จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,505
“พวกเราต้องไปแล้ว ฝากเก็บกวาดที่เหลือด้วย”
“กริด ขอให้โชคดี… วาสนาของข้ากับโลกใบนี้คงจบสิ้นแล้ว ถ้าอยากพบกันอีก ทางเดียวคือเจ้าต้องแวะไปที่หอคอ… อุฟ! อุฟ!”
หลังจากสนทนากับกริดอีกสักพัก ฮายาเตะพาบีบันกลับ
มันกระโดดขึ้นไปในอากาศและเลือนหายไปอย่างเงียบเชียบ
ฉากตรงหน้ามหัศจรรย์เสียจนไม่มีใครสนใจคำพูดบีบัน
ตรงข้ามกับเทพสงครามที่บุกรุกเข้ามาด้วยความโอหังและพ่ายแพ้อย่างสิ้นท่า ฮายาเตะทั้งยิ่งใหญ่และสูงสง่ากว่าหลายเท่า
เป็นฉากที่ยากจะลืมเลือนไปตลอดชีวิต
“จงลืมทุกสิ่งที่ได้เห็นในวันนี้”
…แต่พวกมันต้องลืม
“ค่ะ/ครับ”
ทุกคนที่นี่ น้อยคนนักจะไม่จงรักภักดีต่ออาณาจักรโอเวอร์เกียร์ พวกมันล้วนเป็นบุคคลใกล้ชิดของกริด
หากกริดสั่งให้ไปตาย ทุกคนก็จะไปตาย ถ้าสั่งให้ลืม ทุกคนก็จะลืม
เมอร์เซเดสเป็นผู้นำในการขานรับอย่างเคร่งครัด คนอื่นรีบส่งเสียงตาม
“…”
ปิอาโร่และเหล่าอัศวินต่างจ้องมองเมอร์เซเดสด้วยสายตาประหลาดใจ
เด็กสาวซึ่งถูกปิอาโร่สมัยยังเป็นอัศวินสีชาด พามาแนะนำให้ทุกคนรู้จัก
อดีตอัศวินสีชาดต่างจดจำเธอได้แม่นยำ โดยเฉพาะในยามที่เธอกลายเป็นราชาแห่งอัศวินทั้งปวง
เมอร์เซเดสเป็นเด็กสาวที่ซื่อตรงและบริสุทธิ์ผุดผ่อง
เพียบพร้อมทั้งฝีมือและอุปนิสัย
แต่ปัจจุบัน เธอเปลี่ยนไปมาก
น้ำเสียงอันขึงขังและสายตาแสนเย็นชาในยามตวาดเทพสงครามให้หุบปาก ถูกสลักไว้ในจิตใจเหล่าอัศวินโดยถ้วนหน้า
เมื่อทุกคนย้อนนึกถึงฉากดังกล่าว ไม่มีใครไม่รู้สึกขนลุก
“หัวหน้า… เด็กคนนั้นจะไม่เป็นอะไรแน่หรือ?”
“อา…”
เมื่อได้ยินอเมลด้าถามด้วยความเป็นห่วง ปิอาโร่จมดิ่งอยู่ในภวังค์ทันที สีหน้าแววตาเผยความไม่สบายใจ
ความห้าวหาญและความศรัทธาอย่างแรงกล้าที่ไม่สั่นคลอนแม้ในยามเผชิญหน้าทวยเทพ
พวกมันต่างกังวลว่า ด้วยธรรมชาติเช่นนี้ ชีวิตของเมอร์เซเดสอาจตกอยู่ในอันตรายเข้าสักวัน
แต่ปิอาโร่มิได้อยู่ในฐานะที่จะมอบคำแนะนำ
เมอร์เซเดสทำตามหน้าที่ของเธอ
แต่ในทางกลับกัน มันทำหน้าที่ของตัวเองไม่ได้
แม้จะเป็นหนึ่งในผู้ส่งสารของกริดเหมือนเมอร์เซเดส แต่มันมิใช่คนที่ยืนปกป้องกริดจากอันตราย
แน่นอนว่ามิใช่เพราะความกลัว
มันแค่ตัดสินใจอย่างเป็นเหตุเป็นผล
สถานการณ์ในตอนนั้นคือ ฮายาเตะ ไม่สิ ผู้อาวุโสที่มันต้องลืมเลือน กำลังจะปะทะกับเซราทุล
ปิอาโร่ประเมินแล้วว่า หากตนกระโดดเข้าไปร่วมวง นั่นจะเป็นการถ่วงแข้งถ่วงขาอีกฝ่ายมากกว่าช่วยเหลือ จึงทำเพียงยืนคุมเชิงอย่างใจเย็น
เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและสมบูรณ์แบบ
แต่ปิอาโร่กลับไม่สบายใจ
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันถูกแรงกดดันของเซราทุลคุกคามจนไม่กล้าบุ่มบ่าม
ทันทีที่ซาลิเอลและเมอร์เซเดสช่วยกันทำลายม่านดาบ ลำพังตัวตนของเซราทุลสามารถสะกดความเคลื่อนไหวของทุกคนได้ในพริบตา
ไม่สิ ต้องบอกว่า ‘เกือบ’ ทุกคนจึงจะถูก
เมอร์เซเดสมิได้ยำเกรง
‘บางที เราควรก้าวออกไปเหมือนกับเธอ’
การ ‘ตัดสินใจอย่างเหมาะสม’ อาจเป็นแค่ข้ออ้างในการปลอบใจ แต่ความจริงแล้วมันกำลังหวาดกลัว
อุปนิสัยที่เถรตรงของเมอร์เซเดสจะทำให้ตัวเธอตกอยู่ในอันตราย?
แล้วมีตรงไหนที่ผิด?
เป็นเรื่องปรกติที่อัศวินและชาวนาจะต้องสละชีพเพื่อปกป้องผู้เป็นนายอยู่แล้ว
‘แต่เราละทิ้งหน้าที่ดังกล่าว…’
ปิอาโร่กำลังสับสน
เบเนียลู ภรรยาสุดที่รักของมันกำลังกุมมือไว้แนบแน่น แต่ก็ไม่ช่วยอะไร ร่างกายปิอาโร่ยังคงสั่นระริกอย่างมิอาจหักห้ามประหนึ่งคนเมาเรือ
ขณะจิตใจปิอาโร่ดำดิ่งท่ามกลางความโศกเศร้าสุดขีด
กริดจับบ่าของมัน
“ปิอาโร่”
ดังที่ได้เห็นไปในศึกเมื่อครู่ ภาวะ ‘จิตจดจ่อ’ ของฮายาเตะ เซราทุล และเมอร์เซเดสล้วนถูกขัดเกลาเพื่อการต่อสู้
ในทางกลับกัน ภาวะจิตจดจ่อของกริดมีขอบเขตกว้างขวางกว่านั้นเล็กน้อย หลักฐานพิสูจน์คือการที่มันให้ความสำคัญกับบีบันเป็นอันดับหนึ่ง
เรียกได้ว่า สามารถใช้ภาวะจิตจดจ่อกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลได้ด้วย
ในปัจจุบัน ภาวะจิตจดจ่ออาจยังถูกจำกัดอยู่แค่บุคคลที่สนิทสนม แต่นั่นก็เพียงพอที่จะช่วยให้กริด ‘ตระหนัก’ ถึงการเปลี่ยนแปลงและวิกฤติที่เกิดกับคนใกล้ตัว
เป็นภาวะที่เหนือกว่า ‘ความช่างสังเกต’ ไปอีกขั้น
กริดสามารถคาดเดาและเข้าถึงสภาพจิตใจของผู้คนได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ไม่มีทางที่มันจะอ่านความคิดของปิอาโร่ไม่ออก เพราะต่างฝ่ายต่างมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อกัน
“อย่าคิดฟุ้งซ่าน นายตัดสินใจได้ถูกต้องและเหมาะสมแล้ว… สถานการณ์จะยากลำบากกว่านี้หากนายผลีผลามเข้าร่วมวง”
“…ขอรับ ฝ่าบาท”
เท่านี้ก็เพียงพอ
เมฆหมอกที่คอยบดบังการมองเห็นของปิอาโร่สลายไป ความสับสนในใจถูกขจัด
หลังจากจัดการกับความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ปิอาโร่กลับมามีไฟอีกครั้ง
มันอยากรีบ ‘ตกผลึก’ คำสอนของบีบันและ ‘การบรรลุ’ ที่ได้ประจักษ์จากศึกดวลเมื่อครู่
ถูกต้อง
ไม่ใช่แค่ปิอาโร่ แต่ทั้งเมอร์เซเดสและอัศวินที่เหลือต่างก็ยังตกผลึกคำสอนของบีบันได้ไม่สมบูรณ์
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น
หลังจากได้รับคำชี้แนะจากบีบันเพียงไม่กี่ชั่วโมง เซราทุลก็ทำการบุกเมืองหลวง
พวกมันยังไม่มีเวลาในการทบทวนและวิเคราะห์คำชี้แนะ
เมื่ออ่านความคิดจากแววตาปิอาโร่ กริดเผยรอยยิ้ม
‘นึกถึงสมัยยังอยู่ที่เรย์ดัน…’
ปิอาโร่ในตอนนั้นยังคงตั้งเป้าที่จะเป็นอริยดาบ
ดวงตาของมันส่องประกายเจิดจ้า
เฉกเช่นปัจจุบัน
“ปิอาโร่ นำกองทัพออกไปพร้อมกับเหล่าอัศวิน”
เทพสงครามอาจถอนตัว แต่เศษเสี้ยวของมันยังหลงเหลือ
จำนวนของศัตรูมีไม่ต่ำกว่าสองแสน
ต้องไม่ลืมว่า สิ่งแรกที่เซราทุลทำหลังจากมาเยือนโลก คือการสร้างสาวกขึ้นมาเป็นจำนวน 230,000 คน
และคงต้องมีสาวกมือดีที่ถูกพามาพร้อมกันด้วย
นอกจากนั้นยังมีข่าวว่าสามยอดฝีมือปรากฏตัว
“ขอรับ”
ทุกคนขานรับอย่างกระฉับกระเฉง
แม้ว่าในอดีตจะเคยมีประสบการณ์กับสาวกเทพสงครามและสามยอดฝีมือมาแล้ว แต่ก็ไม่มีใครหวาดกลัว
ทุกคนล้วนมั่นใจในฝีมือของตน
โดยเฉพาะอัสโมเฟลที่แสดงความมั่นใจมากกว่าใคร
หลังจากหันมาเผชิญหน้ากับตัวเอง จิตใจอัสโมเฟลเติบโตขึ้นมาก
นอกจากนั้นยังได้รับแรงบันดาลใจจากศึกดวลระหว่างฮายาเตะกับเซราทุลเมื่อไม่นานมานี้
กริดทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี
เพราะมันเห็นจากข้อความระบบ
‘ทักษะเกิดการวิวัฒนาการ แถมค่าสถานะทุกชนิดก็ยังเพิ่มขึ้น 2%’
ผลลัพธ์เช่นนี้เกิดกับทุกคน ไม่เพียงปิอาโร่ เมอร์เซเดส และอัสโมเฟล
ไม่เว้นกระทั่งลอร์ดและราชองครักษ์
พรสวรรค์ทุกคนถูกยกระดับ เพราะพวกมันเป็น NPC กึ่งพิเศษอยู่ก่อนแล้ว
แต่แน่นอน พัฒนาการมากน้อยนั้นขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของแต่ละคน
เลเวลทักษะของอดีตอัศวินสีชาดและลอร์ดล้วนเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ชื่อของทักษะติดตัวบางชนิดถูกเพิ่มคำขยายต่อท้าย ส่วนอัศวินคนอื่นจะได้รับค่า EXP ของเลเวลทักษะตั้งแต่น้อยไปจนถึงมาก
เป็นพัฒนาการครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากนั้น ระหว่างการกวาดล้างสาวกเทพสงคราม พวกมันจะเติบโตยิ่งกว่าเดิมชนิดที่ไม่มีใครเทียบติด
***
กรุงไรน์ฮาร์ทยังคงอยู่ในภาวะสงบสุข
ยากที่จะให้เชื่อว่าเพิ่งถูกรุกรานโดยเทพสงคราม
นั่นเพราะเซราทุลพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว
เทพสงครามซึ่งปรากฏตัวในเขตรอบนอกเมืองหลวง ถูกขังไว้ในม่านดาบทันทีหลังจากโผล่หน้าออกมาได้ไม่นาน และเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากม่านดาบถูกทำลาย ร่างกายของมันก็สลายกลายเป็นละอองสีเทาพร้อมกับเลือนหาย
เหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ชาวเมืองทั่วไปจะรับรู้
<เทคนิคการต่อสู้ของกริดที่พรรณนาจุดจบของเทพสงคราม> (?) ขั้นสูง Lv.5
ทักษะติดตัว
เมื่อสวมใส่อาวุธ พลังโจมตีทางกายภาพและเวทมนตร์จะเพิ่มขึ้น 38%, เพิ่มความแม่นยำการโจมตีทุกชนิด 21%, ลดเวลาร่ายเวทลง 11%
★ หากเป้าหมายเป็นเทพ ผลทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นอีก 10%
★ สามารถเน้นเพิ่มพลังโจมตีกายภาพหรือเวทมนตร์ได้
★ หากเน้นพลังโจมตีกายภาพ คุณสมบัติเพิ่มพลังโจมตีเวทมนตร์ แม่นยำ และลดร่ายจะถูกปิดใช้งาน แต่พลังโจมตีกายภาพจะเพิ่มขึ้นอีก 15%
★ หากเน้นพลังโจมตีเวทมนตร์ คุณสมบัติพลังโจมตีกายภาพ แม่นยำ และลดร่ายจะถูกปิดใช้งาน แต่พลังโจมตีเวทมนตร์จะเพิ่มขึ้นอีก 15%
‘ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยกระดับทักษะติดตัว’
ทักษะติดตัวของกริดได้รับคำขยายต่อท้าย
พรรณนาจุดจบของเทพสงคราม
เป็นคำขยายที่มีมูลค่าสูงกว่า ‘ประจักษ์ความปราชัยของเทพสงคราม’ ที่เมอร์เซเดส ปิอาโร่ และอัศวินได้รับ
เฉกเช่นชื่อที่ยิ่งใหญ่ คุณสมบัติถูกยกระดับขึ้นอย่างมาก
พลังโจมตีทางกายภาพและเวทมนตร์เพิ่มขึ้น 5% ความแม่นยำอีก 10%
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเป้าหมายเป็นเทพ ประสิทธิภาพทั้งหมดจะถูกยกระดับ
‘หรือเซราทุลจะเป็นแค่เทวทูต…’
มีการยืนยันแล้วว่าอิสซาเบลกับมาร์ควิสอัชเชอร์รอดชีวิต
มีเหยื่อเพียงไม่กี่คนที่เสียชีวิตจากการรุกรานของเทพสงคราม เกือบทั้งหมดได้รับบาดเจ็บสาหัส
ต้องขอบคุณความเสียสละของดาเมี่ยน เซ็ดนอส และลาเอลล่าที่เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องผู้คน
กริดเองก็ตอบสนองได้เร็วไม่แพ้กัน
ว่ากันตามตรง การรุกรานและตายไปของเซราทุลมิได้ไร้ค่าเสียทีเดียว บุคคลสำคัญของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ต่างได้รับผลดีในแง่การเติบโต
เราเสียใจกับความตายของดาเมี่ยน เซ็ดนอส และลาเอลล่า แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้…
“อา…”
ผู้เล่นที่ถูกเซราทุลสังหารจะได้รับโทษห้ามคืนชีพเป็นเวลาสองชั่วโมง และต่อสู้ไม่ได้อีกสิบสองชั่วโมงหลังจากคืนชีพ
กริดยกย่องความตายของทุกคน จากนั้นก็ทบทวนคำชี้แนะของฮายาเตะ
เค้นพลังทำลายออกมาให้ได้มากที่สุด
คำสอนของฮายาเตะนำพากริดไปสู่จุดเริ่มต้น
ชายหนุ่มยังคงไม่ลืม
วันที่มันฝันจะสร้างดาบซึ่งสามารถเสกอุกกาบาตทุกครั้งที่ฟาดฟัน
ตอนนั้นยังไร้เดียงสาอยู่มาก
กริดยังไม่ลืมความผิดหวังและเสียใจเมื่อตระหนักว่าความฝันดังกล่าวไม่มีทางเป็นจริง
หดหู่ไปสองสามวันเห็นจะได้…
‘เด็กน้อยชะมัด…’
แม้ความคิดดังกล่าวจะเคยฟังดูเด็กน้อย แต่ปัจจุบัน กริดมีบราฮัม
ความฝันที่เกิดขึ้นสมัยยังไร้เดียงสากำลังจะเป็นจริง
ในอีกไม่ช้า ถึงจะไม่ใช่เวทอุกกาบาต แต่กริดจะสร้างดาบที่สามารถยิง ‘ดิสอินทิเกรต’ ในทุกการฟาดฟัน
และไม่เกินจริงไปนักหากจะบอกว่า ความฝันดังกล่าวใกล้เข้ามาทุกที
‘ต้องขอบคุณไม้เท้าบีเลียลที่ถูกปรับแต่ง’
เดิมที ไม้เท้าบีเลียลก็ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ ‘ก็อดไอเท็ม’ อยู่แล้ว
เป็นหนึ่งในไอเท็มเกรดตำนานเพียงไม่กี่ชิ้นที่ ‘ดรอปตามแม็ป’ โดยแม้จะผ่านไปนานหลายปี แต่ประสิทธิภาพของไม้เท้าก็ยังยอดเยี่ยมทั้งในด้านพลังโจมตีและคุณสมบัติเสริม
สิ่งที่บีเลียลทิ้งไว้มีมูลค่ามหาศาลจนกริดอดคิดไม่ได้ว่า หล่อนอาจเป็นลูกสาวลับๆ ของยาธาน
คุณสมบัติเสริมที่เพิ่มขึ้นจากการปรับแต่งมีส่วนสำคัญที่ช่วยยกระดับไม้เท้าอย่างก้าวกระโดด
เวทมนตร์ที่ร่ายสามารถเพิ่มจำนวนได้เป็นสามเท่า
จริงอยู่ที่เป็นระบบ ‘สุ่มติด’ แต่อัตราการสุ่มสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับค่าสติปัญญา
ยกตัวอย่างเป็นกริด หากชายหนุ่มใช้ศรเวท มีโอกาส 70% ที่ศรเวทจะยิงออกไปสามเส้น
และหากเสริมด้วยเวท ‘สเปรย์’ นั่นจะยิ่งดูเหมือนกับมหาเวทในตำนาน
แต่แน่นอน ความรุนแรงจะลดทอนลงหลายระดับ
‘ยิ่งเวทมนตร์ระดับสูงเกิดการทวีคูณ ประสิทธิภาพก็ยิ่งยอดเยี่ยม’
น่าเสียดายที่กริดเรียนรู้ได้เพียงเวทมนตร์พื้นฐาน จึงมิอาจดึงศักยภาพของไม้เท้าออกมาได้มากนัก
แต่สำหรับบราฮัม เรื่องราวจะต่างออกไป
ไม้เท้าบีเลียลซึ่งถูกปรับแต่งใหม่ เรียกได้ว่าเกิดมาเพื่อบราฮัมโดยเฉพาะ
‘ถ้าบราฮัมใช้ดิสอินทิเกรต มันจะไม่ออกมาสีละสี่ห้าเส้นเลยหรือ’
นั่นเป็นไม่ได้… ไม่ว่าจะพลังบราฮัมจะดูขี้โกงขนาดไหนก็ตาม…
อย่างมากก็แค่สามเท่า หรือขีดจำกัดสูงสุดก็คงไม่เกินสี่เท่า
ใช่แล้ว
โครงการหลอมละโมบด้วยดิสอินทิเกรตของบราฮัมจะเร็วกว่าเดิมสามถึงสี่เท่า
อย่างช้าที่สุด กริดจะได้รับละโมบที่ฝังดิสอินทิเกรตภายในปีหน้า
จากนั้นก็จะเริ่มก้าวเข้าสู่แนวทางที่ฮายาเตะแนะนำ – เค้นพลังทำลายออกมาให้ได้มากที่สุด
‘…ไม่สิ เราเริ่มได้ทันทีตอนนี้เลย’
กริดเปิดหน้าพิมพ์เขียวอาวุธมังกรซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการออกแบบ
โครงสร้างที่คำนึงถึงคุณสมบัติของอาวุธ อ่านแล้วค่อนข้างน่าประทับใจ
อาวุธซึ่งถูกออกแบบเพื่อดึงศักยภาพของวัสดุอย่างเขี้ยวมังกรออกมาจนถึงขีดสุด
กริดเริ่มแก้ไขพิมพ์เขียวอันซับซ้อนที่เคยออกแบบไว้อย่างยากลำบาก
ปรับเปลี่ยนมันให้เรียบง่ายเหมือนกับดาบจันทราดับ เน้นใช้งานสะดวกและเพิ่มพลังทำลาย
‘แล้วก็…’
มันไตร่ตรองหาวิธีนำละโมบมาใช้แบบใหม่
ผสานมวลทางกายภาพของละโมบเข้ากับเวทมนตร์
ในเมื่อเป็นคำแนะนำโดยตรงจากปากฮายาเตะ มันต้องยอดเยี่ยมอย่างไร้ข้อกังขา
กริดนำละโมบออกจากช่องสัมภาระ
ละโมบถูกทิ้งให้งอกเงยหลังจากสร้างหัตถ์เทวะสามสิบข้างเสร็จ
ปัจจุบันมีปริมาณมากพอจะสร้างหัตถ์เทวะได้หกข้าง
กริดสั่งให้มันลอยขึ้นไปในอากาศ
ละโมบซึ่งงอกเงยอย่างรวดเร็วจนมีขนาดใหญ่ ลอยขึ้นไปสูงเหนือศีรษะกริดราว 1.5 กิโลเมตร
นั่นคือระยะทางไกลที่สุดเท่าที่กริดสามารถควบคุมได้
หากไกลกว่า 1.5 กิโลเมตร ละโมบจะถูกส่งกลับเข้าช่องสัมภาระทันที
นี่คือระยะทางที่เพิ่มขึ้นจากเดิมมากแล้ว
ยิ่งค่าพลังจิตเพิ่มขึ้น ระยะทางที่ควบคุมได้ก็จะยิ่งไกลขึ้น
‘พุ่งลงมาให้เร็วที่สุด’
ชุดคำสั่งคือสิ่งสำคัญในการควบคุมหัตถ์เทวะ
คำสั่งที่กริดป้อนเข้าไป จะกลายเป็นเจตจำนงของหัตถ์เทวะในเวลานั้นทันที
ฟ้าว!
เมื่อละโมบซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8 เมตรพุ่งกระแทกพื้นด้วยความเร็วสูงสุดตามความประสงค์ของกริด ผืนดินพลันสั่นสะเทือน
ยิ่งละโมบมีมวลมาก และยิ่งอยู่ในรูปทรงที่อันตรายเช่นดาบ อานุภาพของมันก็ยิ่งเพิ่มเป็นเท่าตัว
‘ในอนาคต เราควรพกพาละโมบไว้เหนือศีรษะ มิใช่ช่องสัมภาระ’
สำหรับระยะทาง 1.5 กิโลเมตร จะให้เรียกว่าสั้นก็คงไม่ได้
และเนื่องจากละโมบถูกจำแนกเป็นเพียงวัตถุชนิดหนึ่ง ยากที่จะมีใครสังเกตเห็นในระยะทาง 1.5 กิโลเมตร
‘กุญแจสำคัญคือการฝึกฝนค่าพลังจิต’
หลังจากนี้คงต้องหาวิธีเพิ่มค่าพลังจิตจากการสวมใส่ไอเท็ม
ขณะชายหนุ่มเตรียมกลับไปสานต่องานสร้างเตาหลอม ข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นตรงมุมสายตา
เป็นข้อความแจ้งเตือนว่ากริดเหลือเวลาออนไลน์อีกสองชั่วโมงก่อนจะถึงขีดจำกัด
เมื่อนึกถึงคำพูดลอเอล ชายหนุ่มล็อกเอาต์ออกจากเกมทันที
Comments
Post a Comment