จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,151



‘หมอนั่นจำผิดหรือไง…’


กริดตัดสินใจไม่ลงแข่งซาทิสฟายนานาชาติเพราะมันต้องการเวลา


ใช่แล้ว เวลาสำคัญสำหรับกริด หลังจากคุยกับฮานซอกบงเสร็จ มันจึงมุ่งหน้ามายังโรงเหล็กหลวงโดยไม่รีรอ


‘เจ็ดคนอะไรกัน…’


กริดสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากลในข้อมูลจากปากฮานซอกบง


อดีตเจ้าเมืองแพงเจียเล่าว่า ในช่วงหนึ่งร้อยปีหลัง มันเคยเห็นยังบันเพียง 7 คนเท่านั้น แต่กริดจำได้แม่นยำว่าตนเคยเห็นยังบันเกินกว่าสิบคนในคราวเดียว


ทั้งหมดสิบสาม ไม่ขาดไม่เกิน


ความทรงจำนี้ไม่ผิดพลาด


ในวินาทีตระหนักว่ายังบันแห่งทวีปตะวันออก มีระดับตัวตนเท่า ‘ตำนาน’ ของทวีปตะวันตก มันจึงให้ความสนใจบุคคลเหล่านี้เป็นพิเศษ


และไม่ใช่แค่นั้น กริดมีพยานยืนยัน


“บราฮัม ฉันเห็นสิบสามคนใช่ไหม”


ณ ทางเดินลับในปราสาท


บราฮัม ผู้กำลังเดินข้างกริดท่ามกลางทางเดินวงกตฝีมือคนแคระเคย์ พลันขมวดคิ้วหลังจากได้ยินคำถาม


เมื่อถอดหน้ากากเฟย์ริสออก บราฮัมจะมีใบหน้าสง่าตลอดเวลาไม่ว่าจะด้วยสีหน้าแบบใด


“คิดจะถามอีกกี่ครั้งกัน?”


ขณะกริดไปเยือนทวีปตะวันออกหนแรก ดวงวิญญาณบราฮัมยังคงตื่นอยู่


ในครั้งนั้น ทั้งสองคนยังไม่ได้สนิทชิดเชื้อเช่นทุกวันนี้ บราฮัมเพิ่งจะเริ่มสนใจในตัวกริด ขณะเดียวกันก็มองเห็นทุกสิ่งผ่านสายตากริด


“สิบสามคนถูกแล้ว”


“แต่ไวเคาต์ฮานซอกบงบอกว่าเจ็ด”


“ก็แปลว่าเขาโกหก ชายคนนั้นอาจเป็นสายลับของศัตรูก็ได้ รีบขับไล่ให้พ้นตัวดีกว่า”


“ไม่ใช่แน่”


กริดมั่นใจว่าฮานซอกบงไม่ใช่คนทรยศหรือสายลับ ไม่มีเหตุผลให้ต้องทำเช่นนั้นเลย


เมื่อบราฮัมเห็นว่าอีกฝ่ายเคลือบแคลง จึงอธิบายเสริม


“ถ้าฮานซอกบงไม่โกหก ประโยคดังกล่าวก็ต้องแฝงความนัยไว้”


“ความนัย?”


“ชาวตะวันออกทั้งหมดอาจถูกหลอกให้เข้าใจมาตลอดว่า ยังบันมีเพียงเจ็ดคน”


“ทำไปเพื่ออะไร?”


“ห้าอาวุโสและซือโหยวพ่ายแพ้ต่อเทพของทวีปตะวันตกใช่ไหม? นายคิดว่าเทพทางฝั่งนี้จะไม่คอยจับตามองพวกมันบ้างหรือ? ดังนั้น หากห้าอาวุโสและซือโหยวต้องการซ่องสุมกำลังคนสำหรับแก้แค้นเทพจริง พวกมันก็ควรเก็บซ่อนพลังให้มิดชิดเข้าไว้”


“อะ…”


จริงด้วย


ถ้าจะหลอกเทพ ก็ต้องหลอกประชาชนกว่าสิบล้านร้อยล้านไปพร้อมกัน…


“ไม่เพียงเท่านั้น จำนวน 7 คนถือว่าสมเหตุสมผลแล้ว เพราะอัครเทวทูตก็มี 7 ตนเช่นกัน สำหรับเทพของตะวันตก หากศัตรูมีกำลังรบเท่าอัครเทวทูต ก็ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหว”


เมื่อพูดจบ มหาจอมเวทในตำนานคว้าข้อมือกริดจากด้านหลัง


ด้วยปัญญาและเทคนิคอันเหนือชั้นของเผ่าคนแคระ ทางเดินลับจึงซับซ้อนและง่ายต่อการหลงไม่ต่างจากวงกต


“บราฮัม ฉันสงสัย”


กริดผู้เดินตามหลังไม่ห่าง ส่งเสียงซักถาม


“ถ้าข้อสันนิษฐานของฉันถูกต้อง เรื่องยังบันจะแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยการสร้าง ‘บารมีเทพ’ หากสิ่งนี้เป็นความจริง แปลว่านอกจากยังบันฉากหน้าจำนวนเจ็ดคนแล้ว ยังบันคนอื่นจะไม่ถูกยอมรับและไม่ถูกสักการะเยี่ยงเทพ ทำให้ไม่มีบารมีเทพสำหรับพัฒนาตัวเองใช่ไหม?”


“ก็คงใช่”


“แปลว่านอกจากยังบันแท้เจ็ดคน ยังบันคนอื่นล้วนอ่อนแอกว่าการัม?”


“ถูกต้อง ถึงยังบันในอาณาจักรฮวานจะมีจำนวนหลายร้อยหลายพัน แต่พวกมันคงไม่แข็งแกร่งอะไรนัก”


“ฟู่ว…”


กริดถอนหายใจโล่งอก


มันเคยกังวลว่ายังบันทั้งหมดจะแข็งแกร่งระดับเดียวกับการัม แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว


บราฮัมตักเตือน


“อย่าเพิ่งได้ใจไปนัก หากห้าอาวุโสและซือโหยวหาวิธีปิดกั้นการสอดแนมจากเทพตะวันตกได้เมื่อไร ถึงคราวนั้น ยังบันทั้งหมดจะลุกฮือขึ้นมาสั่งสมบารมีเทพ”


และถ้ามันเกิดขึ้น กริดผู้เป็นศัตรูของการัมย่อมตกอยู่ในวงล้อมอันตราย


เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของตัวเอง กริดจำเป็นต้องขัดขวางมิให้อาณาจักรฮวานกลายเป็นอาณาจักรทวยเทพโดยสมบูรณ์


‘เมื่อเทียบกันแล้ว เทพตะวันตกผู้มีบาปติดตัวคนละหนึ่งชนิด ย่อมดีกว่าเหล่ายังบันผู้กระทำเรื่องชั่วช้ามากมาย และย่อมดีกว่าห้าอาวุโสกับซือโหยวผู้สร้างยังบันขึ้นมา…’


…ไม่สิ


ไม่ควรด่วนสรุป


ความจริงอาจเป็นสิ่งตรงกันข้าม


“ถึงแล้ว”


ขณะกริดกำลังใช้สมองครุ่นคิด บราฮัมหยุดยืนในจุดสุดทางเดินวงกต เบื้องหน้าเป็นประตูเหล็กบานใหญ่


บานประตูถูกสลักด้วยตราประทับวิญญาณ ถือเป็นเทคนิคชั้นสูงของสถาปัตยกรรมเผ่าคนแคระ


มีเพียงผู้เดียวสามารถเปิดประตู


กริดและดวงวิญญาณของกริด


ครืน…


เพียงใช้ฝ่ามือสัมผัส บานประตูเหล็กก็เปิดออกด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใส่แรง


ปลายทางคือห้องใต้ดินของโรงเหล็กหลวง


บานประตูฝั่งนี้ก็ใช้เทคนิคตราประทับดวงวิญญาณแบบเดียวกัน


มีเพียงกริดผู้เดียวสามารถผ่านเข้าออก


‘เจ๋งชะมัด’


แต่ไหนแต่ไร กริดต้องเดินสวนกับผู้คนจำนวนมากและเสียเวลาไปนานโข กว่าจะเคลื่อนย้ายตัวเองจากวังหลวงมาถึงโรงเหล็ก


ต้องขอบคุณความสุดยอดของคนแคระเคย์ ราชาโอเวอร์เกียร์จึงไม่ต้องเสียเวลามาก แถมทางลับแห่งนี้ยังสามารถใช้เป็นห้องหลบภัยในยามคับขันได้ด้วย เหมาะกับไอรีนและลอร์ด


‘เผ่าพันธุ์คนแคระช่างไม่ธรรมดา และเหนือสิ่งอื่นใด พวกเขามีเทคนิคปรุงเนื้อเสียบไม้ย่างเนื้ออันน่าทึ่ง ไว้ค่อยแวะไปเยือนทาลิม่าหลังจากสำรวจทวีปตะวันออกเสร็จก็แล้วกัน’


แต่ตอนนี้ ถึงเวลาทำงาน


ขณะกริดกำลังเดินออกจากห้องใต้ดินและเตรียมอัพเกรดความโอเวอร์เกียร์ของตัวเอง


> ก…กริด ย…แย่แล้ว!


“…?”


ข้อความเสียงถูกส่งมาจากเซ็ดนอส เจ้าเมืองเรย์ดันคนปัจจุบัน


> รีบมาเมืองแวมไพร์เร็วเข้า!


“เกิดอะไรขึ้น?”


กริดพลันกระวนกระวาย มันรีบเดินทางไปยังเมืองแวมไพร์ด้วยเวทมนตร์แมสเทเลพอร์ตของบราฮัมทันที


***


“ท่านราชา!!”


“เฮ่อะ! ถึงจะเป็นแค่มดปลวก แต่อย่างน้อยก็ยังรู้จักราชาโลหิตสินะ”


“…บราฮัม เลิกพูดด้วยถ้อยคำแบบนี้สักที ระวังจะหาเพื่อนไม่ได้นะ”


ขณะย่างกรายเข้าไปในเมืองแวมไพร์ กริดพลันวิงเวียนศีรษะกะทันหัน เนื่องจากแวมไพร์ทั้งหมดได้กลายเป็นพลเมืองของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เรียบร้อยแล้ว


สภาพคล้ายกับเมืองแวมไพร์ของโนลล์ ซึ่งพัฒนาเป็นหมู่บ้านมาได้สักระยะหนึ่ง


เซ็ดนอสกล่าวด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน


“แวมไพร์ของทุกเมือง ไม่เฉพาะเมืองนี้ ถูกระบบมองว่าเป็น NPC, ไม่ใช่มอนสเตอร์”


“หืม นายกำลังจะบอกว่า พวกเขาไม่ได้เป็นศัตรูกับผู้เล่นและ NPC ของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เหมือนเดิมแล้ว?”


“ถูกต้อง สถานการณ์คล้ายกับเมืองแวมไพร์ของโนลล์ เมื่อฉันลองโจมตีทดสอบ ระบบจะมองเป็นการ PK และนับว่าฝ่าฝืนกฎหมายของอาณาจักร”


สรุปโดยสั้นก็คือ จุดเก็บเลเวลสำคัญในการควบคุมของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์—เมืองแวมไพร์ใต้ดินสิบกว่าแห่ง ไม่มีตัวตนอยู่อีกแล้ว


ถือเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ เมื่อประเมินว่าสมาชิกกิลด์เลเวลต่ำซึ่งไม่แข็งแกร่งพอจะไปเก็บเลเวลในวิหารกัลกุนอส ต้องสูญเสียจุดเก็บเลเวลหลักไป


กริดรีบยืนยันรายละเอียดของเมือง


<เมืองแวมไพร์ใต้ดิน (6) >

เกรด : B (ถูกลดระดับชั่วคราว)

เจ้าเมือง : ไม่มี

จำนวนประชากร : 5,987

สมาชิก :

- สัตว์รับใช้

- แวมไพร์ระดับต่ำ

- แวมไพร์ระดับกลาง

- แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์

ดันเจี้ยนถูกยึดครองภายใต้อำนาจของราชาโลหิต

เนื่องจากการขาดหายไปของเจ้าเมือง ดินแดนแห่งนี้จึงยังไม่ถูกบริหารจัดการ

* ไม่มีสินค้าและสินค้าชนิดพิเศษ

* ไม่มีรายรับ

* แวมไพร์ระดับต่ำและแวมไพร์ระดับกลางจะเสกสัตว์รับใช้ในอัตราต่ำ

* แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์หรือแวมไพร์ทายาทสามารถถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าเมือง

* หากแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์กลายเป็นเจ้าเมือง บุคคลดังกล่าวจะออกล่าผู้บุกรุกอย่างต่อเนื่อง จำนวนประชากรแวมไพร์จะเพิ่มขึ้นทีละนิด

* หากแวมไพร์ทายาทกลายเป็นเจ้าเมือง บุคคลดังกล่าวจะออกล่าผู้บุกรุกอย่างต่อเนื่อง จำนวนประชากรแวมไพร์จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีโอกาสต่ำในการสร้างแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์

★ กำลังประสบภาวะขาดแคลนแหล่งอาหารอย่างหาก หากปล่อยเอาไว้ จำนวนประชากรจะลดลงเรื่อยๆ


“อา…”


“ฉันให้บอกโนลล์ช่วยลำเลียงมันฝรั่งโลหิตเป็นการด่วน แต่เมืองแวมไพร์มีทั้งหมด 12 แห่ง ลำพังมันฝรั่งจากหมู่บ้านเดียวไม่พอแน่ อีกไม่นานคงอดตายกันหมด”


“คงไม่มีทางเลือกนอกจากให้ปิอาโร่ตระเวนสร้างฟาร์มทีละเมือง”


“นั่นก็ไม่เลว… จริงสิ พวกเราปล่อยแวมไพร์ออกไปข้างนอกตอนกลางคืนได้ไหม?”


“ปล่อยไปทำไม?”


“แวมไพร์สามารถดับกระหายได้โดยการดื่มเลือดมอนสเตอร์หรือมนุษย์ และในเมื่อกลายเป็น NPC ไปแล้ว พวกเขาย่อมพัฒนาตัวเองได้ ดังนั้น การออกล่าย่อมหมายถึงค่าประสบการณ์และเลเวลตัวละคร เมื่อมีอาหารเพียงพอ จำนวนประชากรก็จะเพิ่มขึ้น แล้วสักวันจะกลายมาเป็นกองทัพ เมื่อถึงตอนนั้น นายก็แค่ปล่อยให้กลุ่มผู้เล่นโลภมากหลงเข้าไป รายได้หลักของพวกเราคือบรรดาไอเท็มดรอปจากเหยื่อ”


“ความคิดไม่เลว แต่ว่า…”


เหล่าแวมไพร์เอาแต่นอนในเมืองใต้ดินตลอดเวลาเพราะพวกมันได้รับคำสาปเกียจคร้าน


นอกจากโนลล์ ผู้เป็นอิสระจากคำสาปเพราะอยู่ใกล้กริดเป็นเวลานาน และทีราเม็ท ผู้ได้รับการปลดปล่อยหลังจากกริดกลายเป็นราชาโลหิต แวมไพร์ตนอื่นล้วนยังถูกคำสาปเล่นงานตามเดิม


พวกมันตื่นมารวมตัวได้เพราะราชาอสูรมาเยือนเมือง แต่ถ้ากริดกลับไป คงไม่แคล้วแยกย้ายไปนอนในโลงเหมือนเดิม


“แผนของนายอาจเป็นไปได้ถ้าฉันตระเวนไปตามเมืองแวมไพร์ทุกคืน แต่…”


แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว


หากต้องคอยปลุกแวมไพร์ทุกเมืองให้ตื่นไปออกอาละวาดทุกคืน ร่างกายกริดคงได้รับภาระหนักหน่วงแน่


เซ็ดนอสส่ายหัว


“ฉันลืมสนิท เป็นเพราะได้เห็นสายตากระปรี้กระเปร่าของแวมไพร์ จึงลืมไปว่าพวกเขายังคงถูกคำสาปเล่นงาน”


“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ”


กริดหันไปชำเลืองเหล่าแวมไพร์


ดวงตาแดงก่ำของพวกมันกำลังจ้องมองกริดอย่างกระตือรือร้น


เจ้าพวกนี้ถูกคำสาปจริงหรือ?


ไม่เหมือนเลยสักนิดเดียว


“ช่วงนี้คงต้องพึ่งพากำลังทหารไปก่อน เร่งจับมอนสเตอร์เพื่อนำมาเป็นอาหารแวมไพร์ในแต่ละเมือง”


“ตกลง”


เซ็ดนอสพยักหน้าพร้อมกับรีบออกคำสั่ง


“…”


หลังจากเดินออกจากเมืองพร้อมกริด มหาจอมเวทในตำนานมองไปยังจุดห่างไกล


เป็นทิศทางของเมืองแวมไพร์ซึ่งแมรีโรสกำลังหลับใหล


เมื่อเกิดลางสังหรณ์ กริดส่งเสียงกระตุ้น


“รีบกลับโรงเหล็กกันเถอะ” ”


มันมีแผนจะสร้างไอเท็มชิ้นใหม่ก่อนเดินทางไปเยือนทวีปตะวันออก


***


“ไม่ใช่. คนถัดไป.”


หมู่เกาะเบเฮ็น


ถ้ำใต้ทะเลเคเลเนี่ยน


ประตูหลังของซากปรักหักพังเจดีย์


และอีกมาก


เหล่านี้คือวิธีเดินทางไปยังทวีปตะวันออก ยิ่งเวลาผ่านไป ผู้เล่นก็ยิ่งไปเยือนทวีปตะวันออกเป็นจำนวนมาก


ไม่ใช่ดินแดนแปลกหูของคนทั่วไปอีกแล้ว


“ไม่ใช่. คนถัดไป.”


แพงเจีย


เมื่อซึ่งเคยมีบรรยากาศอบอุ่น แต่ปัจจุบันกลับอึมครึมและหดหู่


บุคคลผู้ยืนต้อนรับเหล่าผู้เล่นไม่ใช่ชาวบ้านจิตใจอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อน แต่เป็นกลุ่มทหารซึ่งมีสายตามุ่งร้ายและไม่สบอารมณ์


“ไม่ใช่. ถัดไป.”


ทหารตั้งแถวบังคับให้ผู้เล่นเดินไปหาบุคคลร่างท้วมและหลังค่อมคนหนึ่ง


มันอ้วนถึงขั้นไม่มีเอว พุงพับและยื่นออกมาด้านหน้าคล้ายกับหมูตัวใหญ่


ชายหลังค่อมยืนสำรวจผู้เล่นทีละคนอย่างใกล้ชิด ลำตัวโน้มมาด้านหน้าประหนึ่งกำลังใช้พุ่งค้ำร่างกายแทนสองขา


หลังจากเพ่งมองจมูกและรูขุมขนเพื่อตรวจหาความกระวนกระวายอยู่พักหนึ่ง มันส่ายหัวและเปล่งเสียง


“ไม่ใช่. คนถัดไป.”


เมื่อบุคคลหลังค่อมส่ายหัว ผู้เล่นจะได้รับอิสระทันที


“พวกเราผ่านด่านตรวจแล้ว!”


ทหารทำการปลดกุญแจข้อมือออกจากผู้เล่นพร้อมกับชี้นิ้วไปยังทุ่งโล่งกว้าง ซึ่งเป็นทางออกเดียวของซากปรักหักพังแห่งนี้


หากผู้เล่นเป็นอิสระจากด่านตรวจ ลำดับถัดไปคือการหนีเอาชีวิตรอดจากฝูงเจียงซือจำนวนมากด้านนอก


“ฉ…ฉันเป็นหมอ ไม่รู้จักวิธีต่อสู้ ถ้าเดินออกไปต้องถูกฝูงเจียงซือฆ่าตายแน่ ไม่มีเส้นทางปลอดภัยกว่านี้แล้วหรือ?”


ผู้เล่น ‘เฮร่า’ เปิดเผยอาชีพของเธอต่อหน้าทหารด้วยสีหน้าเศร้าหมอง


หมอ คลาสพิเศษซึ่งไม่สามารถใช้เวทฮีลได้เหมือนนักบวช แต่มีพลังรักษาบาดแผลใหญ่ด้วยเทคนิคการผ่าตัด


เธอเคยเป็นอาชีพแสนสำคัญของทวีปตะวันตก จึงคิดว่าทางตะวันออกก็คงไม่ต่างกันนัก


แต่ทหารกลับจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา


“ถ้าอยากไปเขตอื่น ก็มีแต่ต้องฝ่าทุ่งกว้างออกไปเท่านั้น เธอมีสองทางเลือก หนึ่ง ร่วมมือกับคนแปลกหน้าด้วยกัน หรือสอง กลับไปยังทวีปตะวันตก”


ทหาร


ไม่สิ ไม่เฉพาะทหาร แต่ราวกับทั่วทั้งทวีปตะวันออกไม่ปรารถนาการมาเยือนของบุคคลภายนอก


เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?


เฮร่าตัดสินใจตั้งคำถามถึงเหตุผลการปฏิบัติตัวอันเย็นชาของทหาร ซึ่งผิดไปจากจินตนาการของตนมาก


“ทำไมพวกคุณถึงปฏิเสธเรา?”


“ทำไมน่ะหรือ?”


ทหารคนดังกล่าวโยนเศษกระดาษให้เฮร่า


ใบประกาศจับ

- ล้มล้างอำนาจรัฐ

- ลักพาตัวนักโทษประหาร

- ลักพาตัวชาวเมืองแพงเจียหลายหมื่นคน

- ลบหลู่เทพเจ้า


บุคคลในประกาศจับเต็มไปด้วยคดีพิสดารมากมาย


โดยเฉพาะคดีสุดน่าทึ่งอย่างการลักพาตัวชาวเมือง ‘หลายหมื่นคน’  ของแบบนี้แม้แต่ในหนังยังทำไม่ได้


‘คิดว่าคนอื่นโง่นักหรือไง ถึงได้ปรักปรำในข้อหาเหลวไหลไม่มีวันเกิดขึ้นจริงเช่นนี้’


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,540
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. แย่ละ แล้วจะเอาจุดเก็บเวลไหนให้คนในกิลกับเด็กใหม่มาเวลนะ

    ขอบคุณสำหรับงานแปลครับ

    ReplyDelete
  2. ได้พลเมือง​มา แต่เสียจุดฟาร์ม​ดีๆไป🤨
    👍👍👍
    ขอบคุณ​ครับ​🙏

    ReplyDelete
  3. กริดตีกับเทพตอนไหนนะ จำได้ว่าอ่านถึงตอน บีฟรองเซ่ กลายเป็นเทวทูตตกสวรรค์ แล้วเทพพยายามปิดบังเลยส่งเทวทูตมาจัดการกริด ไล่อ่านหลายตอนละเนี่ย

    ReplyDelete
    Replies
    1. ทวีปตะวันออกนับถือยังบันเยี่ยงเทพเจ้าครับ กริดสู้กับยังบัน=ลบหลู่เทพ

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00