จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,147



“…”


เขตแดนปกครอง


ปิอาโร่ซึ่งถูกเฟนเรียร์พาตัวเข้ามาในห้วงมิติลึกลับ เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายสุดขีด


ทว่า ด้านในกลับว่างเปล่า


เป็นทะเลทรายอันแห้งแล้งและไม่มีสิ่งใด


“สิ่งมีชีวิตอมตะ…”


ใครหลายคนต่างอิจฉาชีวิตอันเป็นนิรันดร์ของแวมไพร์


แต่แวมไพร์มีค่าให้อิจฉาจริงหรือ?


ชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ซึ่งต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในโลงศพตามลำพัง มันดีแล้วจริงหรือ?


เมื่อปิอาโร่ตระหนักว่าโนลล์ถวิลหาความรักและเอาใจใส่มากเพียงใด จึงไม่เคยอิจฉาความเป็นอมตะของแวมไพร์เลยสักครั้ง


หงิง! หงิง!


หมาป่าตัวอวบอ้วน เดินเข้ามาใกล้ปิอาโร่และเอาแก้มถูน่องของชาวนาในตำนาน


แค่มองจากพุงอันอ้วนกลมและความเป็นมิตรกับคนแปลกหน้า ปิอาโร่ก็เดาได้ไม่ยากว่า หมาป่าตัวนี้ได้รับความรักมากมายแค่ไหน


มันอมยิ้มพลางก้มตัวลงไปเล่นกับหมาป่า ฝ่ามือลูบไล้ไปบนท้องป่องอย่างอ่อนโยน


“ฮาจิกะใช่ไหม?”


โฮ่ง!


หมาป่าผงกศีรษะ


ขณะหางของมันสั่นระริกซ้ายขวา เงาสะท้อนของหางปรากฏบนใบหน้าเปื้อนยิ้มของปิอาโร่


“เข้าใจแล้ว… ถึงเจ้านายจะไม่เคยได้รับความรักจากใคร แต่ก็รู้จักแบ่งปันความรักให้ผู้อื่น”


เนื้อแท้ของห้วงมิติแห่งนี้คือ มโนภาพภายในจิตใจของผู้ใช้พลัง


หรือก็คือ จิตใจเป็นเช่นไร เขตแดนปกครองก็จะมีลักษณะเป็นอย่างนั้น


จิตใจเฟนเรียร์มีเพียงความอ้างว้างและความรักต่อเพื่อนสนิทสี่ขา


เฟนเรียร์อาจเข้าใจไปเองว่า มันนำฮาจิกะเข้ามาในห้วงมิติได้ด้วยอำนาจของเขตแดนปกครอง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เป็นอำนาจของความรักและเอาใจใส่ต่างหาก


‘…บางที นี่อาจเป็นรูปร่างแท้จริงของพลังปกครอง’


เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ปิอาโร่เริ่มเข้าใจว่าเพราะเหตุใด เบริอาเช่ถึงหวังกับเฟนเรียร์ไว้มาก


เบริอาเช่ต้องการให้ตระกูลแวมไพร์เกิดความสามัคคี ฉะนั้น ราชาโลหิตจะต้องไม่ใช่บุคคลผู้มีจิตใจคดเคี้ยว


ฉึบ.


ปิอาโร่นำบางสิ่งออกมาปลูกบนทะเลทราย


เมล็ดพันธุ์


ทันใดนั้น เกิดเป็นรากงอกลงไปในดินอย่างรวดเร็ว หัวมันฝรั่งเริ่มออกผล ลำต้นสีฟ้างอกเงยในลักษณะยาวตรง


ปิอาโร่ทราบดีว่า หนึ่งในสามวิธีสำหรับหลบหนีจากห้วงมิติเวทมนตร์ก็คือ


เปลี่ยนรากฐานของจิตใจ


ครืนนนนน!


ต้นมันฝรั่งขนาดเล็กเริ่มเบ่งบานท่ามกลางทะเลทราย รอยร้าวจำนวนมากเริ่มปรากฏรอบห้วงมิติในหลายจุด


หมับ!


ฮาจิกะรั้งข้อเท้าปิอาโร่ไว้


ราวกับต้องการจะสื่อว่า ตนไม่อยากถูกทิ้งไว้ตามลำพัง แต่ในความเป็นจริง ฮาจิกะภายในนี้เป็นแค่ร่างมายา กายเนื้อไม่มีชีวิตอยู่อีกแล้ว


ปิอาโร่ก้มลงไปลูบหัวหมาป่าตัวอวบอ้วนเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับเดินออกจากห้วงมิติเวทมนตร์กลับไปช่วยเจ้านายตัวเอง


เมื่อสติบนโลกความจริงกลับคืน ภาพแรกในการมองเห็นคือ วิชาดาบ ‘สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ ซึ่งกำลังพุ่งเข้าใส่เฟนเรียร์


“แค่ก…! แค่ก!!”


แวมไพร์มาร์ควิสทรุดคุกเข่า ตรงหน้ามองเห็นเพียงรองเท้าบูตยาวทำจากโลหะสีทอง


มันฝืนพยุงตัวลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นผู้บุกรุกจำนวนมากกำลังรายล้อมรอบทิศ เฟนเรียร์ตัดสินใจหันไปถามทีราเม็ทและโนลล์


“พวกเจ้าทำให้มันเป็นราชาโลหิตหรือ?”


ทีราเม็ทเงียบงัน ส่วนโนลล์โต้แย้งเสียงแข็ง


“หมายความว่ายังไง? คิดว่าข้าเป็นใคร? จะไปมีอำนาจแต่งตั้งราชาโลหิตได้อย่างไร”


“แล้วมันกลายเป็นราชาโลหิตได้ยังไง”


“กริดไม่ใช่ราชาโลหิต เป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงเหมือนกับพวกเรา”


“อะไรนะ…? ถ้าไม่ใช่ราชาโลหิต แล้วทำไมถึงรอดพ้นจากพลังปกครอง?”


มนุษย์คนนี้ชื่อกริดสินะ…


แวมไพร์มาร์ควิสหันกลับมาจ้องมองบุคคลผู้สามารถเอาชนะตน พร้อมกับหัวเราะแห้ง


“ไอ้สัตว์ประหลาด”


เฟนเรียร์ไม่มีข้อมูลโลกมนุษย์มากนัก


มันอาจเคยได้ยินชื่อแพ็กม่า แต่ย่อมไม่เคยเผชิญหน้า จึงไม่มีทางทราบว่า กริดรอดพ้นจากอำนาจปกครองได้ด้วยพลังของคลาสผู้สืบทอดแพ็กม่า


ส่งผลให้เข้าใจผิดตั้งแต่ต้น มโนว่ากริดเป็นราชาโลหิตซึ่งมีลำดับตัวตนสูงกว่ามัน


“…เจ้าจะไม่มีวันได้เป็นราชาโลหิต!”


เฟนเรียร์ยังคงยืนกรานปฏิเสธกริด


วิ้ง—!


“…!?”


ฝ่ายผู้บุกรุกต่างพากันตกตะลึง


ขณะเฟนเรียร์ชูมือขึ้นฟ้า พลันเกิดแสงสว่างจ้าสาดส่องจากสุดเพดานสูงลิบ


ทุกคนต่างประหลาดใจโดยไม่ปิดบังสีหน้า


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น เพราะอันแสงเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ ไม่ควรจะมีอยู่จริงภายในเมืองแวมไพร์อันมืดมิด


กริดและกลุ่มอัศวินต่างหรี่ตาลงเนื่องจากปรับสายตาไม่ทัน


ทันใดนั้น ดาบตะวันเฉิดฉายภายใต้อำนาจปกครองของเฟนเรียร์ พุ่งแหวกอากาศเข้าใส่ศีรษะกริดอย่างแม่นยำ


สวบ!


“…อั่ก”


ราชาโอเวอร์เกียร์ส่งเสียงครวญคราง


“พี่!”


รูบี้รีบวิ่งเข้ามาใกล้โดยหวังจะใช้เวทฮีลรักษา แต่กลับถูกขัดวางไว้โดยดาบตะวันเฉิดฉายและศาสตรานานาชนิดซึ่งสูญเสียผู้เป็นนาย


นี่คือความสุดยอดของคุณลักษณะปกครอง


อาวุธของผู้บุกรุกชุดก่อนถูกวางกลาดเกลื่อนเต็มพื้นห้องบอสตั้งแต่แรก แวมไพร์มาร์ควิสจงใจวางทิ้งไว้เพื่อรอโอกาสนี้


เมื่อเห็นกริดล้มลงไปต่อหน้า เฟนเรียร์หันไปกล่าวกับบราฮัมทันที


“ราชาโลหิตไม่ควรถือกำเนิด เพราะในวินาทีนั้น แมรีโรสจะเริ่มวางแผนแก้แค้น และเผ่าพันธุ์แวมไพร์ทั้งหมดจะกลายเป็นเพียงเครื่องมือ”


“…”


“นั่นคือความต้องการของแวมไพร์จริงหรือ? เหลวไหล! นั่นเป็นความแค้นของท่านแม่ผู้เดียวต่างหาก! แก้แค้นให้เธอแล้วพวกเราจะได้อะไรขึ้นมา! เพียงเพราะเกิดเป็นลูก ก็มีสิทธิ์ใช้เป็นเครื่องมือได้ตามใจชอบอย่างนั้นหรือ!”


“…”


“การถือกำเนิดของราชาโลหิตจะทำให้เผ่าพันธุ์แวมไพร์ต้องเผชิญหายนะ! ทุกคนในตระกูลจะตายกันหมด ยกเว้นเพียงแมรีโรสและราชาโลหิตผู้มีพลังมากพอ”


เฟนเรียร์หันจ้องโนลล์และทีราเม็ท


ตั้งแต่เริ่มศึกจนถึงเมื่อครู่ มันไม่เคยแสดงอาการตอบสนองใดขณะเห็นพี่น้องร่วมสู้ศึกฝ่ายเดียวกับมนุษย์


แต่ตอนนี้ถึงเวลากล่าวความในใจ


“ในเมื่อพวกเจ้าหลุดพ้นจากคำสาปแล้ว เหตุใดต้องให้กำเนิดราชาโลหิตเพื่อสร้างความเดือดร้อนแก่ตัวเองด้วย? อยากกลายเป็นเครื่องมือมากนักหรือ? ทำไมถึงไม่ใช้ชีวิตต่อไปอย่างสงบสุขโดยปราศจากราชาโลหิต!”


“…เฟนเรียร์”


ดวงตาโนลล์เริ่มแดงก่ำ


เหตุผลทั้งหมดของเฟนเรียร์ล้วนฟังขึ้น หากราชาโลหิตถือกำเนิด เหล่าแวมไพร์ทายาทจะต้องประสบชะตากรรมเลวร้าย


แต่ในทางกลับกัน บราฮัมพ่นลมหายใจ


เป็นพฤติกรรมเหยียดหยันชัดเจน ตามด้วยการเปล่งเสียงแผ่วเบาแฝงความดูแคลน


“เหลวไหลสิ้นดี เจ้าก็แค่ไม่ต้องการให้ใครปกครองเหนือตัวเองเท่านั้น”


“ว่ายังไงนะ…”


“ข้าเกรงว่า เจ้าก็แค่ต้องการใช้ชีวิตน่าสมเพชนั่นให้นานขึ้นอีกสักหน่อย”


“เหลวไหล!”


“ไม่เลย เป็นเรื่องจริงแท้แต่นอน เจ้าเป็นพวกขี้ขลาดมาแต่ไหนแต่ไร มักนอนหลบอยู่ในโลงศพไปวันๆ โดยไม่อยากใช้ชีวิตให้มีคุณค่าขึ้นมา เป็นพวกขี้แพ้ตัวจริงเสียงจริง”


“หุบปาก!”


“เพิ่งออกไปกับแมรีโรสมาใช่ไหม? เหตุผลให้คนอย่างเจ้ากระเสือกกระสนปรากฏตัวบนโลกมนุษย์ เพราะกลัวว่าหล่อนจะบังเอิญพบคนถูกใจด้านนอก และให้กำเนิดทายาทจนเจ้าต้องกลายเป็นหมาหัวเน่า”


“หุบปาก!”


“ต่อหน้าแมรีโรส ผู้สามารถสังหารเจ้าได้ในพริบตา เจ้าเอาแต่ยืนสั่นกลัวเหมือนหนูสกปรกตัวหนึ่งไม่ใช่หรือ? อย่าทำเป็นเก่งนักเลย”


“คนเสียสติและทำร้ายพวกพ้องในตระกูลอย่างเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอน!”


ในเวลาเดียวกัน เฟนเรียร์ดูดดาบตะวันเฉิดฉายกลับเข้าหาตัว


ฉ่า!


ฝ่ามือเริ่มปรากฏรอยไหม้


แต่มันหาได้แยแส ยังคงกำดาบตะวันเฉิดฉายและพุ่งใส่บราฮัมหมายตัดเศียรให้ขาดสะบั้น


ทว่า กริดขยับตัวมาขวางไว้เสียก่อน


เฟนเรียร์แสดงสีหน้าตกตะลึงเนื่องจากเคยเข้าใจว่ากริดตายไปแล้ว จึงรีบถอยหลังเพื่อตั้งหลักรอดูท่าที


“ทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่”


กริดบาดเจ็บหนักกว่าเฟนเรียร์หลายเท่า


มันจึงไม่เข้าใจเลยว่า อีกฝ่ายรอดชีวิตจากการถูกดาบปักใส่ศีรษะได้อย่างไร


กริดเกาหัวแกร่กพลางมอบคำตอบ


“พลังแห่งโอเวอร์เกียร์”


น้ำเสียงไม่ปรากฏอาการสั่นคลอน


ย้อนกลับไปเมื่อพลังชีวิตกริดจมก้นหลอดและเข้าสู่ภาวะอมตะ 5 วินาที ขณะบัฟใกล้หมดสมญานาม ‘ตัวเอกสองยุค’ ทำงานและเพิ่มพลังชีวิตให้อีก 20%


<ตัวเอกสองยุค>

หากอายุสั้น คงไม่มีโอกาสได้เป็นสักขีพยานในหลายยุคสมัย

* ท่านจะไม่ตายโดยง่าย

* เสริมประสิทธิภาพ ‘ค่าความทรหด’


ยิ่งไปกว่านั้น กริดยังสวมเกราะวัลฮัลล่าของข่านและผ้าคลุมลันเทียร์ จึงไม่มีทางถูกฆ่าตายด้วยดาบบินพลังโจมตีพันกว่าหน่วยแน่นอน


เป็นสาเหตุให้ไม่มีใครนอกจากรูบี้ แสดงอากัปกิริยาตื่นตระหนกเกินเหตุ


“ก…กริด ฉ…ฉันไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี”


โนลล์ตอบเสียงประหม่าพลางกัดเล็บ


เนื่องจากสืบทอดคุณลักษณะห่วงใย หลังจากหลุดพ้นจากคำสาปเกียจคร้าน โนลล์ย่อมเกิดความห่วงใยต่อพี่น้องทุกคนอย่างเท่าเทียม มันไม่อยากให้มีใครต้องตายแม้แต่คนเดียว


ถึงความจริงจะเป็นไปตามคำพูดของบราฮัม คือเฟนเรียร์ต้องการยืดอายุขัยอันน่าสมเพชของตนออกไป แต่โนลล์ก็ยังรู้สึกสงสารอยู่ดี


ทว่า กริดไม่ลังเล


“ไม่เห็นยาก แค่ฆ่าทิ้งก็สิ้นเรื่อง”


แวมไพร์ทายาทคือตัวตนพิเศษกึ่งอมตะ สามารถคืนชีพได้ใหม่จนกว่าดวงวิญญาณจะถูกทำลายโดยสมบูรณ์


ทีราเม็ทคือหลักฐานของคำกล่าวข้างต้น


แม้จะคืนชีพไม่ได้เต็มรูปแบบเหมือนจอมอสูร แต่อย่างน้อยก็ยังอยู่ในร่างสัตว์เลี้ยงกึ่งสมบูรณ์ได้อย่างมีความสุข


ในหัวกริดตอนนี้ ไม่ว่าอย่างไร เฟนเรียร์ก็ต้องถูกผนึกเป็นอันดับแรก


ฉึก!


ขีดจำกัดของมอนสเตอร์ก็คือ ไม่สามารถดื่มโพชันชดเชยทรัพยากรได้


ถึงกริดจะถูกดาบบินโจมตีทีเผลอจากด้านบนและเสียหลักล้มลง ก็ยังมีเวลาถมเถให้ดื่มโพชั่นเติมพลังชีวิต


แต่เฟนเรียร์ลดแล้วลดเลย


จริงอยู่ หากมีเวลามากกว่านี้อีกนิด มันอาจคืนพลังชีวิตกลับมาได้บางส่วน จากความเร็วในการฟื้นฟูร่างกายอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของแวมไพร์


“แค่ก…!”


ด้วยบัฟโทสะช่างเหล็กและพลิ้วไหวซึ่งระยะหน่วงวนกลับมาถึง กริดอาศัยความคล่องแคล่วหลบดาบตะวันเฉิดฉายในมือเฟนเรียร์ พร้อมกับปลดปล่อยวิชาดาบผสานสามชนิดในระยะประชิด ส่งให้แวมไพร์มาร์ควิสกลายเป็นเพียงละอองแสงสีเทาหม่น


เฉกเช่นแวมไพร์ทายาทตนอื่น ดวงวิญญาณยังไม่ถูกทำลายทันที และล่องลอยเข้าไปผสานกับผ้าคลุมตัวโปรดของเฟนเรียร์


รูบี้เตรียมใช้เวทมนตร์ทำลายดวงวิญญาณทิ้ง


แต่กริดรีบห้ามไว้


[แวมไพร์มาร์ควิส เฟนเรียร์ ถูกผนึก!]


[<พลังเฟนเรียร์> ถูกสลักเข้าไปใน <อักขระความมืด>]


<พลังเฟนเรียร์>

ประเภท : ติดตัว

จิตวิญญาณแห่งการดิ้นรนและไม่ยอมแพ้

* เมื่อต่อสู้กับศัตรูเลเวลสูงกว่าครบหนึ่งนาที ท่านจะได้ไม่รับผลกระทบจากระบบส่วนต่างของเลเวล ในด้านความเสียหายและการลดทอนพลังป้องกัน


[เลเวลอัพ!]


[เลเวลอัพ!]


[พรแห่งอัครเทวทูตซาลิเอลทำงาน!]


[เพิ่มอัตราการดรอปไอเท็ม 500%]


[ท่านได้รับ <ผ้าคลุมเฟนเรียร์>]


[ท่านได้รับ <แหวนดูดเลือดระดับสูงสุด>]


[ท่านได้รับ <ศิลาเวทมนตร์ปริศนา>]


[ท่านได้รับ <ดาบตะวันเฉิดฉาย>]


[ท่านได้รับ <โอสถ> 10 ขวด]


[ท่านได้รับ <หินเสริมแกร่งอาวุธอวยพร> 7 ก้อน]


[ท่านได้รับ <หินเสริมแกร่งเครื่องป้องกันอวยพร> 15 ก้อน]


[สมญานาม <ผู้จะกลายเป็นราชาโลหิต> พัฒนาเป็น <ราชาโลหิต>]


[แวมไพร์ทุกตนยกเว้นแมรีโรสจะทำตามคำสั่งของท่าน]


<ราชาโลหิต>

ประเภท : ติดตัว

★ หากบรรลุเงื่อนไขพิเศษ ท่านสามารถเปิดใช้งานเวทโลหิตได้

* เวทโลหิตจะมีพลังตามอุปนิสัยของท่าน

* หากบรรลุเงื่อนพิเศษ ท่านสามารถปลดปล่อยดวงวิญญาณแวมไพร์ทายาทให้เป็นอิสระ

* สามารถล้างคำสาปเกียจคร้าน


‘แวมไพร์ทุกตนยอมฟังคำสั่งเรา?’


ขณะกริดกำลังยืนตะลึงอย่างหมดคำพูด


“คารวะท่านราชา”


ทีราเม็ทคุกเข่าหนึ่งข้างต่อหน้ากริด


เหนือศีรษะของมันมีเครื่องหมายตกใจ (!) สีเหลืองทองปรากฏ กริดจึงลองใช้มือสัมผัส


และผลลัพธ์น่าอัศจรรย์มาก


[ดวงวิญญาณของทีราเม็ทเป็นอิสระจากพันธนาการทุกชนิด!]


เข็มขัดทีราเม็ทตรงเอวกริดพลันส่องสว่าง แสงวิญญาณสีฟ้าอ่อนลอยล่องอย่างเชื่องช้า ก่อนจะผสานเป็นหนึ่งเดียวกับร่างทีราเม็ทผู้กำลังคุกเข่าหนึ่งข้าง


ทีราเม็ทกลับเป็น NPC แทนสัตว์เลี้ยง


“อะ…”


เมื่อเห็นหน้าต่างรายละเอียดเต็มสองตา ราชาโอเวอร์เกียร์ทำได้เพียงยืนอ้าปากค้าง


ขณะเดียวกัน ถึงโนลล์จะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ดีนัก แต่มันก็รีบวิ่งมาสวมกอดกริด


“เจ้าผนึกเฟนเรียร์เพราะหวังช่วยเขาออกมาในภายหลังใช่ไหม!”


“ช…ใช่”


ด้วยความสัตย์จริง กริดต้องการอัญเชิญเฟนเรียร์ออกมาในสภาพสัตว์เลี้ยงมากกว่า เหมือนกับทีราเม็ทร่างก่อนหน้า


มันไม่เคยคิดว่าแวมไพร์ทายาทจะกลับมาเป็น NPC ได้อีกครั้งหลังจากตายไปแล้ว


แต่กริดไม่มัวอธิบายให้ตนเสียหน้า ปล่อยให้โนลล์เข้าใจว่า ‘กริดสุดยอด’ เช่นนั้นไปคนเดียว


มันหันไปถามบราฮัมด้วยสีหน้าขึงขัง


“นายต้องการให้ฉันเป็นราชาโลหิตแต่แรกแล้วใช่ไหม…”


บราฮัมเคยบอกว่า ไม่ได้หวังให้กริดแก้แค้นแทนตระกูลแวมไพร์ แต่พรของซาลิเอลจำเป็นต้องใช้กับมอนสเตอร์บอสอย่างเหมาะสม และไม่มีใครคุ้มค่าไปกว่าเฟนเรียร์อีกแล้ว ปลายทางจึงต้องกลายเป็นราชาโลหิตอย่างเลี่ยงไม่ได้


แต่หลังจากรุ่นคิดสักพัก กริดก็ได้คำตอบใหม่ให้ตัวเอง


หรือว่า บราฮัมกำลังหวังให้เราช่วยชุบชีวิตพี่น้องทุกคนขึ้นมาอีกครั้ง…


บราฮัมอมยิ้ม


“แค่เรื่องบังเอิญ ฉันไม่มัวเสียเวลาสนใจความเป็นไปพวกมดปลวกหรอกนะ”


เป็นความจริงครึ่งหนึ่ง


แต่จุดประสงค์หลักในตอนแรกคือ บราฮัมเป็นห่วงความปลอดภัยของกริดในอนาคต


หากราชาโลหิตยังไม่ถือกำเนิด และถ้าแมรีโรสให้กำเนิดทายาท เด็กคนนั้นจะกลายเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงราชาโลหิตทันที และคงไล่ฆ่าผู้ท้าชิงคนอื่นจนหมด รวมถึงตัวกริดด้วย


แต่สำหรับปัจจุบัน กริดกลายเป็นราชาโลหิตเต็มตัว ไม่ว่าทายาทของแมรีโรสจะทรงพลังสักเพียงใด ก็ไม่มีวันขัดขืนตัวตนกริดได้


หรือแม้กระทั่งตัวแมรีโรสเอง


ใช่แล้ว


ถึงบราฮัมจะไม่ยังทราบแน่ชัดว่าแมรีโรสให้ความสนใจกริดในเรื่องใด แต่มันก็สัมผัสได้ว่า กริดคือคนพิเศษในสายตาหล่อน


ในเวลาเดียวกัน


ณ สำนักงานใหญ่ SA กรุป


“ผมคิดพวกเราควรจัดงานแข่งประเภท PVE ให้มากกว่า PVP…”


“เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพื่อไม่ให้ผู้เข้าแข่งคนอื่นรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าเกินไป”


ภายในห้องประชุมคณะกรรมการใหญ่ หลังจากพวกมันรับชมพัฒนาการของกริด ความเห็นมากมายเริ่มพรั่งพรูออกมา


สีหน้าของแต่ละคนไม่สู้ค่อยดีนัก เมื่อเห็นกริดกลายเป็นราชาโลหิตหลังจากเพิ่งกินยามังกรเข้าไปได้ไม่นาน


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,536
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. 👍👍👍
    ขอบคุณ​ครับ​

    ReplyDelete
  2. ทีมผู้พัฒนาถึงกับกุมขมับ

    ReplyDelete
  3. จะเนิฟก็ไม่ได้สินะ
    น่าสงสารทีมพัฒนา 555

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00