จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,152



หมูถูกบ่มอย่างดี มีกลิ่นหอมและปริมาณไขมันพอเหมาะ น้ำซอสรสชาติหวานปนเค็มชุ่มฉ่ำอยู่ในช่องปาก ราวกับเป็นรสชาติแห่งสรวงสวรรค์ซึ่งกินเท่าไรก็ไม่มีเบื่อ


อาหารจานนี้ถูกบรรจุอยู่ในมิชลินไกด์*


(มิชลินไกด์ [Michelin Guide] เป็นหนังสือคู่มือเกี่ยวกับข้อมูลการเดินทาง ปัจจุบันกลายเป็นมาตรฐานสากลของร้านอาหารและภัตตาคารทั่วโลก)


เมนูซี่โครงหมูของร้าน ‘ซี่โครงหมูปรุงรสหลังคาสีฟ้า’ ซึ่งเปิดมานานกว่า 60 ปี ได้ถูกยกย่องจากนักชิมทั่วโลกไม่ขาดปากมานานหลายทศวรรษ จนกระทั่งได้รับ 3 ดาวมิชลินมาประดับร้านสำเร็จ จึงมักถูกใช้เป็นสถานที่จัดเลี้ยงแขกบ้านแขกเมืองคนสำคัญอยู่เสมอ


“นี่ ฮเยซู”


คิมอูซุก ชายชราผู้มีอายุมากกว่า 70 ปี ถือเป็นปูชนียบุคคลของร้านหลังคาสีฟ้า


เขาทำงานอย่างหนักในฐานะหัวหน้าพ่อครัวตั้งแต่ร้านหลังค้าสีฟ้ายังเป็นแค่ห้องอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง คิมอูซุกทำงานอย่างหนักจนกระทั่งคิดค้นสูตรหมักซี่โครงสุดสมบูรณ์แบบได้สำเร็จ เป็นความร่วมมือระหว่างเขากับอดีตเจ้าของร้านคนก่อน


ทว่า เมื่ออดีตเจ้าของร้านล้มป่วยและจากไป บุตรชายของเขาได้สืบทอดกิจการต่อ ส่งผลให้ระดับความสำคัญภายในร้านของคิมอูซุกลดลงจากเดิมมาก


ในสายตาเจ้าของร้านคนใหม่ คิมอูซุกมีบารมีในร้านเกินไป จึงหวังบีบให้ลาออกทุกวิถีทาง


เจ้าของคนใหม่ได้ถ่ายทอดสูตรลับการหมักซี่โครง—เดิมเคยเป็นของคิมอูซุกและอดีตเจ้าของร้าน ให้ภรรยาและบุตรชาย จากนั้นก็ขับไล่คิมอูซุกออกจากเตาย่าง ให้ไปเป็นผู้ดูแลด้านถ่านฟืนและงานล้างถาดเหล็กแทน


แม้แต่เด็กหนุ่มวัยยี่สิบกว่ายังมองว่างานล้างถาดเหล็กและจัดการฟืนเป็นเรื่องเหน็ดเหนื่อย เนื่องจากต้องเผชิญความร้อนอุณหภูมิสูงในระยะใกล้วันละไม่ต่ำกว่าร้อยรอบ เจ้าของร้านคนใหม่จึงเชื่อว่าคิมอูซุกคงถอดใจลาออกเองในไม่ช้า


แต่ตรงข้าม อูซุกดื้อรั้น


ต้องขอบคุณประสบการณ์สมัยยังเป็นพ่อครัวฝึกหัด คิมอูซุกเคยเผชิญความร้อนจากถ่านฟืนนับไม่ถ้วนในช่วงวัยหนุ่ม จึงอดทนทำงานต่อไปโดยไม่ปริปากบ่น


แน่นอน ลูกหลานของเขาย่อมไม่รับรู้เรื่องราวอันโหดร้ายเช่นนี้


เพราะหากทราบความจริงเข้า พวกเขาคงแห่มาประท้วงถึงร้านและก่อความวุ่นวาย


อูซุกไม่ต้องการเช่นนั้น


มันอยากเกษียณเงียบๆ ในช่วงบั้นปลายชีวิต จึงอดทนทำงานให้เวลาผ่านไปในแต่ละวัน


และนั่นกลายเป็นปัญหา


“ทำไมคุณปู่ถึงต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย?”


ขณะคิมอูซุกกำลังนั่งยองในครัวหลังร้านเพื่อล้างถาดเหล็กใบใหญ่สำหรับใส่ซี่โครง หลานสาวของมัน ฮเยซู ได้เดินเข้ามาในครัวด้วยดวงตาเบิกโพลง


“ทำไมคุณปู่ถึงทำงานล้างถาดเหล็กแทนการประกอบอาหาร…?”


ฮเยซู เด็กสาวผู้เพิ่งเข้าเรียนในชั้นมัธยมได้ไม่นาน แวะเข้ามาในร้านอาหารหรูหราพร้อมกับกลุ่มเพื่อนใหม่ เพื่อต้องการอวดให้พวกเขาและเธอเห็นว่าปู่ของตนทำงานอยู่ในร้านดัง


คุณปู่ของฉันคือผู้ก่อตั้ง ‘หลังคาสีฟ้า’


บนทางเดินยาวซึ่งมีภาพถ่ายของคุณปู่และอดีตเจ้าของร้านแขวนไว้ หากเดินไปจนสุดทาง ด้านในจะเป็นห้องครัวใหญ่อันลือชื่อ และเพื่อนทุกคนจะได้พบกับปู่ของเธอกำลังทำอาหารด้วยสีหน้าเข้าถึงจิตวิญญาณ


แต่ฮเยซูกลับพาเพื่อนมาพบสภาพอันโหดร้ายของปู่ตัวเอง


“ไหนเธอบอกว่ามีปู่เป็นพ่อครัวใหญ่?”


“ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกเชิญไปยังบลูเฮาส์…”


(*บลูเฮาส์ - บ้านพักประธานาธิบดีเกาหลีใต้)


ใบหน้าหมองคล้ำเนื่องจากเลอะคราบฝุ่นถ่าน เสื้อผ้าสกปรกมอมแมมจากการล้างถาดเหล็ก


เพื่อนใหม่ของฮเยซูส่งเสียงนินทาขณะกวาดสายตาขึ้นลง พวกเขาและเธอจ้องมองคิมอูซุกกำลังก้มหน้าล้างถาดเหล็กกองสุมเป็นภูเขา


เด็กมัธยมย่อมไม่มองลึกไปถึงเบื้องหลังของเหตุการณ์ เพียงแค่คิดว่าเพื่อนของตน ฮเยซู มีนิสัยโป้ปดและโอ้อวดเกินความจริง จึงหันไปมองด้วยสีหน้าเชิงเย้ยหยัน


ขณะดวงตาฮเยซูกำลังแดงก่ำ


“คุณปู่ครับ เพราะผมบอกล่วงหน้าว่าจะหามาใช่ไหม ปู่ถึงต้องจัดการถ่านฟืนเองแบบนี้?”


บุรุษร่างกายกำยำเดินเข้ามาในครัวพร้อมกับโค้งคำนับ 90 องศา


เหล่าเด็กมัธยมไม่มีใครเห็นใบหน้าของชายปริศนาชัดเจน เพราะแต่ละคนมองจากมุมด้านข้างและด้านหลัง ทว่า น้ำเสียงของอีกฝ่ายกลับคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด


ทันใดนั้น กลุ่มเด็กชายหญิงซึ่งเอาแต่ยกมุมปากอย่างดูแคลนจนถึงเมื่อครู่ พลันดวงตาเบิกโพลงด้วยสีหน้าตกตะลึง


“ยองวู? หลานมาแล้วหรือ”


คิมอูซุกกล่าวทักทายชายปริศนา—บุคคลผู้มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกชนิดไม่มีใครไม่รู้จัก


“ฉันชอบล้างจานเอง ถือเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง แต่ดูท่าจะไม่ดีกับแผ่นหลังและไขข้อสักเท่าไร”


บุรุษคนเดิมยังคงโค้งคำนับ และยื่นแขนออกไปขอจับมือกับคิมอูซุก


พ่อครัวชราฉีกยิ้มกว้างก่อนจะจับมือตอบด้วยสีหน้าอ่อนโยน


“กะ…!”


“กริด! กริดตัวจริง!!”


เหล่าเด็กหนุ่มเด็กสาวต่างพากันส่งเสียงเอะอะโวยวายเมื่อใบหน้าของชายปริศนาถูกเผยออกมาชัดเจน


สายตาและรอยยิ้มดูแคลนเมื่อครู่ ยามนี้กำลังส่องประกายแวววาวอย่างตื่นเต้น


“สนิทกับกริดด้วย! ปู่ของเธอเจ๋งชะมัด!”


“อิจฉาจังเลยน้า~”


กริด ชินยองวู ถือเป็นหนึ่งในบุคคลทรงอิทธิพลและโด่งดังของโลก ณ เวลานี้


หากวัดเฉพาะชื่อเสียง กริดจะอยู่ระดับเดียวกันประธานลิมชอลโฮแห่ง SA กรุปและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว


คนดังขนาดนั้นกลับมาเยี่ยมปู่ของฮเยซูเป็นการส่วนตัว แถมยังแสดงท่าทีนอบน้อมมากเป็นพิเศษ พวกเขาและพวกเธอพลันรู้สึกภูมิใจกับการได้เป็นเพื่อนของฮเยซู


“มันเหนื่อยนะครับ กับการต้องถ่อมาไกลถึงกังนัมเพื่อกินซี่โครงหมูสูตรพิเศษทุกครั้งเมื่อเกิดความอยาก รบกวนคุณปู่ช่วยมาเปิดร้านใต้ตึกของผมแทนได้ไหม”


“ฮะฮะ! น้ำใจคนหนุ่มช่างน่ายกย่อง แต่คงต้องขอปฏิเสธ ปู่มีภารกิจต้องเลี้ยงดูหลานคนนี้ให้เติบใหญ่จนกระทั่งแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา ไม่เหลือเงินสำหรับเปิดร้านใหม่แล้ว”


“ตรงนั้นเป็นตึกของผม แน่นอนว่าจะไม่มีการเก็บค่าเช่าแม้แต่วอนเดียว และผมจะช่วยออกเงินสร้างร้านใหม่ทั้งหมดในนามคุณปู่ รบกวนทบทวนข้อเสนอด้วยครับ”


“นี่เจ้า…”


ใบหน้าคิมอูซุกพลันชะงัก


ความหวังดีเกินเหตุของชินยองวู จะทำให้ชายชรากลายเป็นคนน่าสมเพชทันทีหากตอบรับข้อเสนอ


การได้ยินและได้เห็นหลานชายบังเกิดเกล้าแสดงความ ‘เมตตา’ คิมอูซุกย่อมเกิดความตะขิดตะขวงในใจ


แต่ยองวูหนักแน่น


“เป็นความต้องการของคุณพ่อกับคุณแม่”


“…”


ย้อนกลับไปสมัยยองวูเพิ่งเข้าเรียนอนุบาล


พ่อและแม่ของยองวูเคยประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างหนัก เนื่องจากพืชผลเจริญเติบโตได้ดีเป็นพิเศษในปีดังกล่าว กะหล่ำปลีซึ่งเป็นสินค้าหลักของร้านจึงถูกพ่อค้าคนกลางหั่นราคาอย่างไม่ไยดี


ขณะพ่อแม่ของยองวูเริ่มมีหนี้สินก้อนโตและอับจนหนทาง ผู้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก พ่อครัวใหญ่แห่งร้านหลังคาสีฟ้าอันโด่งดังของเกาหลีใต้ คิมอูซุก


“คุณเคยช่วยเหลือครอบครัวพวกเราไว้ ครั้งนี้ให้ผมตอบแทนบุญคุณได้ไหมครับ? รบกวนทบทวนการตัดสินใจด้วย”


ยองวูตอกลิ่มลงไป


เดิมที มันไม่คิดสร้างร้านให้ฟรีอยู่แล้ว ในฐานะผู้ออกเงินทุนและเจ้าของตึก กำไรของร้านจะต้องถูกจัดสรรอย่างสมเหตุสมผล


เพื่อให้อีกฝ่ายคล้อยตาม


คำว่า ‘บุญคุณ’ จึงต้องถูกนำมาใช้


หลังจากไตร่ตรองด้วยสีหน้าเคร่งเครียดสักพัก คิมอูซุกพยักหน้ารับ


“ไว้ค่อยคุยกัน ฉันขอตัวปรุงอาหารรสเลิศให้หลานสาวสุดสวยและเพื่อนของเธอก่อน”


“น้องสาวน่ารักคนนี้เป็นหลานปู่เองหรือ?”


“ม…ไม่ได้น่ารักเลยสักนิดค่ะ!”


“ขะ… ขอโทษ…”


***


“ใจกว้างจังเลยน้า~”


คิมอูซุกจะยอมรับข้อเสนอไหม?


ขณะชินยองวูกำลังจ่ายเงินค่าอาหารเพื่อเลี้ยงหลานสาว โดยมีเจ้าของร้านยืนคิดเงินหลังเคาน์เตอร์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนรออยู่ด้านนอก


จิสึกะยังคงสง่างามแม้จะสวมแจ็คเก็ตสาวซิ่งและกางเกงยีนส์


ชินยองวูส่ายหัว


“ไม่ใช่ว่าใจกว้าง แต่เป็นการตอบแทนบุญคุณเล็กน้อยเพื่อให้ฉันสบายใจ”


“แต่ซี่โครงหมูอร่อยมากเลย ถ้ามาเปิดร้านใต้ตึกคงมีความสุขไม่น้อย”


จิสึกะไม่ได้สวมเครื่องแปลงภาษา


หลังจากย้ายมาเกาหลีใต้ เธอพยายามสนทนาด้วยภาษาเกาหลีทุกวัน จนกระทั่งสื่อสารรู้เรื่องได้ภายในหนึ่งปี


แน่นอน กลุ่มผู้เล่นไฮแรงเกอร์ส่วนมากมักอัจฉริยะโดยกำเนิด


‘แต่ก็มีไอ้งั่งอย่างเราหลุดมาหนึ่งคน’


ชินยองวูทำได้เพียงส่ายหัวเมื่อจินตนาการถึงความอัจฉริยะของเหล่าไฮแรงเกอร์คนอื่น


ชายหนุ่มเดินเปิดไปเปิดประตูรถ ‘13’ ฝั่งข้างคนขับและรอให้จิสึกะเข้าไปนั่ง


“นายคิดจะทำจริงใช่ไหม?”


“หน้าฉันดูเหมือนคนล้อเล่นหรือไง?”


“จ้า~”


วรูมมมม!


เมื่อชินยองวูบนเบาะคนขับเริ่มสตาร์ตรถ เจ้า ‘13’ พลันส่งเสียงคำรามลั่น


ชายหนุ่มเหลือบมองกระจกมองข้างและได้พบกับคิมอูซุกและหลานสาว กำลังยืนโบกไม้โบกมือกล่าวคำอำลา


ไม่มีใครสนใจความหรูหราและล้ำสมัยของรถยนต์รุ่นผลิตจำกัดจำนวน ทุกคนกำลังตื่นเต้นกับความงามของจิสึกะบนเบาะข้างคนขับ


ยองวูอยู่ในสภาพอิดโรย เนื่องจากต้องคอยถ่ายรูปและแจกลายเซ็นเป็นเวลานาน แม้อากาศภายในรถจะเย็นฉ่ำจากแอร์ แต่แผ่นหลังของมันกำลังเปียกชุ่ม


ปัจจุบัน ทักษะการขับรถของชินยองวูเทียบชั้นระดับนักแข่ง เป็นผลมาจากการฝึกสมาธิควบคุมหัตถ์เทวะภายในซาทิสฟาย


“ฉันจะมอบหนึ่งในรางวัลเหรียญทองให้นาย…”


กริดมีนัดเดทกับจิสึกะในวันนี้


ระหว่างกำลังรับประทานอาหารค่ำในร้านดังประจำย่านกังนัม จิสึกะโพล่งในสิ่งไม่คาดคิด


หนึ่งในสามรางวัลเหรียญทองจากงานแข่งนานาชาติจะถูกแบ่งให้กับชินยองวู


ชายหนุ่มนึกออกเพียงเหตุผลเดียว


เธอคิดจะจ่ายค่าคันศรพีนิกซ์แดง?


แต่ยองวูมองว่าจิสึกะใช้หนี้เป็นเงินจำนวนมากพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มด้วยลมหายใจสัตว์เทพหรือรางวัลชนิดอื่น


“ก็ได้ ถ้ามันทำให้เธอสบายใจขึ้น”


หลังจากครุ่นคิดสักพัก ยองวูพยักหน้ารับอย่างจำนน


ดวงตาจิสึกะพลันส่องประกาย


“ต้องอย่างนั้น!”


นังยูร่า หล่อนทำได้อย่างฉันไหม?


ฮิฮิฮิ! ไม่มีทางแน่นอน!


ขณะจิสึกะกำลังยิ้มกรุ้มกริ่ม ยองวูเล่าต่อด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย


“แม้ฉันจะไม่ได้ลงแข่งนานาชาติ แต่กลับได้รับรางวัลเหรียญทองถึงสองชิ้น”


“สองชิ้น?”


“ยูร่าก็เสนอแบบเดียวกัน”


จิสึกะพลันหรี่ตาลง


เมื่อแววตาขึงขังถูกนำมาวางบนใบหน้าอันเย้ายวน เสน่ห์ของหญิงสาวผู้นี้จึงเพิ่มทวีคูณ


“ยูร่าให้นายด้วยหรือ… มีเหตุผลอะไร?”


“เธออธิบายว่า หากเธอได้รับสามเหรียญทอง หนึ่งในสามจะถูกใช้เป็นค่าจ้างสำหรับสร้างไอเท็มจากอีกสองชิ้น”


แน่นอน เขาปฏิเสธ


แต่ไหนแต่ไร ยองวูจะสร้างไอเท็มให้พวกพ้องโดยไม่คิดค่าจ้างเสมอ ขอเพียงเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมก็พอ


การได้สร้างไอเท็มระดับสูงซึ่งมีวัสดุเป็นรางวัลเหรียญทองงานแข่ง ผู้ได้รับผลประโยชน์กว่าใครก็คือตัวกริดเอง โอกาสได้จับต้องวัตถุดิบล้ำค่าหาไม่ง่ายนัก การไม่คิดเงินจึงถือเป็นเรื่องปรกติ


แต่ยูร่ายืนกรานว่าเธอต้องการจ่ายเงินเพื่อไม่ให้รู้สึกติดหนี้บุญคุณ


“ลงเอยด้วย ฉันตอบตกลงรับรางวัลเหรียญทองหนึ่งชิ้น แลกกับการสร้างไอเท็มตามใจเธอในอนาคต”


“ฉันจะให้นายทั้งสามรางวัล!”


“…เอ๋?”


“ถ้าฉันสามารถคว้าสามเหรียญทอง จะมอบรางวัลทั้งหมดให้นาย! และหลังจากนี้ต้องสร้างไอเท็มตามใจฉันด้วย!”


“หนึ่งก็พอแล้ว…”


“จ…จ่ายหนี้คันศรฟุนิกดงด้วยยังไงล่ะ!”


“ฟินิกซ์แดง”


“ช…ใช่! นั่นแหละ! ฟุนิกดง!”


‘ภาษายังอ่อนหัดอยู่สินะ’


จิสึกะในใบหน้าเขินอายช่างน่ารักน่าชัง


เมื่อยองวูเห็นอีกฝ่ายร้อนรน มันใช้ฝ่ามือวางลงไปบนหลังมือของอีกฝ่าย


“ฉันไม่เป็นไร แค่ชิ้นเดียวก็พอแล้ว อีกสองชิ้นเก็บไว้ใช้พัฒนาตัวเอง”


“ก…ก…กริด”


“ถ้ายังเห็นฉันเป็นเพื่อน ก็อย่ายัดเยียดภาระให้กันมากนักเลย… ด…เดี๋ยว!!”


ชินยองวูรีบเปลี่ยนจากระบบขับเองเป็นขับเคลื่อนอัตโนมัติ


‘เชี่ย! เชี่ย! เชี่ย! เชี่ย! เราลืมไปได้ยังไงว่าตัวเองมีมือมาร!’


หลังจากนั้น เจ้า ‘13’ แล่นไปบนท้องถนนในสภาพโยกเยกผิดธรรมชาติตลอดทาง


ในวันเดียวกัน


หลังจากเหน็ดเหนื่อยสุดขีดจากเรื่องบัดซบตลอดทั้งวัน กริดรีบล็อกอินเข้าซาทิสฟายและได้พบกับการถล่มข้อความเสียงจากพวกพ้อง


พีคซอร์ด คริส แวนเนอร์ สิบวีรชนคนอื่น โค้ก เซ็ดนอส ลาเอลล่า และทูน…


ผู้เข้าแข่งซาทิสฟายนานาชาติทุกคนล้วนมีความต้องการคล้ายยูร่าและจิสึกะ


กริดมั่นใจว่าพวกเขาไม่ได้นัดกันมา


แต่ละคนเป็นห่วงตนจากใจจริง


ทุกคนกังวลว่ากริด ผู้ไม่ได้ลงแข่งซาทิสฟายนานาชาติในปีนี้ จะพลาดโอกาสคว้าของรางวัลสำคัญและไม่ได้พัฒนาตัวเอง พวกเขาจึงต้องการแบ่งหนึ่งในรางวัลของตนให้กริด


ไม่ว่ากริดจะปฏิเสธอย่างไร แต่ทุกคนก็ยืนกรานหนักแน่นว่าจะมอบให้


ไม่มีใครในโอเวอร์เกียร์ไม่หัวรั้น


จนกระทั่งกริดพบทางออก


“เข้าใจแล้ว แต่ฉันจะรับเฉพาะรางวัลของผู้คว้าเหรียญทองได้สามรายการขึ้นไป น้อยกว่านั้นไม่ต้องนำมาให้!”


ว่ากันตามตรง ต่อให้เป็นสมาชิกกิลด์โอเวอร์เกียร์สุดแกร่ง การคว้าสามเหรียญทองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น


จริงอยู่ ประเภทของงานแข่งจะเพิ่มขึ้นจากเดิมทุกปี แต่ด้วยผู้เข้าแข่งจำนวนมหาศาล การคว้าเหรียญทองในแต่ละรายการจึงค่อนข้างตึงมือ


เหนือสิ่งอื่นใด งานแข่งซาทิสฟายนานาชาติคือการเป็นตัวแทนทีมชาติ สมาชิกโอเวอร์เกียร์จึงมีโอกาสพบกันเองในหลายรายการ และยังมีผู้เล่นนอกกิลด์ฝีมือดีอีกหลายคน


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รายการประเภททีม


การจะแบกทีมตัวเองให้ไปถึงเป้าหมายสุดท้ายไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด


“เข้าใจกันแล้วสินะ เงื่อนไขตามนั้นแหละ!”


กริดถอนหายใจผ่อนคลาย


ทว่า มันมองข้ามบางสิ่งไป


ในปีก่อน กิลด์โอเวอร์เกียร์คว้าเหรียญทองได้ไม่มากเพราะสมาชิกส่วนใหญ่ต้องการประชันฝีมือกับกริด


ใช่แล้ว


พวกมันจะไปกองรวมกันอยู่ในรายการต่อสู้สำคัญอย่าง PVP หรือทำลายวัตถุเสมอ


จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสมาชิกโอเวอร์เกียร์ตั้งหน้าตั้งตาคว้าเหรียญทองอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจศักดิ์ศรี?


อัตราการได้รับเหรียญทองของสมาชิกกิลด์จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่าจากปรกติ


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,541
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. เหรียญทองงงงง!!!!! โอเวอร์เกียร์

    ReplyDelete
  2. มันส์​แน่ๆเลยงานนี้
    ขอบคุณ​มาก​ครับ​

    ReplyDelete
  3. รถโยกผิดปกติ 555555

    ReplyDelete
  4. เดี๋ยวๆๆ
    ไม่ขยายความเรื่องรถโยกหน่อยเหรอ
    ผมคิดไปไกลมากแล้วเนี่ยยยยยย

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00