จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,137



“ปิอาโร่กับออร์คลอร์ดกำลังสู้กัน?”


“ชาวนาในตำนานกับไอ้หมูตอนกำลังประลองฝีมือ!”


ขณะกริดและปาร์ตี้ปักหลักท่ามกลางทุ่งข้าวเขียวขจี ข่าวลือการประลองได้แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง


เพียงไม่กี่นาที ทุ่งข้าวกว้างใหญ่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนหนาแน่น


มีตั้งแต่ชาวเมืองทั่วไป พ่อค้าเร่ ทหาร ขุนนาง และกลุ่มผู้เล่นหลักหมื่น


ทันใดนั้น มหาเสนาบดีลอเอลได้เคลื่อนกองทัพเข้ามาพร้อมกับอัศวินเต็มอัตราศึก


“ห้ามมิให้ผู้เล่นนอกกิลด์โอเวอร์เกียร์ย่างกรายเข้ามาในเขตนี้โดยเด็ดขาด!”


“ขอรับ!”


โค้กนำพาเหล่าอัศวินและทหารเดินกวาดล้างกลุ่มผู้เล่นออกนอกบริเวณจนหมด


เหล่าทหารหัวกะทิชุดเกราะเต็มอัตราศึกยืนขวางทางเข้าออกทุ่งข้าวทุกด้านจนมิดชิด


“ทำไมถึงให้พวกเราดูด้วยไม่ได้!”


“พวกเราก็อยากเห็นการต่อสู้ของปิอาโร่เหมือนกัน!”


“กิลด์โอเวอร์เกียร์มีสิทธิ์อะไรมาปิดหูปิดตาพวกเรา! เป็นเจ้าของดินแดนแห่งนี้หรือไง… อ…เอ่อ… เป็นนี่หว่า…”


“ปิอาโร่ได้ยินไหม! สู้เค้านะ!”


กลุ่มผู้เล่นซึ่งถูกขับไล่ออกจากทุ่งข้าว ต่างช่วยกันตะโกนเชียร์จนดังกึกก้อง


หลายต่อหลายคนเป็นแฟนตัวยงปิอาโร่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าก่อความวุ่นวายหรือพยายามลอบแทรกซึมเข้าไปข้างใน


ต่อให้ผู้เล่นกองรวมกันนับหมื่น แต่อัศวินและทหารโอเวอร์เกียร์หลักพันก็มากพอจะรับมือได้อย่างง่ายดาย


ยิ่งไปกว่านั้น ในระยะหลัง แทบไม่มีไอ้งั่งหน้าไหนกล้าเป็นศัตรูกับโอเวอร์เกียร์อีกแล้ว


“สบายใจได้”


สติกส์กางข่ายเวทมนตร์ปิดกั้นการสอดส่องระยะไกลจากบุคคลภายนอก


ซู่ว…


บราฮัมเปิดเผยตัวตน หลังจากหลบซ่อนด้วยเวทมนตร์ล่องหนอยู่นาน


กริดซึ่งกำลังรอชมการจัดอันดับของอัศวิน หันไปถามลอเอลอย่างสงสัย


“นายขับไล่ผู้เล่นออกไปทำไม? หรือกังวลว่าขุมกำลังของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะรั่วไหล?”


“ถูกต้อง”


“อืม…”


กริดเห็นด้วย


“คนโบราณถึงได้พูดกันว่า หากหวังรักษาความลับ ก็ต้องควานหาสะพานหินให้ได้*”


“ควานหา…? ฉันว่านายคงจำผิด แต่ช่างมันเถอะ ไม่ได้สำคัญอะไร”


(*สำนวนนี้กริดพูดผิด ความจริงต้องเป็น ‘ทำลายสะพานหิน’ หมายถึงการปิดเมืองไม่ให้ใครผ่านเข้าออก แต่ในภาษาเกาหลี การออกเสียงคำว่า ทำลาย กับ ควานหา คล้ายกันมาก)


ปิอาโร่ เทรูชาน และอัศวินคนอื่นๆ


ทุกคนล้วนแข็งแกร่งอย่างไรข้อกังขา


แต่ไม่ใช่พ่ายไม่เป็น


ทุกคนต่างมีจุดอ่อนในด้านทักษะ เลเวล หรือลักษณะนิสัยพิเศษแตกต่างกันไป ดังนั้น คงไม่ใช่เรื่องดีหากปล่อยให้ความลับดังกล่าวรั่วไหล


แน่นอน คงไม่มีใครในโลกอยากเป็นเวอราดินหมายเลขสองอีกแล้ว แต่โลกใบนี้กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยผู้คนวิกลจริตพิสดาร การไม่ประมาทคือทางเลือกฉลาดกว่า


ส่วนเหตุผลให้บราฮัมต้องซ่อนตัว เพราะมันไม่อยากตกเป็นเป้าสายตา


อีกหนึ่งปัญหาก็คือ บรรดาสถานีโทรทัศน์และคอนเมนต์ปากเสียของชาวเน็ต


ยังไม่นับเรื่อง หากโกลฮิตทราบว่าบราฮัมอาศัยอยู่ในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ เธอจะตามมารังควานในลักษณะใด


“บราฮัม นายอยากสวมหน้ากากหนังของเฟย์ริสไหม?”


“ก็ไม่เลว”


กริดหยิบหน้ากากหนังออกมา


<หน้ากากหนังเฟย์ริส>

เกรด : เลเจนดารี (ยกระดับ)

ความทนทาน : 10/10 (ซ่อมแซมไม่ได้)


สร้างจากฝีมือเฟย์ริส โดยการใช้หนังมนุษย์เป็นวัสดุ


สุดยอดหน้ากากสำหรับปลอมตัว ด้วยผลจากสุดยอดเวทมนตร์ของเฟย์ริส ผู้สวมจะไม่เปลี่ยนไปแค่ใบหน้า แต่ยังรวมถึงรูปร่างทางกายภาพและน้ำเสียง


หน้ากากใบนี้มีประสิทธิภาพสูงมาก


ย้อนกลับไปสมัยกริดใช้มันปลอมตัวเป็นจักรพรรดินีบาซาร่า ถึงจะข้ามเพศ แต่ก็ไม่มีใครพบความผิดปรกติแม้แต่คนเดียว


ข้อเสียเดียวก็คือ ระยะหน่วงนาน 12 ชั่วโมง แต่ถ้าไม่ถอดออก ผลการปลอมตัวก็จะคงอยู่เช่นนั้นตลอดไป


โชคยังดี บราฮัมตอบตกลง


“พอดีเลย ใบหน้าของฉันมักสร้างปัญหากับคนรอบข้างอยู่เสมอ”


“ใบหน้าของนายสร้างปัญหายังไง?”


“หากหญิงสาวแปลกหน้าเห็นฉัน หล่อนจะแหกปากกรีดร้องจนหมดสติ เคยเกิดขึ้นกับเพศชายในบางกรณี”


“อ้อเหรอ… ชีวิตลำบากจังเลยนะ”


“อย่าประชดประชัน เรื่องเช่นนี้ไม่เพียงเกิดกับมนุษย์ แต่รวมถึงสิ่งมีชีวิตสติปัญญาสูงส่งทุกสายพันธุ์ พวกมันมีสภาพแบบเดียวกันหมด หากไม่ปกปิดไว้ ชาวเมืองของนายได้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างแน่”


“อา…”


กริดเริ่มเห็นด้วย


ย้อนกลับไปขณะบราฮัมเลื่อนมือขึ้นมาสัมผัสแก้มกริดในวันก่อน แม้แต่ตัวมันก็ยังเกิดอาการสมองชาชั่วคราว


‘หล่อเกินไปก็ไม่ดีสินะ’


แต่กริดกลับดีใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อจะได้เห็นบราฮัมในร่างใหม่พร้อมใบหน้าสุดแสนธรรมดา


ชายหนุ่มเดินเข้าหาอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม บราฮัมหยิบหน้ากากไปกลับหัวและสวมทันที


จากบุรุษรูปงามกลายเป็น ‘ชาวบ้านสาม*’ แสนดาษดื่น พบเห็นได้ง่ายทั่วไปเพียงเดินผ่านตลาดสด


(*ในวงการนักแสดง Extras หรือตัวประกอบมักถูกเรียกแทนด้วยคำว่าชาวบ้าน 1, 2, 3, 4 เพราะไม่มีชื่อตัวละคร)


ปัจจุบัน ชื่อเหนือศีรษะบราฮัมคือ ‘ลักซ์’


เป็นชื่อและใบหน้าเดียวกับอัศวินประจำตัวของบราฮัม ซึ่งกริดกำชับให้คอยอารักขามหาจอมเวทในตำนานตลอดเวลา


บราฮัมทำความเคยชินร่างกายและเสียงใหม่ได้รวดเร็ว สีหน้าแววตาปรากฏความพึงพอใจอย่างมาก


“ยอดเยี่ยมจนน่าเหลือเชื่อ แม้จะเป็นแค่จอมอสูรลำดับ 22 แต่ก็มีพลังสมกับเป็นหนึ่งในผู้ได้รับพรยาธาน”


“งั้นหรือ… แต่พลังของเฟย์ริสน่ากลัวมาก คำลวงกลายเป็นความจริงในทันที ไม่ต่างอะไรกับวาจาศักดิ์สิทธิ์ของเทพ… ในเมื่อนายกล้าดูแคลนจอมอสูรลำดับต่ำเช่นนี้ หมายความว่าจอมอสูรหลักเดียวแตกต่างกันมากเลยหรือ”


กริดเก็บเรื่องนี้มาขบคิดสักพักแล้ว นับตั้งแต่ได้ยินความจริงจากปากโนลล์


สมัยเบริอาเช่ต้นตระกูลยังเป็นจอมอสูรลำดับสาม โนลล์ระบุว่า ต่อให้จอมอสูรสองหลักทุกตนร่วมมือกัน ก็ยังมิอาจเอาชนะเบริอาเช่ได้


ไม่แข็งแกร่งไปหน่อยหรือ…


สมมติให้มีเฟย์ริสสัก 20 ตน…


แค่จินตนาการยังทำไม่ได้ ในสายตากริด หากคำบอกเล่าของโนลล์เป็นความจริง ตัวตนของจอมอสูรหลักเดียวจะทำลายสมดุลของเกมลงทันที และศัตรูตึงมือก็จะเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งฝ่าย


บราฮัมพยักหน้ารับ


“แข็งแกร่งมาก ช่องว่างของพลังห่างชั้นราวฟ้ากับเหว ทรงพลังเสียจน ต่อให้ไม่ใช้พลังเวทมนตร์เลย พึ่งพาแค่พลังทางกายภาพ ก็ยังเอาชนะจอมอสูรสองหลักได้สบาย”


“ถ้าเช่นนั้น มุลเลอร์แข็งแกร่งระดับใด ในฐานะผู้ผนึกจอมอสูรเฮลกาโอลำดับเก้า”


“ยังต้องมีคำอธิบายอีกหรือ แม้แต่ฉันยังยอมรับให้ชายคนนั้น เป็นมนุษย์ทรงพลังอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกใบนี้”


“แข็งแกร่งกว่านายอีกหรือ”


“เงียบน่า”


“… ได้โปรดให้ความร่วมมือ ฉันต้องการทราบว่าเขาแข็งแกร่งประมาณไหน”


“เปรียบเทียบให้เห็นภาพคงจะง่ายกว่า”


บราฮัมตอบเสียงห้วนอย่างไม่สบอารมณ์นัก แต่เมื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน มันเองก็เริ่มสนใจในประเด็นสนทนาดังกล่าว


“ในเมื่อเฮลกาโอก่อนถูกผนึกคือจอมอสูรลำดับเก้า หมายความว่า ต่อให้จอมอสูรตั้งแต่ลำดับ 15 ขึ้นไปทุกตนรุมโจมตีเฮลกาโอพร้อมกัน ก็ยังมิอาจเอาชนะมันได้… ดังนั้น นายลองจินตนาการถึงภาพมุลเลอร์เอาชนะเฟย์ริส 10 ตนพร้อมกันอย่างง่ายดาย”


“…!”


“แต่ก็ยังมีปัจจัยอีกหลายด้าน มิอาจถูกนำมาคำนวณสรุปผลแน่ได้ชัด ตัวอย่างเช่น เฮลกาโอพ่ายแพ้เพราะต่อสู้กับมุลเลอร์บนโลกมนุษย์ หากสังเวียนเปลี่ยนเป็นขุมนรก ฉันเชื่อว่าผลลัพธ์จะตรงกันข้าม”


“หมายความว่า ถ้ามนุษย์ริอ่านบุกรุกขุมนรก ก็เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายสินะ”


“เรื่องนั้นไม่ควรเกิดขึ้น และไม่น่าจะมีใครคิดกระทำ ขุมนรกคือดินแดนรกร้างไร้ทรัพยากร การยึดครองไม่เกิดประโยชน์ และเป็นสาเหตุว่าทำไมจอมอสูรถึงต้องการยึดครองโลกนัก”


“อา…”


ภาพยูร่าผุดขึ้นในสมองกริดทันที


ป่านนี้เธอคงกำลังโดดเดี่ยว กับการต้องเก็บเลเวลตามลำพังภายในขุมนรก


แม้การต่อสู้ระหว่างปิอาโร่และเทรูชานจะเพิ่งเริ่มได้ไม่นาน แต่ฝ่ายได้เปรียบเสียเปรียบเริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจน


เทรูชาน ผู้มีเหงื่อไคลน์ชุ่มชโลมร่างกายประหนึ่งเพิ่งผ่านการวิดพื้นห้าร้อยครั้ง มันแหกปากเสียงดังกึกก้อง


“สุดยอดนักรบ! คุรุก! เทรูชานสนุกมาก!”


“ฉันไม่ใช่นักรบ แต่เป็นชาวนา”


เคร้ง!!


จอบสั้นของปิอาโร่ปะทะกับดาบความผิดพลาดกลางอากาศ เกิดเป็นเสียงโลหะสะเทือนดังหวีดแหลม


ปิอาโร่พ่ายแพ้ในการประลองพลัง


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น


ในฐานะNPC สุดพิเศษอันดับหนึ่งของสายพันธุ์ออร์ค เทรูชานมีระดับวิวัฒนาการใกล้เคียงกับเหนือมนุษย์เลยทีเดียว


แม้กระทั่งเลเวลก็ยังสูงกว่าปิอาโร่


หากวัดแค่พละกำลัง ยากจะหาผู้ใดทัดเทียมออร์คลอร์ดตนนี้ได้


ยิ่งไปกว่านั้น เทรูชานในปัจจุบันยังพึ่งพาพลัง ‘โอเวอร์เกียร์’ ด้วยการกวัดแกว่ง ‘ความผิดพลาดสรรเสริญยอดนักรบ’ ซึ่งช่วยเพิ่มพลังทำลายไปอีก 20%


ในทางกลับกัน อาวุธในมือปิอาโร่คือจอบเล็กสำหรับทำสวน แม้จะถูกเสริมประสิทธิภาพโดยกริดจนทรงพลัง แต่อุปกรณ์ทำฟาร์มก็ยังเป็นอุปกรณ์ทำฟาร์มวันยังค่ำ


เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!!


เมื่อจอบหนึ่งเล่มรับมือไม่ไหว ปิอาโร่งัดเคียวเล็กออกมาช่วยเสริม หลังจากอุปกรณ์ทำฟาร์มสองชนิดไขว้กันเป็นรูปกากบาท ปิอาโร่ลดแรงกระแทกจากคมดาบเทรูชานได้หลายส่วน แถมยังเปิดโอกาสให้ใช้งานทักษะหว่านเมล็ด


เปรี้ยง!!


เมื่อท่อนไม้งอกเงยจากพื้นดินกระแทกใส่ก้นเทรูชานจนเสียหลักเซไปข้างหน้า ปิอาโร่รีบคว้าคออีกฝ่ายพร้อมกับฟาดลงพื้นเต็มแรง


กริดมองว่าทั้งสองต่อสู้กันได้อย่างสูสีดุเดือดมากแล้ว แต่ยิ่งศึกดำเนินไป ความรุนแรงและอลังการก็ยิ่งเพิ่มจากตอนแรกเป็นทวีคูณ


แม้แต่ชายหนุ่มยังต้องเดินถอยห่างออกจากสนามรบเพราะแรงสะเทือนอันน่าหวาดหวั่น


‘ใครจะชนะกันแน่…’


ด้วยความสัตย์จริง กริดเคยคิดว่าปิอาโร่คงล้มเทรูชานได้ไม่ยาก


ถึงเทรูชานจะมีพละกำลังมากกว่า แต่ถ้าเทียบกับประสบการณ์และพลังธรรมชาติ ปิอาโร่ยังทิ้งห่างหลายช่วงตัว


จุดเด่นของเทรูชานอาจเป็นค่าพละกำลังและความถึกทนเกินมาตรฐาน แต่แลกมากับการมีจำนวนทักษะน้อย ในทางกลับกัน ฝ่ายปิอาโร่นั้นมีทักษะด้านทำฟาร์มซึ่งพลิกแพลงใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ


เทรูชานค่อนข้างเสียเปรียบ เนื่องจากไม่ได้เอาจริงด้วยการใช้พลัง ‘ความทรหดของนักรบ’ ซึ่งจะต้องเสียสละ ‘แก่นพลัง’ เพราะในระบบการดวลไม่สามารถใช้แก่นพลังได้


อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์กลับดุเดือดและสูสีเกินกว่าจินตนาการกริด


ประมาทระบบพัฒนาตัวเองของ NPC พิเศษไม่ได้เลย… เพียงเดือนเดียว เทรูชานกลับเพิ่มขึ้นมากถึงสามเลเวล และไม่ใช่แค่นั้น


คล้ายกับประสาทสัมผัสเฉียบแหลมขึ้น


ท่ามกลางภูมิประเทศแปรเปลี่ยนตลอดเวลา เทรูชานกลับทำความเคยชินได้รวดเร็ว แถมยังมีโอกาสรุกหนักกดดันปิอาโร่ด้วยบรรยากาศคุกคาม


‘เราเอาชนะเจ้านี้มาได้ยังไง…’


แน่นอน กริดเอาชนะเทรูชานได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฝีมือของกริดเอง แต่อีกหลายส่วนคือความโชคดี


โดยเฉพาะการเพิ่งสร้างรองเท้ามังกรครามเสร็จหมาดๆ และเอฟเฟคหลักของรองเท้าก็ช่วยให้ได้เปรียบคู่ต่อสู้สายกายภาพมาก


แต่ปิอาโร่ไม่มีของแบบนั้น


เมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรูประเภทกิ้งก่าปรับตัวและซึมซับได้ว่องไว ประสบการณ์โชกโชนของปิอาโร่กลายเป็นสิ่งไร้ค่า และเริ่มตกเป็นฝ่ายตามหลัง


‘ปิอาโร่จะแพ้จริงหรือ’


หัวใจกริดเริ่มสั่นคลอน


ทั้งปิอาโร่และเทรูชานต่างเป็นอัศวินของกริดเหมือนกัน คอยรับใช้ในยามสำคัญเหมือนกัน แต่เมื่อจินตนาการว่าปิอาโร่อาจพ่ายแพ้ จิตใจกริดกลับไม่เป็นสุข


ชายหนุ่มไม่ต้องการเห็นขุนเขาไม่มีวันถล่มอย่างปิอาโร่ล้มลง


… ราวกับสิ่งนี้ส่งไปถึงจิตใจอีกฝ่าย


“แข็งแกร่งมาก!”


ขณะกำลังรับท่วงท่าดาบจากเทรูชาน ชาวนาในตำนานเผยรอยยิ้มมุมปากพลางกล่าวชื่นชม


“ทำฟาร์มอิสระ…”


‘เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ?’


“พ่นยาฆ่าแมลง”


พลังชนิดใหม่ถูกสำแดงต่อหน้าทุกคน


สิ่งนี้คือทักษะสุดทรงพลัง ทั้งน่าหวั่นเกรงและจ้องจะเอาชีวิตคู่ต่อสู้ เป็นพลังสำหรับใช้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ศัตรูพืชจำนวนมากในคราวเดียว


“…!”


ขณะตกตะลึง เทรูชานรีบกางม่านดาบรอรับ


เพียงพริบตา อนุภาคขนาดเล็กจำนวนมาก ลักษณะเข้มข้นคล้ายหมอกทึบ ถูกโปรยกระจายไปทั่วทุ่งข้าวเขียวขจี หากสูดดมเข้าไปจะเป็นอันตรายรุนแรงถึงแก่ชีวิต ประหนึ่งศัตรูพืชได้รับยาฆ่าแมลง


“ออร์คลอร์ดมีทักษะน้อยเกินไป”


บราฮัมพึมพำ


“ทำฟาร์มอิสระรูปแบบ 5! เก็บเกี่ยว!”


ปิอาโร่ทำการเก็บเกี่ยวพืชผลทั้งหมดภายในสนามรบรอบตัวเป้าหมาย


พืชผลทางการเกษตรจำนวนมาก ซึ่งกำลังสุกงอมรอวันเก็บเกี่ยว ถูกพลังปราณล่องหนพุ่งผ่านและตัดขาดออกจากลำต้น


ทันใดนั้น เมล็ดพันธุ์ปลิวกระจัดกระจายท่วมท้นลานประลอง…


“ทำฟาร์มอิสระรูปแบบ 8! ขัดสีข้าว!”


บึ้ม!


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!


เมื่อปิอาโร่เอาจริง เทรูชานทำได้เพียงตั้งรับโดยไม่มีโอกาสตอบโต้ ดวงตาออร์คลอร์ดเหลือกถลนจนเหลือเพียงสีขาวโพลน


โครม!


ร่างกายอันใหญ่ยักษ์ล้มหงายบนทุ่งข้าว


ในเวลาเดียวกัน ปิอาโร่ใช้ท่าถัดไป บงการให้ต้นอ่อนชุดใหม่งอกเงยจากพื้นเตรียมโจมตีซ้ำ


กริดเชื่อว่า ด้วยพลังการฟื้นฟูตามธรรมชาติระดับมหาศาลของเทรูชาน มหาออร์คลอร์ดตนนี้คงลุกพรวดขึ้นมาแทบจะในทันทีแน่นอน


แต่ผิดคาด มันนอนแน่นิ่งเช่นนั้นอยู่นาน


มุมปากผุดฟองน้ำลายสีขาว ลำตัวเริ่มกลายเป็นสีม่วงคล้ำ


เป็นอาการของคนกินยาฆ่าแมลง


“ซ…เซฮี!!”


หลังจากได้ยินกริดตะโกนอย่างลนลาน นักบุญหญิงรูบี้รีบปรี่เข้าไปยังจุดเกิดเหตุ


‘พิษแรงมาก…!’


รูบี้ถึงกับตกใจ


ตามปรกติแล้ว ด้วยเลเวลปัจจุบันของเซฮี พิษทั่วไปจะถูกขับออกจากร่างกายด้วยการใช้เวทมนตร์รักษาเพียงหนเดียว แต่พิษยาฆ่าแมลงในร่างกายเทรูชานกลับไม่เป็นเช่นนั้น ต้องใช้เวทรักษาซ้ำอยู่นานจึงจะเริ่มออกฤทธิ์


พิษอานุภาพสูง


ขณะถูกกริดและอัศวินคนรุมอื่นจ้องมองเป็นตาเดียว ปิอาโร่พึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าแววตาโศกเศร้า


“เราอยากยึดมั่นในการทำฟาร์มแบบปลอดสารพิษ… แต่ดูเหมือนจะหลีกหนีชะตากรรมของชาวนาไม่พ้น”


“…”


หลังจากนั้น


กลุ่มของอเมลด้า ซึ่งไม่สนใจการจัดอันดับร่วมกับพวกสัตว์ประหลาดแต่แรก ประกาศถอนตัวอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว


ถัดมา ในฐานะศัตรูคู่อาฆาตผู้ต้องการจะโค่นปิอาโร่ในสักวัน ซินกูเล็ด มันตัดสินใจถอนตัวโดยใช้ข้ออ้างว่า ‘ยาฆ่าแมลงพ่อเอ็งสิ’


เมอร์เซเดสก็เช่นกัน


ในฐานะผู้ครอบครองเนตรมองทะลุ เมอร์เซเดสย่อมทราบว่าตนยังเป็นรองปิอาโร่และบราฮัมอยู่หนึ่งก้าว จึงไม่คิดต่อสู้อย่างไร้ประโยชน์ อาการบาดเจ็บของเธอ อาจทำให้พลาดโอกาสปกป้องฝ่าบาท


ทั้งอัสโมเฟลและโนลล์ ซึ่งเคยพ่ายแพ้ต่อบราฮัมไปแล้ว ต่างก็ไม่มีปากเสียง


ปัจจุบันจึงเหลืออัศวินเพียงสามคน


บราฮัม ปิอาโร่


… และจู๊ด


“นายพักผ่อนก่อน”


บราฮัมกล่าวกับปิอาโร่


จากนั้น


ด้วยร่างของลักซ์ บราฮัมกวักมือท้าทายจู๊ด


เมื่อเห็นอัศวินสมองน้อยก้าวเข้าสู่สังเวียน มหาจอมเวทในตำนานร่ายเวทลวงตาใส่ทันที


อ้างอิงตามคำอธิบาย เวทลวงตาจะยิ่งแสดงประสิทธิภาพได้รุนแรงเมื่อเป้าหมายมีค่าสติปัญญาต่ำ ฉะนั้น บราฮัมจึงมั่นใจว่าจู๊ดจะต้องเห็นภาพหลอนมากมายเหนือพรรณนา จนหมดสติล้มฟุบไปเองโดยไม่ต้องลงมือ


“ฮึ!”


เมื่อเห็นจู๊ดยืนเหม่อลอยประหนึ่งวิญญาณหลุดจากร่าง บราฮัมหันหลังกลับอย่างไม่แยแส มันต้องการถนอมมานาไว้ต่อสู้กับปิอาโร่ให้มาก


แต่ว่า


เปรี้ยง!!


กำปั้นจู๊ดกระแทกใส่แผ่นหลังบราฮัมเต็มแรง


“คึ่ก… อะไรกัน?”


ดวงตาบราฮัมเริ่มหรี่ลง


มันหันหลังกลับไปมองคู่ต่อสู้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ เนื่องจากแววตาของจู๊ดยังคงล่องลอยราวกับคนสติหลุดเช่นเดิม


“จู๊ดคือ. อัศวินคนแรก. ของฝ่าบาท.”


‘นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน…’


ไม่มีคำตอบ


แม้แต่ดยุคแห่งปัญญาคนปัจจุบัน ก็ยังหาคำตอบมาอธิบายสถานการณ์ตรงหน้าไม่ได้


อาจเป็นหนแรกในชีวิตเลยกระมัง…


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,526
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. อย่าได้รออาจดูถูกอัศวินคนแรกของ ก๊อดกริด คุๆคุๆคริคริ

    ReplyDelete
  2. อย่าบอกนะว่าจู้ดใช้จมูกดมกลิ่นเอาอ่ะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. มันไม่คิดอะไรมากครับ555

      Delete
  3. 🤣🤣🤣
    จู๊ด 💪
    ขอบคุณ​มาก​ครับ​แอด

    ReplyDelete
  4. ยาฆ่าแมลงพ่อเอ็งสิ ลั่นเลย 555555
    ขอบคุณสำหรับงานแปลครับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ยาพิษชนิดรุนแรงชัดๆ 5555+

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00