จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,506
ลอร์ดเกิดมาเพื่อเป็นวีรบุรุษ
ไม่ว่าจะร่างกาย สมอง ประสาทสัมผัส หรือสัญชาตญาณ ทุกสิ่งล้วนพิเศษกว่าใคร
หากสายเลือดยอดนักรบแห่งอาณาจักรอีเทอร์นัลผสมผสานเข้ากับเมล็ดพันธุ์แห่งตำนาน คงเป็นเรื่องแปลกนิ่งกว่าถ้าทายาทจะเกิดมาเป็นเพียงเด็กธรรมดา
‘เราได้เห็นเรื่องที่สุดยอดเข้าแล้ว… ไม่ได้… พระบิดาบอกให้ลืม… เราต้องลืมให้หมด’
ลอร์ดมีอาจารย์อยู่มากมาย
ทุกคนล้วนเป็นที่สุดในศาสตร์ของตน
และนั่นส่งผลให้ลอร์ดมีมาตรฐานสูง
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตื่นเต้นไปกับฉากการต่อสู้
ย้อนกลับไปในตอนที่ออกผจญภัยเพื่อตามรอยเท้าพ่อ
ไม่ว่าจะได้พานพานพบผู้คน เหตุการณ์ หรือปรากฏการณ์ที่ใครต่อใครเล่าขานกันว่ายอดเยี่ยม ลอร์ดกลับมิได้ตื่นเต้นสักเท่าไร เพียงก้มหน้าก้มตาสร้างสายสัมพันธ์ใหม่ๆ กับคนรอบตัว
แต่ในวันนี้ เหตุการณ์สะเทือนใจหนแล้วหนเล่าเกิดขึ้นหลายระลอก
อาจารย์ดาเมี่ยน เซ็ดนอส ลาเอลล่า อิสซาเบล บลันด์ และเบเนียลู
เซราทุลบดขยี้บุคคลสำคัญของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ที่ลอร์ดเคารพนับถือ
เป็นระดับพลังที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ลอร์ดรู้สึกสิ้นหวังและอับจนหนทาง
ความหวาดกลัวเข้าครอบงำจิตใจอย่างท่วมท้น เทียบไม่ได้เลยกับวิกฤติในวาติกันสมัยยังเด็ก ลอร์ดมองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง
เด็กหนุ่มรู้สึกเสียใจที่ตัวเองกำลังจะตายอย่างไร้ค่าโดยไม่มีโอกาสทำให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ
เป็นประสบการณ์แปลกประหลาดที่ทำให้จิตใจรู้สึกย่ำแย่
แต่ขณะเดียวกันก็เป็นประสบการณ์ที่ปลุกสัญชาตญาณในส่วนลึก
มิใช่สัญชาตญาณที่พิเศษเลิศเลอ
เป็นเพียงสัญชาตญาณการเอาตัวรอด
สัญชาตญาณที่ไม่เคยถูกกระตุ้นเลยสักครั้งเนื่องจากมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมเกินไป
ทันทีที่ความรู้สึกแสนธรรมดาลืมตาตื่น ลอร์ดได้พบความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ความคิดที่ว่า ‘ยังไม่อยากตาย’ เชื่อมโยงเข้ากับแนวคิดในการเอาตัวรอด ส่งผลให้กรอบสติปัญญาขยายออกไปในทิศทางที่ไม่เคยรู้จัก
ในช่วงเวลาดังกล่าว ฮายาเตะปรากฏกายและจัดการกับเซราทุล
เนื่องจากสัญชาตญาณอยู่ในสภาวะถูกกระตุ้น แรงบันดาลใจปริมาณมหาศาลจึงสาดกระหน่ำใส่ห้วงความคิดของเด็กหนุ่มประหนึ่งน้ำตก
ลอร์ดมองเห็นฉากตรงหน้าในมุมมองที่แตกต่างจากปรกติ แนวคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามาอย่างท่วมท้น
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้หลอมรวมเข้ากับร่างกายและจิตใจเด็กหนุ่ม ยกระดับพวกมันให้ดีขึ้น
‘สุดยอด… นี่มันอะไรกัน’
กองอัศวินโอเวอร์เกียร์ถูกส่งออกไปปราบปรามเหล่าสาวกเทพสงคราม
พวกมันถูกแบ่งออกเป็นสิบสองหน่วย กระจายตัวไปตามจุดสำคัญของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
จากบรรดาทั้งหมด โค้กอยู่สังกัดลอร์ด
แม้ลอร์ดจะมีองครักษ์นับร้อย แต่เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน โค้กตัดสินใจคุ้มกันข้างกายลอร์ดด้วยตัวเอง
และนั่นทำให้โค้กเกิดความประหลาดใจ
ทักษะของลอร์ดและเหล่าองครักษ์ถูกยกระดับอย่างก้าวกระโดด
โดยเฉพาะลอร์ดที่มีพัฒนาการมากกว่าใคร ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน แต่กลับดูเหมือนเป็นคนละคน
และนั่นไม่ใช่มาตรฐานที่ต่ำสำหรับโค้กผู้เอื้อมถึงเลเวลสี่ร้อยเมื่อสัปดาห์ก่อน
‘เลเวลของเด็กคนนี้ยังไม่ถึงสามร้อยเลยด้วยซ้ำ…’
แล้วนี่มันอะไร?
สุดยอด!
โค้กฉีกยิ้มกว้างขณะเฝ้ามองลอร์ดฟาดฟันศัตรู
จากคนที่เคยเชื่อว่าฝ่ายมนุษย์อ่อนแอกว่าศัตรูมากเกินไป มันเริ่มดีใจเมื่อพบว่าลอร์ดอาจเป็นความหวังใหม่
“หืม? ทำไมจู่ๆ ถึงกอดผม?”
“ฮะฮะ! นั่นเพราะองค์ชายน่ารักยังไงล่ะ~”
“หวาา! อย่าทำแบบนี้! ตอนนี้ผมโตแล้วนะ!”
“องค์ชายยังแค่อายุสิบหก! ยังเป็นเด็กในสายตากระหม่อม!”
“ค…ใครก็ได้ช่วยห้ามเซอร์โค้กที!”
ลอร์ดพยายามส่งเสียงร้อง แต่ก็ไม่มีองครักษ์คนใดเคลื่อนไหว
โค้กคืออัศวินหลวงที่ได้รับความไว้วางใจจากกริดและสิบวีรชน
มีตำแหน่งและอำนาจมากยิ่งกว่าขุนนางบางคน
ลำพังองครักษ์ของเจ้าชายไม่มีสิทธิ์หยุดโค้ก
หรือต่อให้มีสิทธิ์ แต่พวกมันก็อาจแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
ภาพที่โค้กใช้แก้มถูไถลอร์ดในอ้อมแขนช่างน่าเอ็นดู
ในเวลาเดียวกัน สาวกเทพสงครามที่ยังหลงเหลือล้วนถูกกำจัดอย่างราบคาบ
ส่วนใหญ่ครอบครองเทคนิคลับเพียงสองชนิด ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอัศวินโอเวอร์เกียร์ที่กำลังฮึกเหิม
เลเวลของเหล่าอัศวินกำลังเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
โดยเฉพาะเมอร์เซเดสผู้กวาดล้างสาวกเทพสงครามด้วยพลังทำลายที่น่าพรั่นพรึง แม้กระทั่งสาวกเทพสงครามซึ่งครอบครองเทคนิคลับสิบชนิดก็ยังล้มลงหลังจากถูกเธอฟัน
เป็นพลังทำลายที่หญิงสาวไม่เคยแสดงให้เห็นมาก่อน
ต้องขอบคุณบีบันที่ยอมถ่ายทอดวิชาดาบไร้เทียมทาน สัญลักษณ์แห่งอริยดาบ ให้เธอโดยตรง ไม่เพียงเท่านั้น เมอร์เซเดสยังตั้งปณิธานอัศวินข้อใหม่เพิ่มขึ้นมา
แน่นอน ต้องไม่ลืมขอบคุณเซราทุล
***
มหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรดำเนินไปอย่างดุเดือด
หรืออย่างน้อย สมรภูมิหมู่เกาะเบเฮ็นและห้วงนรกก็ยังอยู่ในภาวะสมดุลโดยไม่เอนเอียงไปทางฝั่งใด
สมรภูมิหมู่เกาะเบเฮ็นมีสิบวีรชนและกองทัพอาเรส ส่วนห้วงนรกมีไคล์กับบราฮัมเป็นศูนย์กลาง
อาจเกิดวิกฤติขึ้นหลายครั้ง แต่เมื่อมีกำลังเสริมใหม่มาช่วยไว้ได้ทันท่วงที ฝ่ายพันธมิตรก็ยิ่งทวีความแข็งแกร่ง
“นายจะไปไหน?”
หลังจากกำลังเสริมที่นำโดยคริสมาถึง
พีคซอร์ดล่าถอยไปยังด้านหลังกระบวนทัพเพื่อให้มองเห็นได้กว้างขึ้น
เมื่อใดก็ตามที่อสูรประเภท ‘ลอบสังหาร’ บุกเข้ามาในค่าย พีคซอร์ดจะปกป้องฝ่ายบัญชาการอย่างมีประสิทธิภาพ
มันรู้สึกราวกับตัวเองกลายเป็นฟันเฟืองของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่
พีคซอร์ดตื่นเต้นกับบทบาทใหม่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่แบบใด มันเชื่อว่าตนสามารถสร้างประโยชน์ให้กับพวกพ้องได้มากมาย
เป็นความรู้สึกแบบเดียวกับผู้เล่นสังกัดฝ่ายพันธมิตรทุกคนที่กระจายตัวอยู่ทั่วทวีป
ปัจจุบัน องค์กรฝ่ายพันธมิตรมีลักษณะคล้ายกับสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่
ผู้เล่นกว่าร้อยล้านล้วนมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป ต่างคนต่างสร้างอิทธิพลในเชิงบวกให้กันและกัน
เป็นความสมัครสมานสามัคคีโดยไม่เกี่ยงเชื้อชาติ ศาสนา แนวคิด สถานที่ และเวลา
กระทั่งผู้เล่นโซโล่ในเขตชานเมืองก็ยังตระหนักได้ว่า ความสำเร็จของตนมีส่วนช่วยสนับสนุนฝ่ายมนุษย์ได้ไม่มากก็น้อย การลงแรงที่ผ่านมามิได้สูญเปล่าเสียทีเดียว
เป็นความรู้สึกผูกพันอย่างน่าประหลาด
ผู้คนเริ่มมีสมาธิกับสงครามมากขึ้น
ทั้งหมดคือผลงานของเหล่าเสนาธิการที่คอยวางหมากอยู่เบื้องหลังสงคราม
สุดยอดกุนซือของกองทัพฝ่ายพันธมิตรอย่างลอเอลและซือหม่าเซียน คอยปรับเปลี่ยนแผนไปตามสถานการณ์ตลอดเวลา
งานที่พวกมันมอบหมายให้ผู้เล่นและกองทัพฝ่ายพันธมิตร ล้วนเกื้อกูลกันและกันจนเกิดเป็นสายสัมพันธ์
เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ฐานที่มั่นของศัตรูก็ทยอยถูกทำลาย
ทิศทางของสงครามถูกชักใยอย่างรัดกุม
ยิ่งเวลาผ่านไป ผู้คนก็ยิ่งสรรเสริญความยอดเยี่ยมของกลยุทธ์
เหล่ากุนซือล้วนได้รับคำชมอย่างถ้วนหน้า
แต่ในทางกลับกัน ลอเอลกำลังจะตาย
ตลอดเวลาที่ออนไลน์ มันเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องประชุมเพื่อวางแผนและประสานงาน และเมื่อออฟไลน์ มันก็ยังต้องคอยติดต่อกับกุนซือคนอื่นที่ออนไลน์ เพื่อออกคำสั่งเคลื่อนทัพ
แทบไม่มีเวลาพักผ่อน
และสงครามเพิ่งดำเนินมาได้เพียงสองวัน
‘แบบนี้แย่แน่… ยิ่งเวลาผ่านไป เราจะยิ่งตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ต้องลงมือทำบางสิ่งเพื่อเปลี่ยนกระแสสงคราม’
***
หลังล็อกเอาต์ออกจากระบบ ยองวูเทกับทั้งหมดลงในชามและตักข้าวใส่ จากนั้นก็เดินไปนั่งหน้าทีวี
มันเปิดช่องที่ถ่ายทอดสดเกี่ยวกับห้วงนรกและหมู่เกาะเบเฮ็น เปิดหลายจอพร้อมกัน พลางกินข้าวผสมกับหลายชนิด
มันไม่รับรู้รสข้าวแม้แต่คำเดียว แต่ก็ต้องกินเพื่อสุขภาพ
‘ฝ่ายผู้เล่นกำลังตกเป็นรอง…’
ผู้เล่นมีข้อจำกัดสำคัญมากที่มิอาจฝ่าฝืน
ขีดกำจัดในการออนไลน์
ผู้เล่นแต่ละคนจะเชื่อมต่อซาทิสฟายได้ไม่เกินวันละสิบหกชั่วโมง
หากถึงขีดจำกัด ระบบจะตัดการเชื่อมต่อนานแปดชั่วโมง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เวลาในซาทิสฟายจะหายไปหนึ่งวันในทุกสามวัน
หากแบ่งเวลาไม่ดีจนผู้เล่นคนสำคัญบังเอิญออฟไลน์พร้อมกัน มนุษยชาติคงทำได้เพียงนั่งดูดนิ้วและเฝ้ามองโลกถูกทำลาย
ด้วยเหตุนี้ ลอเอลจึงต้องคอยจัดตารางเวลาของไฮแรงเกอร์มิให้ทับซ้อนกัน
นอกจากนั้นยังกำชับว่าอย่าออนไลน์จนครบ แต่ให้เหลือไว้วันละสองชั่วโมง
ไม่เพียงจะคอยระวังไม่ให้ช่วงเวลาออฟไลน์ทับกัน แต่ลอเอลยังตั้งกลุ่มไฮแรงเกอร์สำหรับผลัดเวรรับมือเหตุฉุกเฉินภายในห้านาที
กริดเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
อันที่จริง ลอเอลไม่อยากแทรกแซงเวลาของยองวูมากนัก
มันเองก็อยากให้ยองวูทุ่มสมาธิไปกับการตีเหล็กจนกระทั่งระยะเวลาเชื่อมต่อถึงจำกัด
แต่ยองวูเป็นขุมพลังที่สำคัญที่สุดของฝ่ายมนุษย์
หากชายคนนี้มิอาจตอบสนองในบางเหตุการณ์ เกรงว่ามนุษยชาติอาจเผชิญความสูญเสียที่ไม่สามารถย้อนกลับ
ยองวูเองก็เข้าใจ
มันยินดีร่วมมือกับลอเอลที่พยายามอธิบายด้วยสีหน้าลำบากใจ
“…บ้าไปแล้ว”
มีหกช่องจากหลายสิบช่องกำลังถ่ายทอดสดสมรภูมิหมู่เกาะเบเฮ็นและห้วงนรก
ยองวูที่กำลังรับชมภาพจากหลากหลายมุม เอาแต่อ้าปากค้างจนลืมกินข้าว
มันทึ่งในความยอดเยี่ยมของบราฮัม
เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายได้รับพลังแวมไพร์ทายาทกลับคืน ยองวูเชื่อว่าบราฮัมย่อมแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็ไม่คิดว่าจะทรงพลังถึงระดับนี้
เปลี่ยนไปเป็นคนละมิติโดยสิ้นเชิง ไม่เหมาะจะนิยามว่า ‘เก่งขึ้น’ สักเท่าไร
“ฮะฮะ… แบบนี้ดีแล้ว…”
ยองวูขยับจมูก
มันตระหนักดีว่าบราฮัมรู้สึกเช่นไรในยามที่เห็นตนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
“ดีใจกับนายด้วยนะ…”
บราฮัมต้องทุกข์ทรมานมานานนับร้อยปี
ยองวูที่ตกนรกมายี่สิบปีย่อมคาดเดาความเจ็บปวดของอีกฝ่ายได้เลือนราง
เมื่อได้เห็นบราฮัมเติมเต็มความฝันอันยาวนาน มันเองก็ร่วมยินดีประหนึ่งเป็นความสำเร็จของตน
“หือ…?”
ขณะคิดว่าตนควรดื่มกาแฟ
หลังจากลุกขึ้นยืนและเตรียมเดินไปชง ชายหนุ่มเอียงคอสงสัย
สิ่งของที่กำลังถูกยกลงจากรถบรรทุกด้านหน้าตึก ดูไม่ปรกติเลยสักนิด
“แคปซูล?”
แถมยังสองเครื่อง
หืม? ทูนเดินออกไปรับ…
เพื่อนที่อิตาลีของทูนมาเยี่ยม?
ก็เลยซื้อแคปซูลใหม่เพื่อที่จะได้เล่นเกมพร้อมกัน?
ยองวูรีบวิ่งออกไปดู
***
สรุปโดยสั้น ยองวูไม่มีเพื่อนใหม่เป็นชาวอิตาลี
เจ้าของแคปซูลคือพ่อแม่ของยองวูเอง
“ช่วงนี้พ่อเขาเป็นกังวลมาก… มนุษยชาติกำลังเผชิญวิกฤติ จะให้นิ่งดูดายได้ยังไง?”
“อะแฮ่ม… ก็ไม่ได้ขนาดนั้นน่า…”
“…พ่อกับแม่กำลังจะเริ่มเล่นซาทิสฟายกันใช่ไหม?”
“ใช่… ว่ากันตามตรง พวกเราอยากเห็นหน้าลูกสะใภ้กับหลานชายใจแทบขาดแล้ว~”
“คุณพูดเรื่องอะไร? ทำไมเราถึงต้องเข้าไปตามหาลูกสะใภ้กับหลานชายในโลกไซเบอร์ แทนที่จะเป็นโลกความจริง?”
“ซาทิสฟายก็เป็นโลกอีกใบไม่ใช่หรือ? เรียกว่าโลกไซเบอร์… ใจร้ายไปหน่อยนะ”
“ที่รัก… รีบถอนคำพูดเร็วเข้า ลูกโกรธแล้ว”
“พ…พ่อก็แค่อยากมีลูกสะใภ้ตัวจริง”
“ก็มีในซาทิสฟายก่อน จากนั้นค่อยมีในโลกความจริง”
“…ซาทิสฟายก็ถือเป็นอีกหนึ่งความจริง”
สรุปได้ว่า เป็นบทสนทนาที่สับสนวุ่นวาย
หากเป็นเมื่อเจ็ดปีก่อน การพูดคุยเช่นนี้สมควรถูกตั้งคำถาม
ครอบครัวของยองวูคงได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่ลบและมองว่าเป็นกลุ่มคนเสียสติ
แต่ปัจจุบัน โลกเปลี่ยนไปแล้ว
จากมุมมองของคนยุคใหม่ บทสนทนาเมื่อครู่ปรกติดีทุกอย่าง
คนที่แต่งงานในซาทิสฟายมิได้มีเพียงหนึ่งหรือสองสักหน่อย
“ว่าแต่… รู้วิธีสร้างบัญชีกันหรือยัง?”
“เมื่อคืนพ่อไปหัดใช้แคปซูลที่ห้องจิสึกะมาแล้ว ให้เธอสอนสร้างบัญชีและเรียนรู้ระบบพื้นฐาน”
“…”
จิสึกะยังติดต่อพ่อกับแม่ของเราอยู่?
ดูเหมือนว่าเธอยังตัดใจจากเราไม่ได้
นั่นสินะ… การยุติความสัมพันธ์ในลักษณะดังกล่าว คงยากที่จะตัดใจให้ขาด…
แต่ถ้านั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องการ เราก็คงไม่คัดค้าน…
วิธีเดียวที่จะตัดความสัมพันธ์ให้ขาดคือการย้ายไปอยู่ตะวันออกกลาง…
‘หือ…’
ยองวูที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พลันตกตะลึงหลังจากได้สติ
มันประหลาดใจที่ตนยอมรับความรู้สึกของจิสึกะแต่โดยดี
มีบางสิ่งเปลี่ยนไป…
คล้ายกับสามารถเข้าถึงจิตใจและจุดยืนของผู้อื่นได้ง่ายขึ้น
ไม่เพียงแค่ในซาทิสฟาย แต่โลกความจริงก็เช่นกัน
เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่งเกิดขึ้นในระยะหลัง
‘หมายความว่ายังไง…’
ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่สลักสำคัญอะไรนัก
ไม่ใช่พัฒนาการแบบการ์ตูน ไม่ใช่พลังพิเศษที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลก
ยองวูซึ่งสั่งสมประสบการณ์มากมายจากซาทิสฟาย พัฒนาทักษะทางสังคมจากสิ่งเหล่านั้น
เป็นการเรียนรู้จากเกม ซึ่งคนอื่นทำได้ไม่ง่ายนัก
ปัจจุบัน ชายหนุ่มเริ่มมองเห็นทางออกของสถานการณ์ด้านความรักที่ชวนให้อึดอัดมาเป็นเวลานาน
มันนึกทบทวนและยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
‘อา… ในช่วงหลายปีมานี้ เราได้พบเจอผู้คนมากมาย’
“เช้านี้จิสึกะก็ยังส่งอีโมติคอน ‘สู้เค้า’ มาเหมือนเคย… ผ่านมาแล้วหลายปี ยังสม่ำเสมอไม่เปลี่ยน… ฮะฮะ! ถ้าได้มีลูกสะใภ้ที่น่ารัก ร่าเริง และมั่นคงในความรักอย่างจิสึกะ พ่อคงมีความสุขไม่น้อย”
“ยองวู แม่ชอบยูร่ามากกว่านะ… จิสึกะเป็นชาวต่างชาติ… ไม่สิ ถึงตอนนี้จะเป็นคนเกาหลี แต่เธอก็มีนิสัยแตกต่างจากพวกเรานิดหน่อย เพราะเติบโตในต่างประเทศตั้งแต่เด็ก”
“แม่… เลิกแบ่งแยกเชื้อชาติได้แล้ว ตอนนี้โลกถูกรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยซาทิสฟาย!”
“แบ่งแยกเชื้อชาติอะไร? เกิดฟุ้งซ่านขึ้นมาเพราะเมื่อคืนเข้าไปแกว่งมีดมารึไง?”
“พ่อขอโทษ… พ่อผิดไปแล้ว”
“ยองวู กำลังยุ่งใช้ไหม? พวกเราเองก็ยุ่งเหมือนกัน ลูกรีบขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะ… ฮุฮุ แม่กำลังจะได้เห็นหน้าลูกสะใภ้กับหลานชายแล้ว”
“…”
ยองวูที่สลัดความคิดฟุ้งซ่าน เดินกลับห้องของตนที่ชั้นบนสุดอย่างเงียบงัน
ภายในใจสาบานว่าจะสร้างสุดยอดไอเท็มให้พ่อกับแม่
ปฏิเสธไม่ได้ว่า มหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรได้กระตุ้นความอยากเล่นซาทิสฟายไปทั่วโลก
มีคนไม่น้อยที่รู้สึกโกรธแค้นหลังจากเห็นมนุษยชาติถูกกองทัพอสูรข่มเหงในหน้าจอทีวี
เฉกเช่นพ่อแม่ยองวู มีผู้คนอีกนับล้านที่เริ่มเล่นซาทิสฟายในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
เป็นอัตราการเพิ่มประชากรในระดับเดียวกับช่วงเกมเปิดตัวใหม่ๆ
สายลมระลอกใหม่กำลังพัดผ่าน
ในบรรดาผู้เล่นหน้าใหม่ มีหลายคนเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ และองค์กรใหญ่ๆ อย่างโอเวอร์เกียร์ก็คอยสนับสนุนอย่างเต็มที่
พิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ความช่วยเหลือจาก ‘ทารก’ อาจไม่มากมายนัก
แต่ก็มีค่าพอที่จะให้ลงทุนกับอนาคตวันข้างหน้า
ผู้เล่นกำลังสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว
Comments
Post a Comment