จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,506



ลอร์ดเกิดมาเพื่อเป็นวีรบุรุษ


ไม่ว่าจะร่างกาย สมอง ประสาทสัมผัส หรือสัญชาตญาณ ทุกสิ่งล้วนพิเศษกว่าใคร


หากสายเลือดยอดนักรบแห่งอาณาจักรอีเทอร์นัลผสมผสานเข้ากับเมล็ดพันธุ์แห่งตำนาน คงเป็นเรื่องแปลกนิ่งกว่าถ้าทายาทจะเกิดมาเป็นเพียงเด็กธรรมดา


‘เราได้เห็นเรื่องที่สุดยอดเข้าแล้ว… ไม่ได้… พระบิดาบอกให้ลืม… เราต้องลืมให้หมด’


ลอร์ดมีอาจารย์อยู่มากมาย


ทุกคนล้วนเป็นที่สุดในศาสตร์ของตน


และนั่นส่งผลให้ลอร์ดมีมาตรฐานสูง


ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตื่นเต้นไปกับฉากการต่อสู้


ย้อนกลับไปในตอนที่ออกผจญภัยเพื่อตามรอยเท้าพ่อ


ไม่ว่าจะได้พานพานพบผู้คน เหตุการณ์ หรือปรากฏการณ์ที่ใครต่อใครเล่าขานกันว่ายอดเยี่ยม ลอร์ดกลับมิได้ตื่นเต้นสักเท่าไร เพียงก้มหน้าก้มตาสร้างสายสัมพันธ์ใหม่ๆ กับคนรอบตัว


แต่ในวันนี้ เหตุการณ์สะเทือนใจหนแล้วหนเล่าเกิดขึ้นหลายระลอก


อาจารย์ดาเมี่ยน เซ็ดนอส ลาเอลล่า อิสซาเบล บลันด์ และเบเนียลู


เซราทุลบดขยี้บุคคลสำคัญของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ที่ลอร์ดเคารพนับถือ


เป็นระดับพลังที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง


เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ลอร์ดรู้สึกสิ้นหวังและอับจนหนทาง


ความหวาดกลัวเข้าครอบงำจิตใจอย่างท่วมท้น เทียบไม่ได้เลยกับวิกฤติในวาติกันสมัยยังเด็ก ลอร์ดมองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง


เด็กหนุ่มรู้สึกเสียใจที่ตัวเองกำลังจะตายอย่างไร้ค่าโดยไม่มีโอกาสทำให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ


เป็นประสบการณ์แปลกประหลาดที่ทำให้จิตใจรู้สึกย่ำแย่


แต่ขณะเดียวกันก็เป็นประสบการณ์ที่ปลุกสัญชาตญาณในส่วนลึก


มิใช่สัญชาตญาณที่พิเศษเลิศเลอ


เป็นเพียงสัญชาตญาณการเอาตัวรอด


สัญชาตญาณที่ไม่เคยถูกกระตุ้นเลยสักครั้งเนื่องจากมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมเกินไป


ทันทีที่ความรู้สึกแสนธรรมดาลืมตาตื่น ลอร์ดได้พบความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่


ความคิดที่ว่า ‘ยังไม่อยากตาย’ เชื่อมโยงเข้ากับแนวคิดในการเอาตัวรอด ส่งผลให้กรอบสติปัญญาขยายออกไปในทิศทางที่ไม่เคยรู้จัก


ในช่วงเวลาดังกล่าว ฮายาเตะปรากฏกายและจัดการกับเซราทุล


เนื่องจากสัญชาตญาณอยู่ในสภาวะถูกกระตุ้น แรงบันดาลใจปริมาณมหาศาลจึงสาดกระหน่ำใส่ห้วงความคิดของเด็กหนุ่มประหนึ่งน้ำตก


ลอร์ดมองเห็นฉากตรงหน้าในมุมมองที่แตกต่างจากปรกติ แนวคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามาอย่างท่วมท้น


การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้หลอมรวมเข้ากับร่างกายและจิตใจเด็กหนุ่ม ยกระดับพวกมันให้ดีขึ้น


‘สุดยอด… นี่มันอะไรกัน’


กองอัศวินโอเวอร์เกียร์ถูกส่งออกไปปราบปรามเหล่าสาวกเทพสงคราม


พวกมันถูกแบ่งออกเป็นสิบสองหน่วย กระจายตัวไปตามจุดสำคัญของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


จากบรรดาทั้งหมด โค้กอยู่สังกัดลอร์ด


แม้ลอร์ดจะมีองครักษ์นับร้อย แต่เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน โค้กตัดสินใจคุ้มกันข้างกายลอร์ดด้วยตัวเอง


และนั่นทำให้โค้กเกิดความประหลาดใจ


ทักษะของลอร์ดและเหล่าองครักษ์ถูกยกระดับอย่างก้าวกระโดด


โดยเฉพาะลอร์ดที่มีพัฒนาการมากกว่าใคร ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน แต่กลับดูเหมือนเป็นคนละคน


และนั่นไม่ใช่มาตรฐานที่ต่ำสำหรับโค้กผู้เอื้อมถึงเลเวลสี่ร้อยเมื่อสัปดาห์ก่อน


‘เลเวลของเด็กคนนี้ยังไม่ถึงสามร้อยเลยด้วยซ้ำ…’


แล้วนี่มันอะไร?


สุดยอด!


โค้กฉีกยิ้มกว้างขณะเฝ้ามองลอร์ดฟาดฟันศัตรู


จากคนที่เคยเชื่อว่าฝ่ายมนุษย์อ่อนแอกว่าศัตรูมากเกินไป มันเริ่มดีใจเมื่อพบว่าลอร์ดอาจเป็นความหวังใหม่


“หืม? ทำไมจู่ๆ ถึงกอดผม?”


“ฮะฮะ! นั่นเพราะองค์ชายน่ารักยังไงล่ะ~”


“หวาา! อย่าทำแบบนี้! ตอนนี้ผมโตแล้วนะ!”


“องค์ชายยังแค่อายุสิบหก! ยังเป็นเด็กในสายตากระหม่อม!”


“ค…ใครก็ได้ช่วยห้ามเซอร์โค้กที!”


ลอร์ดพยายามส่งเสียงร้อง แต่ก็ไม่มีองครักษ์คนใดเคลื่อนไหว


โค้กคืออัศวินหลวงที่ได้รับความไว้วางใจจากกริดและสิบวีรชน


มีตำแหน่งและอำนาจมากยิ่งกว่าขุนนางบางคน


ลำพังองครักษ์ของเจ้าชายไม่มีสิทธิ์หยุดโค้ก


หรือต่อให้มีสิทธิ์ แต่พวกมันก็อาจแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น


ภาพที่โค้กใช้แก้มถูไถลอร์ดในอ้อมแขนช่างน่าเอ็นดู


ในเวลาเดียวกัน สาวกเทพสงครามที่ยังหลงเหลือล้วนถูกกำจัดอย่างราบคาบ


ส่วนใหญ่ครอบครองเทคนิคลับเพียงสองชนิด ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอัศวินโอเวอร์เกียร์ที่กำลังฮึกเหิม


เลเวลของเหล่าอัศวินกำลังเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด


โดยเฉพาะเมอร์เซเดสผู้กวาดล้างสาวกเทพสงครามด้วยพลังทำลายที่น่าพรั่นพรึง แม้กระทั่งสาวกเทพสงครามซึ่งครอบครองเทคนิคลับสิบชนิดก็ยังล้มลงหลังจากถูกเธอฟัน


เป็นพลังทำลายที่หญิงสาวไม่เคยแสดงให้เห็นมาก่อน


ต้องขอบคุณบีบันที่ยอมถ่ายทอดวิชาดาบไร้เทียมทาน สัญลักษณ์แห่งอริยดาบ ให้เธอโดยตรง ไม่เพียงเท่านั้น เมอร์เซเดสยังตั้งปณิธานอัศวินข้อใหม่เพิ่มขึ้นมา


แน่นอน ต้องไม่ลืมขอบคุณเซราทุล


***


มหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรดำเนินไปอย่างดุเดือด


หรืออย่างน้อย สมรภูมิหมู่เกาะเบเฮ็นและห้วงนรกก็ยังอยู่ในภาวะสมดุลโดยไม่เอนเอียงไปทางฝั่งใด


สมรภูมิหมู่เกาะเบเฮ็นมีสิบวีรชนและกองทัพอาเรส ส่วนห้วงนรกมีไคล์กับบราฮัมเป็นศูนย์กลาง


อาจเกิดวิกฤติขึ้นหลายครั้ง แต่เมื่อมีกำลังเสริมใหม่มาช่วยไว้ได้ทันท่วงที ฝ่ายพันธมิตรก็ยิ่งทวีความแข็งแกร่ง


“นายจะไปไหน?”


หลังจากกำลังเสริมที่นำโดยคริสมาถึง


พีคซอร์ดล่าถอยไปยังด้านหลังกระบวนทัพเพื่อให้มองเห็นได้กว้างขึ้น


เมื่อใดก็ตามที่อสูรประเภท ‘ลอบสังหาร’ บุกเข้ามาในค่าย พีคซอร์ดจะปกป้องฝ่ายบัญชาการอย่างมีประสิทธิภาพ


มันรู้สึกราวกับตัวเองกลายเป็นฟันเฟืองของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่


พีคซอร์ดตื่นเต้นกับบทบาทใหม่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่แบบใด มันเชื่อว่าตนสามารถสร้างประโยชน์ให้กับพวกพ้องได้มากมาย


เป็นความรู้สึกแบบเดียวกับผู้เล่นสังกัดฝ่ายพันธมิตรทุกคนที่กระจายตัวอยู่ทั่วทวีป


ปัจจุบัน องค์กรฝ่ายพันธมิตรมีลักษณะคล้ายกับสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่


ผู้เล่นกว่าร้อยล้านล้วนมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป ต่างคนต่างสร้างอิทธิพลในเชิงบวกให้กันและกัน


เป็นความสมัครสมานสามัคคีโดยไม่เกี่ยงเชื้อชาติ ศาสนา แนวคิด สถานที่ และเวลา


กระทั่งผู้เล่นโซโล่ในเขตชานเมืองก็ยังตระหนักได้ว่า ความสำเร็จของตนมีส่วนช่วยสนับสนุนฝ่ายมนุษย์ได้ไม่มากก็น้อย การลงแรงที่ผ่านมามิได้สูญเปล่าเสียทีเดียว


เป็นความรู้สึกผูกพันอย่างน่าประหลาด


ผู้คนเริ่มมีสมาธิกับสงครามมากขึ้น


ทั้งหมดคือผลงานของเหล่าเสนาธิการที่คอยวางหมากอยู่เบื้องหลังสงคราม


สุดยอดกุนซือของกองทัพฝ่ายพันธมิตรอย่างลอเอลและซือหม่าเซียน คอยปรับเปลี่ยนแผนไปตามสถานการณ์ตลอดเวลา


งานที่พวกมันมอบหมายให้ผู้เล่นและกองทัพฝ่ายพันธมิตร ล้วนเกื้อกูลกันและกันจนเกิดเป็นสายสัมพันธ์


เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ฐานที่มั่นของศัตรูก็ทยอยถูกทำลาย


ทิศทางของสงครามถูกชักใยอย่างรัดกุม


ยิ่งเวลาผ่านไป ผู้คนก็ยิ่งสรรเสริญความยอดเยี่ยมของกลยุทธ์


เหล่ากุนซือล้วนได้รับคำชมอย่างถ้วนหน้า


แต่ในทางกลับกัน ลอเอลกำลังจะตาย


ตลอดเวลาที่ออนไลน์ มันเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องประชุมเพื่อวางแผนและประสานงาน และเมื่อออฟไลน์ มันก็ยังต้องคอยติดต่อกับกุนซือคนอื่นที่ออนไลน์ เพื่อออกคำสั่งเคลื่อนทัพ


แทบไม่มีเวลาพักผ่อน


และสงครามเพิ่งดำเนินมาได้เพียงสองวัน


‘แบบนี้แย่แน่… ยิ่งเวลาผ่านไป เราจะยิ่งตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ต้องลงมือทำบางสิ่งเพื่อเปลี่ยนกระแสสงคราม’


***


หลังล็อกเอาต์ออกจากระบบ ยองวูเทกับทั้งหมดลงในชามและตักข้าวใส่ จากนั้นก็เดินไปนั่งหน้าทีวี


มันเปิดช่องที่ถ่ายทอดสดเกี่ยวกับห้วงนรกและหมู่เกาะเบเฮ็น เปิดหลายจอพร้อมกัน พลางกินข้าวผสมกับหลายชนิด


มันไม่รับรู้รสข้าวแม้แต่คำเดียว แต่ก็ต้องกินเพื่อสุขภาพ


‘ฝ่ายผู้เล่นกำลังตกเป็นรอง…’


ผู้เล่นมีข้อจำกัดสำคัญมากที่มิอาจฝ่าฝืน


ขีดกำจัดในการออนไลน์


ผู้เล่นแต่ละคนจะเชื่อมต่อซาทิสฟายได้ไม่เกินวันละสิบหกชั่วโมง


หากถึงขีดจำกัด ระบบจะตัดการเชื่อมต่อนานแปดชั่วโมง


กล่าวอีกนัยหนึ่ง เวลาในซาทิสฟายจะหายไปหนึ่งวันในทุกสามวัน


หากแบ่งเวลาไม่ดีจนผู้เล่นคนสำคัญบังเอิญออฟไลน์พร้อมกัน มนุษยชาติคงทำได้เพียงนั่งดูดนิ้วและเฝ้ามองโลกถูกทำลาย


ด้วยเหตุนี้ ลอเอลจึงต้องคอยจัดตารางเวลาของไฮแรงเกอร์มิให้ทับซ้อนกัน


นอกจากนั้นยังกำชับว่าอย่าออนไลน์จนครบ แต่ให้เหลือไว้วันละสองชั่วโมง


ไม่เพียงจะคอยระวังไม่ให้ช่วงเวลาออฟไลน์ทับกัน แต่ลอเอลยังตั้งกลุ่มไฮแรงเกอร์สำหรับผลัดเวรรับมือเหตุฉุกเฉินภายในห้านาที


กริดเองก็เป็นหนึ่งในนั้น


อันที่จริง ลอเอลไม่อยากแทรกแซงเวลาของยองวูมากนัก


มันเองก็อยากให้ยองวูทุ่มสมาธิไปกับการตีเหล็กจนกระทั่งระยะเวลาเชื่อมต่อถึงจำกัด


แต่ยองวูเป็นขุมพลังที่สำคัญที่สุดของฝ่ายมนุษย์


หากชายคนนี้มิอาจตอบสนองในบางเหตุการณ์ เกรงว่ามนุษยชาติอาจเผชิญความสูญเสียที่ไม่สามารถย้อนกลับ


ยองวูเองก็เข้าใจ


มันยินดีร่วมมือกับลอเอลที่พยายามอธิบายด้วยสีหน้าลำบากใจ


“…บ้าไปแล้ว”


มีหกช่องจากหลายสิบช่องกำลังถ่ายทอดสดสมรภูมิหมู่เกาะเบเฮ็นและห้วงนรก


ยองวูที่กำลังรับชมภาพจากหลากหลายมุม เอาแต่อ้าปากค้างจนลืมกินข้าว


มันทึ่งในความยอดเยี่ยมของบราฮัม


เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายได้รับพลังแวมไพร์ทายาทกลับคืน ยองวูเชื่อว่าบราฮัมย่อมแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็ไม่คิดว่าจะทรงพลังถึงระดับนี้


เปลี่ยนไปเป็นคนละมิติโดยสิ้นเชิง ไม่เหมาะจะนิยามว่า ‘เก่งขึ้น’ สักเท่าไร


“ฮะฮะ… แบบนี้ดีแล้ว…”


ยองวูขยับจมูก


มันตระหนักดีว่าบราฮัมรู้สึกเช่นไรในยามที่เห็นตนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ


“ดีใจกับนายด้วยนะ…”


บราฮัมต้องทุกข์ทรมานมานานนับร้อยปี


ยองวูที่ตกนรกมายี่สิบปีย่อมคาดเดาความเจ็บปวดของอีกฝ่ายได้เลือนราง


เมื่อได้เห็นบราฮัมเติมเต็มความฝันอันยาวนาน มันเองก็ร่วมยินดีประหนึ่งเป็นความสำเร็จของตน


“หือ…?”


ขณะคิดว่าตนควรดื่มกาแฟ


หลังจากลุกขึ้นยืนและเตรียมเดินไปชง ชายหนุ่มเอียงคอสงสัย


สิ่งของที่กำลังถูกยกลงจากรถบรรทุกด้านหน้าตึก ดูไม่ปรกติเลยสักนิด


“แคปซูล?”


แถมยังสองเครื่อง


หืม? ทูนเดินออกไปรับ…


เพื่อนที่อิตาลีของทูนมาเยี่ยม?


ก็เลยซื้อแคปซูลใหม่เพื่อที่จะได้เล่นเกมพร้อมกัน?


ยองวูรีบวิ่งออกไปดู


***


สรุปโดยสั้น ยองวูไม่มีเพื่อนใหม่เป็นชาวอิตาลี


เจ้าของแคปซูลคือพ่อแม่ของยองวูเอง


“ช่วงนี้พ่อเขาเป็นกังวลมาก… มนุษยชาติกำลังเผชิญวิกฤติ จะให้นิ่งดูดายได้ยังไง?”


“อะแฮ่ม… ก็ไม่ได้ขนาดนั้นน่า…”


“…พ่อกับแม่กำลังจะเริ่มเล่นซาทิสฟายกันใช่ไหม?”


“ใช่… ว่ากันตามตรง พวกเราอยากเห็นหน้าลูกสะใภ้กับหลานชายใจแทบขาดแล้ว~”


“คุณพูดเรื่องอะไร? ทำไมเราถึงต้องเข้าไปตามหาลูกสะใภ้กับหลานชายในโลกไซเบอร์ แทนที่จะเป็นโลกความจริง?”


“ซาทิสฟายก็เป็นโลกอีกใบไม่ใช่หรือ? เรียกว่าโลกไซเบอร์… ใจร้ายไปหน่อยนะ”


“ที่รัก… รีบถอนคำพูดเร็วเข้า ลูกโกรธแล้ว”


“พ…พ่อก็แค่อยากมีลูกสะใภ้ตัวจริง”


“ก็มีในซาทิสฟายก่อน จากนั้นค่อยมีในโลกความจริง”


“…ซาทิสฟายก็ถือเป็นอีกหนึ่งความจริง”


สรุปได้ว่า เป็นบทสนทนาที่สับสนวุ่นวาย


หากเป็นเมื่อเจ็ดปีก่อน การพูดคุยเช่นนี้สมควรถูกตั้งคำถาม


ครอบครัวของยองวูคงได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่ลบและมองว่าเป็นกลุ่มคนเสียสติ


แต่ปัจจุบัน โลกเปลี่ยนไปแล้ว


จากมุมมองของคนยุคใหม่ บทสนทนาเมื่อครู่ปรกติดีทุกอย่าง


คนที่แต่งงานในซาทิสฟายมิได้มีเพียงหนึ่งหรือสองสักหน่อย


“ว่าแต่… รู้วิธีสร้างบัญชีกันหรือยัง?”


“เมื่อคืนพ่อไปหัดใช้แคปซูลที่ห้องจิสึกะมาแล้ว ให้เธอสอนสร้างบัญชีและเรียนรู้ระบบพื้นฐาน”


“…”


จิสึกะยังติดต่อพ่อกับแม่ของเราอยู่?


ดูเหมือนว่าเธอยังตัดใจจากเราไม่ได้


นั่นสินะ… การยุติความสัมพันธ์ในลักษณะดังกล่าว คงยากที่จะตัดใจให้ขาด…


แต่ถ้านั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องการ เราก็คงไม่คัดค้าน…


วิธีเดียวที่จะตัดความสัมพันธ์ให้ขาดคือการย้ายไปอยู่ตะวันออกกลาง…


‘หือ…’


ยองวูที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พลันตกตะลึงหลังจากได้สติ


มันประหลาดใจที่ตนยอมรับความรู้สึกของจิสึกะแต่โดยดี


มีบางสิ่งเปลี่ยนไป…


คล้ายกับสามารถเข้าถึงจิตใจและจุดยืนของผู้อื่นได้ง่ายขึ้น


ไม่เพียงแค่ในซาทิสฟาย แต่โลกความจริงก็เช่นกัน


เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่งเกิดขึ้นในระยะหลัง


‘หมายความว่ายังไง…’


ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่สลักสำคัญอะไรนัก


ไม่ใช่พัฒนาการแบบการ์ตูน ไม่ใช่พลังพิเศษที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลก


ยองวูซึ่งสั่งสมประสบการณ์มากมายจากซาทิสฟาย พัฒนาทักษะทางสังคมจากสิ่งเหล่านั้น


เป็นการเรียนรู้จากเกม ซึ่งคนอื่นทำได้ไม่ง่ายนัก


ปัจจุบัน ชายหนุ่มเริ่มมองเห็นทางออกของสถานการณ์ด้านความรักที่ชวนให้อึดอัดมาเป็นเวลานาน


มันนึกทบทวนและยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง


‘อา… ในช่วงหลายปีมานี้ เราได้พบเจอผู้คนมากมาย’


“เช้านี้จิสึกะก็ยังส่งอีโมติคอน ‘สู้เค้า’ มาเหมือนเคย… ผ่านมาแล้วหลายปี ยังสม่ำเสมอไม่เปลี่ยน… ฮะฮะ! ถ้าได้มีลูกสะใภ้ที่น่ารัก ร่าเริง และมั่นคงในความรักอย่างจิสึกะ พ่อคงมีความสุขไม่น้อย”


“ยองวู แม่ชอบยูร่ามากกว่านะ… จิสึกะเป็นชาวต่างชาติ… ไม่สิ ถึงตอนนี้จะเป็นคนเกาหลี แต่เธอก็มีนิสัยแตกต่างจากพวกเรานิดหน่อย เพราะเติบโตในต่างประเทศตั้งแต่เด็ก”


“แม่… เลิกแบ่งแยกเชื้อชาติได้แล้ว ตอนนี้โลกถูกรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยซาทิสฟาย!”


“แบ่งแยกเชื้อชาติอะไร? เกิดฟุ้งซ่านขึ้นมาเพราะเมื่อคืนเข้าไปแกว่งมีดมารึไง?”


“พ่อขอโทษ… พ่อผิดไปแล้ว”


“ยองวู กำลังยุ่งใช้ไหม? พวกเราเองก็ยุ่งเหมือนกัน ลูกรีบขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะ… ฮุฮุ แม่กำลังจะได้เห็นหน้าลูกสะใภ้กับหลานชายแล้ว”


“…”


ยองวูที่สลัดความคิดฟุ้งซ่าน เดินกลับห้องของตนที่ชั้นบนสุดอย่างเงียบงัน


ภายในใจสาบานว่าจะสร้างสุดยอดไอเท็มให้พ่อกับแม่


ปฏิเสธไม่ได้ว่า มหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรได้กระตุ้นความอยากเล่นซาทิสฟายไปทั่วโลก


มีคนไม่น้อยที่รู้สึกโกรธแค้นหลังจากเห็นมนุษยชาติถูกกองทัพอสูรข่มเหงในหน้าจอทีวี


เฉกเช่นพ่อแม่ยองวู มีผู้คนอีกนับล้านที่เริ่มเล่นซาทิสฟายในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา


เป็นอัตราการเพิ่มประชากรในระดับเดียวกับช่วงเกมเปิดตัวใหม่ๆ


สายลมระลอกใหม่กำลังพัดผ่าน


ในบรรดาผู้เล่นหน้าใหม่ มีหลายคนเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ และองค์กรใหญ่ๆ อย่างโอเวอร์เกียร์ก็คอยสนับสนุนอย่างเต็มที่


พิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ความช่วยเหลือจาก ‘ทารก’ อาจไม่มากมายนัก


แต่ก็มีค่าพอที่จะให้ลงทุนกับอนาคตวันข้างหน้า


ผู้เล่นกำลังสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,055
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00