จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,129



ไก่ตัวผู้กำลังจะขัน ต้องเร่งมือแล้ว*


(เป็นสำนวนเกาหลี หมายความว่า พอถึงช่วงเช้า ไก่จะขันทำให้ทุกคนในบ้านตื่น ดังนั้นจะแอบทำอะไรลับสายตาก็ให้รีบทำ)


“เริ่มกันเลย”


“ตกลง”


เมื่อบีบันลุกยืน กริดก็ลุกเดินตาม เนื่องจากอีกฝ่ายให้เวลาพักมากพอสมควร ชายหนุ่มจึงฟื้นฟูจนกลับมากระปรี้กระเปร่า


“วิชาดาบมาดราไม่ซับซ้อน”


“…?”


จนถึงเมื่อครู่ บีบันยังชมเชยมาดราอยู่เลยไม่ใช่หรือ?


ถือเป็นคำชมอันยิ่งใหญ่และน่าภาคภูมิใจอย่างมาก เมื่ออริยดาบพูดเองจากปากว่า วิชาดาบของคุณเลียนแบบได้ยากยิ่ง


แต่วลี ‘ไม่ซับซ้อน’ เมื่อครู่กลับสวนทาง


เมื่อเห็นกริดยืนมึนงง บีบันใจดีอธิบาย


“เมื่อวิชาดาบสมบูรณ์แบบ แก่นแท้จะเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ท่วงท่าโจมตีจะมีประสิทธิภาพและสง่างาม มากกว่าการละเล่นรำดาบด้วยลีลาไร้ประโยชน์”


“…”


กริดพลันสงบปากสงบคำ


เรายังบรรลุศาสตร์แห่งดาบไม่ลึกซึ้ง จึงไม่ควรโต้เถียงเยี่ยงสามัญชนโง่เขลา จะเป็นการฉลาดกว่า ถ้าเปิดใจรับฟังคำอธิบายของผู้บรรลุจนกระจ่างแจ้ง


“แก่นมีเพียงการฟาดดาบไปข้างหน้า”


บีบันเสกคมดาบยืดยาวออกจากปลายนิ้วชี้ สิ่งนี้คือเทคนิคการก่อปราณดาบให้เป็นรูปทรง


มันยืนมองตรง บิดสะโพกกลับหลังเล็กน้อย ปลายนิ้วดาบกดต่ำลง


ด้วยลักษณะการยืนเช่นนี้ ไม่ว่ากริดจะเพ่งมองมุมใดก็ไม่เข้าใจเลยว่า ตนต้องขยับร่างกายอย่างไรให้การโจมตีออกไปมีพลัง


อย่างไรก็ตาม ท่ายืนซึ่งก่อให้เกิดคำถามดังกล่าว เป็นท่ายืนเดียวกับดาบพินาศทัพหนึ่งแสนอันลือเลื่องของตน


“การฟันเพียงดาบเดียวคือแก่นของวิชาดาบมาดราทั้งหมด ไม่ว่าจะหนึ่งแสน สองแสน หรือหนึ่งล้าน”


“ฟันเพียงดาบเดียว…?”


กริดเอียงคอสงสัย


อาจจะจริงในกรณีของ ‘ดาบสลายทัพสองแสน’ และ ‘ดาบสกัดทัพสองแสน’ เนื่องจากการโจมตีทั้งสองชนิดพุ่งออกไปในลักษณะคลื่นดาบหนึ่งเส้น ถึงเอฟเฟคจะต่างกันเล็กน้อยก็ตาม อันหนึ่ง ‘ผนึกการเคลื่อนไหว’ ส่วนอีกอันหนึ่ง ‘สลายการโจมตี’ แต่ทั้งสองท่าจะมีจุดร่วมกันคือ ส่งผลกับทุกเป้าหมายในการมองเห็น


อย่างไรก็ตาม ‘ดาบพินาศทัพหนึ่งแสน’ นั้นค่อนข้างแตกต่าง


ท่าโจมตีดังกล่าวเป็นการยิงคลื่นดาบออกไปทั้งหมด 30 เส้นภายในหนึ่งวินาที รัศมีการทำลายคือ 10 เมตรรอบจุดเล็ง ด้านความรุนแรงไม่ต้องพูดถึง ถือเป็นหนึ่งในทักษะไพ่ตายก้นหีบของกริด


ดังนั้น คงเป็นการยากถ้าจะให้พูดว่า วิชาดาบทั้งหมดของมาดราเป็นท่าฟัน ‘ดาบเดียว’


“มีอะไรจะโต้แย้งงั้นหรือ?”


“ครับ ผมคิดว่าท่าดาบพินาศทัพหนึ่งแสนไม่ใช่การโจมตีเพียงดาบเดียว เพราะมันปล่อยคลื่นดาบออกไปหลายสิบเส้น”


“เพราะเป็นวิชาเลียนแบบยังไงล่ะ ข้าขอสันนิษฐานว่ามาดราจงใจแบ่งคลื่นดาบออกเป็นหลายเส้น เพื่อให้ร่างกายผู้ใช้งานได้รับภาระน้อยลง… เดี๋ยวสิ ข้ากลายเป็นอาจารย์ของเจ้าตั้งแต่เมื่อไร?”


“ถ้าไม่ใช่อาจารย์แล้วจะเป็นใครได้อีก? ท่านรับปากว่าจะสอนวิชาดาบมาดราให้ผมไม่ใช่หรือ?”


“เงียบน่า! ข้าไม่ได้สอนเพราะเป็นอาจารย์สักหน่อย ยอมถ่ายทอดให้เพราะเป็นกฎของหอคอย ในเมื่อเจ้าคือผู้ผ่านบททดสอบ”


“ครับ…”


เมื่อบีบันกล่าวอย่างเถรตรง กริดรู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อย


‘สำหรับเขา… การเรียกเราว่าศิษย์ถือเป็นสิ่งน่าอับอาย’


แต่กริดไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับ


แน่นอน บุคคลผู้มีสายตาเฉียบแหลมเยี่ยงบีบัน ย่อมทราบอยู่แล้วว่าตนไร้พรสวรรค์แถมยังสมองทึบ ใครจะไปอยากรับเป็นศิษย์กัน…


ทว่า เมื่อบีบันกล่าวประโยคถัดไป กริดพลันกระจ่างว่าตนเข้าใจผิดไป


“เจ้ามีอาจารย์ถึงสามคน หล่อหลอมจนกลายเป็นบุคคลแข็งแกร่งเฉกเช่นทุกวันนี้ ส่วนข้าเป็นเพียงผู้ผ่านทาง ชี้แนะแค่หางอึ่ง ไม่กล้าเรียกตัวเองว่าอาจารย์หรอกนะ”


“…เข้าใจแล้วครับ”


กริดมองบีบันใหม่อีกครั้ง


ถึงแม้ความประทับใจแรกจะไม่น่าอภิรมย์ แต่ยิ่งได้สนทนา ก็ยิ่งตระหนักว่าอีกฝ่ายมีจิตใจซื่อตรงเพียงใด


แน่นอน บีบันไม่ใช่คนดีอะไร


แต่มันเถรตรงและเคารพผู้อาวุโส


อดีตอริยดาบวกกลับเข้าเรื่อง


“ตามคำกล่าวก่อนหน้าของข้า วิชาดาบทั้งหมดของมาดราเป็นการฟันเพียงดาบเดียว ส่วนเรื่องดาบพินาศทัพหนึ่งแสนซึ่งยิงคลื่นดาบออกไป 30 เส้น ข้าขอตีความว่ามาดามต้องการลดภาระผู้ใช้ลง”


บีบันกล่าวได้ถูกต้องทุกประการ


วิชาดาบมาดราในมือกริด ล้วนเป็นวิชาดาบมาดราของร่าง ‘อัศวินความตาย’


เมื่อร่างกายเหลือเพียงโครงกระดูกแสนเปราะบาง พ่ายแพ้ต่อแรงระเบิดและแรงกระแทกทุกชนิด มาดราจำเป็นต้องลดอานุภาพของท่าลง ไม่อย่างนั้น ตัวมันอาจเสียชีวิตทันทีขณะปลดปล่อยวิชาดาบแบบเต็มประสิทธิภาพ


“จงดูและจดจำ”


บีบันผู้กำลังยืนริมขอบห้วงมิติเวทมนตร์ เริ่มสำแดงวิชาดาบให้กริดประจักษ์


คลื่นดาบ 30 เส้นพุ่งปะทะผนังห้วงมิติอีกฟากหนึ่งจนเกิดร่องรอยแตกหัก ลักษณะเหมือนกับดาบพินาศทัพหนึ่งแสนของกริดทุกประการ ต่างเพียงจุดเดียวคือพลังทำลาย… สำหรับกริด ไม่ว่าจะใช้ท่าโจมตีชนิดใด มันก็ไม่เคยสร้างรอยขีดข่วนให้ผนังห้วงมิติเวทมนตร์ได้เลยสักครั้ง


แถมบีบันยังใช้แค่ดาบดรรชนี…


แต่พลังทำลายจากท่าโจมตีถัดไป กลับน่าตกตะลึงจนกริดไม่เคยจินตนาการมาก่อน


ซู้ด—!


ขณะยืนเตรียมฟันในท่าเดิม บีบันสูดลมหายใจเต็มปอด กล้ามเนื้อตามลำตัวเริ่มขยายขึ้นเล็กน้อย


ฟุ่บ—!


คลื่นดาบพุ่งออกไปเพียงหนึ่งเส้น แต่กลับสร้างความพินาศใส่กำแพงห้วงมิติเวทมนตร์อย่างเหนือพรรณนา เกิดรอยแยกขนาดใหญ่จนมองเห็นโลกจริงด้านนอก มาพร้อมเสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหว


รอยแผลบนผนังมีลักษณ์เป็นเส้นตรงยาวแนวนอน ลึกเว้าคล้ายคมจันทร์เสี้ยว


บีบันรีบซ่อมแซมเนื่องจากกังวลว่าอาจมีใครบังเอิญได้ยินความลับด้านในเข้า


“ความแตกต่างข้อเดียวก็คือ เจ้าต้องเลือกว่าจะโจมตีแบบกระจัดกระจาย หรือรวมพลังทั้งหมดมาไว้หนึ่งจุด แน่นอน ต่อให้ปลดปล่อยพลังออกไปปริมาณเท่ากัน การโจมตีแบบจุดเดียวจะรวดเร็วและทรงพลังกว่ามาก แต่ปัญหาคือภาระต่อร่างกายผู้ใช้ มาดราออกแบบวิชาให้เหมาะสมกับร่างกายตัวเอง ส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังใจและเรี่ยวแรงอย่างมหาศาล เพราะต้องเพ่งสมาธิรวบรวมปราณดาบอันเข้มข้นไว้ในจุดเดียว จำเป็นต้องฝึกฝนอย่างหนัก และมีร่างกายแข็งแกร่งมากพอ จึงจะทนรับผลข้างเคียงของท่าได้”


นี่คือเหตุผลให้วิชาดาบของเราต้องกระจัดกระจายออกเป็น 30 เส้น…


กริดกระจ่างทันที แต่คำถามใหม่ได้ผุดขึ้น


“แล้วทำไมดาบสลายทัพสองแสน และดาบสกัดทัพหนึ่งแสน ถึงปลอดภัยต่อร่างกายแม้จะรวมพลังไว้จุดเดียว?”


สำหรับดาบสลายทัพสองแสน พลังชีวิตของผู้ใช้อาจลดลงก็จริง แต่นั่นไม่ได้เกิดจากผลของทักษะดาบ ทว่าเป็น ‘สิ่งแลกเปลี่ยน’ เพื่อสลายการโจมตีของศัตรู เพราะหากวิชาดาบดังกล่าวมิได้สลายทักษะใด พลังชีวิตผู้ใช้ก็จะไม่ลดลง


“ประสิทธิภาพของทั้งสองวิชาในมือเจ้า ลดลงจากท่าดั้งเดิมของมาดรามาก”


“…!”


“เดิมที ทั้งดาบสลายทัพและดาบสกัดทัพจำเป็นต้องใช้ปราณไร้ตัวตนเท่านั้น เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในพริบตาโดยไม่ต้องออกท่าทาง และเนื่องจากไม่ใช่วิชาสังหาร การรวมปราณไร้ตัวตนไว้ยังจุดเดียวจึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ในทางกลับกัน ดาบพินาศทัพคือวิชาเข่นฆ่าศัตรู จำเป็นใส่พลังทำลายและจิตสังหารลงไป”


มาถึงจุดนี้ บีบันเริ่มเกิดคำถามบ้าง


มันโพล่งถามกริดด้วยสีหน้าสงสัย


“ข้าสงสัยมานานแล้ว หากไม่รบกวนเกินไปก็ช่วยอธิบายให้ฟังสักหน่อยว่า เจ้าร่ำเรียนวิชาดาบมาดรามาจากไหน? ชายคนนั้นเสียชีวิตลงโดยไม่ได้ทิ้งคัมภีร์ลับไว้สักเล่ม”


“เรื่องนั้น…”


กริดเริ่มเท้าความเหตุการณ์หมู่เกาะเบเฮ็น


เรื่องราวเป็นไปอย่างละเอียด ถึงการฝ่าด่านอัศวินความตายของอดีตตำนานซึ่งถูกสร้างโดยแพ็กม่า จนกระทั่งถึงมาดราผู้เฝ้าเกาะสุดท้าย เล่ารายละเอียดการต่อสู้ รวมถึงการถูกมาดรายอมรับจนมอบไดอารีให้


“ในเวลานั้น มาดราอ่อนแอลงมาก ทั้งจากบาดแผลซึ่งถูกกองทัพจอมอสูรฝากไว้ ทั้งจากความโดดเดี่ยวตลอดหนึ่งร้อยปี”


“ลำพังถูกเปลี่ยนให้เป็นอันเดดก็กระทบต่อจิตใจมากแล้ว หากเป็นข้าก็คงสร้างวิชาดาบใหม่ให้เหมาะสมกับร่างกระดูกเช่นกัน”


“ครับ…”


“…เจ้าแพ็กม่าก็ทำเกินไปหน่อย ถึงจะมีเจตนาปกป้องโลก แต่การเปลี่ยนอดีตตำนานให้กลายเป็นอันเดดนี่มันก็…”


“…ท่านผู้อาวุโส ผมมีคำถาม”


กริดตัดสินใจพรั่งพรูข้อสงสัยออกไป


“ในตอนนั้น ขณะแพ็กม่าปกป้องโลกตามลำพัง หอแห่งปัญญากำลังทำอะไรอยู่?”


แพ็กม่าถูกทำให้โดดเดี่ยว แต่หอแห่งปัญญากลับไม่ยื่นมือเข้าช่วยแม้แต่น้อย


ไหนว่าคอยรักษาความสงบสุขให้โลก?


บีบันยิ้มจืดชืด


“กูเซลลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี”


“กูเซล?”


“มันคือมังกร แต่เดิมได้รับบาดเจ็บสาหัสเนื่องจากถูกมังกรคลั่งเนอวาร์ธานทำร้าย… ด้วยเหตุนี้ ขณะเกิดสงครามบุกถล่มหมู่เกาะเบเฮ็น กูเซลจึงพยายามช่วงชิงพลังเวทมนตร์จากเหล่าจอมอสูรซึ่งมารวมตัวบนเกาะ เพื่อนำมาใช้ฟื้นฟูร่างกายตัวเอง”


พลังของมังกรย่อมไม่ธรรมดา


หากมันพ่นลมหายใจเพื่อสังหารเหล่าจอมอสูรบนเกาะเบเฮ็น เกรงว่าแม้แต่เกาะก็จะไม่เหลือซากไว้ให้ชนรุ่นหลังสืบทอดตำนาน


“สภาหอคอยอย่างพวกเราจึงต้องรีบขัดขวางกูเซลอย่างสุดฝีมือ เป้าหมายหลักของหอแห่งปัญญาคือการกำราบสิ่งมีชีวิตทรงพลังซึ่งมนุษย์มิอาจต่อต้าน นั่นคือมังกร”


“…!”


กริดไม่สามารถวัดขอบเขตพลังบีบันได้เลย


แตกต่างจาก NPC พิเศษทั่วไปโดยสิ้นเชิง แค่เลเวลคร่าวๆ ก็มิอาจกะเกณฑ์ได้


ทำไมน่ะหรือ?


ในเมื่อบีบันเป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กรปราบมังกร พลังของชายคนนี้ต้องอยู่คนละมิติกับโลกกึ่งกลางอยู่แล้ว โดยเฉพาะกฎเหล็ก ห้ามมีปฏิสัมพันธ์กับโลกมนุษย์ บีบันจะถูกกำหนดให้เก่งสักเท่าไรก็ยังได้ เพราะสิ่งนี้ไม่ส่งผลต่อสมดุลโลกซาทิสฟาย


“ไม่เคยคิดว่ามนุษย์จะล่ามังกรไหว…”


“ล่า? ผิดแล้ว งานของพวกเราคือการทำให้สภาพแวดล้อมในเขตมังกรน่าอยู่อาศัย พวกมันจะได้นอนหลับสนิทตราบนานเท่านาน เป็นงานคล้ายกับผู้ดูแลมากกว่า ดังนั้น พลังงอกเงยจากเหล็กมังกรคลั่งจึงเป็นสิ่งต้องห้าม พลังเวทมนตร์ของมังกรคลั่งจะทำให้มังกรเกือบทุกตัวตื่นจากภวังค์นิทรา”


“ครับ…”


กริดเข้าใจแจ่มแจ้ง ว่าทำไมหอแห่งปัญญาจึงพยายามทำลายเหล็กมังกรคลั่งนัก เพราะหากมังกรทั่วโลกตื่นขึ้นจริง นั่นคงไม่ต่างจากเกมซาทิสฟายปิดตัวลง ชายหนุ่มรู้สึกเย็นสันหลังวาบเมื่อคิดว่าตนเกือบเป็นสาเหตุทำให้เกิดเรื่องเช่นนั้น


ในเวลาเดียวกัน มันเริ่มตระหนักถึงความไม่สมเหตุสมผล


“สภาหอคอยล้วนเก่งกาจทัดเทียมท่านไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมถึงไม่ร่วมมือกันปราบมังกรให้สิ้นซาก?”


“ถ้าไม่ใช่มังกรบาดเจ็บอย่างกูเซล หรือมังกรแฮชลิ่งแรกเกิด การล่าพวกมันคือเรื่องเป็นไปไม่ได้”


“หอแห่งปัญญาต้องคอยทำให้อาณาเขตของมังกรน่าอยู่และสงบสุข… คำกล่าวเช่นนี้หมายความว่า ถ้ามีมนุษย์ล่วงล้ำเข้าไป พวกท่านก็ต้องฆ่าทิ้งทันทีใช่ไหม?”


เหตุผลของคำถามกริดคือ มันกำลังคำนึงถึงเมืองคนแคระ ทาลิม่า


ในฐานะช่างตีเหล็ก ชายหนุ่มมีชะตาต้องไปเยือนทาลิม่าในสักวัน และบริเวณรอบเมืองทาลิม่าล้วนเป็นอาณาเขตมังกรไฟทราวก้า


หมายความว่า ตนอาจตกเป็นเป้าหมายของหอแห่งปัญญาได้เช่นกัน


แต่บีบันส่ายศีรษะ


“เวทมนตร์ของมังกรมีอิทธิพลช่วยให้มอนสเตอร์ภายในอาณาเขตทั้งทรงพลังและเปี่ยมด้วยปัญญา ระดับความปลอดภัยทางธรรมชาติจึงสูงมากในตัวเองอยู่แล้ว ต่อให้เหนือมนุษย์อย่างเจ้าเข้าไปรบกวน ก็ใช่ว่าจะมีชีวิตรอดกลับมาได้ ดังนั้น หอคอยจึงไม่จำเป็นต้องลงโทษผู้บุกรุกด้วยตัวเอง”


“ถ้าอย่างนั้น วลี ‘ทำให้อาณาเขตของมังกรสงบสุขและน่าอยู่’ หมายถึงเรื่องใด?”


“บาเอลชอบปั่นประสาทผู้คนเป็นงานอดิเรก บ่อยครั้ง มันจะเปิดประตูมิติใจกลางอาณาเขตมังกร และเข้าไปปลุกให้เหล่ามังกรตื่นขึ้นมาอาละวาด เมื่อพวกเราจับสัญญาณได้ก็ต้องรีบไปขัดขวางทันที แต่เนื่องจากบาเอลแข็งแกร่งกว่ามังกรเล็กน้อย หอแห่งปัญญาจึงทำได้เพียงขับไล่กลับไป”


“…อย่างนี้นี่เอง”


จอมอสูรลำดับ 1 แห่งขุมนรก บาเอล


กริดเคยพบเศษเสี้ยวตัวตนของมันมาแล้วหนหนึ่ง จึงทราบพอจะว่า อีกฝ่ายไม่ปรกติเลยสักนิดเดียว


ดวงวิญญาณของแพ็กม่า จะยังถูกกักขังอยู่ในเงื้อมมือบาเอลไหม…


“เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ควรเลิกคุยเรื่องไร้สาระ และตั้งใจรับการถ่ายทอด”


บีบันตั้งท่าเตรียมฟันอีกครั้ง คราวนี้เป็นดาบสลายทัพสองแสน


***


บนถนนอันคับแคบซึ่งบีบันสร้างห้วงมิติเวทมนตร์ครอบไว้


ถนนเส้นนี้คือทางลัดสำหรับเดินจากวังหลวงไปยังโรงเหล็กหลวง จึงไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรไปมาในยามปรกติ ส่วนมากมักเป็นบรรดาช่างเหล็กหรือไม่ก็ทหารลาดตระเวน


แต่เมอร์เซเดสก็ไม่ประมาท


เธอออกคำสั่งให้อัศวินและทหารจำนวนมาก ปิดตายเส้นทางดังกล่าวไว้อย่างมิดชิด


เพื่อให้มั่นใจว่า จะไม่มีใครย่างกรายเข้าใกล้ห้วงมิติเวทมนตร์ ซึ่งราชาของตนกำลังตั้งใจฝึกวิชาอยู่ด้านใน


“…”


ผ่านมาแล้วพักใหญ่


บีบันพยายามถ่ายทอดเคล็ดวิชาจำนวนมากให้กริด และชายหนุ่มก็พยายามตกผลึกให้กลายเป็นความรู้


จนกระทั่ง


ชิ้ง—!


ผนังมิติซึ่งถูกก่อจากปราณดาบแหลมคม ชนิดแม้แต่เมอร์เซเดสก็ไม่กล้าเฉียดใกล้ บัดนี้เริ่มสลายตัวหายไปกับความว่างเปล่า


บีบันกำลังอ่อนเพลีย ส่วนกริดแสดงสีหน้าพึงพอใจสุดขีด


เมอร์เซเดสรีบคุกเข่าลงหนึ่งข้างพร้อมกับโพล่งขึ้นด้วยใบหน้าขึงขัง


“ฝ่าบาทเพคะ ได้โปรดประหารดิฉันด้วย”


“หือ?”


เชี่ยไรอีกเนี่ย…?


กริดพลันขมวดคิ้วให้กับคำพูดเหลวไหล


“ดิฉันจ้องมองท่านภายในห้วงมิติด้วยความเป็นห่วง ไม่มีเจตนาล่วงเกินแต่อย่างใด ทว่า ดิฉันบังเอิญเข้าใจความหมายของเคล็ดวิชาดังกล่าว ส่งผลให้ขโมยพลังของฝ่าบาทมาเป็นของตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ ในฐานะอัศวินต่ำต้อย ความผิดในคราวนี้สมควรถูกประหารเพคะ”


“…!”


“…!”


กริดพอจะเข้าใจอยู่บ้าง แต่ด้านบีบันกำลังหน้าซีดเป็นกระดาษ


‘ดวงตานังเด็กนี่… สามารถทะลวงผ่านผนังห้วงมิติเวทมนตร์ของเราได้?’


ขณะบีบันกำลังยืนสั่นเทา สุ้มเสียงหนึ่งพลันดังแว่วข้างใบหู


“ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว… เพราะแม้แต่เทพก็ยังหวาดระแวงเนตรมองทะลุ”


“…!”


บีบันหันหลังกลับด้วยท่าทางหวาดกลัว และไม่ผิดคาด มันได้พบกับสตรีสูงวัยนางหนึ่ง ใบหน้าของเธอถูกฉาบด้วยเครื่องสำอางหนา คล้ายกับหวังกลบเกลื่อนริ้วรอยบนใบหน้าให้มิดชิด


สูงราว 190 เซนติเมตรเห็นจะได้ ทำเอาบีบันต้องแหงนหน้ามอง ศีรษะของเธอสูงไล่เลี่ยกริดเลยทีเดียว


“คุณเป็นใคร?”


แล้วผ่านเขตรักษาความปลอดภัยแน่นหนาเข้ามาได้อย่างไร?


เมอร์เซเดสรีบพุ่งเข้ามายืนบังกริด พร้อมกับชักดาบและโล่ด้วยมาดสง่างาม


ในเวลาเดียวกัน บีบันรีบตีเนียนมุดไปหลบหลังเมอร์เซเดส


สตรีปริศนาฉีกยิ้ม


“สาวน้อย เธอไม่ต้องกังวล ฉันแค่มาพาคนงี่เง่าชอบเล่นซ่อนแอบกลับบ้าน”


“…”


เมื่อทราบว่าการลบตัวตนไม่ได้ผล บีบันถอนหายใจด้วยสีหน้าขื่นขม


เหมือนมันจะเชื่ออย่างเป็นจริงเป็นจังว่า ตัวเองสามารถหลบสายตาของอีกฝ่ายได้แนบเนียน หากลบตัวตนอย่างสมบูรณ์และวิ่งไปหลบหลังเมอร์เซเดส


เหมือนกับแมวไม่มีผิด


“ท่านอาวุโส…”


กริดจ้องมองบีบันด้วยสายตานึกสงสาร


สงสัยบทลงโทษของหอคอยคงไม่ธรรมดาเสียแล้ว…


บีบันรู้สึกว่าตนไม่ได้รับความยุติธรรม


“ก็ข้าไม่ทราบว่าดวงตาของหล่อนจะทะลวงเข้าไปในห้วงมิติเวทมนตร์ได้! ทำไมถึงไม่รีบบอกแต่แรกล่ะโว้ย!?”


“…”


บีบันแผดเสียงพร้อมกับเดินจากไป


เป็นการจากลาอันแสนเอะอะโวยวายเหมือนกับขามาไม่มีผิด


[แล้วเจอกันในหอคอย]


เสียงของหญิงสาวปริศนา ดังกังวานภายในสมองกริดเป็นเวลานาน


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,518
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. สุดยอด👍
    ขอบคุณ​ครับ​

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00