จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,492



ต้องไปที่ไหน ไปเจอใคร ด้วยวิธีใด และจะได้อะไร


ซาทิสฟายแทบไม่บอกรายละเอียดเรื่องเหล่านี้ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของเกม


เมื่อเลเวลและความเข้าใจเกมสูงขึ้น ข้อมูลที่ถูกป้อนให้ก็ยิ่งลดทอนลง


เหตุผลนั้นชัดเจน


อิสรภาพ


ซาทิสฟายเป็นโลกที่สามารถทำอะไรก็ได้ ตัวเกมจึงไม่จำกัดทางเลือกให้แคบลงด้วยระบบนำทาง แต่ปล่อยให้ผู้เล่นนำทางตัวเอง


ผู้คนต่างถกเถียงกันเกี่ยวกับทัศนคติของ SA กรุป


แนวโน้มเป็นไปในเชิงเห็นด้วย


นั่นเพราะส่วนใหญ่มองไปในทิศทางเดียวกันว่า หากบริษัทเกมแทรกแซงน้อยลง ผู้เล่นก็จะซึมซับบรรยากาศในโลกได้ดีกว่า


หากนโยบายการบริหารของ SA กรุปเหมือนกับค่ายเกมทั่วไป คนส่วนใหญ่ก็จะมองว่าซาทิสฟายเป็นแค่เกม MMORPG ธรรมดามากกว่าโลกเสมือนอีกใบหนึ่ง


ใช่แล้ว ผู้คนพยายามทำความเข้าใจกับการวางตัวของ SA กรุปในทุกสถานการณ์


แต่ครั้งนี้ออกจะเกินไปหน่อย


มหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูร


เมื่อเทียบกับการรุกรานของโกเลม และการรุกรานของจอมอสูรซึ่งเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อย่างน้อยในคราวนี้ก็มีการ ‘พยากรณ์’ ล่วงหน้า


ทว่า ข้อมูลมีน้อยเกินไป


ไม่มีใครเลยที่ทราบว่าสงครามจะเกิดขึ้นเพราะเหตุใด เมื่อไร และที่ไหน


และในวันนี้ ทุกคนได้ตระหนัก


ถึงเหตุผลที่ทาง SA กรุปต้องออกประกาศแจ้งล่วงหน้า


เพราะระดับความยากนั้นสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน


ยี่สิบนาทีหลังจากสงครามปะทุขึ้น


ภายในเวลาเพียงยี่สิบนาที ผู้เล่นกว่าร้อยล้านจากทุกมุมโลกได้เผชิญสถานการณ์วิกฤติ


แต่แน่นอน ระดับความเลวร้ายแตกต่างกันไปตามสมรภูมิ


บางคนมีความสุขกับสงคราม เชิดชูสงครามด้วยเหตุผลว่า ‘วิกฤติคือโอกาส’ เพราะศัตรูที่ปรากฏในเขตของตนอยู่ในระดับที่รับมือไหว


คนจำนวนหนึ่งโห่ร้องด้วยความยินดี เนื่องจากค่า EXP และไอเท็มดรอปหลั่งไหลมาไม่ขาดสายจากเก็บกวาดมอนสเตอร์จากประตูมิติ


อย่างไรก็ตาม จำนวนคนที่เผชิญเคราะห์กรรม มีมากกว่าคนที่ได้รับความสุข


โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้เล่นจักรวรรดิ


“บัดซบ! ไม่ได้ล้อเล่นกันใช่ไหม?”


จักรวรรดิซาฮารัน กรุงไททัน


ปัจจุบัน ผู้เล่นหลายคนเริ่มทราบว่า ในมหานครแห่งนี้มีดันเจี้ยนที่ชื่อ ‘ห้วงนรก’


แต่มีคนจำนวนเพียงหยิบมือที่รู้ว่าห้วงนรกคือ ‘ขอบเขต’ ของโลก


ผู้คนต่างตกตะลึงกับกองทัพของอสูรและเผ่าอสูรจำนวนนับไม่ถ้วนที่พรั่งพรูออกจากห้วงนรก


เทียบกับมอนสเตอร์ที่โผล่ออกจากประตูมิติบนฟ้า ปริมาณและความแข็งแกร่งของที่นี่สูงกว่าอย่างเทียบไม่ติด


หลายฝ่ายต่างตั้งคำถามว่า หรือบางที ห้วงนรกอาจเป็นทางเข้าของนรก


กรุงไททันถูกถล่มราบเป็นหน้ากลองในทันที กองทัพมนุษย์ไม่มีอำนาจมากพอที่จะต้านทาน กองทัพอสูรหลั่งไหลเข้ามาในเมืองอย่างง่ายดาย


อสูรทัพหน้าแข็งแกร่งจนน่าสะพรึง ไม่มีใครอยากเชื่อว่า ทหารหนึ่งกองพลจะถูกกวาดล้างได้ด้วยดาบเพียงเล่มเดียว


ภายในมหานครที่หลายคนเชื่อว่าปลอดภัยที่สุดในโลก ไม่มีใครคิดว่าพวกตนจะได้เผชิญวิกฤติร้ายแรงเช่นนี้


“น่าแปลก…”


อสูรเซปาร์


ชื่อของมัน อสูรผู้กำลังพึมพำขณะล้างบางมนุษย์ ถูกเขียนด้วยอักษรสีดำ


สีเดียวกับจอมอสูร


บึ้ม!


ทุกครั้งที่เซปาร์เหวี่ยงดาบ เปลวไฟจะลุกโชนขึ้นพร้อมกับการถล่มลงของอาคาร


เครื่องไม้เครื่องมือและวัตถุภายในอาคารเกิดระเบิดและติดไฟ เผาไหม้อารยธรรมอันรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิ


ขณะผู้คนกำลังส่งเสียงกรีดร้องอย่างหดหู่


“จงวางอาวุธและยอมจำนนซะ!”


กองอัศวินปรากฏตัว


พวกมันคอยปกป้องชาวเมืองจากการถล่มของซากปรักหักพัง รวมถึงแรงปะทะที่เกิดจากการระเบิด


“คำพูดเหล่านั้น… มีสิทธิ์ออกจากปากพวกเจ้าด้วยหรือ”


เซปาร์เอียงคอฉงนเมื่อได้ยินคำสั่งจากอัศวิน จากนั้นก็เหวี่ยงดาบตอบโต้


ปราณอสูรที่ผสมผสานกับปราณดาบ พุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงจนน่าเหลือเชื่อ ถล่มเป้าหมายพร้อมกับสร้างเปลวไฟสีดำลุกไหม้


สำหรับชาวจักรวรรดิ ปราณดาบที่ทรงพลังเหนือธรรมชาติคือสิ่งที่พวกมันเคยเผชิญอยู่บ่อยครั้ง


เปรี้ยง!


บุคคลที่อยู่ด้านหน้าสุดของกองอัศวินป้องกันไว้ได้


ไม่ใช่ใครนอกจากราชาอมตะ เกล็นฮาล ผู้ปรากฏกายบนราชรถที่ถูกลากด้วยสัตว์ร้ายตัวใหญ่


“คึ่ก!”


การโจมตีที่สามารถตัดผ่านอาคารใหญ่ได้เหมือนกับเต้าหู้


ปราณดาบที่ผสานกับปราณอสูรทั้งแข็งแกร่งและหนักหน่วงจนเกล็นฮาลต้องจ่ายด้วยราคาแพง ต้องขอบคุณการตอบสนองอย่างยอดเยี่ยมจากสัญชาตญาณ เกล็นฮาลป้องกันไว้ได้สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเกิดรอยตัดขนาดใหญ่บนหน้าอก


ทว่า


ฉูด!!


หน้าผากของอัศวินจำนวนหนึ่งซึ่งอยู่ด้านหลังเกล็นฮาลในทิศเยื้องซ้ายและเยื้องขวา เกิดรอยแผลเป็นทางยาว เลือดสีแดงสาดกระเซ็น ส่งผลให้ม้าลากราชรถรีบวิ่งหนีไปอย่างตื่นตกใจ


“ด…ได้ยังไง…”


อัศวินถามด้วยเสียงสั่น


ราชาอมตะ เกล็นฮาล


มันคือหนึ่งในดยุคแห่งจักรวรรดิที่เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง แต่ถึงอย่างนั้นกลับมิอาจป้องกันการโจมตีจากอสูรธรรมดา มิใช่จอมอสูร


เป็นสถานการณ์ที่ยากจะให้ทำใจเชื่อลง


ไม่สิ มันเหมือนกับฝันร้าย ฝันร้ายที่ไม่มีใครอยากให้เกิด


เกล็นฮาลซึ่งหยุดการไหลของเลือดด้วยการเกร็งกล้ามเนื้ออก เหยียดแขนออกไปด้านหลัง


เป็นสัญญาณเพื่อบอกให้อัศวินที่กำลังกระวนกระวายและต้องการเข้ามาช่วย หยุดความคิดนั้น


“ไม่ต้องห่วงฉัน… กระจายตัวออกไป ปกป้องผู้คนให้ได้มากที่สุด”


“…ครับ!”


นักรบบนเกวียนม้าศึกเหล่านี้คืออัศวินประจำตระกูลเกล็นฮาล


สำหรับพวกมัน ลำดับความสำคัญสูงสุดคือดยุคเกล็นฮาล มิใช่ประชาชน จักรวรรดิ หรือจักรพรรดิ


เป็นธรรมดาที่พวกมันต้องการจะอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องเกล็นฮาล


แต่เหตุผลที่ทุกคนยอมระงับความรู้สึกส่วนตัวและทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด เป็นเพราะเข้าใจเจตนาที่แท้จริงของเจ้านาย


ดยุคเกล็นฮาลมักเรียกกรุงไททันว่าเป็นหัวใจแห่งจักรวรรดิ


มันเคยกล่าวไว้ว่า ต่อให้ทุกสิ่งในจักรวรรดิล่มสลาย แต่จักรวรรดิยังฟื้นฟูกลับมาได้หากที่กรุงไททันยังคงอยู่


นั่นคือเหตุผลที่เกล็นฮาลละทิ้งดินแดนของตระกูลและพากองทัพมาประจำการในกรุงไททัน


“แปลกมาก…”


เซปาร์เอียงคออีกครั้ง ผมที่หยักศกของมัน ครึ่งหนึ่งเป็นสีขาว ส่วนอีกครึ่งเป็นสีแดงเพราะถูกแสงจันทร์ย้อม


“รสชาติห่วย”


สายตาอันเย็นชาของเซปาร์กำลังจดจ้องชุดเกราะตัวหนาของเกล็นฮาล


“แผลตื่นกว่าที่คิด”


ดาบของเซปาร์คมที่สุดในนรก แม้แต่ผิวหนังของเหล่าราชาที่แข็งกว่าเหล็กกล้าก็ยังถูกฟันขาดมาแล้ว


ทว่า หลังจากข้ามเขตแดนนรกมายังโลกมนุษย์ มันกลับเกิดความรู้สึกประหลาดคล้ายคมดาบทื่อลง


มีมนุษย์บางคนไม่ถูกฟันอย่างที่ควรจะเป็น


เช่นเดียวกับมนุษย์ที่อยู่บนราชรถคันใหญ่


“หรือว่า… ชุดเกราะอดามันเทียม?”


เทพบนแอสการ์ดเลือกยืนข้างมนุษย์แล้วหรือ?


ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เซปาร์จะเกิดคำถามเช่นนั้น


ชุดเกราะของมนุษย์ตรงหน้ายอดเยี่ยมเกินไป


ดยุคเกล็นฮาลฉีกยิ้มกว้าง กล่าวพลางจ้องหน้าเซปาร์ที่กำลังฉงนสุดขีด


“มันคือส่วนผสมระหว่างมิธริลกับเหล็กนิล”


“เจ้าคงคิดว่าข้าโง่เพราะมาจากนรก”


เซปาร์ที่คลั่งไคล้ในดาบ ย่อมเชี่ยวชาญแร่และรู้จักมิธริลกับเหล็กนิล


มิธริลมีสรรพคุณชนะทางปราณอสูร และเหล็กนิลแข็งกว่าเหล็กกล้า


แต่เซปาร์ทราบดี ไม่มีทางที่โลหะสองชนิดนี้จะถูกถลุงจนแข็งตัวในระดับที่สามารถต้านทานดาบของมัน


รอยยิ้มเกล็นฮาลทวีความลึก


“ไม่เชื่ออย่างนั้นหรือ? ฮะฮะ! แกนี่ช่างไม่รู้อะไรเลย”


“หมายความว่ายังไง?”


ดยุคเกล็นฮาลไม่เสียเวลาพูดคุย มันโน้มตัวไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม ร่างกายทำมุมฉากกับพื้น กล้ามเนื้อแผ่นหลังเริ่มบวมพอง


“ชิ…”


เซปาร์ขมวดคิ้ว มันส่ายศีรษะเนื่องจากหงุดหงิดที่มนุษย์ตรงหน้าไม่ยอมช่วยไขความกระจ่าง


ทันใดนั้น


ฉูด—!


เลือดจำนวนมากพวยพุ่งออกจากหัวไหล่เกล็นฮาล


ดาบถูกฟันผ่านชุดเกราะและกรีดเนื้อหนังโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า เกิดเป็นแผลลึกลงไปถึงกระดูกไหปลาร้าของดยุคเกล็นฮาล


แต่มันเล็งไปที่คอ


กึก!


ดยุคเกล็นฮาลยันพื้นพร้อมกับกระโจนออกจากรถม้าในแนวเฉียง


ราชาอมตะ


ยิ่งได้รับบาดเจ็บ ค่าต้านทานทางกายภาพและการระเบิดพลังของนักรบคลั่งก็ยิ่งแข็งแกร่ง เป็นการตอบโต้ที่เปี่ยมไปด้วยบรรยากาศน่าสะพรึง


ทว่า เซปาร์มิได้รู้สึกพิเศษ เพียงเหวี่ยงดาบโดยปราศจากอารมณ์ทางสีหน้า


ปราณดาบและปราณอสูรพุ่งตรงด้วยความเร็วสูง วัตถุทั้งหมดที่ขวางทางถูกฟันขาดในพริบตา แน่นอนว่าเกล็นฮาลก็ถูกนับรวมเข้าไปด้วย


“…”


ดยุคเกล็นฮาลซึ่งชุดเกราะและผิวหนังขาดวิ่น ดวงตาของมันแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลนในทันที การจู่โจมที่ดูราวกับสัตว์ร้ายสิ้นสุดลงโดยเข้าไม่ถึงตัวเซปาร์


ทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงหนึ่งเมตร แต่ดูเหมือนจะไกลจนไม่มีวันเอื้อมถึง


“อย่างที่คิด… รสชาติห่วย”


ไม่น่าอภิรมย์เลยสักนิด


เซปาร์พึมพำพร้อมกับเดินผ่านร่างเกล็นฮาลโดยคิดหันไปมอง เพราะไม่มีความจำเป็นต้องแยแสศพที่ตายไปแล้ว


หมับ


“…?”


ความประหลาดใจเริ่มก่อตัว


ในวินาทีที่ถูกคนตายลุกขึ้นมาจับบ่า เซปาร์ได้แต่ตั้งคำถามว่า ใครกันที่เปลี่ยนให้ชายคนนี้กลายเป็นอันเดด


“ฉัน…”


ผู้คนอาจให้ความสนใจกับกริดเป็นพิเศษเนื่องจากระบบการเขียนมหากาพย์


แต่กริดไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก


คำคำหนึ่งมักถูกเน้นย้ำอยู่บ่อยครั้ง:


‘เวลา’ เป็นธรรมกับทุกคนเสมอ


ทุกครั้งที่กริดทำงานหนักจนประสบความสำเร็จในบางสิ่งหรือแข็งแกร่งขึ้น ยังมีอีกหลายคนบนโลกได้รับผลแบบเดียวกันโดยไม่มีใครมองเห็น


“…คือราชาอมตะ”


ย้อนกลับไปในอดีต มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่ดยุคแห่งจักรวรรดิถูกขนานนามให้เป็นจุดสูงสุดของมนุษยชาติ


จากบรรดาพวกมัน ดยุคเกล็นฮาลถูกยกย่องมากเป็นพิเศษ


แม้เกล็นฮาลจะทำผลงานได้ไม่ดีนักเมื่อครั้งจอมอสูรรุกรานโลก แต่ปัจจุบันก็ยังถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด


หลายคนได้แต่ตัดพ้อ


พวกมันน้อยเนื้อต่ำใจว่า เหตุใดมนุษย์ถึงต้องมีร่างกายอ่อนแอโดยกำเนิด


เป็นเพราะมนุษย์เกิดมาอ่อนแอ จึงยากที่จะมีใครก้าวข้ามดยุคแห่งจักรวรรดิซึ่งเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ทางด้านร่างกาย


แต่นั่นคือความเข้าใจที่ผิด


เหตุผลที่ดยุคเกล็นฮาลแห่งจักรวรรดิ ยังคงเป็นหนึ่งในมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด


เปรี้ยง!!


ไม่ใช่เพราะมันมีพรสวรรค์ทางด้านร่างกาย แต่เป็นเพราะเกล็นฮาลไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง


เพื่อที่จะกลายเป็นกำลังสำคัญในมหาสงครามซึ่งกำลังจะเริ่ม เกล็นฮาลฝึกฝนอย่างหนักในทุกวัน


ทัศนคติของมันแตกต่างจากอสูรที่เอาแต่พึ่งพาความแข็งแกร่งโดยธรรมชาติ


“…!”


ร่างของเซปาร์ที่ถูกหมัดเสยจากเกล็นฮาล ลอยขึ้นไปในอากาศ


เบอร์เซิกเกอร์


สามารถใช้งานอาวุธทุกชนิดได้เป็นเลิศ แม้แต่ร่างกายก็ถูกใช้เป็นอาวุธ


ยิ่งได้รับบาดเจ็บ ร่างกายก็ยิ่งแหลมคมมากกว่าอาวุธใดทั้งหมด


เพียงแต่


คู่ต่อสู้ในคราวนี้เลวร้ายเกินไป


อสูรธรรมดาที่เคยปราบจอมอสูรลำดับสิบสามด้วยดาบเล่มเดียว


หากไม่นับจอมอสูรหลักเดียว เซปาร์คือหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดของนรก


“…ยอดเยี่ยม”


เซปาร์ที่ปล่อยให้ร่างกายกระเด็นไปโดยไม่ต่อต้าน เผยรอยยิ้มหลังจากตั้งหลัก


“ต้องฝึกหนักเพียงใด มนุษย์ถึงจะมีร่างกายแบบนี้?”


เซปาร์หมุนตัวกลับ


ฟ้าว!


กำลังพุ่งลงมา


สิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ซึ่งแต่เดิมเป็นเพียงจุดเล็กๆ บนท้องฟ้า ตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นในพริบตา


“ข้าขอชื่นชมเจ้า และขอมอบโอกาสในการลิ้มรสวิชาดาบของข้า”


เซปาร์จัดระเบียบร่างกายขณะพุ่งลง จากนั้นก็เหวี่ยงดาบฟัน


มิใช่ท่วงท่าการฟันดาบปรกติ แต่เป็นวิชาเดียวกับเมื่อครั้งฟันทำลายขอบเขตของโลก


ขณะที่ดาบของมันเตรียมปะทะกับกำปั้นดยุคเกล็นฮาลกลางอากาศ


“ไอ้ลูกหมา… ทำไมถึงต้องมาแถวนี้… น่ารำคาญชะมัด”


เป็นน้ำเสียงที่เจือความหงุดหงิด แถมยังถูกเปล่งออกมาด้วยความเร็ว


คำพูดหนึ่งประโยคเริ่มขึ้นและจบลงภายในไม่ถึงหนึ่งส่วนสิบของลมหายใจ


หมายความว่า ผู้พูดอาศัยอยู่ในโลกที่มีความเร็วไม่เท่ากับคนอื่น


เปรี้ยง!


เซปาร์รู้สึกเย็นสันหลังขึ้นมาทันที


ท่ามกลางทัศนวิสัยซึ่งเต็มไปด้วยสีฟ้าสว่าง เซปาร์เริ่มมองเห็นทิวแถวของกำแพง


ฟ้าว!


กำแพงจักรวรรดิที่ถูกสร้างใหม่ให้สูงกว่าเดิม แข็งแรงกว่าเดิม หลังจากถูกทำลายไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนด้วยเหตุผลบางประการ


เซปาร์ถูกโจมตีด้วยสายฟ้าจนร่างกายพุ่งกระเด็นประหนึ่งกระสุนปืนใหญ่เข้าหาพวกมัน


เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!


ด้วยพรสวรรค์ทางด้านร่างกายที่เกิดมาพร้อมกับสายฟ้า


ตัวตนพรสวรรค์ที่เทพสงคราม เซราทุล ถึงกับต้องส่งหนึ่งในสามยอดนักรบ ลีจองมาปกป้อง


เสาหลักคนสุดท้ายของจักรวรรดิ


‘ไคล์มือเดียว’ กล่าวเสียงขรึมหลังจากโผล่มาอยู่ด้านข้างเกล็นฮาล


“ที่ฉันช่วยนาย เพราะคิดว่ามันคงวุ่นวายถ้าฉันต้องจัดการอะไรคนเดียว”


“ฮะฮะ! นายก็แค่อยากจัดการอสูรตัวนั้นสินะ ตกลง… มาปกป้องจักรวรรดิไปด้วยกัน”


“เหลวไหลน่า… คึ่ก!”


โดนฟันตั้งแต่ตอนไหน?


ขณะเช็ดเลือดออกจากเปลือกตา สีหน้าไคล์บิดเบี้ยวราวกับกำลังเคี้ยวขี้


อันที่จริง ไม่ว่าจักรวรรดิจะถูกทำลายหรือไม่ มันมิได้แยแส


แต่ไคล์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตัวมีประโยชน์ ด้วยเกรงว่ากริดจะตัดแขนอีกข้างทิ้งหากตนเอาแต่อยู่เฉยๆ


ด้านหลังไคล์ ราชาสัตว์ป่า มอริส และอัศวินสีชาดจำนวนหนึ่งกำลังวิ่งตามมา นอกจากนั้นยังมีพีคซอร์ดที่มาถึงตามคำสั่งลอเอลด้วยวาร์ปเกต


“อัญเชิญยารุกต์!”


ชิ้นส่วนลับปรากฏขึ้นแล้ว


***


กรุงไรน์ฮาร์ท เมืองหลวงของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


“…ปล่อยพวกเราออกไปจัดการกับอสูรได้แล้ว!”


ในกรุงไรน์ฮาร์ทมีวาร์ปเกตถูกติดตั้งอยู่หลายแห่ง


แต่ผู้เล่นไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากมีทหารคอยคุ้มกันอยู่


ขณะที่ผู้เล่นอาณาจักรอื่นกำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ผู้เล่นอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ดิ้นรนที่จะออกไป


พวกมันไม่อยากนั่งอมนิ้วและเฝ้ามองคนอื่นเผชิญเคราะห์กรรม


ขณะผู้เล่นเริ่มตัดสินใจทยอยออกจากเมือง


“ข้ารับใช้ของท่าน ปิอาโร่ กลับจากการเดินทางแล้ว”


ปิอาโร่และเหล่าอัศวินกลับมาถึงเมืองหลวงและเข้าพบกริดเพื่อรายงานตัว


ราชาดาร์คเอลฟ์ซึ่งถูกจับมาเป็นเชลย ขบกรามแน่นพลางจ้องหน้ากริด แต่ทันใดนั้นก็ต้องก้มศีรษะลงเพื่อหลบสายตา


เป็นอีกครั้งที่ปิอาโร่และเหล่าอัศวิน ชื่นชมความแข็งแกร่งของผู้เป็นนาย


ราชาเอลฟ์ซึ่งดิ้นรนขัดขืนอยู่หลายวันนับตั้งแต่ถูกจับตัว


เพียงครู่เดียวที่ได้สบตากริด มันพลันตระหนักถึงความแข็งแกร่งที่ต่างชั้นและรีบทำตัวเป็นลูกแกะน้อยน่ารัก


“ฉันสร้างหอดาบขึ้นมา”


“หอดาบ…”


“ตามชื่อของมัน เป็นหอคอยสำหรับศึกษาและขัดเกลาวิชาดาบ… ฉันเชิญยอดฝีมือมาเป็นเจ้าแห่งหอดาบ ขอแนะนำให้นายแวะเข้าไปชม”


ซินกูเล็ดมองด้วยสายตาฉงน


“กระหม่อมสงสัยว่า… มีนักดาบคนใดในยุคสมัยนี้เก่งกาจพอที่จะสั่งสอนพวกเราด้วยหรือ…”


ครอเกล อริยดาบคนปัจจุบัน ยังไม่ผลิบานเต็มที่


นอกจากครอเกลก็ไม่น่าจะมีนักดาบที่ยอดเยี่ยมไปกว่านี้อีก แล้วใครคือเจ้าแห่งหอดาบที่ถูกเชิญมา?


อากัปกิริยาของเหล่าอัศวินเป็นไปอย่างกระอักกระอ่วน


ดันเต้ซึ่งเคยเป็นอาจารย์สอนดาบให้อัศวินสีชาดยุคเก่า เกิดความรู้สึกอยากทดสอบฝีมือเจ้าแห่งหอดาบนิรนาม


“นั่นสิ จะเป็นใครกันนะ…? ทำไมไม่ลองไปดูด้วยตาตัวเองล่ะ?”


กริดไม่อยากสนทนานานนัก เพราะตอนนี้เริ่มคันปากอยากเปิดเผยตัวตนของบีบัน


ดวงตาของปิอาโร่พลันหม่นหมอง


‘ต้องเป็นนักดาบแบบใดกัน ฝ่าบาทถึงได้ยกย่องมากขนาดนี้’


ณ ปัจจุบัน อาณาจักรโอเวอร์เกียร์กำลังสงบสุขมากกว่าที่อื่น


แม้แต่กริดเองก็บรรเทาความกังวลลงหลายส่วน


เนื่องจากเหล่ายอดเสนาธิการอย่างลอเอลและซือหม่าเซียนได้เตรียมความพร้อมอย่างรัดกุมในทุกมิติ แถมกำลังเสริมที่พึ่งพาได้ก็ทยอยกลับจากภารกิจมาให้ใช้งาน


ในเวลานี้ สิ่งที่กริดต้องสนใจมีเพียงงานที่อยู่ตรงหน้า


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,032
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00