จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,505



“พวกเราต้องไปแล้ว ฝากเก็บกวาดที่เหลือด้วย”


“กริด ขอให้โชคดี… วาสนาของข้ากับโลกใบนี้คงจบสิ้นแล้ว ถ้าอยากพบกันอีก ทางเดียวคือเจ้าต้องแวะไปที่หอคอ… อุฟ! อุฟ!”


หลังจากสนทนากับกริดอีกสักพัก ฮายาเตะพาบีบันกลับ


มันกระโดดขึ้นไปในอากาศและเลือนหายไปอย่างเงียบเชียบ


ฉากตรงหน้ามหัศจรรย์เสียจนไม่มีใครสนใจคำพูดบีบัน


ตรงข้ามกับเทพสงครามที่บุกรุกเข้ามาด้วยความโอหังและพ่ายแพ้อย่างสิ้นท่า ฮายาเตะทั้งยิ่งใหญ่และสูงสง่ากว่าหลายเท่า


เป็นฉากที่ยากจะลืมเลือนไปตลอดชีวิต


“จงลืมทุกสิ่งที่ได้เห็นในวันนี้”


…แต่พวกมันต้องลืม


“ค่ะ/ครับ”


ทุกคนที่นี่ น้อยคนนักจะไม่จงรักภักดีต่ออาณาจักรโอเวอร์เกียร์ พวกมันล้วนเป็นบุคคลใกล้ชิดของกริด


หากกริดสั่งให้ไปตาย ทุกคนก็จะไปตาย ถ้าสั่งให้ลืม ทุกคนก็จะลืม


เมอร์เซเดสเป็นผู้นำในการขานรับอย่างเคร่งครัด คนอื่นรีบส่งเสียงตาม


“…”


ปิอาโร่และเหล่าอัศวินต่างจ้องมองเมอร์เซเดสด้วยสายตาประหลาดใจ


เด็กสาวซึ่งถูกปิอาโร่สมัยยังเป็นอัศวินสีชาด พามาแนะนำให้ทุกคนรู้จัก


อดีตอัศวินสีชาดต่างจดจำเธอได้แม่นยำ โดยเฉพาะในยามที่เธอกลายเป็นราชาแห่งอัศวินทั้งปวง


เมอร์เซเดสเป็นเด็กสาวที่ซื่อตรงและบริสุทธิ์ผุดผ่อง


เพียบพร้อมทั้งฝีมือและอุปนิสัย


แต่ปัจจุบัน เธอเปลี่ยนไปมาก


น้ำเสียงอันขึงขังและสายตาแสนเย็นชาในยามตวาดเทพสงครามให้หุบปาก ถูกสลักไว้ในจิตใจเหล่าอัศวินโดยถ้วนหน้า


เมื่อทุกคนย้อนนึกถึงฉากดังกล่าว ไม่มีใครไม่รู้สึกขนลุก


“หัวหน้า… เด็กคนนั้นจะไม่เป็นอะไรแน่หรือ?”


“อา…”


เมื่อได้ยินอเมลด้าถามด้วยความเป็นห่วง ปิอาโร่จมดิ่งอยู่ในภวังค์ทันที สีหน้าแววตาเผยความไม่สบายใจ


ความห้าวหาญและความศรัทธาอย่างแรงกล้าที่ไม่สั่นคลอนแม้ในยามเผชิญหน้าทวยเทพ


พวกมันต่างกังวลว่า ด้วยธรรมชาติเช่นนี้ ชีวิตของเมอร์เซเดสอาจตกอยู่ในอันตรายเข้าสักวัน


แต่ปิอาโร่มิได้อยู่ในฐานะที่จะมอบคำแนะนำ


เมอร์เซเดสทำตามหน้าที่ของเธอ


แต่ในทางกลับกัน มันทำหน้าที่ของตัวเองไม่ได้


แม้จะเป็นหนึ่งในผู้ส่งสารของกริดเหมือนเมอร์เซเดส แต่มันมิใช่คนที่ยืนปกป้องกริดจากอันตราย


แน่นอนว่ามิใช่เพราะความกลัว


มันแค่ตัดสินใจอย่างเป็นเหตุเป็นผล


สถานการณ์ในตอนนั้นคือ ฮายาเตะ ไม่สิ ผู้อาวุโสที่มันต้องลืมเลือน กำลังจะปะทะกับเซราทุล


ปิอาโร่ประเมินแล้วว่า หากตนกระโดดเข้าไปร่วมวง นั่นจะเป็นการถ่วงแข้งถ่วงขาอีกฝ่ายมากกว่าช่วยเหลือ จึงทำเพียงยืนคุมเชิงอย่างใจเย็น


เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและสมบูรณ์แบบ


แต่ปิอาโร่กลับไม่สบายใจ


ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันถูกแรงกดดันของเซราทุลคุกคามจนไม่กล้าบุ่มบ่าม


ทันทีที่ซาลิเอลและเมอร์เซเดสช่วยกันทำลายม่านดาบ ลำพังตัวตนของเซราทุลสามารถสะกดความเคลื่อนไหวของทุกคนได้ในพริบตา


ไม่สิ ต้องบอกว่า ‘เกือบ’ ทุกคนจึงจะถูก


เมอร์เซเดสมิได้ยำเกรง


‘บางที เราควรก้าวออกไปเหมือนกับเธอ’


การ ‘ตัดสินใจอย่างเหมาะสม’ อาจเป็นแค่ข้ออ้างในการปลอบใจ แต่ความจริงแล้วมันกำลังหวาดกลัว


อุปนิสัยที่เถรตรงของเมอร์เซเดสจะทำให้ตัวเธอตกอยู่ในอันตราย?


แล้วมีตรงไหนที่ผิด?


เป็นเรื่องปรกติที่อัศวินและชาวนาจะต้องสละชีพเพื่อปกป้องผู้เป็นนายอยู่แล้ว


‘แต่เราละทิ้งหน้าที่ดังกล่าว…’


ปิอาโร่กำลังสับสน


เบเนียลู ภรรยาสุดที่รักของมันกำลังกุมมือไว้แนบแน่น แต่ก็ไม่ช่วยอะไร ร่างกายปิอาโร่ยังคงสั่นระริกอย่างมิอาจหักห้ามประหนึ่งคนเมาเรือ


ขณะจิตใจปิอาโร่ดำดิ่งท่ามกลางความโศกเศร้าสุดขีด


กริดจับบ่าของมัน


“ปิอาโร่”


ดังที่ได้เห็นไปในศึกเมื่อครู่ ภาวะ ‘จิตจดจ่อ’ ของฮายาเตะ เซราทุล และเมอร์เซเดสล้วนถูกขัดเกลาเพื่อการต่อสู้


ในทางกลับกัน ภาวะจิตจดจ่อของกริดมีขอบเขตกว้างขวางกว่านั้นเล็กน้อย หลักฐานพิสูจน์คือการที่มันให้ความสำคัญกับบีบันเป็นอันดับหนึ่ง


เรียกได้ว่า สามารถใช้ภาวะจิตจดจ่อกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลได้ด้วย


ในปัจจุบัน ภาวะจิตจดจ่ออาจยังถูกจำกัดอยู่แค่บุคคลที่สนิทสนม แต่นั่นก็เพียงพอที่จะช่วยให้กริด ‘ตระหนัก’ ถึงการเปลี่ยนแปลงและวิกฤติที่เกิดกับคนใกล้ตัว


เป็นภาวะที่เหนือกว่า ‘ความช่างสังเกต’ ไปอีกขั้น


กริดสามารถคาดเดาและเข้าถึงสภาพจิตใจของผู้คนได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ


ไม่มีทางที่มันจะอ่านความคิดของปิอาโร่ไม่ออก เพราะต่างฝ่ายต่างมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อกัน


“อย่าคิดฟุ้งซ่าน นายตัดสินใจได้ถูกต้องและเหมาะสมแล้ว… สถานการณ์จะยากลำบากกว่านี้หากนายผลีผลามเข้าร่วมวง”


“…ขอรับ ฝ่าบาท”


เท่านี้ก็เพียงพอ


เมฆหมอกที่คอยบดบังการมองเห็นของปิอาโร่สลายไป ความสับสนในใจถูกขจัด


หลังจากจัดการกับความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ปิอาโร่กลับมามีไฟอีกครั้ง


มันอยากรีบ ‘ตกผลึก’ คำสอนของบีบันและ ‘การบรรลุ’ ที่ได้ประจักษ์จากศึกดวลเมื่อครู่


ถูกต้อง


ไม่ใช่แค่ปิอาโร่ แต่ทั้งเมอร์เซเดสและอัศวินที่เหลือต่างก็ยังตกผลึกคำสอนของบีบันได้ไม่สมบูรณ์


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น


หลังจากได้รับคำชี้แนะจากบีบันเพียงไม่กี่ชั่วโมง เซราทุลก็ทำการบุกเมืองหลวง


พวกมันยังไม่มีเวลาในการทบทวนและวิเคราะห์คำชี้แนะ


เมื่ออ่านความคิดจากแววตาปิอาโร่ กริดเผยรอยยิ้ม


‘นึกถึงสมัยยังอยู่ที่เรย์ดัน…’


ปิอาโร่ในตอนนั้นยังคงตั้งเป้าที่จะเป็นอริยดาบ


ดวงตาของมันส่องประกายเจิดจ้า


เฉกเช่นปัจจุบัน


“ปิอาโร่ นำกองทัพออกไปพร้อมกับเหล่าอัศวิน”


เทพสงครามอาจถอนตัว แต่เศษเสี้ยวของมันยังหลงเหลือ


จำนวนของศัตรูมีไม่ต่ำกว่าสองแสน


ต้องไม่ลืมว่า สิ่งแรกที่เซราทุลทำหลังจากมาเยือนโลก คือการสร้างสาวกขึ้นมาเป็นจำนวน 230,000 คน


และคงต้องมีสาวกมือดีที่ถูกพามาพร้อมกันด้วย


นอกจากนั้นยังมีข่าวว่าสามยอดฝีมือปรากฏตัว


“ขอรับ”


ทุกคนขานรับอย่างกระฉับกระเฉง


แม้ว่าในอดีตจะเคยมีประสบการณ์กับสาวกเทพสงครามและสามยอดฝีมือมาแล้ว แต่ก็ไม่มีใครหวาดกลัว


ทุกคนล้วนมั่นใจในฝีมือของตน


โดยเฉพาะอัสโมเฟลที่แสดงความมั่นใจมากกว่าใคร


หลังจากหันมาเผชิญหน้ากับตัวเอง จิตใจอัสโมเฟลเติบโตขึ้นมาก


นอกจากนั้นยังได้รับแรงบันดาลใจจากศึกดวลระหว่างฮายาเตะกับเซราทุลเมื่อไม่นานมานี้


กริดทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี


เพราะมันเห็นจากข้อความระบบ


‘ทักษะเกิดการวิวัฒนาการ แถมค่าสถานะทุกชนิดก็ยังเพิ่มขึ้น 2%’


ผลลัพธ์เช่นนี้เกิดกับทุกคน ไม่เพียงปิอาโร่ เมอร์เซเดส และอัสโมเฟล


ไม่เว้นกระทั่งลอร์ดและราชองครักษ์


พรสวรรค์ทุกคนถูกยกระดับ เพราะพวกมันเป็น NPC กึ่งพิเศษอยู่ก่อนแล้ว


แต่แน่นอน พัฒนาการมากน้อยนั้นขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของแต่ละคน


เลเวลทักษะของอดีตอัศวินสีชาดและลอร์ดล้วนเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ชื่อของทักษะติดตัวบางชนิดถูกเพิ่มคำขยายต่อท้าย ส่วนอัศวินคนอื่นจะได้รับค่า EXP ของเลเวลทักษะตั้งแต่น้อยไปจนถึงมาก


เป็นพัฒนาการครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย


นอกจากนั้น ระหว่างการกวาดล้างสาวกเทพสงคราม พวกมันจะเติบโตยิ่งกว่าเดิมชนิดที่ไม่มีใครเทียบติด


***


กรุงไรน์ฮาร์ทยังคงอยู่ในภาวะสงบสุข


ยากที่จะให้เชื่อว่าเพิ่งถูกรุกรานโดยเทพสงคราม


นั่นเพราะเซราทุลพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว


เทพสงครามซึ่งปรากฏตัวในเขตรอบนอกเมืองหลวง ถูกขังไว้ในม่านดาบทันทีหลังจากโผล่หน้าออกมาได้ไม่นาน และเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากม่านดาบถูกทำลาย ร่างกายของมันก็สลายกลายเป็นละอองสีเทาพร้อมกับเลือนหาย


เหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ชาวเมืองทั่วไปจะรับรู้


<เทคนิคการต่อสู้ของกริดที่พรรณนาจุดจบของเทพสงคราม> (?) ขั้นสูง Lv.5

ทักษะติดตัว

เมื่อสวมใส่อาวุธ พลังโจมตีทางกายภาพและเวทมนตร์จะเพิ่มขึ้น 38%, เพิ่มความแม่นยำการโจมตีทุกชนิด 21%, ลดเวลาร่ายเวทลง 11%

★ หากเป้าหมายเป็นเทพ ผลทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นอีก 10%

★ สามารถเน้นเพิ่มพลังโจมตีกายภาพหรือเวทมนตร์ได้

★ หากเน้นพลังโจมตีกายภาพ คุณสมบัติเพิ่มพลังโจมตีเวทมนตร์ แม่นยำ และลดร่ายจะถูกปิดใช้งาน แต่พลังโจมตีกายภาพจะเพิ่มขึ้นอีก 15%

★ หากเน้นพลังโจมตีเวทมนตร์ คุณสมบัติพลังโจมตีกายภาพ แม่นยำ และลดร่ายจะถูกปิดใช้งาน แต่พลังโจมตีเวทมนตร์จะเพิ่มขึ้นอีก 15%


‘ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยกระดับทักษะติดตัว’


ทักษะติดตัวของกริดได้รับคำขยายต่อท้าย


พรรณนาจุดจบของเทพสงคราม


เป็นคำขยายที่มีมูลค่าสูงกว่า ‘ประจักษ์ความปราชัยของเทพสงคราม’ ที่เมอร์เซเดส ปิอาโร่ และอัศวินได้รับ


เฉกเช่นชื่อที่ยิ่งใหญ่ คุณสมบัติถูกยกระดับขึ้นอย่างมาก


พลังโจมตีทางกายภาพและเวทมนตร์เพิ่มขึ้น 5% ความแม่นยำอีก 10%


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเป้าหมายเป็นเทพ ประสิทธิภาพทั้งหมดจะถูกยกระดับ


‘หรือเซราทุลจะเป็นแค่เทวทูต…’


มีการยืนยันแล้วว่าอิสซาเบลกับมาร์ควิสอัชเชอร์รอดชีวิต


มีเหยื่อเพียงไม่กี่คนที่เสียชีวิตจากการรุกรานของเทพสงคราม เกือบทั้งหมดได้รับบาดเจ็บสาหัส


ต้องขอบคุณความเสียสละของดาเมี่ยน เซ็ดนอส และลาเอลล่าที่เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องผู้คน


กริดเองก็ตอบสนองได้เร็วไม่แพ้กัน


ว่ากันตามตรง การรุกรานและตายไปของเซราทุลมิได้ไร้ค่าเสียทีเดียว บุคคลสำคัญของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ต่างได้รับผลดีในแง่การเติบโต


เราเสียใจกับความตายของดาเมี่ยน เซ็ดนอส และลาเอลล่า แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้…


“อา…”


ผู้เล่นที่ถูกเซราทุลสังหารจะได้รับโทษห้ามคืนชีพเป็นเวลาสองชั่วโมง และต่อสู้ไม่ได้อีกสิบสองชั่วโมงหลังจากคืนชีพ


กริดยกย่องความตายของทุกคน จากนั้นก็ทบทวนคำชี้แนะของฮายาเตะ


เค้นพลังทำลายออกมาให้ได้มากที่สุด


คำสอนของฮายาเตะนำพากริดไปสู่จุดเริ่มต้น


ชายหนุ่มยังคงไม่ลืม


วันที่มันฝันจะสร้างดาบซึ่งสามารถเสกอุกกาบาตทุกครั้งที่ฟาดฟัน


ตอนนั้นยังไร้เดียงสาอยู่มาก


กริดยังไม่ลืมความผิดหวังและเสียใจเมื่อตระหนักว่าความฝันดังกล่าวไม่มีทางเป็นจริง


หดหู่ไปสองสามวันเห็นจะได้…


‘เด็กน้อยชะมัด…’


แม้ความคิดดังกล่าวจะเคยฟังดูเด็กน้อย แต่ปัจจุบัน กริดมีบราฮัม


ความฝันที่เกิดขึ้นสมัยยังไร้เดียงสากำลังจะเป็นจริง


ในอีกไม่ช้า ถึงจะไม่ใช่เวทอุกกาบาต แต่กริดจะสร้างดาบที่สามารถยิง ‘ดิสอินทิเกรต’ ในทุกการฟาดฟัน


และไม่เกินจริงไปนักหากจะบอกว่า ความฝันดังกล่าวใกล้เข้ามาทุกที


‘ต้องขอบคุณไม้เท้าบีเลียลที่ถูกปรับแต่ง’


เดิมที ไม้เท้าบีเลียลก็ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ ‘ก็อดไอเท็ม’ อยู่แล้ว


เป็นหนึ่งในไอเท็มเกรดตำนานเพียงไม่กี่ชิ้นที่ ‘ดรอปตามแม็ป’ โดยแม้จะผ่านไปนานหลายปี แต่ประสิทธิภาพของไม้เท้าก็ยังยอดเยี่ยมทั้งในด้านพลังโจมตีและคุณสมบัติเสริม


สิ่งที่บีเลียลทิ้งไว้มีมูลค่ามหาศาลจนกริดอดคิดไม่ได้ว่า หล่อนอาจเป็นลูกสาวลับๆ ของยาธาน


คุณสมบัติเสริมที่เพิ่มขึ้นจากการปรับแต่งมีส่วนสำคัญที่ช่วยยกระดับไม้เท้าอย่างก้าวกระโดด


เวทมนตร์ที่ร่ายสามารถเพิ่มจำนวนได้เป็นสามเท่า


จริงอยู่ที่เป็นระบบ ‘สุ่มติด’ แต่อัตราการสุ่มสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับค่าสติปัญญา


ยกตัวอย่างเป็นกริด หากชายหนุ่มใช้ศรเวท มีโอกาส 70% ที่ศรเวทจะยิงออกไปสามเส้น


และหากเสริมด้วยเวท ‘สเปรย์’ นั่นจะยิ่งดูเหมือนกับมหาเวทในตำนาน


แต่แน่นอน ความรุนแรงจะลดทอนลงหลายระดับ


‘ยิ่งเวทมนตร์ระดับสูงเกิดการทวีคูณ ประสิทธิภาพก็ยิ่งยอดเยี่ยม’


น่าเสียดายที่กริดเรียนรู้ได้เพียงเวทมนตร์พื้นฐาน จึงมิอาจดึงศักยภาพของไม้เท้าออกมาได้มากนัก


แต่สำหรับบราฮัม เรื่องราวจะต่างออกไป


ไม้เท้าบีเลียลซึ่งถูกปรับแต่งใหม่ เรียกได้ว่าเกิดมาเพื่อบราฮัมโดยเฉพาะ


‘ถ้าบราฮัมใช้ดิสอินทิเกรต มันจะไม่ออกมาสีละสี่ห้าเส้นเลยหรือ’


นั่นเป็นไม่ได้… ไม่ว่าจะพลังบราฮัมจะดูขี้โกงขนาดไหนก็ตาม…


อย่างมากก็แค่สามเท่า หรือขีดจำกัดสูงสุดก็คงไม่เกินสี่เท่า


ใช่แล้ว


โครงการหลอมละโมบด้วยดิสอินทิเกรตของบราฮัมจะเร็วกว่าเดิมสามถึงสี่เท่า


อย่างช้าที่สุด กริดจะได้รับละโมบที่ฝังดิสอินทิเกรตภายในปีหน้า


จากนั้นก็จะเริ่มก้าวเข้าสู่แนวทางที่ฮายาเตะแนะนำ – เค้นพลังทำลายออกมาให้ได้มากที่สุด


‘…ไม่สิ เราเริ่มได้ทันทีตอนนี้เลย’


กริดเปิดหน้าพิมพ์เขียวอาวุธมังกรซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการออกแบบ


โครงสร้างที่คำนึงถึงคุณสมบัติของอาวุธ อ่านแล้วค่อนข้างน่าประทับใจ


อาวุธซึ่งถูกออกแบบเพื่อดึงศักยภาพของวัสดุอย่างเขี้ยวมังกรออกมาจนถึงขีดสุด


กริดเริ่มแก้ไขพิมพ์เขียวอันซับซ้อนที่เคยออกแบบไว้อย่างยากลำบาก


ปรับเปลี่ยนมันให้เรียบง่ายเหมือนกับดาบจันทราดับ เน้นใช้งานสะดวกและเพิ่มพลังทำลาย


‘แล้วก็…’


มันไตร่ตรองหาวิธีนำละโมบมาใช้แบบใหม่


ผสานมวลทางกายภาพของละโมบเข้ากับเวทมนตร์


ในเมื่อเป็นคำแนะนำโดยตรงจากปากฮายาเตะ มันต้องยอดเยี่ยมอย่างไร้ข้อกังขา


กริดนำละโมบออกจากช่องสัมภาระ


ละโมบถูกทิ้งให้งอกเงยหลังจากสร้างหัตถ์เทวะสามสิบข้างเสร็จ


ปัจจุบันมีปริมาณมากพอจะสร้างหัตถ์เทวะได้หกข้าง


กริดสั่งให้มันลอยขึ้นไปในอากาศ


ละโมบซึ่งงอกเงยอย่างรวดเร็วจนมีขนาดใหญ่ ลอยขึ้นไปสูงเหนือศีรษะกริดราว 1.5 กิโลเมตร


นั่นคือระยะทางไกลที่สุดเท่าที่กริดสามารถควบคุมได้


หากไกลกว่า 1.5 กิโลเมตร ละโมบจะถูกส่งกลับเข้าช่องสัมภาระทันที


นี่คือระยะทางที่เพิ่มขึ้นจากเดิมมากแล้ว


ยิ่งค่าพลังจิตเพิ่มขึ้น ระยะทางที่ควบคุมได้ก็จะยิ่งไกลขึ้น


‘พุ่งลงมาให้เร็วที่สุด’


ชุดคำสั่งคือสิ่งสำคัญในการควบคุมหัตถ์เทวะ


คำสั่งที่กริดป้อนเข้าไป จะกลายเป็นเจตจำนงของหัตถ์เทวะในเวลานั้นทันที


ฟ้าว!


เมื่อละโมบซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8 เมตรพุ่งกระแทกพื้นด้วยความเร็วสูงสุดตามความประสงค์ของกริด ผืนดินพลันสั่นสะเทือน


ยิ่งละโมบมีมวลมาก และยิ่งอยู่ในรูปทรงที่อันตรายเช่นดาบ อานุภาพของมันก็ยิ่งเพิ่มเป็นเท่าตัว


‘ในอนาคต เราควรพกพาละโมบไว้เหนือศีรษะ มิใช่ช่องสัมภาระ’


สำหรับระยะทาง 1.5 กิโลเมตร จะให้เรียกว่าสั้นก็คงไม่ได้


และเนื่องจากละโมบถูกจำแนกเป็นเพียงวัตถุชนิดหนึ่ง ยากที่จะมีใครสังเกตเห็นในระยะทาง 1.5 กิโลเมตร


‘กุญแจสำคัญคือการฝึกฝนค่าพลังจิต’


หลังจากนี้คงต้องหาวิธีเพิ่มค่าพลังจิตจากการสวมใส่ไอเท็ม


ขณะชายหนุ่มเตรียมกลับไปสานต่องานสร้างเตาหลอม ข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นตรงมุมสายตา


เป็นข้อความแจ้งเตือนว่ากริดเหลือเวลาออนไลน์อีกสองชั่วโมงก่อนจะถึงขีดจำกัด


เมื่อนึกถึงคำพูดลอเอล ชายหนุ่มล็อกเอาต์ออกจากเกมทันที


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,055
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00