จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,140



กรุงไรนฮาร์ท ห้องทำงานอลิซาเบธ


กริดและอลิซาเบธต่างกำลังเพ่งสมาธิอยู่กับงานตรงหน้า


ราชาโอเวอร์เกียร์เย็บชุดคลุมบราฮัมด้วยจักรอย่างชำนาญ ส่วนอลิซาเบธกำลังตั้งใจสร้างแหวนบราฮัม


เธอพยายามทำมันให้ออกมาดี ภายในใจนึกขอบคุณกริดผู้มอบสูตรไอเท็มเกรดเลเจนดารีชนิดตายตัวมาให้


อย่างไรก็ตาม ฝีมือของช่างอัญมณีอันดับหนึ่งของโลกและอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ กลับมิอาจสนองความพึงพอใจบราฮัมได้


“แม่หนูน้อย แม้แต่ซอมบี้นิ้วพิการก็ยังผลิตงานออกมามีคุณภาพสูงกว่าเธอ”


“อึ๋ย…!”


อลิซาเบธแทบหลังน้ำตา เพราะบราฮัมคอยนั่งประกบและมอบคำแนะนำอยู่เสมอ


ในฐานะช่างอัญมณีอันดับหนึ่งและหลานสาวของสวาปามจกบัลเผ็ด อลิซาเบธถูกปรนนิบัติเยี่ยงเจ้าหญิงมาตลอด จึงมิอาจอดทนต่อสถานการณ์ปัจจุบันได้ดีนัก


เมื่อกริดเริ่มเห็นว่าเริ่มแย่ มันพยายามหลอกล่อให้บราฮัมสนใจเรื่องอื่น


“ถึงเฟนเรียร์จะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่ถ้ามีนายกับปิอาโร่ อัศวินคนอื่นก็ไม่ต้องเสียสละชีวิตไม่ใช่หรือ”


หลังจากจบการจัดอันดับ บราฮัมประทับใจในฝีมืออัศวินของกริดมากทีเดียว


กริดจึงเดาว่า การต่อสู้กับเฟนเรียร์คงง่ายกว่าการประเมินของบราฮัมในตอนแรกมาก


แต่น่าเสียดาย บราฮัมกลับยังมีความเห็นไปในแนวทางเดิม


“คงเลี่ยงการสละชีวิตไม่ได้”


“… เฟนเรียร์แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว”


“ปัญหาคือสุนัขของมัน อันตรายยิ่งกว่าเฟนเรียร์เสียอีก”


“สุนัข?”


“ถึงจะใช้เวทมนตร์ไม่ได้ แต่สุนัขตัวนั้นมีสมรรถภาพร่างกายสูงกว่าเฟนเรียร์ แถมไม่มีวันถูกเล่นงานด้วยเวทมนตร์และเวทโลหิต เรียกได้ว่าปราศจากจุดอ่อน งานของนายคือจัดการกับสุนัขตัวนั้น ส่วนฉันจะคอยรับมือเฟนเรียร์ …ขอยืนยันคำเดิมว่าไม่ง่าย”


“เวทมนตร์ไม่มีผลกับสุนัข…? แล้วเมื่อก่อนนายเอาชนะเฟนเรียร์ได้ยังไง?”


“ฉันนำขาหลังของสุนัขโลกันตร์ไปเสียบไม้ย่างนาน 100 วัน และใช้สิ่งนั้นล่อสุนัขเฟนเรียร์ออกจากการต่อสู้ คิดแล้วก็เจ็บใจ ถ้าไม่เสียเนื้อหมาเสียบไม้ย่างในวันนั้น ฉันคงหนีออกจากรังมังกรไฟได้ง่ายกว่านี้หลายเท่า!”


“อ…เอ๋…?”


ทำไมเราถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับเนื้อหมาเสียบไม้ย่าง 100 วันนักนะ…


เคยได้ยินจากไหนกัน…


***


เดิมที ไฮแรงเกอร์คือวลีสำหรับเรียกกลุ่มแรงเกอร์อันดับท็อป 1,000 ของโลก


อย่างไรก็ตาม ไฮแรงเกอร์บางคนไม่พอใจเมื่อต้องถูกเรียกรวมกับแรงเกอร์อ่อนแอ


แรงเกอร์ระดับหัวแถวจึงเปลี่ยนคำนิยามของไฮแรงเกอร์เสียใหม่


100 อันดับแรก


มีเพียงท็อป100 เท่านั้น จึงจะคู่ควรกับการถูกเรียกว่าไฮแรงเกอร์อย่างแท้จริง


และ 36 จาก 100 คนแรกของโลก กำลังรวมตัวกันภายในเมืองแวมไพร์เฟนเรียร์


ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า นี่คือการรวมตัวกันของแรงเกอร์ท็อป 100 ภายในหนึ่งกลุ่มปาร์ตี้เดียวกัน มากเป็นอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเกมซาทิสฟายนับตั้งแต่เปิดตัว


แม้แต่กิลด์โอเวอร์เกียร์และวัลฮัลล่าก็มียังแรงเกอร์ท็อป 100 ไม่มากถึง 36 คน


ไม่ใช่แค่นั้น ในกลุ่มนี้ยังมีคลาสฮีลเลอร์รวมอยู่ด้วย ว่ากันว่า เป็นคลาสซึ่งเก็บเลเวลตัวละครได้ยากหากเทียบกับคลาสอื่น


“จำเป็นต้องฆ่าด้วยหรือ แค่จับกุมตัวก็น่าจะพอแล้วนี่”


<บิช> (แสง)


แค่ชื่อตัวละครก็ฟังดูสว่างไสวแล้ว


ปัจจุบัน บิชคือผู้เล่นคลาสมังค์อันดับหนึ่งของโลก และอันดับ 21 ในลำดับรวม มีผู้ติดตามมากมายเนื่องจากใบหน้าอันหล่อเหล่าและอุปนิสัยอ่อนโยน


บิชซักถามอย่างไม่พอใจเมื่อพวกพ้องทำผิดสัญญา ว่าจะไม่ฆ่าทหารยามหน้าปากทางเข้าเมืองแวมไพร์


“ถึงจับมัดไว้ พวกมันก็คงตายอยู่ดี บริเวณนี้เป็นทะเลทรายแห้งแล้งทั้งหมด ถ้าฉันต้องถูกมัด ขอเลือกความตายยังดีเสียกว่า”


“แล้วนายมั่นใจได้อย่างไร ว่าการจับทหารยามมัดเชือกจะช่วยให้ทุกสิ่งจบลง พวกมันอาจดิ้นหลุดและไปตามคนมาช่วย แบบนั้นพวกเราจะไม่แย่เอาหรือ”


ระบบเมืองแวมไพร์ค่อนข้างพิเศษ หากยังไม่เคยถูกเคลียร์มาก่อน จะไม่สามารถผ่านเข้าออกเมืองได้อย่างอิสระ และหลังจากคนแรกเข้าไป จะมีเวลาราวสิบวินาทีก่อนประตูมิติปิดตัวลง หลังจากนั้นจะกลับออกมาไม่ได้อีก จนกว่าจะเสียชีวิตหรือจัดการบอสใหญ่สำเร็จ


นั่นคือสาเหตุให้ ‘เครปัส’ ผู้เล่นอันดับ 39 ของโลก ลงมือฆ่าทหารยามของโอเวอร์เกียร์


ไม่ว่าแผนการจะสำเร็จหรือล้มเหลว แต่มันทำไปเพื่อไม่ให้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ทราบถึงรายชื่อและใบหน้าบุกรุกเมืองแวมไพร์โดยไม่ได้รับอนุญาต


ถึงแม้ในหลายปีหลัง อาณาจักรโอเวอร์เกียร์แทบไม่เคยระบุตัวตนของกลุ่ม ‘เข้าไปตายฟรี’ ได้เลยก็ตาม


“พูดมากจัง มาเพื่อสานสัมพันธ์หรือไง”


อาสึกะเดินขึ้นมาจากท้ายแถวด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์


เธอยังคงรักษาท็อป 10 ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นในตลอดหลายปีหลัง แม้ว่ากิลด์โอเวอร์เกียร์จะยึดครองอันดับหัวตารางไว้เป็นจำนวนมาก


ย้อนกลับไปขณะจอมอสูรเฟย์ริสเพิ่งปรากฏตัวไม่นาน หลายฝ่ายต่างมีความเห็นตรงกันว่า หากอาสึกะ ครอเกล ฮูเร็น และซีบาลรวมทีมกัน คอยนำกองทัพชาวสหรัฐเข้าปราบปรามจอมอสูร การฆ่าเฟย์ริสก็คงไม่ยากเย็นอะไรนัก


แต่ในคราวนั้น อาสึกะไม่สามารถเข้าร่วมแผนปราบเฟย์ริสได้เนื่องจากติดธุระสำคัญ


ธุระดังกล่าวคือแต้มสถานะ ‘ความบ้าคลั่ง’


สำหรับคลาสนักรบคลั่งทุกคน นี่คือแต้มสถานะสำคัญอันดับหนึ่งอย่างไร้ข้อกังขา


ขณะเฟย์ริสปรากฏกาย เธอกำลังพัวพันกับภารกิจลับเพื่อเพิ่มค่าความบ้าคลั่งให้ตัวเอง


นอกจากนั้น อาสึกะยังประเมินแล้วว่า ถึงตนจะเข้าร่วม แต่แผนการปราบเฟย์ริสคงไม่สำเร็จอยู่ดี ไม่ต่างอะไรกับการเสียเวลาเปล่า


‘กับสัตว์ประหลาดระดับนั้น ปล่อยให้กริดและครอเกลจัดการไปก็แล้วกัน’


เพราะอย่างไรก็ยังมีเฟนเรียร์เหลืออยู่


เฟนเรียร์คือมอนสเตอร์บอสซึ่งมีระดับใกล้เคียงกับจอมอสูรเฟย์ริสมาก อาสึกะมั่นใจในเรื่องนี้พอสมควร เนื่องจากหมั่นศึกษาตำนานซาทิสฟายหลายแหล่งอย่างถี่ถ้วน


แต่เฟนเรียร์ต่างกับเฟย์ริสตรง…


เฟนเรียร์ไม่ใช่จอมอสูร มันจึงมีจุดอ่อนใหญ่หลวงอยู่สองข้อ นั่นคือแสงแดดและคำสาปเกียจคร้าน


มีโอกาสมากมายให้เล่นงานเฟนเรียร์จากจุดอ่อนดังกล่าว


โผละ! โผละ!


เสียงคล้ายผลแตงโมระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ


มันคือเสียงขณะ ‘แบล็คเท็ดดี้’ และพวกพ้องคนอื่น กำลังจัดการแวมไพร์ระดับต่ำอย่างมันมือ


แบล็คเท็ดดี้ แรงเกอร์ลำดับ 53 ของโลกและยังเป็นพ่อบ้านประจำตัวอาสึกะ


เนื่องจากเป็นเขตทางเข้า แวมไพร์ด้านนอกจึงเป็นประเภทธรรมดา มีดีแค่เลเวล 400 แต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเหล่าไฮแรงเกอร์


“อ๊ะ! แหวนแวมไพร์”


ใครบางคนโพล่งขึ้น และดึงดูดความสนใจของทุกคนในละแวกนั้นทันที


คิลเดส แรงเกอร์อันดับ 95 ของโลก กำลังอวดแหวนสีแดงวงหนึ่งบนนิ้วมือ


“ได้เป๋าฮื้อตั้งแต่ทางเข้าเลยหรือ”


“จะดวงดีอะไรปานนั้น”


เสียงร่วมแสดงความยินดีและเสียงริษยาดังขึ้นรอบตัวคิลเดสเป็นระยะ


“…!?”


ขณะคิลเดสกำลังยิ้มกรุ้มกริ่ม สีหน้าแววตาของมันเผยอาการตกตะลึงกะทันหัน ลำแสงสีแดงพุ่งทะลุหน้าอกของมันจนร่างกายลอยกระเด็นไปข้างหลังโดยไม่มีโอกาสตั้งตัว


เวทโลหิต


เวทมนตร์สำหรับแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์


“คึ่ก…!”


คิลเดสรีบหยิบโพชันพลังชีวิตออกมาเตรียมดื่ม แต่กลับถูกขัดขวางไว้ด้วยฝูงค้างคาวจากเงามืดรอบตัว


อย่างไรก็ตาม ในฐานะนักลอบสังหารแรงค์สองของโลก คิลเดสมีความเยือกเย็น


มันกระโจนถอยหลังพร้อมกับใช้มีดฟันปาดกลุ่มค้างคาวตรงหน้า


ทันใดนั้น ฝูงค้างคาวได้บินรวมตัวกันพลางเปลี่ยนร่างกลายเป็นสาวงาม และใช้ฝ่ามือคว้าลำคอคิลเดสไว้แน่นถนัด


ทว่า ในสายตานักลอบสังหารแรงค์สอง พฤติกรรมของหล่อนไม่ต่างอะไรกับฆ่าตัวตาย


ในขณะนักลอบสังหารอันดับหนึ่ง เฟคเกอร์ สร้างชื่อเสียงด้วยความว่องไวและฝีมือควบคุมระดับทัดเทียมครอเกล คิลเดสเลือกเดินบนเส้นทางแห่งยุทโธปกรณ์


บึ้ม!!


“…!”


แรงระเบิดปกคลุมร่างแวมไพร์สาวสวยกระหายเลือดในพริบตา


ขณะเวลาเดียวกัน แรงเกอร์คนอื่นต่างกรูเข้ามารุมล้อมหล่อนจากทุกทิศ


“ฮุฮุ เจ้าพวกโง่”


แวมไพร์สาวมิได้เผยอาการตื่นกลัว


เธอส่งค้างคาวตัวหนึ่งออกไปกัดคอเหยื่อใกล้เคียง จากนั้น บาดแผลตามลำตัวได้หายเป็นปลิดทิ้งอย่างน่าฉงน


ด้วยพลังดูดเลือดชนิดพิเศษ แวมไพร์สาวสวยจึงปราศจากรอยขีดข่วนแม้จะถูกแรงระเบิดเล่นงานในระยะประชิด


“ไม่ได้ล่าเหยื่อนานแค่ไหนแล้วน้า~”


แต่ไหนแต่ไร แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์มักล่ามนุษย์อ่อนแอเป็นอาหารอยู่เสมอ เธอจึงคิดว่าคราวนี้ก็คงไม่ต่างกัน


แต่น่าเสียดาย หล่อนเดาผิดไปนิด


ไม่นิดสิ… เดาผิดไปมาก


ฉึก!


ฉึก! ฉึก! ฉึก!


“กะ…! กรี๊ดดด!!”


มนุษย์เหล่านี้มีฝีมือเก่งฉกาจ


ยิ่งเมื่อรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ บางที แม้แต่เฟนเรียร์ก็อาจถึงคราวเดือดร้อน


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตุ๊กตาหมีประหลาดซึ่งเดินจับมือเต้นรำไปมาราวกับกำลังประกอบพิธีกรรมลึกลับ ได้ทำให้เหล่าแวมไพร์ไม่สามารถกลับคืนร่างค้างคาวเพื่อหลบหนี


เพียงไม่นาน กลุ่มแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ซึ่งควรเป็นฝ่ายถือครองความได้เปรียบด้วยการกระหน่ำยิงเวทโลหิตและบงการค้างคาวคอยก่อกวน กลับทำได้เพียงตั้งรับอย่างหมดสิ้นหนทางตอบโต้


“พวกมนุษย์โสโครก! บังอาจทำแบบนี้กับพวกข้าเชียวหรือ—”


“หุบปาก”


ใครบางคนขัดขวางการพล่ามของแวมไพร์


เป็นอาสึกะ ผู้เอาแต่เฝ้ามองสงครามอย่างเงียบงันจากด้านหลังมาตลอด


นอกจากจะเป็นนักรบคลั่ง เธอยังครอบครองทักษะ ‘ความชำนาญอาวุธทุกชนิด’ จึงสะสมคลังอาวุธไว้กับตัวจำนวนมหาศาล


อาสึกะเลือกชักดาบออกมาหนึ่งเล่ม


วิ้ง—


คมดาบส่องแสงเจิดจ้าราวกับผนึกดวงอาทิตย์ไว้ด้านใน


เพียงแสงของมันก็มากพอจะแผดเผาผิวหนังอันขาวซีดของแวมไพร์จนไหม้เกรียม


“กรี๊ดดดด…!”


อาสึกะแสยะยิ้มชั่วร้ายเมื่อได้เห็นเหล่าแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์กำลังแหกปากกรีดร้อง


“หลังจากนี้คือของจริง”


ย้อนกลับไปสมัยกริดยังไม่โด่งดัง


อาสึกะ แบล็คเท็ดดี้ และบ็อกซ์ ต่างรุมโจมตีกริดอย่างสุดฝีมือ แต่กลับได้รับความพ่ายแพ้อันน่าสมเพชเวทนา


ถึงกระนั้น สำหรับอาสึกะ เธอมองว่านั่นคือวาสนา


เป็นเพราะได้ลิ้มรสความสิ้นหวังและพลังแห่งไอเท็มก่อนใคร อาสึกะจึงปรารถนาจะแข็งแกร่งและพัฒนาตัวเองได้ก่อนคนอื่น


ผ่านมาแล้วหลายปี ด้วยต้นทุนชีวิตสูงกว่าผู้อื่นมาก เธอจึงไขว่คว้าไล่ตามพลังอันยิ่งใหญ่อย่างเอาเป็นเอาตาย ถือเป็นความหลงใหลกึ่งบ้าคลั่งชนิดไม่มีใครเข้าใจ


ไม่เพียงจะร่ำรวยล้นฟ้าในฐานะทายาทรุ่นสามของอภิมหาเศรษฐี แต่อาสึกะยังเกิดมาพร้อมพรสวรรค์มหาศาล ทุกสิ่งผสมผสานให้หญิงสาวกลายเป็นสัตว์ประหลาดสุดแข็งแกร่ง จนมิอาจวัดค่าพลังได้ด้วยอันดับโลก


แน่นอน พลังส่วนใหญ่ของเธอมาจากความโอเวอร์เกียร์ตั้งแต่หัวจรดเท้า


เป็นเพราะเชื่อมั่นในไอเท็มเกรดเลเจนดารีหมายเลข 45 <ดาบตะวันเฉิดฉาย> อาสึกะจึงกล้าตอบรับคำชวนเข้าร่วมแผนล่าเฟนเรียร์


มันอัดแน่นด้วยออปชันสุดโหด ไม่ว่าจะเป็น สร้างความเสียหายพิเศษแก่แวมไพร์ มีโอกาสปานกลางในการสลายเวทโลหิต ลดทอนอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตของแวมไพร์ มองข้ามพลังป้องกันบางส่วนของแวมไพร์ และอีกมาก


ดาบตะวันเฉิดฉายเล่มนี้คือสุดยอดศาสตราสำหรับฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แวมไพร์โดยเฉพาะ


หลังจากจัดการแวมไพร์ไปแล้วหลายร้อยตนทั่วเมือง รวมถึงแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์อีกห้าตน คณะล่าเฟนเรียร์ได้เดินทางมาถึงประตูขนาดบานใหญ่ซึ่งถูกปิดไว้มิดชิด


พวกมันหยุดตรวจสอบความพร้อม


ระยะหน่วงทักษะ ทรัพยากร ทักษะติดตัว ความคงทนไอเท็ม และจำนวนโพชัน


ทุกสิ่งอยู่ในสภาพสมบูรณ์สุดขีด


“ลุยกันเลยไหมครับ?”


ไม่แน่ชัดว่าเริ่มต้นเมื่อไร แต่อาสึกะกลายเป็นหัวหน้าปาร์ตี้มาได้สักพักแล้ว


ทุกคนต่างหันมามองเธอเพื่อรอคำสั่งอย่างใจจดใจจ่อ


‘น่ารำคาญชะมัด’


อาสึกะพยักหน้าด้วยสายตาเบื่อหน่าย


“เปิดประตูได้”


“ครับ!”


“โอ๊ส!”


สมาชิกปาร์ตี้ต่างตอบรับแข็งขัน พวกมันออกแรงผลักประตูบานใหญ่ให้เปิดออก


ด้านในมีเพียงความมืดสนิทรออยู่


มืดมากเสียจน แค่ก้าวเดียวก็มองไม่เห็น


แต่ในฐานะของไฮแรงเกอร์ อาสึกะและอีกหลายคนมีค่าสถานะช่วยปรับสภาพการมองเห็นอย่างรวดเร็ว


พวกมันได้พบ…


โลงศพใบหนึ่งตั้งวางอยู่กึ่งกลางห้อง


เป็นโลงขนาดใหญ่มหึมา และมีสีสันฉูดฉาดยิ่งกว่าโลงศพของแวมไพร์ตนใดทั้งหมด


เฟนเรียร์ต้องนอนในนั้นแน่…


อึก!


ขณะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แบล็คเท็ดดี้รีบหันไปจ้องมังค์ ‘บิช’ ด้านข้าง


บิชคืออีกหนึ่งปัจจัยทำให้อาสึกะยอมเข้าร่วมแผนการคราวนี้


ชายผู้ครั้งหนึ่งเคยเป็นนักบวชของโบสถ์รีเบคก้ามาก่อน แต่ตัดสินใจเปลี่ยนศาสนาและคลาสกลายเป็นมังค์ เนื่องจากถูกเทพพื้นเมืองเกลี้ยกล่อม


หนึ่งในความสามารถสำคัญของบิชคือ การเร่งให้คำสาปทุกชนิดบนตัวเป้าหมายรุนแรงขึ้นจากเดิม 2 เท่า


อาสึกะต้องการให้บิชเร่งอำนาจคำสาปเกียจคร้านของเฟนเรียร์ จนอีกฝ่ายตกอยู่ในภาวะหลับลึกและตื่นได้ยากกว่าปรกติ


จากนั้น เธอจะเปิดฉากด้วยการแทงดาบตะวันเฉิดฉายลงไปบนร่างเฟนเรียร์ เพื่อให้อัตราการดูดเลือดและฟื้นฟูพลังชีวิตต่ำลง


ปิดท้ายโดยการให้เหล่าแรงเกอร์ทุกคนรุมโจมตีจนกระทั่งเฟนเรียร์หมดลมหายใจ


“สำเร็จ!”


หน้าโลงศพปิดสนิท


หลังจากร่ายมนตร์เร่งให้คำสาปใส่เฟนเรียร์สำเร็จ บิชหันกลับมาส่งเสียงดีใจกับทุกคน


“ดีมาก”


เมื่อเริ่มมั่นใจว่าการล่าเฟนเรียร์กำลังจะลุล่วง เหล่าไฮแรงเกอร์ต่างเดินมารุมล้อมรอบโลงศพ


ทันใดนั้น โคมไฟระย้าด้านบนห้องมืดเกิดการสั่นไหวเล็กน้อย


“อั่ก…!”


ตามด้วยเงาของบางสิ่งหล่นลงมาจากด้านบน


แรงเกอร์ลำดับ 39 เครปัส เสียชีวิตกะทันหัน


“…!”


สมาชิกปาร์ตี้ต่างพากันหน้าซีด


กึก.


กึก.


หมาป่าผู้กลืนกินทวยเทพ เฟนเรียร์


สัตว์ป่าร่างยักษ์ตรงหน้า ทำให้ทุกคนหวนนึกถึงสัตว์ในตำนานปรัมปราของชาวยุโรปตอนเหนือขึ้นมาทันที


หมาตัวนี้มิใช่แวมไพร์เฟนเรียร์ แต่เป็นสัตว์เลี้ยงคอยเฝ้าโลงศพเจ้านาย มันกำลังยืนเผชิญหน้าทุกคนด้วยแววตาดุร้าย


ทุกลมหายใจของสัตว์ป่า ทำให้อาสึกะรู้สึกเย็นเฉียบเข้าไปถึงแก่นกระดูก


“… แบบนี้ค่อยน่าสนุกหน่อย”


อาสึกะรีบเปิดช่องสัมภาระ เธอเก็บดาบตะวันเฉิดฉาย และนำธนูพร้อมกับดักออกมาถือ


ความเร็วสลับไอเท็มช่างละม้ายคล้ายคลึงราชาโอเวอร์เกียร์


“แม้ต้องแลกด้วยชีวิต แต่ฉันก็จะฆ่าไอ้สัตว์ประหลาดระยำตัวนี้ให้ได้!”


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,529
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. มีหนูทดลองความโหดให้ดูก่อนสินะ 555555
    ขอบคุณสำหรับงานแปลครับ

    ReplyDelete
  2. เนื้อเสียบไม้ 100 ไม้😁🤣😆
    ขอบคุณ​มาก​ๆ​ครับ​😊🙏

    ReplyDelete
    Replies
    1. เนื้อเสียบไม้ย่าง100 วัน

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00