จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,155



“…!”


กองทัพโอเวอร์เกียร์และออร์ค คนมุงและฝูงนักข่าว กองทัพอัศวินและปิอาโร่ ทุกคนต่างอ้าปากค้างโดยไม่ส่งเสียงใดเล็ดลอด


‘ทำไมถึงโง่แบบนี้!’


‘ทำไมถึงบุกตะลุยเข้าไปคนเดียวโดยทิ้งกองทัพกว่าหกแสนไว้ด้านหลัง?’


นั่นคือความคิดของผู้เล่นออร์ค


“ท…ทุกคน! รีบตามฝ่าบาทไป…!”


ขณะปิอาโร่ออกคำสั่ง มันชะงักเสียงกะทันหัน


บราฮัมปรากฏตัวออกมาโดยไม่ให้สุ้มเสียง ตามด้วยการเลื่อนนิ้วขึ้นมาปิดปากและกล่าวอย่างเย็นชา


“เจ้ายังไม่เข้าใจตำนานดีพอ”


ไม่ว่าปิอาโร่จะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่ในสายตาบราฮัม ชายคนนี้ยังอ่อนหัด


ตำนานหน้าใหม่ สั่งสมบารมีไม่ถึงสิบปี


นอกเหนือจากวินาทีถือกำเนิด แทบไม่มีตำนานใดให้รุ่นหลังกล่าวขานถึง


แต่ในทางกลับกัน กริดต่างออกไป


“ตำนานหาใช่เพียงตำแหน่งของคนเก่ง”


ทุ่งสงครามกำลังวุ่นวายโกลาหล


สาเหตุมาจาก กริดหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อพายุทรายอันคละคลุ้งเจือจางลง


แม้ผู้ชมทางบ้านจะมองตามทันจากกล้องนับพันตัวโดยรอบ แต่บุคคลในเหตุการณ์ย่อมไม่มีทางมองเห็นการเคลื่อนย้ายตำแหน่งข้ามเส้นขอบฟ้าในชั่วพริบตา


อย่างไรก็ตาม บราฮัมยังคงรับรู้สถานการณ์ได้ด้วยเวทมนตร์สอดส่อง เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของราชาโอเวอร์เกียร์ มหาจอมเวทในตำนานส่ายหัวพลางเล่าต่อไป


“เรื่องราวอันน่าตื่นเต้น เรื่องราวซึ่งจะถูกชนรุ่นหลังเล่าซ้ำไปซ้ำมา เจ้าของเรื่องราวดังกล่าวต่างหาก คือผู้จะกลายเป็นตำนานตัวจริง”


เหตุการณ์ใดจะถูกเล่าขานนานนับร้อยปีโดยไม่ถูกลืมเลือน?


แน่นอน มันต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดา


หากเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นตามครรลองของสามัญสำนึก เหตุการณ์นั้นไม่ควรค่าให้ชนรุ่นหลังพูดถึง


“ตำนานคือผู้สร้างปาฏิหาริย์ หาใช่บุคคลผู้แข็งแกร่งกว่าคนอื่นเพียงเล็กน้อย”


เมื่อนานมาแล้ว บราฮัมเคยบอกกับกริด


คำว่า ‘กองทัพ’ ไม่มีค่าในสายตาตำนาน


และสาเหตุทำให้ ‘ตำนานจะไม่ตายโดยง่าย’ เพราะตำนานคือผู้อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ของโลกมนุษย์


ครืนนนนน…!


ทะเลทรายเริ่มสะเทือน


เนินทรายมากมายก่อตัวสูงประหนึ่งคลื่นสมุทร ซัดโถมใส่กองทัพคนและออร์คจนเกิดความโกลาหลขนาดย่อม


และแล้ว ปิอาโร่ก็ได้เห็นกริดเต็มสองตา


ท่ามกลางหอกคมหอกดาบหลายหมื่น


ท่ามกลางห่าฝนธนูและเวทมนตร์


ราชาโอเวอร์เกียร์กำลังเข่นฆ่า


ต่อหน้าตัวตนระดับตำนาน กลุ่มทหารสามัญชนกลายเป็นเพียงวัตถุประกอบฉาก


ทุกเรื่องราวในตำนานมีตัวเอกเพียงผู้เดียว


และตัวเอกของตำนานวันนี้คือกริด


“ความสำเร็จของกริดมิได้ด้อยกว่าตำนานคนใดในอดีต เพียงแต่ การขาดประสบการณ์สู้จริงทำให้เขายังมีฝีมือไม่ทัดเทียมกับบุคคลเหล่านั้น ทว่า เรื่องดังกล่าวก็มิใช่ปัญหาถาวร สามารถแก้ไขได้ด้วยเวลา เพราะตำนานตัวจริงมักมีชะตาต้องสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นเองเสมอ”


หนึ่งบุคคลถล่มกองทัพหนึ่งแสน


ขณะบราฮัมฉีกยิ้มกว้าง ปิอาโร่เริ่มเกิดแรงบันดาลใจ


มันเฝ้ามองแผ่นหลังของเจ้านาย ผู้ถูกตำนานจากอดีตบรรยายไว้ว่า ใกล้จะได้เป็นตำนานแท้จริงเข้าไปทุกขณะ


***


[ท่านก้าวข้ามระบบห้วงมิติ]


‘เชี่ย!’


ชุนโป—ทักษะกึ่งติดตัว โอกาสแสดงผลต่ำติดดินจนกริดไม่เคยหวังให้มันเกิดขึ้น


ชายหนุ่มพลันกระอักกระอ่วนทันที เมื่อทักษะชุนโปบังเอิญเคลื่อนย้ายตนไปยัง ‘ปลายทางการมองเห็น’ ในขณะนั้น


‘ซวยบัดซบ!’


ว่ากันตามตรง สงครามนี้ไม่จำเป็นต้องมีกริด


ฉะนั้น ด้วยเหตุผลอันใด ราชาโอเวอร์เกียร์ผู้มีธุระอื่นต้องไปสะสาง จึงตัดสินใจเข้าร่วมสงครามซึ่งกุมความได้เปรียบเหนือกว่าฝ่ายศัตรูค่อนข้างมาก?


ผิดแล้ว กริดไม่ได้คิดต่อสู้


มันเพียงหวังสำแดงอานุภาพของสักวิชาดาบหลังจากพุ่งตัวเข้าไปในระยะโจมตี


แผนในตอนแรกคือ ใช้รองเท้ามังกรครามเหาะเข้าไปเพื่อให้ ‘มองเห็น’ ศัตรูจำนวนมากและเตรียมปลดปล่อย ‘ดาบสลายทัพสองแสน’ เพื่อข่มขวัญศัตรูพร้อมกับเรียกความฮึกเหิมให้ฝ่ายตัวเอง


นั่นคือพิธีเปิดในอุดมคติ


แต่ทุกสิ่งผิดแผนไปหมด


“ชิ!”


‘บ้าจริง!’


ชายหนุ่มถูกส่งออกมาโผล่ในจุดกระชั้นชิดกับทหารเก๊าส์ ใกล้กันชนิดมองเห็นรูขุมขนอีกฝ่ายได้ชัดเจน


กริดไม่มีเวลาฟุ่มเฟือยให้ขบคิดเรื่องอื่น ร่างกายขยับไปเองตามสัญชาตญาณ ลำตัวและเอวถูกบิดกลับหลังจนผิดธรรมชาติ


“ดาบพินาศทัพหนึ่งแสน!”


ฉึบ.


คลื่นดาบเพียงหนึ่งเส้น


แต่ฤทธิ์เดชของมันเหนือพรรณนา


ทหารหลายสิบนายกำลังยืนใกล้กริดในระยะประชิดตัว ทุกคนรีบยกโล่ขึ้นมาป้องกันอย่างสุดความสามารถ


แต่ในวินาทีแรก…


ความเสียหายคือหลักหลายพันศพ


<ดาบพินาศทัพหนึ่งแสน (ลดระดับ) > Lv.1

กวัดแกว่งดาบหนึ่งครั้ง

สร้างความเสียหาย 3,000% จากพลังโจมตีกายภาพใส่สิ่งมีชีวิตทุกชนิด (ไม่แยกมิตรศัตรู) รอบจุดเป้าหมายการโจมตีภายในรัศมี 30 เมตร หากมีเป้าหมายเสียชีวิต เป้าหมายใกล้เคียงจะได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้น 100% (ซ้อนทับได้ ไม่มีขีดจำกัดค่าสูงสุด)


ความฉิบหายใหญ่หลวงมีต้นตอจากคลื่นดาบรูปทรงจันทร์เสี้ยว ซึ่งจะอุบัติขึ้นหลังจากมีคนเสียชีวิต สิ่งนี้สร้างปรากฏการณ์ลูกโซ่จนมีระดับเทียบเท่าภัยพิบัติ


ทหารมากประสบการณ์บางคนทำได้เพียงยืนขาแข็งเมื่อได้ยินคำว่า ‘ดาบพินาศทัพหนึ่งแสน’ จากปากราชาโอเวอร์เกียร์ พวกมันกำลังจ้องมองพวกพ้องเสียชีวิตโดยมีอาจยื่นมือเข้าช่วย


ตามชื่อของวิชาดาบ สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเข่นฆ่าทหารเลวจำนวนมากในสนามรบ


หลายต่อหลายคนต่างคิดว่าตนคงไม่รอดแน่ พวกมันลืมการฝึกอันเข้มงวดไปจนหมดสิ้น


“…!”


“…!”


ท่ามกลางความโกลาหล ค่ายศูนย์บัญชาการฝ่ายเก๊าส์พลันตึงเครียดเมื่อกองทัพของตนเริ่มระส่ำระสาย


เหล่าเสนาธิการ ผู้กำลังประชุมอยู่ในค่ายบนเนินทรายใหญ่พลางรอให้กองทัพโอเวอร์เกียร์เคลื่อนพลเข้าประชิด พลันปิดปากสนิทเมื่อได้เห็นฉากความวุ่นวายตรงหน้า


เพียงกะพริบตาหนึ่งลมหายใจ ทหารของกองทัพพลันสลายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน


[ค่าพลังอสูรเพิ่มขึ้น!]


[ค่าพลังอสูรเพิ่มขึ้น!]


[ค่าพลังอสูร…]


[ค่า…]


[ในฐานะผู้จัดการศัตรูระหว่างสงคราม ท่านจะได้รับค่าประสบการณ์จำนวนหนึ่ง]


[ในฐานะผู้จัดการศัตรูระหว่างสงคราม ท่านจะได้รับค่าประสบการณ์จำนวนหนึ่ง]


[ในฐานะผู้จัดการศัตรูระหว่างสงคราม…]


[ในฐานะ…]


ข้อความระบบแสดงขึ้นยาวพรืดตรงกรอบข้อความมุมหน้าหน้าจอกริด


ซู่ว—


เสาลำแสงสีเทาผุดขึ้นเต็มทะเลทราย ประหนึ่งหมอกควันเข้มข้นกำลังปกคลุม


หากลอเอลอยู่ใกล้ ชายคนนั้นคงพูดว่า :


‘นี่คือ… หมอกมรณะสินะ… คึฮ่าฮ่า!’


“อะไร! มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!?”


ดยุคอัลเวิร์ส


ในฐานะแม่ทัพใหญ่ประจำชายแดนอาณาจักรเก๊าส์ มันกำลังแหกปากโวยวายเนื่องจากยังไม่มีใครรายงานสถานการณ์ล่าสุด ทุกคนเอาแต่เงียบกริบประหนึ่งป้าช้า


แน่นอน บรรดาขุนนางก็ไม่รู้อะไรเลยเช่นกัน


อัศวินและทหารบางคนจึงต้องออกมาสั่งการแทนขุนพลผู้สติกระเจิดกระเจิง


“ล้อมกรอบศัตรูไว้!”


“ห้ามปะทะซึ่งหน้า! จัดแนวป้องกันและระดมยิงด้วยธนูกับเวทมนตร์!”


“คอยรายงานตัวตนและจำนวนของศัตรูอย่างต่อเนื่อง!”


“เพิ่มระดับการอารักขาท่านแม่ทัพใหญ่เร็วเข้า! เร่งมือโดยด่วน!”


ท่ามกลางธงรบเรียงรายเป็นทิวแถวและเสียงกลองส่งจังหวะ กลุ่มอัศวินรีบออกคำสั่งอย่างกระฉับกระเฉง


กองทัพเก๊าส์ อาณาจักรซึ่งถูกล้อมกรอบด้วยศัตรูทุกทิศมานานกว่าร้อยปี ย่อมต้องฝึกฝนทหารเพื่อเตรียมตัวรับมือสถานการณ์เช่นนี้ทุกลมหายใจ


กองทหารหลายส่วน ยกเว้นผู้กำลังยืนตกตะลึงจนสติหลุด ต่างรีบจัดกระบวนทัพอย่างคล่องแคล่วชำนาญ


ความหนืดของทรายมิอาจลดทอนความเร็วพวกมันได้เลย


เป็นเพราะพวกมันกำลังสวมรองเท้ารุ่นพิเศษสำหรับต่อสู้ในทะเลทรายโดยเฉพาะ


ทหารกองทัพเก๊าส์ห่อหุ้มฝ่าเท้าด้วยเกล็ดหนังบาซิลิสก์ พวกมันสับเปลี่ยนกระบวนรบท่ามกลางทะเลทรายด้วยความเร็วสูงไม่ต่างจากพื้นราบ


“เตรียมตัวมาดีขนาดนี้เชียว…?”


กริด ผู้ถูกรุมล้อมจากทุกทิศ เริ่มหันมองไปรอบตัวด้วยดวงตาส่องประกายแสง


เมื่อตระหนักว่าทหารเก๊าส์มีระดับสูงกว่าทหารโอเวอร์เกียร์เล็กน้อย ความตึงเครียดในใจเริ่มก่อตัว


‘เราเข้าใจมาตลอดว่าฝ่ายโอเวอร์เกียร์เหนือกว่ามาก แต่นั่นไม่จริงเลย…’


โดยเฉพาะการเลือกทำเลตั้งค่าย พวกมันทำได้ดีจนน่าตกตะลึง


เนินทรายลาดลงยากแก่การบุกซึ่งหน้า แถมทั้งแปดทิศยังรายล้อมด้วยบาเรียธรรมชาติอย่างหนอนยักษ์


พวกมันรู้จักทะเลทรายยิ่งกว่าลายมือตัวเอง


ขณะกริดทราบว่าอีกฝ่ายแอบซุ่มฝึกในทะเลทรายนับพันนับหมื่นครั้งเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ชายหนุ่มเริ่มกำดาบในมือแน่น


ดาบใหญ่สีดำรูปร่างมาตรฐาน ไม่เหมาะสำหรับการกวัดแกว่งด้วยมือเพียงข้างเดียว


สิ่งนี้คืออาวุธผสานระหว่าง ‘ดาบใหญ่กริด’ และ ‘ดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมฯ’ เพื่อรีดเร้นความแรงทักษะออกมาถึงขีดสุด


‘กลายเป็นเรื่องดี…’


กริด ผู้เคยหัวเสียกับชุนโปจนถึงเมื่อครู่ เริ่มหายใจเข้าออกอย่างผ่อนคลาย


มันประเมินใหม่ว่า กองทัพผสมของโอเวอร์เกียร์ไม่มีทางตีฝ่าค่ายนี้ออกไปได้โดยปราศจากรอยขีดข่วน ถึงแม้จะมีปิอาโร่นำทัพก็ตาม


ไม่เพียงเท่านั้น ออร์คสนธยายังอ่อนแอต่อความร้อน และทัพเสริมของอาณาจักรเก๊าส์คงมาถึงเร็วกว่าความคาดหมาย เนื่องจากพวกมันเคยชินกับทะเลทรายและมีรองเท้าคุณภาพดี


‘ลองดูสักตั้ง…’


ขณะกริดชำเลืองรอบตัวและได้เห็นทหารราบถือโล่ใหญ่รายล้อมรอบทิศ มันพลันสัมผัสถึงความผิดปรกติจากบางสิ่งจนต้องรีบหันไปมอง


ทว่า กริดหาสิ่งนั้นไม่พบด้วยตาเปล่า


เนื่องจากถูกทหารมากระเบียบวินัยล้อมไว้และใช้โล่ใหญ่บดบังทัศนวิสัยยิ่งกว่าเดิม


หากเป็นกริดก่อนจะได้รับเนตรเหนือมนุษย์มาครอง มันคงถูกปิดกั้นการรับรู้โดยสมบูรณ์


อย่างไรก็ตาม กริดในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องเพ่งจ้องด้วยตาเปล่า มันสัมผัสเอาจากความรู้สึก แถมยังระบุตำแหน่งและเจตนาของศัตรูได้แม่นยำ


ไกลออกไปทางเนินทิศตะวันตก กองทัพจอมเวทกำลังยืนประจำการในพิสัย 1,500 เมตร ส่วนกองทัพพลธนูยืนไกลออกไปทางด้านหลังในพิสัย 3,000 เมตร


“…”


กระแสการไหลของมานา การบิดเบี้ยวของอากาศ เสียงสายธนูถูกดึงรั้ง แสงสะท้อนจากหัวศรโลหะ ทิศทางการไหลของสายลม ธงสัญญาณสะบัดพลิ้ว ทั้งหมดกำลังรอจังหวะ จนกว่าการปิดล้อมจะคลายตัวออก นั่นคือสัญญาณการลงมือ


ทันใดนั้น


กริด ผู้มองเห็นทุกซอกมุมสนามรบผ่านตัวตนเหนือมนุษย์ ทำการเปิดใช้พลังเฟย์ริสตอบโต้


เคร้ง! เคร้ง!


เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง!


ประหนึ่งทหารเก๊าส์กำลังสู้กับจอมอสูร


<แปรสภาพอัตโนมัติ>

ทักษะติดตัว

หากถูกโจมตีแบบโพรเจกไตส์ (ระยะไกล) ระบบจะสร้างบาเรียโลหะคลุมร่างทันที

* บาเรียดูดซับความเสียหายได้ 10,000 หน่วยต่อหนึ่งการโจมตี

* ระยะหน่วงหลังใช้ 1 นาที

พลังแปรธาตุของเฟย์ริส จอมอสูรลำดับ 22 แห่งขุมนรก กำลังนำพาความหวาดกลัวมาสู่โลกกึ่งกลางอีกครั้ง


ราชาโอเวอร์เกียร์ กริด ลอกเลียนแบบสุดยอดบาเรียโลหะซึ่งทนทานจนยากทะลุทะลวง


เคร้งเคร้งเคร้ง!


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!


ไม่ว่าจะพลังทางกายภาพของลูกธนู หรือพลังเวทมนตร์ของจอมเวท ทุกสิ่งล้วนเท่าเทียมภายใต้บาเรียโลหะชนิดนี้


ขอเพียงเป็นการโจมตีแบบโพรเจกไตล์


จากนั้น กริดขยับขาครึ่งก้าว


“หน่วง.”


กึก!


พลังสะกดข่มอันท่วมท้นพลันแผนปกคลุมสนามรบ


ไม่มีผู้ใดเข้าใกล้กริดได้ ผืนทรายเบื้องล่างเริ่มเปลี่ยนแปลง ทหารถอยหนีไปคนละทิศทาง


“คลื่น.”


วิชาดาบแพ็กม่าท่าพื้นฐานถูกปลดปล่อยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นร่ายรำ สังหาร ทำลายล้าง สยบ วังวน สะพรั่ง และมายา


ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากสวนกลับห่าฝนการโจมตีระยะไกลด้วย ‘วังวนสะพรั่ง’ กริดหันมาจัดการกับกลุ่มทหารราบรอบตัวด้วย ‘มายาร่ายรำสะพรั่ง’ สองครั้งซ้อนจากผลของทักษะบัญชาแห่งเทพ


ตามด้วยการสั่งภูตแสงไปทำให้กองทัพจอมเวทฝั่งตะวันตกตาบอดสนิทชั่วคราว


ตึง!


ฉวยโอกาสทองดังกล่าว ชายหนุ่มทะยานขึ้นบนท้องฟ้า


ยิ่งสูงเท่าไรก็ยิ่งดี


เพียงพริบตา ภาพรวมของสนามรบได้ปรากฏตรงหน้าอย่างชัดเจน เหล่าขุนนางผู้สติหลุดลอยหลายคน เหล่าอัศวินผู้เอาแต่ตะโกนออกคำสั่งอย่างเจ็บแค้น และเหล่าทหารผู้กำลังยืนสั่นกลัวด้วยแข้งขาอ่อนเปลี้ย


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


เวทมนตร์และฝนธนูยังคงยิงใส่กริดอย่างไม่หยุดพัก


แต่เป็นเพราะหัตถ์เทวะ โนเอะ แรนดี้ และโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ ชายหนุ่มจึงยังเอาตัวรอดจากการระดมยิงได้อย่างฉิวเฉียด


“ดาบสลายทัพสองแสน”


เวทมนตร์จากกองทัพจอมเวท ถูกระดมยิงใส่กริดโดยไม่เปิดโอกาสให้พักหายใจ รวมถึงมิได้กังวลว่าจะโดนพวกเดียวกันด้วย


ดังนั้น ดาบพินาศทัพสองแสนจึงถือเป็นการเสี่ยงดวงครั้งใหญ่ สำหรับกริดผู้สูญเสียพลังบาเรียของสมญานามกษัตริย์คนแรกไปแล้วขณะตีฝ่าวงล้อมออกมา


แต่มันไม่มีทางเลือกอื่น


แม้จะเป็นตำนานและเหนือมนุษย์ผู้มีแต้มสถานะสูงส่งเหนือทุกคน แต่กริดก็มิอาจหลุดพ้นจากกรอบของผู้เล่นได้ ค่าเรี่ยวแรงกำลังลดลงอย่างรวดเร็วและใกล้เหือดแห้ง


หากยังมีแรงฟันดาบ เป้าหมายของมันคือการสังหารศัตรูให้ได้มากเข้าไว้ ดีกว่ารอยอมรับความตายอย่างน่าสมเพชเยี่ยงสุนัขข้างถนน


ซู่วววววว—


ทันใดนั้น เวทมนตร์ทั้งหมดบนท้องฟ้า พลันถูกดูดกลืนหายไปด้วยคลื่นดาบเพียงหนึ่งเส้น


คลื่นดาบจันทร์เสี้ยวขนาดมหึมา พุ่งแหวกอากาศถล่มค่ายบัญชาการกองทัพเก๊าส์ไปเกินกว่าครึ่งในพริบตา


“อะ…อะ…”


ทหารเก๊าส์พลันหมดกำลังใจต่อสู้


ผู้ชมชาวจีนทั่วโลก ซึ่งเฝ้ามองการต่อสู้มาตั้งแต่เริ่ม ต่างพันเกิดความรู้สึกตื่นเต้นยินดี


“ท…เท่ฉิบหาย!”


“เจ๋ง…! เจ๋งเป้ง!!”


อารมณ์พื้นฐานของมนุษย์ประกอบด้วย อิจฉาริษยา แบ่งแยก กีดกัน และต่อต้าน


จนกระทั่งถึงเมื่อครู่ ถ้อยคำหยาบคายและไม่เป็นมิตรกำลังถูกพ่นจนเต็มโลกอินเทอร์เน็ตช่องแล้วช่องเล่า โดยมนุษย์แทบไม่เคยพูดสิ่งเหล่านี้ใส่กันขณะเผชิญหน้าบนโลกความจริง


แต่สำหรับโลกอินเทอร์เน็ต ยิ่งโลกจริงก้าวร้าวมากเท่าไร ก็ยิ่งทำตัวระยำบนโลกอินเทอร์เน็ตมากเท่านั้น


กริดกำลังตกเป็นเหยื่อของสิ่งเหล่านี้


ประชาชนชาวจีนหลายล้านไม่ชอบขี้หน้ามัน


หรือแม้กระทั่งชาวเกาหลีด้วยกันก็ตาม


แต่ในวินาทีนี้ ทุกสิ่งเปลี่ยนไปแล้ว


ความสุดยอดของกริด ผู้กุมความได้เปรียบเหนือกองทัพหลายหมื่นตามลำพัง ได้เอาชนะใจใครหลายคนรวมถึงชนะใจถ้อยคำด้านลบบนโลกอินเทอร์เน็ต


= ถ้าฉันเป็นออร์ค ฉันก็คงเลือกติดตามกริดเหมือนกัน!


= เท่ฉิบหาย!!


= ชาวเกาหลีคนนี้เป็นข้อยกเว้น


= เทพ! ท…เทพเกินมนุษย์ไปแล้ว!!


= เหตุผลว่าทำไมคาบสมุทรเกาหลีถึงรอดพ้นจากเงื้อมมือจีนผู้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 4,000 ปีมาได้ เพราะพวกเขาผลิตยอดอัจฉริยะออกมาอย่างต่อเนื่อง


= ความภูมิใจแห่งเอเชีย! กริด!!


***


“ขอบใจมาก ถ้าเธอมาช้ากว่านี้อีกนิดเดียว พี่คงไม่รอดแล้ว”


มันต้องการปลดปล่อยทักษะดาบออกไปอีกสักท่า แต่ค่าพละกำลังไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไร


หลังจากกริดทำให้ศึกแรกจบลงอย่างง่ายดาย มันเข้ารับการรักษาจากนักบุญหญิงทันที


เฮ—!!!


กองทัพกว่าหกแสน ผู้ตามเข้ามาทีหลังเพื่อเก็บกวาดเศษซากกองทัพเก๊าส์รอบสนามรบ รวมถึงเหล่าอัศวินผู้ออกไปทำลายทัพหนุนเก๊าส์จนพังพินาศ พวกมันเพิ่งเดินทางกลับถึงสนามรบในจุดกริดพักรักษาตัว


แม้จะต่อสู้อย่างต่อเนื่องและกินเวลานาน แต่ขวัญกำลังใจทหารกลับยังคง 100% เช่นเคย


สิ่งนี้หมายความว่า การแสดงฝีมือของกริดประสบผลสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่


“เจ้าพี่บ้า! ฝืนเกินไปแล้ว!”


รูบี้ตอบสนองด้วยใบหน้าบูดบึ้ง


เธอดีใจเพราะได้รักษาพี่ชายด้วยมือตัวเอง แต่ขณะเดียวกันก็ยังรู้สึกหวั่นใจไม่หาย


“พี่ขอโทษ”


ชายหนุ่มใช้มือลูบหัวน้องสาวพลางเผยรอยยิ้มอบอุ่น จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน


ปัจจุบัน ความคงทนของไอเท็มกำลังวายป่วง


ศัตรูมีจำนวนมาก อาวุธจึงถูกใช้โจมตีโดยไม่หยุดพัก และชุดเกราะก็ถูกกระทบหนแล้วหนเล่า ไอเท็มทุกชิ้นในร่างกายจึงแดงก่ำ


หลายชิ้นคงถูกทำลายไปแล้วถ้ากริดไม่รีบสับเปลี่ยนเป็นไอเท็มอื่น


‘แต่ค่าประสบการณ์ของผ้าคลุมเฟนเรียร์เพิ่มขึ้นจากเดิมมาก’


นับเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายพอสมควร


ถึงจะมีบัฟเพิ่มค่าประสบการณ์ไอเท็ม แต่กริดไม่ได้คาดหวังว่าจะเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้


แหวนเอลฟินสโตนก็เช่นกัน ทุกครั้งเมื่อระยะหน่วงมาถึงและแสดงเอฟเฟคดูดเลือด ค่าประสบการณ์แหวนจะเพิ่มขึ้นมาก จนกระทั่งเหลือเพียง 20% ก็จะกลายเป็นเกรดเลเจนดารี ใกล้ได้เวลาปล่อยตัวแวมไพร์เอิร์ล เอลฟินสโตนให้เป็นอิสระเสียที


“จากนี้คงต้องให้ปิอาโร่จัดการแทน”


ขณะกริดหวนนึกถึงรายชื่อภารกิจยาวเหยียดบนทวีตะวันออกซึ่งได้รับมาจากฮานซอกบง และเตรียมถอนตัวจากสงครามอย่างโล่งใจ


“คึ… คึฮ่าฮ่าฮ่า! ราชาโอเวอร์เกียร์แสนโอหัง และบรรดาทหารอันโง่เขลาเอ๋ย! พวกแกไม่ได้รู้ตัวเลยสินะ ว่ากำลังขุดหลุมฝังศพตัวเองอยู่!”


ในฐานะ NPC พิเศษ ดยุคอัลเวิร์สยังคงสบายดีแม้จะรับวิชาดาบสลายทัพสองแสนของกริดเข้าไปอย่างจัง


แม่ทัพของเก๊าส์ระเบิดเสียงหัวเราะสะใจท่ามกลางสนามรบนองเลือด จากนั้นก็ชี้นิ้วลงไปบนพื้นทรายสีแดง


“พวกแกลืมอะไรไปรึเปล่า? เหล่าแวมไพร์ดุร้ายกำลังหลับใหลภายใต้ทะเลทรายแห่งนี้!”


“อึก…!”


กลุ่มผู้เล่นเผ่าออร์คต่างพากันหน้าซีด


เมื่อพวกมันเริ่มเข้าใจว่า เหตุใดกองทัพอาณาจักรเก๊าส์ถึงเลือกตรงนี้เป็นสนามรบ สีหน้าแต่ละคนเริ่มอึมครึม


“คึฮ่าฮ่าฮ่า! ทะเลทรายแห่งนี้จะกลายเป็นหลุมศพของพวกแกทุกคน!”


ปัจจุบัน ยามเย็นเพิ่งเริ่มไม่นาน


อย่างไรก็ตาม แม้จะได้ราชาโอเวอร์เกียร์เสียสติช่วยเร็วให้สงครามจบลงเร็วขึ้น แต่ท้องฟ้าด้านบนก็ปราศจากแสงแดดอยู่ดี


การอับแสงเช่นนี้ โอกาสปรากฏตัวของแวมไพร์จึงมีค่อนข้างมาก


ขณะเสียงหัวเราะของดยุคอัลเวิร์สดังระร่วน บรรดาผู้เล่นเผ่าออร์คเริ่มผงะถอยหลัง


ทันใดนั้น


กึกกึกกึก…


ครืด…


ผืนทรายสีแดงฉานเริ่มสั่นสะเทือน


ท่ามกลางบรรยากาศสลัว การเคลื่อนไหวของทรายในลักษณะนี้ได้สร้างความหวาดกลัวลงไปถึงก้นบึ้งจิตใจ


『ฮ…เฮ้ย!』


พิธีกรและผู้เชี่ยวชาญทางโทรทัศน์ต่างส่งเสียงตกตะลึง


เนื่องจากทรายสีแดงเริ่มขยับพร้อมกับนับหมื่นจุด ตามด้วยการปรากฏกายของเงาลางสีดำปริศนา


ทั้งหมดคือแวมไพร์ สิ่งมีชีวิตผิวพรรณขาวซีดและดวงตาแดงสด


กลิ่นเลือดจากหลายหมื่นศพได้กระตุ้นให้พวกมันตื่นจากคำสาปเกียจคร้านและขุดดินขึ้นมายังผืนดินด้านบน


ด้วยความหิวโหย เหล่าแวมไพร์คงลงมือเข่นฆ่าทหารของโอเวอร์เกียร์จนราบคาบแน่


ผู้ชมทางบ้านต่างคิดเช่นนั้น


“ขอคารวะฝ่าบาท!”


หลังจากกองทัพแวมไพร์ขึ้นมาบนผิวทรายอย่างสมบูรณ์ พวกมันทุกตนหันไปมองทางเดียวและคุกเข่าลงหนึ่งข้าง


ปลายทางการคุกเข่าคือกริด


“....XX! นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันอีกวะ!”


ดยุคอัลเวิร์ส ผู้หวังจะได้เห็นความพินาศของกองทัพโอเวอร์เกียร์ พลันสบถคำหยาบคายและนั่งก้นจ้ำเบ้าลงบนทรายอย่างหดหู่


มันเหนื่อยแล้วกับความประหลาดใจและผิดคาดไปเสียทุกเรื่อง


ในวินาทีดังกล่าว สถานีทุกช่องทั่วโลกพลันตัดเข้าสู่ช่วงโฆษณา


สำหรับช่องโทรทัศน์มากประสบการณ์ ไม่มีจังหวะใดเหมาะแก่การยิงสปอตโฆษณาราคาแพงไปมากกว่านี้แล้ว


= ไอ้XXX! ให้ตายสิฟะ! ไอ้XXX!


ช่องแชตนิสัยเกรี้ยวกราดเริ่มอาละวาดอีกครั้ง


ทุกถ้อยคำหยาบคายบนโลก ได้โผล่ไปปรากฏเต็มช่องแชตออกอากาศสดของทุกสถานี


แต่บรรดาผู้จัดรายการต่างกัดฟันอดทน


เนื่องจากโฆษณาด่วนในคราวนี้ไม่ใช่ของใครอื่นนอกจาก SA กรุป


วิดีโอเปิดตัวลำดับ 3 ของงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติปีปัจจุบัน


และค่อนข้างบังเอิญ พระเอกในฉากแรกของวิดีโอคือกริดพอดิบพอดี


“สุดยอดงานศิลป์”


เปรี้ยง!


เคร้ง! เคร้ง!


คลื่นกระแทกอันหนักหน่วงจากการปะทะคมดาบของราชาอสูร กริด และอริยดาบ ครอเกล ได้แผ่เป็นวงกว้างจนซากศพของเหล่าแรงเกอร์ผู้เสียชีวิตเกิดการสั่นกระเพื่อม


ฉากจบของการแข่งซาทิสฟายนานาชาติในปีก่อน ถูกนำมาเป็นฉากเปิดของวิดีโอตัวใหม่


= เห็นจนเบื่อแล้ว


เมื่อภาพการดวลดาบอย่างอลังการของกริดและครอเกลถูกฉายซ้ำ กลุ่มช่องแชตหัวรุนแรงเริ่มบรรเทาโทสะลงพลางเริ่มตั้งใจดู


ถัดมา กล้องเริ่มซูมออกทีละนิด


จนทั้งคนสองมีขนาดเล็กเท่าหนึ่งจุด


พรึบ—!


ท่ามกลางเสียงปีกสยาย ขนนกสีขาวได้บดบังการดวลระหว่างกริดและครอเกลจนมิดชิด


หลังจากนั้นเป็นการเปิดตัวราชาอสูรประจำงานแข่งซาทิสฟายปีปัจจุบัน


นั่งบนเมฆทองอย่างองอาจ แผ่นหลังมีปีกเทวทูตสีขาวขนาดมหึมาสยายกว้าง


แต่ปีกได้แปรเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว


อาจเป็นสัญลักษณ์ของการร่วงหล่นกระมัง…


= คิดว่าราชาอสูรในปีนี้เป็นใคร?


หลังจากถูกกระตุ้นด้วยการแสดงฝีมืออันโดดเด่นของกริด ผู้ชมเริ่มคาดเดาตัวตนของราชาอสูรอย่างตื่นเต้น


มนุษย์โลกกำลังมีความสุขร่วมกันภายใต้เกมออนไลน์เสมือนจริงนามว่า ‘ซาทิสฟาย’


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,544
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ตอนนี้โคตรมันส์

    ReplyDelete
  2. จะอยู่จนถึงวันที่ได้เล่นเกม​เสมือน​จริง​ใหมนะ
    สนุก​มาก​ขอบคุณ​ครับ​😊🙏

    ReplyDelete
  3. มันส์โคตรๆ จุใจมากๆเลย
    ขอบคุณสำหรับงานแปลครับ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00