จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,146



โฮกกกกก!!


“…!”


เสียงมังกรคำรามทำให้กริดตื่นตัว


ร่างกายใหญ่อันยักษ์ เกล็ดหนาประหนึ่งชุดเกราะกำลังส่องแสงระยิบระยับ


ช่างเหมือนกับมังกรในงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติหลายปีก่อนเหลือเกิน กริดเผลอเข้าใจผิดว่าเป็นมังกรจริงไปชั่วขณะ


แต่ก็ใช้เวลาปรับตัวไม่นาน


นี่คือเวทมนตร์


[ลมหายใจเยือกแข็งของ <มังกรไม่สมบูรณ์> จะทำอันตรายต่อดวงวิญญาณภายในรัศมี]


[ลมหายใจเยือกแข็งของ <มังกรไม่สมบูรณ์> ไหลซึมเข้าไปในดาบของท่าน]


แกร่ก! แกร่กแกร่ก!


ผิวดาบเริ่มถูกดอกไม้น้ำแข็งเบ่งบานปกคลุม


[<บราฮัม·โฟรเซ่น·เท็มเพส> กลายเป็นส่วนหนึ่งของ <+4 ดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมจนก่อเกิดภวังค์ปรารถนาอันแรงกล้า> การโจมตีครั้งถัดไปของท่านจะทำให้โลกถูกแช่แข็ง พร้อมกับนำพาหายนะสู่เป้าหมาย]


[แต่การโจมตีครั้งถัดไปจะทำให้ท่านสูญเสียมานาทั้งหมดไป]


แกร่ก! แกร่ก! แกร่ก!


เศียรมังกรเกิดจากพลังเวทมนตร์บราฮัม


โดยมีกริดยืนอยู่ด้านบน โฟรเซ่น·เท็มเพสพุ่งเข้าหาเฟนเรียร์พร้อมกับแช่แข็งสะเก็ดเพลิงสีดำไปตลอดทาง


[<+4 ดาบอัสนีฯ > ไม่สามารถทนต่ออุณหภูมิเย็นจัด จึงสูญเสียค่าความคงทน 1,290 หน่วย]


[อุณหภูมิเย็นจัดส่งผลให้ร่างกายและจิตใจของท่านได้รับอาการผิดปรกติ]


[ท่านต้านทาน]


[<+3 วัลฮัลล่าแห่งห้วงอาทรชั่วนิรันดร์> ช่วยปรับอุณหภูมิร่างกายของท่านกลับเป็นปรกติ]


ซ่าาาา!


ขณะกริดเริ่มเข้าใกล้เฟนเรียร์


มังกรน้ำแข็งตัวใหญ่ได้เปลี่ยนสภาพกลายเป็นคลื่นสึนามิยักษ์ซัดโถม


พร้อมกันนั้น กริดสั่งภูตแสงใช้ท่า ‘แสงจ้า’ เพื่อสร้างอาการตาบอด เกิดเป็นรุ้งกินน้ำเหนือคลื่นวารีขนาดมหึมา


วืด—!


การชกต่อยของเฟนเรียร์ล้วนพลาดเป้าเนื่องจากตกอยู่ในสภาพมองไม่เห็น


“มายาร่ายรำทำลายล้างสังหาร!”


กริดเหยียบน้ำแข็งก้อนสุดท้ายกระโจนขึ้นไปในอากาศ แผ่นหลังหันให้เพดานสูง มื้อเท้าขยับกวัดแกว่งเป็นท่ารำดาบผสานสี่ชนิด


[<+4 ดาบอัสนีฯ > ได้รับพลัง <เวทมนตร์เสริมแกร่งอาวุธของบราฮัม>]


วิ้ง—!


หากดาบพินาศทัพหนึ่งแสนคือสุดยอดวิชาสำหรับทำลายกองทัพ มายาร่ายรำทำลายล้างสังหารก็คือสุดยอดวิชาสำหรับทำลายหนึ่งบุคคล


แต่มีเงื่อนไขทางด้านระยะเวลารำดาบ


หากคำนวณจากความคุ้มค่า ประสิทธิภาพ ความเสียหาย และพิสัยสังหาร ดาบพินาศทัพหนึ่งแสนจะเป็นทักษะโจมตีอันดับของกริดอย่างไร้ข้อกังขา แต่หากวัดกันด้วยความเสียหายต่อหนึ่งเป้าหมายเพียวๆ จะไม่มีทักษะใดเทียบกับมายาร่ายรำทำลายล้างสังหารได้เลย


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


คลื่นดาบของ ‘สังหาร’ จำนวนเจ็ดเส้น ซึ่งแต่ละเส้นมีคุณสมบัติมองข้ามพลังป้องกัน 65% และสร้างความเสียหาย 3,700% ของพลังโจมตีกายภาพ พุ่งเข้าหาเป้าหมายในเวลาไล่เลี่ย


และในวินาทีนี้ จุดอ่อนของทักษะกำลังถูกเผยออกมาอย่างชัดเจน


ตรงข้ามกับดาบพินาศทัพหนึ่งแสนซึ่งแสดงผลทันทีและสร้างความเสียหายแบบฉับพลัน มายาร่ายรำทำลายล้างสังหาร ต้องรอเวลาราวหนึ่งอึดใจกว่าจะพุ่งไปถึงเป้าหมายและแสดงผล


เนื่องจากกริดใช้เวลารำดาบพอประมาณ เฟนเรียร์จึงหลุดพ้นจากอาการตาบอด และเตรียมใช้ความคล่องแคล่วขยับตัวหลบคลื่นดาบ


ในมุมมองของเฟนเรียร์ ผู้เหนือกว่ากริดในด้านสมรรถภาพร่างกาย การโยกหลบคลื่นดาบซึ่งพุ่งมาจากระยะไกล ไม่ได้เป็นเรื่องยากลำบากขนาดนั้น


บึ่ม!


ไม่ผิดคาด


คลื่นดาบเส้นแรกพลาดเป้า ทำได้เพียงระเบิดใส่พื้นอย่างไร้ความหมาย


หลังจากโยกตัวหลบเส้นดาบแรก เฟนเรียร์ขยับร่างกายไปทางขวาเพื่อหลบเส้นสอง และพุ่งตรงไปข้างหน้าเพื่อหลบสามเส้นรวดในหนเดียว


จริงอยู่ คลื่นดาบทุกเส้นจะแฝงด้วยเวทมนตร์ตรวจจับของบราฮัม จึงมีระบบติดตามเป้าหมายอัตโนมัติ แต่เฟนเรียร์ก็สัมผัสถึงพลังดังกล่าวได้เช่นกัน จึงจงใจหลบในจังหวะสุดท้าย ปล่อยคลื่นดาบพุ่งกระทบวัตถุอื่นโดยไม่มีโอกาสได้หันเหทิศทาง


และปัญหาใหญ่สำหรับกริดคือ


คุณลักษณะ ‘ดิ้นรน’


เมื่อเฟนเรียร์ ‘ปรารถนา’ จะเคลื่อนไหวร่างกายให้เร็วกว่าคลื่นดาบ มันก็รวดเร็วกว่าคลื่นดาบทันที


‘คิดว่าฉันคนนี้เป็นใครกัน!’


เฟนเรียร์พุ่งขึ้นไปในอากาศ


ยังเหลือคลื่นดาบอีกสองเส้น มันวางแผนหลบหลีกทั้งหมด และโจมตีสวนกลับใส่กริดในจุดตาย


แต่ทันใดนั้น แวมไพร์มาร์ควิสไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยุดนิ่งกลางอากาศ


แกร่ก!


แกร่กแกร่กแกร่กแกร่กแกร่ก!!


กำแพง. เพดาน. พื้น.


หลังจากปลดปล่อย ‘มายาร่ายรำทำลายล้างสังหาร’ ทุกสิ่งรอบตัวกริดเริ่มแปรสภาพกลายเป็นโลกยุคน้ำแข็งในพริบตา


ทุกสรรพสิ่ง ‘ในโลก’ จะถูกแช่แข็งโดยสมบูรณ์ และเฟนเรียร์คือหนึ่งในทุกสรรพสิ่ง


หากดาบของอริยดาบครอเกลสามารถผ่าโลกออกเป็นสองซีกได้…


[เวทมนตร์ในตำนานกำลังสำแดงอานุภาพ!]


[โลกกำลังถูกแช่แข็งด้วยเวทมนตร์!]


เวทมนตร์ธาตุวารีของบราฮัม ได้นำพาให้โลกกลับไปสู่ยุคน้ำแข็งอีกครั้ง


หากพระแม่ธรณี คาริออน ต้องคอยฟื้นฟูโลกกลับคืนสภาพเดิมหลังจากถูกอริยดาบผ่าออกเป็นสองซีก…


[เทพธิดาแห่งแสง รีเบคก้า เริ่มเคลื่อนไหว]


[โลกน้ำแข็งหายไปราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตา]


เทพธิดารีเบคก้าคอยควบคุมมิให้โลกมนุษย์เกิดความวุ่นวายจนเกินพอดี ฉะนั้น หลังจากเวทมนตร์ของบราฮัมแสดงผลจนครบระยะเวลาหนึ่ง จะสลายตัวไปเพื่อรักษาสมดุลของโลก


“อะ…!”


ผลลัพธ์ช่างแตกต่าง


ไม่ว่าจะผู้เล่น NPC หรือมอนสเตอร์บอส


ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ทุกสรรพสิ่งล้วนถูกแช่แข็งอย่างเท่าเทียม ทุกคนจึงรู้สึกราวกับได้เกิดใหม่เมื่อสามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้อีกหน


“บราฮัม…!”


ณ หอแห่งสุริยัน


ราชาจอมเวท โกลฮิต ยังคงสัมผัสความเย็นยะเยือกตกค้างจากร่างกาย


“เวทมนตร์แบบนี้…”


ณ กระท่อมคิรินัส


อริยดาบครอเกลรีบหันไปมองทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นตำแหน่งของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


ในเวลาเดียวกัน


“ดาบสกัดทัพ…”


ขณะกำลังลอยตัวเผชิญหน้าเฟนเรียร์ ราชาโอเวอร์เกียร์ทำการง้างดาบไปด้านหลัง


หนึ่งในน้อยคนผู้สามารถขยับร่างกายได้ในเหตุการณ์โลกน้ำแข็ง เนื่องจากเป็นผู้ปลดปล่อยทักษะ ‘โฟรเซ่น·เท็มเพส’ ออกมา


ในวินาทีเฟนเรียร์ได้รับอิสระจากการถูกแช่แข็งชั่วคราว กริดก็มาปรากฏตัวตรงหน้าพร้อมปลดปล่อยทักษะในระยะประชิด


“บัดซบ…!”


เฟนเรียร์รีบเหวี่ยงหมัดตามสัญชาตญาณ แต่พฤติกรรมดังกล่าวก็เปล่าประโยชน์


มันไม่สามารถขยับเขยื้อนท่อนแขน


ทันใดนั้น คลื่นดาบสองเส้นสุดท้ายของมายาร่ายรำทำลายล้างสังหาร ซึ่งถูกแช่งแข็งไปพร้อมกับทุกสิ่งเมื่อครู่ เกิดละลายและพุ่งเข้าใส่เฟนเรียร์ผู้กำลังเสียสมาธิ


[คริติคอล!!]


[สมญานาม <ตายในครั้งเดียว> ทำการเพิ่มความรุนแรงคริติคอล 30%]


[ท่านสร้างความเสียหาย 4,950,871]


[เอฟเฟคของ <โฟรเซ่น·เท็มเพส> ส่งผลให้ร่างกายเป้าหมายถูกแช่แข็ง การเคลื่อนไหวทางกายภาพทุกชนิดหยุดทำงาน สูญเสียค่าต้านทานและพลังป้องกัน (คำสาปไม่สามารถถูกขจัด) ]


[คริติคอล!!]


[สมญานาม <ตายในครั้งเดียว> ทำการเพิ่มความรุนแรงคริติคอล 30%]


[ท่านสร้างความเสียหาย 26,200,900]


“คึอั่ก…!”


เฟนเรียร์แหกปากด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว


เมื่อถูกคลื่นดาบแฝงพลัง ‘โฟรเซ่น·เท็มเพส’ เข้าไปสองเส้นติดต่อ ระยะเวลาการแช่แข็งก็ยิ่งยืดยาว ยังคงขยับไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว


กริดตวัดดาบเป็นวงโค้งจันทร์เสี้ยว


“หนึ่งแสน!”


ฉึบ!


“…!”


ค่าต้านทานอันมหาศาลและความถึกทนทางกายเนื้อ ถือเป็นจุดเด่นของสิ่งมีชีวิตประเภทแวมไพร์มาแต่ไหนแต่ไร


ทว่า เฟนเรียร์กลับไม่มีโอกาสได้ใช้งานค่าต้านทานเลยสักนิด เนื่องจากถูกโฟรเซ่น·เท็มเพสเล่นงานถัดจากเพลิงนิรันดร์ภายในเวลาไล่เลี่ย


ถึงจะใช้พลังเวทมนตร์เยียวยาอวัยวะภายในให้กลับมาทำงานได้เป็นปรกติ แต่ก็มิอาจฟื้นฟูค่าต้านทานกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉะนั้น การถูกดาบสกัดทัพหนึ่งแสนโจมตีจึงเท่ากับว่า เฟนเรียร์จะสูญเสียความสามารถในด้านเวทมนตร์และทักษะไประยะเวลาหนึ่ง


กลายเป็นผู้ไม่เหลือพลังอันใด


บึ้มมมมมมมม!!


อัศวินของกริด รวมถึงสัตว์เลี้ยงและสมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคน ต่างลงมือโจมตีอย่างสมัครสมานสามัคคี


หลอดพลังชีวิตของเฟนเรียร์เริ่มลดลงด้วยความเร็วน่าตกใจ


อึก.


กริดถอยออกมาตั้งหลัก ดื่มโพชันมานา และหันกลับไปมองข้างหลัง


บราฮัมกำลังอยู่ในสภาพมานาจมก้นหลอด เนื่องจากใช้เวทใหญ่ต่อเนื่อง ทั้งเพลิงนิรันดร์ ม่านบาเรีย และโฟรเซ่น·เท็มเพส จึงต้องฟื้นฟูกลับมาด้วยเวท ‘ดูดกลืนมานา’


เมื่อสายตาประสานกริด บราฮัมกล่าวชมเชยโดยปราศจากความลังเล


“ทำได้ดีมาก”


“ไม่เท่านายหรอก”


“…ฮึ!”


บราฮัมไม่ปฏิเสธ


เพราะเพลิงนิรันดร์และโฟรเซ่น·เท็มเพสคือไพ่ตายสำหรับจัดการเฟนเรียร์มาตั้งแต่ต้น


ทว่า ในเหตุการณ์ก่อนหน้า เป็นเพราะบราฮัมต้องการช่วยกริด ผู้บุ่มบ่ามนำพาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงรับการโจมตีแทนน้องสาว มหาจอมเวทในตำนานจึงต้องยกเลิกการร่ายโฟรเซ่น·เท็มเพสและกางบาเรียป้องกันแทน


ส่งผลให้พลาดโอกาสทองในการใช้โฟรเซ่น·เท็มเพสด้วยตัวเอง


บราฮัมนึกเสียดาย ตนไม่น่ายอมใจอ่อนหันกลับไปช่วยกริด จึงหวังแก้ตัวด้วยการเดิมพันความหวังสุดท้ายไว้กับราชาโอเวอร์เกียร์


มันแปรสภาพโฟรเซ่น·เท็มเพสให้อยู่ในรูปลักษณ์มังกรไม่สมบูรณ์ พร้อมกับแผ่ไอเย็นเข้าไปในอาวุธกริด


การเสี่ยงจะล้มเหลวทันที ถ้ากริดและอาวุธไม่สามารถอดทนของการกัดกร่อนของน้ำแข็งเย็นเฉียบได้นาน รวมถึง ถ้ากริดไม่ได้กินยามังกรเข้าไปจนขยายค่ามานาสูงสุดขึ้นจากเดิม


“รีบ… ทำให้จบ”


การใช้เวทมนตร์ระดับสูง ต้องแลกมาด้วยค่าตอบแทนแสนแพง โดยเฉพาะในร่างใหม่ซึ่งยังทำความเคยชินได้ไม่นาน


แก่นมานาของบราฮัมกำลังร้าว อยู่ในสภาพคล้ายกับว่า หากดวงวิญญาณจะแตกสลายไปก็คงไม่น่าแปลกใจ


อย่างไรก็ตาม บราฮัมเป็นห่วงจิตใจกริด จึงไม่ต้องการเปิดเผยความจริงให้อีกฝ่ายกังวล


บึ้ม!


เฟนเรียร์ผู้หลุดพ้นจากอาการ ‘ผนึก’ ของดาบสกัดทัพหนึ่งแสน เริ่มอาละวาดอีกครั้ง


หลังจากใช้ระเบิดเวทโลหิตเพื่อสร้างระยะห่างกับเมอร์เซเดส ปิอาโร่ และเทรูชาน เฟนเรียร์ทำการร่ายเวทดูดเลือดเป็นวงกว้าง


<กลืนโลหิตคืนชีพ>


เป็นเวทกลืนโลหิตระดับสูงกว่า <กลืนโลหิตขึ้นสูงสุด> ซึ่งเอลฟินสโตนแสนภาคภูมิใจ


สรรพคุณก็คือ สามารถดูดกลืนพลังชีวิตทั้งหมดของทุกสิ่งมีชีวิตในการมองเห็น และเปลี่ยนให้เป็นพลังชีวิตของตัวเอง


แต่บราฮัมมิได้กังวล


เพราะมันตระหนักถึงฝีมือกริดดีกว่าใคร


“เปิดใช้งานอักขระความมืด. พลังบีเลียล. ราชินีแห่งการบิดเบือนและตบตา.”


ซู่ว—!


ร่างกริดแบ่งออกเป็นสอง


ร่างหนึ่งพุ่งไปทางซ้าย และอีกร่างหนึ่งพุ่งไปทางขวา คอยจับตาเฟนเรียร์จากทุกมุมโดยไม่ปล่อยให้คลาดสายตา


ซู่มมมม!!


ทันใดนั้น สำแสงเวทมนตร์สีแดงลักษณะคล้ายเลือดสด พุ่งออกจากร่างเฟนเรียร์ด้วยความเร็วและบรรยากาศคุกคาม


ทว่า ไม่เหมือนกับระเบิดเพลิงนิรันดร์ในเหตุการณ์ก่อนหน้า สะเก็ดเพลิงดังกล่าวมีสีดำกลมกลืนไปกับความมืด ส่งผลให้กริดกะระยะทางและจำนวนของสะเก็ดเพลิงได้ลำบาก


แต่ไม่ใช่กับเวทโลหิต ซึ่งคราวนี้สามารถมองเห็นได้เต็มสองตา


“วังวนสะพรั่ง”


“วังวนสะพรั่ง”


สำหรับกริดในปัจจุบัน การบังคับสองร่างพร้อมกันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป


ใช้ร่างหลักรำดาบก่อน เมื่อเกิดกลีบดอกไม้ท่วมท้นบรรยากาศ ค่อยสลับไปควบคุมร่างรองให้ทำแบบเดียวกัน


กลีบดอกไม้วังวน บานสะพรั่งเต็มห้องบอสจากสองฝั่งซ้ายขวาพร้อมกัน ส่งผลให้เวทกลืนโลหิตคืนชีพถูกสะท้อนกลับไปทุกละอองมานาและทำร้ายตัวเฟนเรียร์เอง ไม่มีเศษเสี้ยวใดเล็ดลอดออกมาทำร้ายพวกพ้องได้เลย


“อั่ก…! บัดซบ!!”


เฟนเรียร์ถลึงตาอาฆาตใส่กริด ผู้ทำให้แผนฟื้นฟูพลังชีวิตของมันต้องกลายเป็นหมัน


ความสนใจของมอนสเตอร์บอสซึ่งเคยกระจายไปยังสมาชิกทุกคนเท่าเทียม ยามนี้เพ่งตรงไปยังกริดเพียงผู้เดียว


“ฉันจะฆ่าแก!”


แต่ไหนแต่ไร เฟนเรียร์เยือกเย็นมาตลอด


มันไม่รีบร้อนฆ่ากริดในทันที แต่ใช้กลยุทธ์ทำให้ผู้บุกรุกทุกคนเริ่มอ่อนแรงไปพร้อมกัน


เหตุผลง่ายมาก


เฟนเรียร์เข้าใจผิดมาตั้งแต่แรกว่า กริดเป็นราชาโลหิตผู้มีระดับตัวตนสูงกว่า เนื่องจากพลังปกครองใช้ไม่ได้ผล รวมถึงมีกายเนื้อแข็งแกร่งกว่ามัน หลังจากโจมตีใส่รองเท้ามังกรครามซึ่งแสดงเอฟเฟคพอดิบพอดี


ในเมื่อแม่ทัพอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก การฆ่าลูกน้องให้หมดก่อนจึงเป็นกลยุทธ์ฉลาดกว่า


แต่ไม่ใช่กับตอนนี้


เฟนเรียร์ละทิ้งปัญญาและเลือกปล่อยตัวไปตามสัญชาตญาณดิบ


ไม่ว่าจะราชาโลหิตหรืออะไรก็ตาม เฟนเรียร์ไม่มีทางเลือกนอกจากรีบขจัดก้างขวางคอทิ้ง


“คุรุก! ไม่ปล่อยให้ทำแน่!”


เมื่อเฟนเรียร์เข้าสู่ร่างอาละวาด และสาดกระหน่ำเวทโลหิตวงกว้างโดยไม่ต้องร่าย สมาชิกโอเวอร์เกียร์หลายคนเริ่มมีชะตากรรมต้องกลายเป็นแสงสีเทา เทรูชานกำลังปรี่เข้าหาเฟนเรียร์โดยหวังปกป้องกริด รูบี้เห็นดังนั้นจึงรีบหันไปช่วยเสกมนตร์อวยพร


ค่าสถานะของเทรูชานพัฒนาขึ้นจากเมื่อครั้งดวลกับกริดมาก ยิ่งได้รับบัฟเข้าไป พลังทางกายภาพจึงเพิ่มขึ้นราวกับสัตว์ประหลาด


แต่เฟนเรียร์หาได้สั่นกลัว


พลัง ‘ดิ้นรน’ ถูกงัดออกมาใช้ในเสี้ยววินาที เมื่อหัวสมองปรารถนาจะดวลให้พลังชนะอีกฝ่าย มันย่อมต้องดวลพลังชนะอีกฝ่าย


เคร้ง!!


“…!”


เทรูชานพ่ายแพ้ในการดวลพละกำลัง


คุณลักษณะดิ้นรนช่วยมอบความแข็งแกร่งให้เฟนเรียร์สามารถเอาชนะเทรูชาน


โครมมมม!!


เมื่อคมดาบ ‘ความผิดพลาด’ ปะทะกับลูกเตะของเฟนเรียร์ ร่างเทรูชานถูกส่งกระเด็นฝังผนังห้องทันที ถึงกับกระอักเลือดออกมาคำโต


“เมี๊ยว!”


“อั่ก!”


แกร่ก! แกร่ก!


โนเอะ แรนดี้ โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ ล้วนมิอาจหยุดการอาละวาดของเฟนเรียร์ไว้ได้


เฟนเรียร์ใช้กำปั้นเพียงหนึ่งข้างจำกัดสัตว์เลี้ยงกริดตัวแล้วตัวเล่า ส่วนอีกข้างใช้สลายเคล็ดสังหาร·ปราณเพชฌฆาตของซินกูเล็ด และการลอบโจมตีของอเมลด้าก็กลายเป็นหมันด้วยเทคนิคแปลงร่างเป็นค้างคาว


“หยุดมันไว้!!”


อัสโมเฟลเตรียมใช้ดาบพิโรธเต็มกำลัง ส่วนจู๊ดเริ่มเบ่งกล้ามจนเส้นเลือดปูดโปน ถัดจากนั้น สองอัศวินปรี่เข้าหาเฟนเรียร์อย่างพร้อมเพรียง การโจมตีพุ่งทะลวงร่างค้างคาวของแวมไพร์ทายาทแม่นยำ


ทว่า ค้างคาวกลับกระจายออกเป็นหมอกควันสีดำอมแดง ส่งผลให้การโจมตีสัมผัสเพียงอากาศว่างเปล่า


เหลือเพียงเมอร์เซเดสและปิอาโร่เท่านั้น


“นังตัวน่ารังเกียจ…!”


ต่อหน้าดวงตาส่องแสงของเมอร์เซเดส เฟนเรียร์ทราบดีว่าร่างควันมิอาจรอดพ้นจากการโจมตีไปได้ จึงกลับคืนร่างมนุษย์พร้อมกับซัดกำปั้นใส่ช่องว่างระหว่างโล่


ดูเหมือนจะเป็นการกระทำอันไร้ค่า


เพราะท่าเทียบกันด้านเทคนิค แวมไพร์อย่างเฟนเรียร์ไม่น่าจะสู้เมอร์เซเดสได้เลย


ทว่า


“…!”


เฟนเรียร์เพ่งจิตใช้คุณลักษณะ ‘ดิ้นรน’ ปรารถนาให้ตนมีเทคนิคสูงกว่าเมอร์เซเดสชั่วระยะเวลาหนึ่ง


เดิมที เมอร์เซเดสจงใจเผยช่องว่างระหว่างโล่ให้เฟนเรียร์โจมตีเข้ามาอยู่แล้ว เมื่อเห็นศัตรูงับเหยื่อ จึงเตรียมตวัดดาบสะบั้นแขนให้ขาด แต่เฟนเรียร์มองลึกกว่าหนึ่งขั้น มันสะบัดข้อมือคว้าโล่พร้อมกับใช้พลัง ‘ปกครอง’ แย่งชิงมาเป็นของตัวเอง


เปรี้ยง!


เนตรมองทะลุหยุดทำงานชั่วขณะหลังจากเฟนเรียร์ประเคนเข่าใส่ใบหน้าอัศวินสาวสวย


เฟนเรียร์อาศัยช่องว่างเพื่อกลายร่างเป็นควัน ส่งผลให้ครกยักษ์จากฟากฟ้ากระแทกใส่ฟาร์มเกษตรอันว่างเปล่า


แต่ปิอาโร่ไม่จบ


ชาวนาในตำนานเร่งการเจริญเติบโตพืชผล ลำต้นจำนวนมากผุดขึ้นจากหน้าดินและทิ่มแทงใส่ร่างควันของเฟนเรียร์ด้วยพลังธรรมชาติ แวมไพร์มาร์ควิสไม่มีทางเลือก ต้องลอยขึ้นฟ้าและเปลี่ยนกลับเป็นร่างมนุษย์อีกหน


ทันใดนั้น คมจอบสั้นพุ่งเข้าใส่หว่างคิ้ว


เฟนเรียร์รีบใช้โล่ซึ่งชิงมาจากเมอร์เซเดสป้องกันได้ทันท่วงที มันหรี่ตาลงพร้อมกับปลดปล่อยพลังจิตปริมาณมหาศาล


“เขตแดนปกครอง!”


“…!”


สติปิอาโร่พลันหลุดลอย ถูกดึงเข้าไปในห้วงมิติลึกลับและต่อสู้กับภาพมายาของเฟนเรียร์ตามลำพังสักพักใหญ่


“อะไรกัน…”


การไม่มีบราฮัมถือเป็นผลเสียร้ายแรง


เมื่อเฟนเรียร์ไม่ต้องคอยกังวลกับมหาจอมเวทในตำนาน ก็สามารถอาละวาดได้ตามใจปรารถนา แนวป้องกันของสมาชิกโอเวอร์เกียร์พังระเนระนาดในพริบตา


เฟนเรียร์โฉมใหม่ นำพาตัวเองมายืนอยู่หน้ากริดอีกครั้งได้อย่างไม่ยากเย็น


ด้วยสภาพปัจจุบัน มันมีพละกำลังเหนือกว่าเทรูชาน จิตใจแน่วแน่กว่าจู๊ด ทักษะรุนแรงยิ่งกว่าซินกูเล็ด เวทโลหิตรุนแรงกว่าโนลล์และทีราเม็ท และเทคนิคเหนือชั้นกว่าเมอร์เซเดส


“ข้าสนุกมาก เจ้ามนุษย์”


บรึม—!


กำปั้นของเฟนเรียร์แหวกอากาศพร้อมกับทำให้มิติรอบข้างบิดเบี้ยว ตรงเข้าหาใบหน้าราชาโอเวอร์เกียร์ด้วยความเร็วสูง


หมัดเดียวอาจทำให้ถึงตายได้


แต่กริดไม่แม้กะพริบตา


“ข้าพเจ้าไม่ต้องการเห็นท่านได้ดิบได้ดี”


ได้เวลาตาต่อตาฟันต่อฟัน


[ได้รับความเสียหาย 39,500]


[ท่านสร้างความเสียหาย 29,300]


[ได้รับความเสียหาย 42,930]


[ท่านสร้างความเสียหาย 31,660]


“อะไรกัน…!”


เฟนเรียร์พลันตะลึงเมื่อความได้เปรียบจากพลังดิ้นรนก่อนหน้า ถูกสลายทิ้งไปจนหมด


มันสัมผัสถึงอันตราย แต่จะคิดหนีตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว


แวมไพร์มาร์ควิสซัดกำปั้นใส่กริดโดยหวังเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก


[ท่านถูกโจมตีจนถึงแก่ความตาย!]


[ตำนานย่อมไม่ตายโดยง่าย…]


[ท่านสร้างความเสียหาย 29,670]


พลังเอาตัวรอดจากไอเท็ม ทักษะ และสมญานามกษัตริย์คนแรก ล้วนหมดไปกับการโจมตีของเฟนเรียร์อย่างรวดเร็ว ทางรอดสุดท้ายของกริดจึงเป็นประกันชีวิตอมตะ


ไม่ต้องสนเรื่องอื่นอีกแล้ว


สมองคิดเพียงสิ่งเดียวคือ…


ความตายของเฟนเรียร์


เนื่องจากเฟนเรียร์ใช้เวทกลืนโลหิตคืนชีพล้มเหลว และได้รับบาดแผลฉกรรจ์มากมายในศึกก่อนหน้า พลังชีวิตปัจจุบันจึงกำลังจมก้นหลอด


เหนือสิ่งอื่นใด ทรัพยากรส่วนใหญ่หมดไปกับการดึงปิอาโร่เข้ามิติวิญญาณ


“มาตายไปพร้อมกันเถอะ”


“ต้องเสียสติไปแล้วแน่…”


เฟนเรียร์ได้แต่นึกสงสัย


ตัวตนอายุยืนยาวหลายร้อยปีอย่างมัน ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับมนุษย์ระยำคนนี้จริงหรือ


จิตใจของมันเริ่มห่อเหี่ยว เฟนเรียร์หยุดการโจมตีพร้อมกับยืนเหม่อลอย


เมื่อสบช่องว่าง กริดรีบรำดาบ ‘สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ ต่อหน้าแวมไพร์มาร์ควิสทันที


หัตถ์เทวะซึ่งคอยปกป้องกริด เริ่มเปลี่ยนรูปร่างเป็นสุดยอดศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์สำหรับปราบสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อสูรโดยเฉพาะ


<หอกไลฟาเอล>


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,535
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. มันส์มากกกก อยากให้คนอื่นๆ พัฒนาตัวเองมาสู้กริดบ้างจัง
    ขอบคุณสำหรับผลงานแปลนะครับ

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณ​มาก​ครับ​

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00