จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,154



“มากกว่าครึ่งล้าน”


ราชา ‘เนเมซิส’ กำลังนั่งบนกรอบหน้าต่าง


อากาศจัดว่าสมบูรณ์แบบ


แสงแดดอบอุ่น สายลมสดชื่น


เมื่อเห็นต้นไม้ในสวนเริ่มออกผล มันเข้าใจทันทีว่าทะเลทรายเรย์ดันกำลังร้อนฉ่า


“ไม่ผิดจากความคาดหมาย มีออร์คเข้าร่วมทัพโอเวอร์เกียร์เป็นจำนวนมาก”


อาณาจักรเก๊าส์สามารถดำรงตนปกครองตัวเองมาได้ยาวนานแม้จะมีชายแดนอยู่ติดกับจักรวรรดิซาฮารัน


จัดการเก๊าส์ไม่ใช่เรื่องง่าย… ประวัติศาสตร์อันยาวนานคือเครื่องพิสูจน์ และการทำเรื่องน่าเหลือเชื่อให้เป็นจริงได้ ราชวงศ์เก๊าส์คือหัวใจสำคัญเสมอมา


ราชาเนเมซิสผู้ช่ำชองศาสตร์แห่งการทูตและการเมือง เกิดความเคลือบแคลงเมื่อจักรวรรดิซาฮารันประกาศว่าจะปฏิรูปตัวเอง


นับแต่นั้น มันวางแผนรับศึกขยายดินแดนของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์มาตลอด และเมื่อได้ยินว่าออร์คลอร์ดสาบานตนเข้ารับใช้ราชาโอเวอร์เกียร์ เนเมซิสได้เตรียมแผนรับมือเผ่าพันธุ์ออร์คไว้แล้วเช่นกัน


หรือก็คือ ไพ่ในมือมีถมเถ


“ต้องสูสีกันมากแน่”


ฉึบ.


เมื่อราชาเนเมซิสตวัดมือ คลื่นพลังลึกลับพุ่งกระแทกใส่กิ่งต้นเชอร์รี่จนหักโค่น


เนเมซิสรีบวิ่งไปใต้ต้นเชอร์รี่และใช้แขนเสื้อเช็ดทำความสะอาด จากนั้นก็โยนผลเชอร์รี่ใส่ปากเคี้ยว


“งั่ม.”


กลิ่นและรสของผลเชอร์รี่พลันระเบิดกระจายทั่วช่องปาก ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็วและทิ้งความรู้สึกตกค้างอันยอดเยี่ยมไว้


หากถามว่า ราชวงศ์เก๊าส์เคยทิ้งความรู้สึกตกค้างอันยอดเยี่ยมให้แก่ประชาชนบ้างไหม?


คำตอบคือ… มากมาย


เมื่อใช้ความคิดถึงมาจุดนี้ ราชาเนเมซิสหันไปกล่าวกับมหาเสนาบดีด้านข้าง


“ทั้งหวานและสด ประชาชนต้องชอบแน่”


“เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่ง”


สำหรับขุนนางและเชื้อพระวงศ์ ‘สวน’ คือสัญลักษณ์แทนอำนาจบารมี


ยิ่งสวนหน้าบ้านงดงามและกว้างใหญ่เพียงใด ขุนนางหรือชนชั้นสูงก็ยิ่งมีหน้ามีตามากเท่านั้น


แต่กับราชาเนเมซิสถือเป็นข้อยกเว้น


สวนของมันกว้างใหญ่ไพศาล แต่ไม่สวยเลย แถมยังแออัดเบียดเสียด


ราวกับต้นไม้ทั้งหมดถูกปลูกเพื่อเป็นสวนผลไม้มากกว่าของประดับตกแต่ง


เอกอัครราชทูตแห่งจักรวรรดิเคยแอบเหยียดหยันว่า ‘ราชาเนเมซิสช่างไร้รสนิยม’


อย่างไรก็ตาม ไม่มีขุนนางคนใดในอาณาจักรเก๊าส์คิดเช่นนั้นกับราชา


กษัตริย์เนเมซิสปลูกผลไม้ในสวนของตน เพราะต้องการเติมเต็มปากท้องของประชาชนผู้อดอยาก แม้จะช่วยได้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี


“ใกล้เริ่มแล้วกระมัง”


ไม่ว่าจะมีประวัติศาสตร์ยาวนานสักเพียงใด ไม่ว่าจะตะวันออกหรือตะวันตก แต่สองประเทศชายแดนติดกันไม่มีวันเป็นมิตรไมตรีต่อกันได้


ความบาดหมางระหว่างเก๊าส์และอีเทอนัลกินระยะเวลามานานกว่าร้อยปี และโอเวอร์เกียร์ผู้กลืนกินอีเทอนัลในภายหลัง ก็สืบทอดความบาดหมางเหล่านั้นมาด้วย


ประชาชนเก๊าส์ไม่มีวันลืม


เหตุการณ์ถล่มป้อมบอร์เนียวซึ่งคร่าชีวิตทหารหนุ่มกว่าสามพันนายอย่างโหดเหี้ยม


ความสัมพันธ์ยิ่งไม่มีวันกลับมาญาติดีกันได้เมื่อลอเอล กุนซือของทัพเรย์ดันผู้ออกคำสั่งฆ่าอย่างเลือดเย็น ได้กลายมาเป็นมหาเสนาบดีสูงสุดแห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์คนปัจจุบัน


ทุกคนทราบว่าสงครามนี้จะต้องเกิดขึ้น


ในสงครามอันมิอาจพ่ายแพ้ อาณาจักรเก๊าส์เตรียมกลยุทธ์ไว้ทั้งหมดหกแผนการ


***


“ห้ามเหม่อเด็ดขาด”


<เครื่องตรวจจับ> คือผลผลิตแสนสำคัญของโรงแปรธาตุ เกิดจากเวทมนตร์ผสมผสานเข้ากับวิทยาศาสตร์


แม้กระทั่งบรรดาอาณาจักรผู้ไม่สนใจโรงแปรธาตุก็ยังปรารถนาจะครอบครองเทคโนโลยีนี้


ถึงกับมีคำกล่าวว่า หลายประเทศยอมจ่ายค่าเทคโนโลยี ‘เครื่องตรวจจับ’ เทียมเท่ากับมูลค่าโดยรวมและเงินลงทุนของโรงแปรธาตุทั้งหมด


ถึงกระนั้น เครื่องตรวจจับกลับมีเพียงหยิบมือเดียวบนโลก ไม่เว้นแม้แต่จักรวรรดิซาฮารัน


เหตุผลก็คือ อุปกรณ์ชนิดนี้สร้างได้จากโรงแปรธาตุขั้นสูงเท่านั้น และโอกาสสำเร็จก็ต่ำติดดินจนน่าใจหาย


ภายในจักรวรรดิมีอุปกรณ์ตรวจจับเพียง 23 เครื่อง โดยทั้งหมดจะถูกแจกจ่ายให้กับแม่ทัพระดับสูงในแนวหน้าของสงคราม


ทว่า


“ดูนี่สิ หมอนั่นเริ่มไต่กำแพงแล้ว”


ณ กรุงไรนฮาร์ท ประตูวังทิศเหนือ


กลุ่มทหารโอเวอร์เกียร์กำลังยืนหลบซ่อนหลังกำแพงหินด้านบน พวกมันจ้องมองภาพของผู้บุกรุกกำลังปืนไต่กำแพงวัง ผ่านอุปกรณ์แปลกตาชนิดหนึ่ง


ทหารแสนธรรมดา… แต่บางคนกลับกำลังถือเครื่องตรวจจับ


ภาพเหตุการณ์สุดเหลวไหลตรงหน้า ไม่มีทางหาพบได้แม้แต่ในจักรวรรดิซาฮารัน


“ช้ายิ่งกว่าเต่าคลานอีกแฮะ”


“แน่อยู่แล้ว แต่ละย่างก้าวเอาแต่มองไปรอบตัว แถมยังกลั้นหายใจ จะให้เร็วได้ยังไง”


“เป็นเพราะพวกมันระมัดระวัง จึงเล็ดลอดสายตาชาวนาเข้ามาได้ไกลถึงตรงนี้”


เครื่องตรวจจับเกิดการรวมตัวกันของคุณสมบัติทางเวทมนตร์หลายชนิด ประกอบด้วย <ลูกแก้วสอดส่อง> <เวทตรวจจับ> โดยมีลักษณะการทำงานคล้ายคลึงกับกระจกวิเศษ


ถึงแม้รูปลักษณ์จะเรียบง่ายเหมือนกับกระจก แต่จุดยากคือการบรรจุเวทมนตร์ลงไป โอกาสผลิตล้มเหลวจึงสูงกว่าโอกาสสำเร็จหลายเท่าตัว


อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะความทุ่มเทของกริดตลอดหลายปี โรงแปรธาตุเรย์ดันซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดดในระยะหลัง จึงผลิตอุปกรณ์ตรวจจับสำเร็จเกินกว่า 50 เครื่อง


เมื่อโรงแปรธาตุเพิ่มเลเวล สิ่งก่อสร้างจะได้รับโบนัสเพิ่มอัตราความสำเร็จชั่วคราว และในจังหวะดังกล่าว ผู้อำนวยการโรงแปรธาตุจะเล็งสร้างอุปกรณ์ตรวจจับ


เกือบทั้ง 50 เครื่องจะถูกแจกให้แก่หน่วยทหารรอบวังหลวง เป็นเหตุผลว่าทำไม ทหารอาวุโสบางคนจึงมีเครื่องตรวจจับพกติดตัว


หน่วยทหารยามมองเห็นผู้บุกรุกตั้งแต่แรก เพียงแค่กำลังรอปรากฏตัวในจังหวะเหมาะสม


ในวินาทีผู้บุกรุกปืนถึงกลางทางและขยับตัวไม่สะดวก หน่วยทางองครักษ์โอเวอร์เกียร์จะโผล่ออกไปล้อมจับจากด้านบนและล่างในคราวเดียว


ทว่า… ทหารยังไม่ทันได้ลงมือ


“หือ…?”


กลิ่นเหม็นบัดซบเริ่มโชยแตะปลายจมูกทุกคน


เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ปิอาโร่เคยนำดอกไม้กลิ่นพิสดารมาฝังไว้ในดินใต้กำแพงวังหลวง


เหตุใดต้องฝังดอกไม้เน่าใต้กำแพง?


เหล่าทหารผู้เคยนึกฉงนมานาน ปัจจุบันได้ทราบคำตอบเสียที


พรืด. พรืด. พรืด.


ดอกไม้ลึกลับซึ่งพวกมันคิดว่าถูกนำมาฟังเพราะตายแล้ว ความจริงกลับยังมีชีวิตอยู่


เถาวัลย์จำนวนมากพุ่งขึ้นจากดิน ลอบเลื้อยไต่กำแพงอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะรัดพันข้อเท้าผู้บุกรุกทุกคนไว้แน่นถนัด


ปุล๊าาาา!!


ท่ามกลางเสียงกรีดร้องแสบแก้วหู กลีบดอกประหลาดพลันผุดขึ้นจากพื้นดินใต้ฝ่าเท้าผู้บุกรุก


ทุกคนต่างจ้องมองด้วยสีหน้าตกตะลึง


“อ…อึ๋ย!”


“ส…สัตว์ประหลาด!!”


กลุ่มผู้บุกรุกเริ่มสติแตก พวกมันพยายามคว้าของมีคมออกมาเฉือนเถาวัลย์รอบข้อเท้าทิ้ง


แต่ความตั้งใจมีอันต้องสูญเปล่า ก่อนจะได้ลงมือกระทำสิ่งใด รัฟเฟลเชียใช้เถาวัลย์กระชากพวกมันลงมาและเขมือบเข้าท้องทีละคนสองคน


หลังจากกินมนุษย์เข้าไปสิบกว่า หลอดอาหารของรัฟเฟลเชียขยายใหญ่จนดูคล้ายกับสัตว์ประหลาดน่าขนลุก


ฉากดังกล่าวช่างน่าสะพรึง เส้นขนของทหารทุกนายพลันลุกตั้งชันอย่างพร้อมเพรียง


ขณะแหงนหน้ามองกลุ่มทหารหน้าซีดบนกำแพง รัฟเฟลเชียปิดปากตัวเองจนสนิทพลางโบกสะบัดเถาวัลย์รอบตัวไปมาอย่างน่ารัก


คล้ายกับการกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มไมตรี


เมื่อเห็นพืชประหลาดมุดกลับใต้ดินอีกครั้ง กลุ่มทหารบนกำแพงทำได้เพียงส่งเสียงพึมพำ


“พวกเราเฝ้าวังหลวงไปเพื่ออะไร…”


***


“คงถูกพบตัวแล้วสินะ”


ไม่ไกลจากกำแพงวังทิศเหนือ ‘บิวลัง’ ผู้เฝ้ามองสถานการณ์รอบวังมาสักพัก เริ่มเคลื่อนไหว


เป้าหมายของมันคือทิศใต้


ทหารกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งกรูไปยังทิศทางตรงข้ามกับเป้าหมายของบิวลัง


‘ทำไมนักลอบสังหารคล่องแคล่วเหล่านั้นถึงถูกทหารธรรมดาตรวจพบได้เร็วนัก?’


บิวลังคือผู้ลี้ภัยจากอาณาจักรโรเทมอนซึ่งถูกจอมอสูรเฟย์ริสทำลายจนราบคาบ


ไม่เพียงกริดจะอ้าแขนต้อนรับผู้ลี้ภัยจำนวนมากเข้าสู่อาณาจักร แต่มันยังใจดีมอบสัญชาติให้อีกด้วย บิวลังจึงได้รับสัญชาติโอเวอร์เกียร์จากเหตุการณ์ครั้งนั้น


ตลอดไม่กี่เดือนหลังสุด มันอาศัยอยู่ในกรุงไรนฮาร์ทโดยใช้ชีวิตประจำแสนธรรมดา กลมกลืนไปกับพลเมืองธรรมดาทั่วไป


แต่ชีวิตประจำวันอันสงบสุขของบิวลังต้องสิ้นสุดลงในวันนี้ ถึงคราวมันหวนกลับไปใช้ตัวตนเก่า— ‘ดาบแห่งเนเมซิส’ หรือ ‘ดาบเอกแห่งเก๊าส์’ และเริ่มลงมือทำภารกิจสุดท้าย


‘ช่างยาวนานเหลือเกิน…’


ภารกิจของบิวลังถูกกำหนดขึ้นในวินาทีจอมอสูรเฟย์ริสเริ่มรุกรานอาณาจักรโรเทมอน


โรเทมอนขณะเผชิญภัยพิบัตินั้นมีสภาพโกลาหลและเหลวแหลกเกินควบคุม


บิวลังผู้ได้รับสถานภาพพลเมืองโรเทมอนโดยใช้เพียงเศษเงินแลก ยืนเฝ้ามองการล่มสลายของโรเทมอนอย่างเงียบงันและปล่อยให้ตัวเองมีสถานภาพผู้ลี้ภัย


นี่คือแผนแทรกซึมเข้าสู่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์อย่างแยบยล


‘ฝ่าบาท…’


กึก. กึก. กึก.


ขณะย่างกรายไปบนถนนเส้นใหญ่ใจกลางกรุงไรนฮาร์ท บิวลังตัดสินใจหนักแน่น


‘กระหม่อมจะไม่ทำให้พระองค์ผิดหวัง!’


สายตาบิวลังจ้องมองไกล ปลายทางคือป่าจำลองซึ่งถูกสร้างบนเนินเหนือย่านตัวเมือง


ภายในป่ามีอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก


จุดดังกล่าวมีไว้ให้ราชินีโอเวอร์เกียร์ ไอรีน แจกจ่ายอาหารแก่เด็กกำพร้าและนั่งอ่านนิทานให้พวกเขาฟัง


บิวลังแอบสังเกตกิจวัตรส่วนตัวของไอรีนมานานแรมเดือนเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ


มันย่อมทราบว่าเธอคือคนสำคัญแห่งราชวงศ์ คือราชินีผู้มีจิตใจงดงาม ห่วงใยประชาชน อ่อนโยน และมีเมตตากรุณาจนน่ายกย่อง


แต่ศัตรูย่อมเป็นศัตรู


เราต้องลักพาตัวเธอไปส่งให้พวกพ้องทางประตูเมืองฝั่งตะวันตก…


ถึงเราจะต้องตาย แต่นั่นก็มิได้สลักสำคัญ


เพื่อครอบครัว อาณาจักร และท่านราชา เรามอบให้ได้กระทั่งชีวิต


แกร่บ.


ในวินาทีบิวลังย่างกรายเข้าเขตป่าจำลอง ฝ่าเท้าของมันเหยียบลงบนใบไม้แห้ง


ทันใดนั้น กลุ่มอัศวินนอกเครื่องแบบจำนวนมากได้เข้ามาล้อมไว้


“ตรงนี้ห้ามผ่าน เชิญกลับไป…”


ยังไม่ทันสิ้นเสียงอัศวิน


คมดาบฉับไวของบิวลังไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดจบประโยค


เคร้ง!


“ชายคนนี้แข็งแกร่ง! ทุกคนระวัง!”


อัศวินผู้รับดาบบิวลังได้อย่างฉิวเฉียด พลันทราบฝีมืออันเฉียบขาดของอีกฝ่ายทันที มันตะโกนบอกพรรคพวกพลางขบกรามดังกรอด


จากการคำนวณ บิวลังเคยคิดว่าตนจะฝ่ากลุ่มอัศวินเหล่านี้เข้าถึงตัวราชินีได้ในพริบตา


‘องครักษ์ราชินีแข็งแกร่งระดับนี้เชียว?’


อัศวินซึ่งถูกฝึกหนักโดยปิอาโร่และอัสโมเฟล อีกทั้งยังถูกยกระดับขึ้นอีกขั้นโดยมีเมอร์เซเดสเป็นแบบอย่าง ฝีมือย่อมสูงส่งกว่าจินตนาการบิวลังพอสมควร


เมื่อราวเดือนก่อน มันเคยสำรวจฝีมืออัศวินฝ่ายศัตรูอย่างคร่าว และพบว่าตนแข็งแกร่งกว่าพวกเขาราวสองเท่า


เก็บซ่อนฝีมือมาตลอด…?


‘ยอมรับไม่ได้เด็ดขาด!’


ตาดำบิวลังเริ่มสั่นเทา


เหตุใดอัศวินอันดับหนึ่งแห่งเก๊าส์อย่างตน ถึงมีฝีมือสูสีกับแค่องครักษ์ทั่วไปของราชินี?


อีกฝ่ายไม่ใช่ระดับปิอาโร่หรือเมอร์เซเดสสักหน่อย…


ทันใดนั้น เสียงกระจ่างใสของเด็กชายพลันดังแว่วจากด้านหลัง


“มีเรื่องอะไรกันหรือ?”


“…!”


บิวลังรีบหันหลังขวับ


มันพบเด็กชายใบหน้าสง่างาม เส้นผมสีดำขลับแววาว ดวงตาสีฟ้าครามน้ำทะเล


องค์ชายรัชทายาท ลอร์ด


ดูเหมือนองค์ชายตัวน้อยผู้เพิ่งย่างกรายเข้ามาในเขตป่าจำลอง จะไม่มีองครักษ์ติดตามมาด้วยแม้แต่คนเดียว


รอบตัวเขามีเพียงเด็กสาวกลุ่มหนึ่งเท่านั้น


“องค์ชาย! อันตราย!”


ขณะอัศวินส่งเสียงตะโกนอย่างร้อนรน วิชาดาบชุดใหม่ของบิวลังถูกปลดปล่อยใส่ลอร์ดด้วยความเร็วยากจะมองตามทัน


‘ฟ้ายังมีตา!’


องค์ชายเปลี่ยนกำหนดการกะทันหันหรือ? การปรากฏตัวของลอร์ด ไม่ได้อยู่ในแผนการของบิวลังมาตั้งแต่ต้น


บิวลัง ผู้พานพบแสงสว่างครั้งใหม่อย่างไม่คาดฝัน ทำการทิ่มแทงปลายดาบใส่องค์ชายตัวน้อยเบื้องหน้าโดยไม่ลังเล


เจตนามิได้ฆ่าฟันเอาชีวิต


ตัวประกันจะมีค่าก็ต่อเมื่อยังมีลมหายใจ


“กล้าลงมือกับองค์ชายเชียวหรือ!”


‘หือ…?’


บิวลังพลันขมวดคิ้ว


ขณะมันกำลังเข้าประชิดตัวลอร์ด เด็กสาวด้านข้างได้ชักค้อนเหล็กฟาดสวนกลับด้วยพละกำลังช้างสาร และเหตุผลทำให้บิวลังฉงนก็คือ เหตุใดจิตสังหารของสตรีเหล่านี้กลับแรงกล้ายิ่งกว่าอัศวินคนเมื่อครู่?


เคร้ง!!


ด้วยเรือนร่างอันบอบบาง เธอสามารถปลดปล่อยพละกำลังเยี่ยงปีศาจออกมาได้อย่างไร?


บิวลัง ผู้ชักดาบกลับเพื่อป้องกันการโจมตีด้วยค้อนเหล็กของเด็กสาว มีอันต้องกระเด็นถอยหลังไปไกลหลายก้าวจากแรงปะทะหนักหน่วง


‘เรารู้ว่าพวกเธอไม่ธรรมดา… แต่ไม่คิดว่าจะถึงระดับนี้!’


บิวลังขบกรามแน่น


ด้านหลังถูกล้อมกรอบด้วยอัศวิน ด้านหน้าถูกรายล้อมด้วยกลุ่มสตรีถือค้อนเหล็ก


ลอร์ดออกคำสั่งพลางจ้องมองเย็นชา


“ห้ามฆ่า. จับเป็นเท่านั้น. เราจะลากไส้คนทรยศทั้งหมดในอาณาจักรออกมา!”


“โฮ่! คิดว่าจะจับเป็นฉันคนนี้ได้รึไง!!”


เมื่อตระหนักว่าแผนการล้มเหลว บิวลังเริ่มต่อสู้เยี่ยงสุนัขจนตรอก


จิตคุกคามรุนแรงจนบรรดาอัศวินและเด็กสาวผู้ท้าชิงตำแหน่งบุตรีแห่งรีเบคก้าออกอาการผงะ


ลอร์ดพยักหน้าแผ่วเบา


“รบกวนด้วย ท่านอาจารย์”


อาจารย์?


อาจารย์เชี่ยอะไรอีก…?


“…อะ?”


ภาพการมองเห็นบิวลังพลันหมุนเคว้ง


ตามด้วยความเจ็บปวดต้นคอกะทันหัน หางตาดาบเอกแห่งเก๊าส์รีบชำเลืองเหลือบไปด้านหลังตามสัญชาตญาณ


บุรุษผิวดำสนิท ชนิดผสมผสานเข้ากับเงามืดของป่าจำลองอย่างกลมกลืน กำลังจ้องมองมันด้วยสายตาไร้อารมณ์


ราชันเงา คาซิม


บิวลังตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ตั้งแต่วินาทีแรกเมื่อบุคคลผู้นี้ลงมือ


“ป…เป็นไป… ไม่ได้…!”


ใบหน้าบิวลังพลันขาวซีด ความสิ้นหวังกัดกินลึกลงไปในก้นบึ้งจิตใจ


สำหรับวินาทีนี้ มันไม่เคลือบแคลงอีกแล้วว่า


‘อาณาจักรเก๊าส์คงถึงคราวล่มสลาย’


***


= เกิดในประเทศประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 4,000 ปี แต่กลับยอมตกเป็นเบี้ยล่างของราชาจากอาณาจักรเล็กเนี่ยนะ? ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยหรือ?


= พวกมันคงหลงใหลรางวัลตอบแทนจนดวงตามืดบอด ช่างน่าสมเพช


= นโยบายจีนเดียวคงเป็นได้แค่ฝัน พวกเรามีประชากรมากเกินไป แถมยังเต็มไปด้วยไอ้งั่ง


ทหารออร์คกว่าสี่แสนตนรอบเรย์ดันไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับชาวจีน


พวกมันเหล่านี้คือผู้เล่นเผ่าออร์คแสนดุดันและแข็งแกร่ง เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของประเทศจีนเสมอมา


แต่ปัจจุบันกลับกำลังรับใช้กริด


แม้กระทั่งพิธีกรชาวจีน ผู้ต้องดำเนินรายการอย่างยุติธรรมและเป็นกลาง ก็ยังแสดงสีหน้าผิดหวังออกมาโดยไม่ปิดบัง


『ทั่วโลกต่างกำลังจับจ้อง คิดว่าพวกเขาเหล่านั้นจะมีท่าทีเช่นไรเมื่อได้เห็นชาวเกาหลีกำลังออกคำสั่งกับกองทัพชาวจีนกว่าสี่แสนคน? ขำจนฟันร่วงยังไงล่ะ! ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นอีกแล้ว! ประชากรชาวจีนผู้เปรียบดังศูนย์กลางของโลก กลับต้องก้มหัวทำตามคำสั่งเกาหลีหนึ่งคน! ไม่มีอะไรตลกร้ายไปกว่านี้แล้ว ผมอับอายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง นับตั้งแต่เกิดมา ไม่มีวันใดรู้สึกแย่และหดหู่เท่านี้มาก่อน! จดจำคำของผมเอาไว้ เหตุการณ์ในวันนี้จะถูกจารึกลงบนหน้าประวัติศาสตร์จีนในฐานะตราบาป! 』


“…”


ขณะชาวจีนทั่วโลกต่างกำลังคลุ้มคลั่ง รอบเมืองเรย์ดันกลับเงียบเป็นเป่าสาก


หลังจากถ้อยคำพูดกริดสะกดออร์คหกแสนตนจนนิ่งสงัด กลุ่มผู้เล่นซึ่งหวังจะได้เฝ้าจับตามองเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด ต่างถูกความเงียบครอบงำโดยพร้อมเพรียง


กล้องนับพันตัวจากทุกสำนักข่าวต่างทำเพียงฉายภาพไร้เสียงอย่างกระอักกระอ่วน


ขณะชาวจีนกำลังจับจ้องจากทุกมุมโลก กริดหันไปออกคำสั่งกับกองทัพโอเวอร์เกียร์


“สองเสาหลักแห่งอาณาจักร แม่ทัพใหญ่ อัสโมเฟล และผู้บัญชาการสูงสุด ปิอาโร่ พวกเขาจะร่วมบดขยี้ศัตรูเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกคนในแนวหน้าของสนามรบ! เทพีอัศวินเมอร์เซเดสจะคอยปกป้องทุกคนด้วยโล่ยักษ์และปีกสีเงิน!”


“โอ๊ส!!”


เสียงตะโกนอันพร้อมเพรียงได้ทำให้ทุกคนในบริเวณเกิดอาการหูดับ


เพียงเสียงสั้นห้วนเมื่อครู่ ฝุ่นควันมีอันคละคลุ้งฟุ้งกระจายอบอวล


กริดหันกลับมามองทางกองทัพออร์ค


“พวกนายจะไม่เสียใจภายหลัง”


เพียงประโยคเดียว… ก็มากเกินพอแล้ว


ผู้เล่นชาวออร์คล้วนเข้าใจความนัยแอบแฝง พวกมันพยักหน้ารับด้วยหัวใจพองโต


ฉึบ.


หลังจบคำกล่าวปลุกใจ กริด ผู้เชื่อว่านี่จะเป็นมหาสงครามครั้งใหญ่ของอาณาจักร หันไปมองยังเส้นตัดขอบฟ้าบนผืนทะเลทรายกว้างใหญ่


กองทัพเก๊าส์หลายหมื่นเดินทางข้ามทะเลทรายมาหยุดประจันหน้าในระยะสายตาด้วยบรรยากาศดุดัน


สิ่งนี้หมายความว่า อาณาจักรเก๊าส์ไม่ใช่ไก่อ่อนรอวันถูกเชือดทิ้ง


เป็นเพราะทราบว่าเผ่าออร์คสนธยาไม่ถูกกับอากาศร้อน แม่ทัพฝ่ายเก๊าส์จึงเล็งเล่นงานตรงจุดอ่อน


ถึงขั้นส่งทหารมายืดเวลากลางทะเลทราย


จุดประสงค์พวกมันชัดเจน ทำการรบบนสังเวียนทะเลทรายและลดทอนประสิทธิภาพของกองทัพออร์คลงหลายส่วน


ฉะนั้น สำหรับกองทัพโอเวอร์เกียร์ กุญแจสำคัญในศึกนี้ก็คือ ต้องรีบตีฝ่าให้พ้นเขตทะเลทรายก่อนกำลังเสริมศัตรูจะมาถึง


เปรี้ยง!


กริดกระโจนลงจากกำแพง คล้ายกับเตรียมเข้าร่วมสงครามด้วยตัวเอง


ชายหนุ่มเข้าสู่ร่างเทพสายฟ้าด้วยพลังของรองเท้ามังกรคราม ผนวกกับความเร็วสูงสุดจากทักษะประกายอัสนี ร่างมืด พลิ้วไหว


ซู่มมมมมม!


ราชาโอเวอร์เกียร์บินแหวกอากาศผ่านผืนทะเลทรายว่างเปล่าในลักษณะคล้ายลำแสงถูกยิงออกจากปากกระบอก ฝุ่นควันสีเหลืองส้มลอยตลบอบอวลเป็นแถวทางยาวตามหลัง


ประหนึ่ง… มังกรคราม


“เสมือนเทพ. ผสานไอเท็ม.”


ดวงตาจ้องมองกองทัพศัตรูอย่างเยือกเย็น สองมือประกอบสองศาสตรารวมเข้าเป็นหนึ่ง


ในสายตากองทัพเก๊าส์ กริดยังอยู่ไกลจนมองเห็นเป็นเพียงหนึ่งจุดดำ


แต่ในเสี้ยวลมหายใจนี้เอง


ฟุ่บ.


ร่างกริดโผล่ออกจากความว่างเปล่าเหนือศีรษะกองทัพเก๊าส์พอดิบพอดี ราวกับระยะทางบนโลกกายภาพมิอาจฉุดรั้งชายคนนี้ไว้ได้


『ชุนโป? 』


“ดาบพินาศทัพ.”


กริดหมุนตัวบิดเอวจนผิดรูป


“หนึ่งแสน.”


คลื่นดาบคมกริบกรีดเฉือนศัตรูอย่างเลือดเย็น


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,543
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. กริดเทพพพพดขึ้นทุกวันเลยนะ

    ReplyDelete
  2. เกิ้นน​นน 😁👍
    ขอบคุณ​มาก​ๆ​ครับ​💕

    ReplyDelete
  3. ชัยชนะต้องตกเป็นของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ 5555555 คุรคุๆๆๆ ยอมจำนนซ่ะ!!!!!

    ReplyDelete
  4. โชว์​เทพมาก​ก็อดกริด

    ReplyDelete
  5. ก๊อดกริด=1กองทัพ

    ReplyDelete
  6. สาวๆผู้ชิงตำแหน่งบุตรีรีเบคก้าน่ะ ไม่ใช่เด็กสาวแล้วนะคะ ต้องเป็นหญิงสาวแล้วล่ะ ตอนเข้ามาอายุ 13-14 ตอนนั้นลอร์ดน่าจะไม่เกิน 3 ขวบ ตอนนี้ลอด 12 ดังนั้นสาวๆพวกนี้ก็น่าจะอายุ 23-24 แล้วล่ะ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00