนัสเพิ่มขึ้นจากเดิมหลายเท่า


ถูกต้อง เลเวลคือสิ่งที่สามารถนำกลับมาได้ทุกเมื่อ


โดยเฉพาะในมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูร


ค่าสถานะที่จะได้รับเมื่อเลเวลอัปเองก็เพิ่มขึ้นด้วย เพราะคลาสถูกยกระดับหลังจากบรรลุเงื่อนไขบางสิ่ง ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องที่ดี


ใบหน้าแอ็กนัสเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ขัดแย้งกับความอ่อนเพลียและเจ็บปวดซึ่งมันกำลังเผชิญ


“บาเอล!!”


สีหน้าผ่อนคลายของมาร์บาสเลือนหายไปโดยสมบูรณ์


เมื่อตระหนักว่าบาเอลกำลังจ้องมองจากด้านหลัง มาร์บาสพยายามดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง


มันตัดสินใจเลื่อนความตายของตนออกไปด้วยการทำลายลิชและอัศวินความตาย มิใช่แอ็กนัส


แต่ก็ทำได้แค่เลื่อนออกไป


ในวินาทีที่คมดาบของมาร์บาสมิได้หันหาแอ็กนัส แอ็กนัสเลือกที่จะฆ่าตัวตายเพื่อเร่งปิดฉากการต่อสู้


ความตายของมันจะช่วยล้างระยะหน่วงของทักษะทุกชนิด ช่วยให้อัญเชิญลิชและอัศวินความตายออกมาได้ใหม่ จากนั้นพวกมันจะล้างบางกองทัพอสูรของมาร์บาสที่มากมายราวกับไม่มีวันหมด ในสายตาแอ็กนัส มอนสเตอร์เหล่านี้ไม่ต่างอะไรจากอาหาร


และในท้ายที่สุด พวกมันก็จะกลืนกินมาร์บาส


***


สาเหตุของภาวะขาดแคลนกำลังพลในจักรวรรดิ มิใช่เพียงเพราะการปรากฏตัวของครึ่งอสูร


ห้วงนรก


จุดสิ้นสุดของโลก ขอบเขตระหว่างสองภพ


เป็นที่คาดกันว่า ดินแดนอันมืดมิดภายในกรุงไททันคือเวทีแรกของมหาสงคราม จักรวรรดิจึงต้องคอยเฝ้าระวังเป็นพิเศษ


กองทหารจำนวนหนึ่งถูกเกณฑ์มารวมตัวใกล้กับห้วงนรกเพื่อเตรียมรับมือการรุกรานของอสูร


การสนับสนุนจากฝ่ายพันธมิตรนั้นมีไม่มาก


เนื่องจากกองกำลังฝ่ายพันธมิตรได้แยกย้ายไปยังจุดเริ่มต้นแห่งอื่น เช่นหมู่เกาะเบเฮ็น


บางที การแบ่งแยกเป็นหลายกองกำลัง อาจเป็นความโอหังที่เกินตัวของมนุษย์


“ใครกัน…!”


ทหารองครักษ์ซึ่งคอยเฝ้าระวังรอบห้วงนรก ตอบสนองอย่างฉับไว


ราวกับสะท้อนให้เห็นถึงการฝึกที่เข้มงวด ทหารคนหนึ่งตะโกนขึ้นพร้อมกับเตรียมยิงพลุแสงในมือ


ในฐานะหัวกะทิ ทั้งปฏิกิริยาและการตัดสินใจล้วนเฉียบขาด


แต่น่าเสียดาย เสียงของมันหยุดลงกลางคันโดยที่ไม่กลายเป็นเสียงตะโกน


พลุแสงหลายสิบลูกหล่นลงพื้นก่อนจะถูกยิงขึ้นฟ้า


นั่นเพราะนักดาบคนหนึ่ง วาดดาบเป็นทรงจันทร์เสี้ยวพร้อมกับสะบั้นคอของทุกคนในพริบตา


ความเงียบสงัดปกคลุมไปทั่วบริเวณ


แต่ความตายของเหล่าองครักษ์มิได้สูญเปล่า


หอสังเกตการณ์จำนวนมากตอบสนองในทันที


ทหารที่มองเห็นความตายของพวกพ้องจากมุมสูง รีบเป่าแตรพลางจับผ้าที่พันอยู่รอบคอ


“ต้องสนุกแน่”


มนุษย์ตอบสนองได้อย่างสมบูรณ์แบบและมีระเบียบ


ดูเหมือนว่าคุณภาพของกองกำลังในแถบนี้จะสูงเป็นพิเศษ


เซปาร์ที่ยิ้มอย่างตื่นเต้น วาดดาบเป็นทรงจันทร์เสี้ยวอีกครั้ง


นี่คือสุดยอดวิชาดาบซึ่งสามารถตัด ‘ขอบเขต’ ระหว่างสองภพ เป็นพลังปริศนาที่ไม่มีใครเคยรู้จักมาก่อน


การวาดดาบของนักดาบได้ทำลายหอสังเกตการณ์หลายสิบแห่งในคราวเดียว


ทหารม้าชำนาญศึกกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังตั้งกระบวนทัพ ถูกฟันขาดครึ่งท่อนจนกลายเป็นแสงสีเทา


“บัดซบ… นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…?”


บรรดาผู้เล่นสังกัดจักรวรรดิซึ่งปะปนอยู่กับกองทหารเพื่อทำภารกิจ ต่างพากันดวงตาเบิกกว้าง


พวกมันรู้สึกไม่ชอบมาพากลอย่างรุนแรง


ในเวลาเดียวกัน คลื่นเสียงหนึ่งดังมาจากปากทางเข้าห้วงนรกสีดำสนิท ราวกับจะแช่แข็งกระแสเวลาโดยรอบให้หยุดนิ่ง


ลางบอกเหตุหายนะ


หายนะที่จะเกิดหลังจากขอบเขตของสองภพถูกทำลายและโลกกำลังจะรวมเป็นหนึ่ง

______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,028
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ


Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00