จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,138



บราฮัมมิได้ชื่นชอบอะไรเผ่ามนุษย์มากนัก มันไม่เคยหวังกระทำสิ่งใดเพื่อคุณประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ


อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของบราฮัมกลับพลิกผันเทคโนโลยีเวทมนตร์ของเผ่ามนุษย์ไปตลอดกาล กลายเป็นคุณงามความดีทางอ้อมโดยเจ้าตัวไม่ได้ประสงค์


ผลพลอยได้จากการวิจัยเวทมนตร์คืนชีพ เกิดเป็นเวทมนตร์พื้นฐานทรงพลังจำนวนมากให้มนุษย์นำไปปรับใช้งาน


เวทมนตร์สำหรับคอยสอดส่องดูแลศิษย์จากระยะไกล ได้กลายเป็นเทคโนโลยีเวทมนตร์สื่อสารของโลกสมัยใหม่


ไม่เพียงเท่านั้น บราฮัมยังจับแวมไพร์จำนวนมากมาทดลองหาวิธีปลดคำสาปเกียจคร้าน แต่เรื่องดังกล่าวกลับกลายเป็นผลดีต่อมนุษย์ เพราะแวมไพร์เหยื่อของบราฮัมส่วนใหญ่มักถูกจับขณะกำลังออกล่ามนุษย์เป็นอาหาร


สำหรับมนุษย์ ตัวตนบราฮัมช่างยิ่งใหญ่ราวกับเทวทูตมาโปรด ประหนึ่งเกิดมาเพื่อมอบความเจริญรุ่งเรืองให้แก่มนุษย์ก็มิปาน เป็นดังพรสุดประเสริฐจากเทพธิดาแห่งแสง


แม้แต่นักศึกษาประวัติศาสตร์อัจฉริยะก็ยังนับไม่หมดว่า ความจริงแล้วบราฮัมได้สร้างชื่อเสียงเอาไว้กี่เรื่องกันแน่


อย่างไรก็ตาม หากใครสักคนถามบราฮัมว่า ความสำเร็จใดยิ่งใหญ่และน่าจดจำเป็นพิเศษ


บราฮัมจะตอบแบบไม่คิดทันที


อันดับสองคือ… การปล้นรังมังกรสำเร็จและยังมีชีวิตรอดกลับมา


และอันดับหนึ่ง… การได้พบกริด


‘ถึงเราจะเคยเห็นชายคนนี้ไม่ถูกเวทลวงตาของบีเลียลเล่นงาน แต่ว่า…’


เวทลวงตาของบราฮัมไม่ใช่เวทดาษดื่น แต่ได้รับมาจากการอ่าน ‘หนังสือแห่งอามอน’ ซึ่งขโมยออกมาจากรังมังกรไฟทราวก้า


อดีตจอมอสูรลำดับเจ็ด อามอน ถูกมังกรไฟทราวก้ากลืนลงท้อง และสูญเสียตำแหน่งลำดับเจ็ดให้กับจอมอสูรตนอื่นไป


อามอนมีพลังมองเห็นอดีตและอนาคต


หนังสือแห่งอามอนเล่มดังกล่าวบรรจุเทคนิคสำหรับมองเห็นอดีตไว้


แน่นอน ภาษาของอามอนอ่านไม่ง่าย หากไม่ใช่เหนือมนุษย์ผู้มีชีวิตยืนยาว มนุษย์ธรรมดาไม่มีทางถอดรหัสสำเร็จภายในหนึ่งอายุขัยของตน ทว่า สิ่งนี้กลับกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นของบราฮัมเป็นอย่างมาก


จนถึงกับต้องบุกถล่มรังมังกรด้วยตัวเอง


ระหว่างทาง บราฮัมเกือบสิ้นสติหลายหน


แต่หลังจากผ่านมวลหมู่กับดักแสนทรงพลังนับไม่ถ้วน ซึ่งจะทำให้ถึงแก่ความตายทันทีหากถูกเล่นงาน บราฮัมก็สำเร็จเป้าหมายในการขโมยหนังสือแห่งอามอนในตอนสุดท้าย


อย่างไรก็ตาม เกินกว่าครึ่งของหนังสือเล่มดังกล่าวถูกลมหายใจเพลิงแผดเผาจนมอดไหม้ บราฮัมจึงได้อ่านเพียงส่วนน้อย แต่นั่นก็เป็นส่วนสำคัญซึ่งกล่าวถึงวิธีการดึงความทรงจำอันโหดร้ายของเป้าหมายออกมา


และนั่นคือจุดเริ่มต้นของสุดยอดเวทมนตร์ลวงตา


เวทดังกล่าวจะก่อให้เกิดอาการหวาดผวาฉับพลัน เนื่องจากดึงความทรงจำแสนทุกข์ทรมานของเป้าหมายออกมาแสดงทันที


ในฐานะเวทมนตร์ลวงตาจากจอมอสูรลำดับเจ็ดโดยตรง เวทลวงตาปาหี่ของจอมอสูรลำดับ 22 อย่างบีเลียลจึงมิอาจทัดเทียม


แต่จู๊ดกลับต้านทานสำเร็จ ส่งผลให้บราฮัมตกตะลึงไปชั่วขณะ


ถึงกระนั้น มันยังตั้งสติเยือกเย็นได้ทันท่วงที


‘ถ้าอามอนทรงพลังจริง คงไม่ถูกมังกรไฟทราวก้ากินลงท้อง’


ยิ่งไปกว่านั้น บราฮัมได้อ่านหนังสือฉบับไม่สมบูรณ์ของอาม่อน


อาจไม่ใช่เวทลวงตาระดับต่ำ แต่เหตุการณ์ปัจจุบันได้พิสูจน์แล้วว่า เวทลวงตาดังกล่าวยังไม่ดีพอ


‘ชายคนนี้ไร้สมองจนปราศจากความหวาดกลัวหรือไง…’


กริดเคยกล่าวไว้ว่า จู๊ดจะน่ากลัวมากหากปรากฏตัวในฐานะศัตรู


เพราะชายคนนี้ไม่รักตัวกลัวตาย


‘… เหมือนกับพวกสัตว์เซลล์เดียว’


ต้องใช้พลังบดขยี้เท่านั้น


เมื่อได้ข้อสรุป บราฮัมใช้เวทเทเลพอร์ตรักษาระยะห่างจากจู๊ดทันที


ถึงจะไม่ต้องการสิ้นเปลืองมานาโดยใช่เหตุ แต่ปัจจุบันไม่ใช่เวลามัวหวงแหน


ร่างกายใหม่อ่อนแอเกินไป การต่อสู้ให้ชนะจู๊ดโดยไม่ใช่เทเลพอร์ตคงเป็นเรื่องยาก


ถึงจู๊ดจะโง่ แต่ถ้าเป็นด้านการต่อสู้ ชายคนนี้ก็มีหลายสิ่งไม่ธรรมดา


เปรี้ยะ!


เพียงบราฮัมตวัดมือเล็กน้อย มวลกระแสไฟฟ้าเริ่มผุดขึ้นจากอากาศว่างเปล่า


ตามหลักธรรมชาติของเวทมนตร์ ธาตุสายฟ้าคือตัวแทนของความเร็ว


และบราฮัมมีพลังในการรีดประสิทธิภาพของคุณสมบัติธาตุออกมาถึงขีดสุด


มหาจอมเวทผู้ต้องการถนอมมานา ตัดสินใจใช้เวทมนตร์ ‘หอกอัสนี’ ระดับต่ำใส่เป้าหมายโดยหวังเอาชีวิต


‘ในเมื่อประสาทสัมผัสเฉียบแหลมขึ้น ต้องสัมผัสถึงการโจมตีอันว่องไวของเราได้แน่…’


พื้นฐานของนักรบคือประสาทสัมผัสและสัญชาตญาณ สองสิ่งดังกล่าวคงช่วยคาดเดาทิศทางการโจมตีของศัตรูได้ไม่มากก็น้อย


เมื่อหอกสายฟ้าหายไปจากการมองเห็น จู๊ดโยกตัวหลบไปทางขวาอย่างคล่องแคล่ว


เป็นไปตามคาด


บราฮัมจงใจให้อีกฝ่ายหลบไปทางนั้น


“ย่าห์!”


จู๊ดพุ่งปรี่เข้าหาทันที


บราฮัมยืนรอจังหวะเล็กน้อย


จู๊ดกำลังวิ่งเลียดทุ่งข้าวเขียวขจีด้วยความเร็วสูง จนระยะห่างคนทั้งสองสั้นลงอย่างรวดเร็ว


ทันใดนั้น บราฮัมเริ่มเคลื่อนไหว


เนื่องจากถูกจู๊ดบีบให้หลบไปทางขวาในการโจมตีแรก ฝั่งซ้ายของมันจึงเปิดโล่ง


แต่บราฮัมอ่านขาดกว่านั้น ในเมื่อทางซ้ายเปิดโล่ง มันจึงเล็งยิงหอกอัสนีไปทางขวา เพราะศัตรูต้องย่อมตระหนักว่าตัวเองมีจุดอ่อนทางฝั่งซ้ายขนาดใหญ่


บึ้ม!


‘อะไรกัน…?’


บราฮัมขมวดคิ้วทันที


เวทมนตร์ของมันพลาดเป้า เนื่องจากจู๊ดโถมเข้าใส่เป็นเส้นตรงโดยไม่หลบหลีกไปทางขวาตามการคาดเดา


ดูเหมือนกลยุทธ์ทางจิตวิทยาจะใช้ไม่ได้ผลกับชายคนนี้แม้แต่น้อย


‘ไม่ทำตามสัญชาตญาณเลยหรือ…’


บราฮัมเริ่มหงุดหงิด คราวนี้มันเสกหอกอัสนีรุ่นเสริมแกร่งพุ่งออกไปเป็นเส้นตรง


และไม่พลาดเป้า


บึ้ม!


จู๊ดผู้วิ่งปรี่เป็นเส้นตรง ไม่แม้แต่จะขยับหลบออกจากวิถีหอกสายฟ้า


แต่เรื่องผิดคาดสำหรับบราฮัมคือ จู๊ดกลับยังไม่ล้มลงในการโจมตีเดียว


ตามธรรมชาติของซาทิสฟาย ยิ่งค่าสติปัญญาต่ำยิ่งมีค่าต้านทานเวทมนตร์น้อย ถึงจะไม่ได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ก็ยากจะหลีกเลี่ยงอาการ ‘ช็อกไฟฟ้า’ ซึ่งเป็นของแถม


หรือก็คือ จู๊ดไม่น่าจะขยับตัวได้สักพัก


เมื่อเห็นภาพตรงหน้า บราฮัมเริ่มตระหนักถึงต้นตอของเหตุการณ์แหกกฎฟ้าดินหนแล้วหนเล่า


‘พลังจิต…!’


พลังพิเศษเฉพาะเหนือมนุษย์ หรือไม่ก็ตัวตนระดับใกล้เคียงเท่านั้น


แม้กระทั่งกริด ก็ยังเพิ่งเข้าถึงระบบของพลังจิตได้ไม่นาน แต่อัศวินอ่อนแอลำดับท้ายๆ อย่างจู๊ดกลับครอบครอง…


กริดเองก็ตระหนักได้ในเวลาเดียวกัน


ไม่ใช่เพราะมันฉลาด


แต่เพราะข้อความระบบแจ้งเตือน


[อัศวินของท่าน ‘จู๊ด’ เข้าถึงระบบพลังจิต!]


ซู่ว!


สายลมล่องหนกำลังพุ่งเข้าหาบราฮัม


จู๊ดยังประชิดตัวบราฮัมไม่ได้ จึงมิอาจโจมตีอีกฝ่ายด้วยดาบ แต่จิตมุ่งมั่นอันต้องการจะตัดบราฮัมให้ขาดเป็นสองท่อน รุนแรงจนแม้แต่บราฮัมยังสัมผัสถึงจิตคุกคาม


ปราณไร้ตัวตนกำลังแหวกอากาศเข้าใส่มหาจอมเวทในตำนาน


แต่น่าเสียดาย บราฮัมเองก็เป็นผู้ครอบครองปราณไร้ตัวตน แถมยังมี ‘พลังจิต’ แข็งแกร่งพอจะสลายการโจมตีของจู๊ดทิ้ง


ซู่ววว…


ปราณจู๊ดดับมอดลงโดยพุ่งไม่ถึงเป้าหมาย


“… แข็งแกร่งผิดคาด”


บราฮัมพึมพำในลำคอ ใบหน้าของมันกำลังเผยรอยยิ้มจืดชืด


บึ้มมมม!


ขณะเดียวกัน เปลวเพลิงร้อนระอุลุกโชนจากอากาศว่างเปล่า จู๊ดเสียหลักล้มลงทันทีเนื่องจากได้รับความเสียหายรุนแรง


อย่างไรก็ตาม สายตาของมันกลับไม่ละออกจากบราฮัม ฝ่ามืออันไหม้เกรียมฝืนกำดาบซึ่งกริดสร้างให้แน่นถนัด


จิตใจยังคงเข้มแข็งดุจดังหินผา แม้ร่างกายจะแหลกเหลวจนมีอาจขยับเขยื้อนก็ตาม


“จู๊ดคือ. อัศวินคนแรก. ของฝ่าบาท.”


“จู๊ด…!”


หัวใจกริดถูกสั่นคลอน


ชายหนุ่มเริ่มเข้าใจเหตุผล ว่าเพราะเหตุใดจู๊ดถึงไม่ยอมแพ้แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังไร้หนทางชนะ


ทางด้านบราฮัมเองก็เช่นกัน


มันเพ่งมองจู๊ดผู้ถลึงตาใส่ตนอย่างอาฆาต ก่อนจะส่ายศีรษะแผ่วเบาและกล่าวกับอีกฝ่าย


“ฉันรู้ว่าแล้วนายคืออัศวินคนแรกของกริด ไม่ต้องห่วง ฉันไม่คิดจะแย่งไปจากนาย ดังนั้นช่วยรีบยอมแพ้และหมดสติไปสักที”


“จู๊ด. ขอบคุณ.”


ตึง!


สติสัมปชัญญะของจู๊ดจบลงเท่านี้


เรื่องน่าประหลาดคือ บราฮัมลงทุนเดินไปพยุงร่างอีกฝ่ายขึ้นมาด้วยตัวเอง ก่อนจะนำตัวจู๊ดมาวางไว้ตรงหน้านักบุญหญิง


กริดพยายามขยี้ตาด้วยสีหน้าสุดเคลือบแคลง บราฮัมเห็นดังนั้นจึงพ่นลมหายใจเหยียดหยัน แต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดเพิ่ม


กริดอ่านใจบราฮัมออก


“ฮะฮะ…”


ชายหนุ่มเดินไปจับฝ่ามืออันไหม้เกรียมของจู๊ด ผู้ต่อสู้เพื่อตำแหน่งของตัวเองอย่างสุดฝีมือโดยไม่เกรงกลัวความตาย


มันไม่อยากจะเชื่อเลยว่า อัศวินซึ่งตนพบเข้าโดยบังเอิญในเมืองไบรัน จะเติบโตกลายเป็นชายผู้ถูกยอมรับจากหนึ่งในบุคคลทรงพลังของโลกตลอดกาล


“สุดยอด…”


สมาชิกโอเวอร์เกียร์และเหล่าอัศวินต่างยืนมองสายสัมพันธ์ของกริดและจู๊ดอย่างไม่ละสายตา บ้างอมยิ้มอย่างมีความสุข บ้างกำลังปลาบปลื้มซาบซึ้ง


ไม่มีใครเกลียดหัวใจอันซื่อตรงของกริดและจู๊ดได้ลงคอ


***


“ดื่มสักหน่อยไหม”


ปิอาโร่ยื่นโพชั่นขวดสีฟ้าให้บราฮัม


สิ่งนี้คือสุดยอดโพชันมานาจากเทคโนโลยีโรงแปรธาตุสุดล้ำสมัยของเรย์ดัน


‘จะให้ฉันคนนี้ดื่มของเด็กเล่นจริงหรือ’


หรือไม่ก็


‘กล้าเป็นห่วงฉันคนนี้เชียวหรือ’


และอีกมากมาย


หากเป็นบราฮัมในอดีตคงกล่าวถ้อยคำเช่นนั้นออกไปอย่างไม่แยแส ดีไม่ดีอาจเผาโพชันทิ้งต่อหน้าปิอาโร่


“… ฮึ!”


แต่ผิดความคาดหมาย บราฮัมยินดีรับโพชันไว้อย่างเต็มใจ


ย้อนกลับไปสมัยก่อน มันทำตัวโอหังเพราะทราบดีว่าตนคืออันดับหนึ่งของโลกอย่างไร้ข้อกังขา ในฐานะบุคคลแข็งแกร่งกว่าใคร บราฮัมคิดว่าตนมีสิทธิ์มองคนอื่นเป็นมดปลวก


แต่ไม่ใช่กับปัจจุบัน มันทราบดีว่าอัศวินของกริดมีฝีมือไม่ห่างจากตนมากนัก โดยเฉพาะในร่างกายปัจจุบัน


ดังนั้น…


ครืนนนนนน…!


เมื่อมานาถูกฟื้นฟูขึ้นมาถึงระดับน่าพึงพอใจ บราฮัมเริ่มท่องคาถาร่ายเวทอุกกาบาต


ไม่ว่าบราฮัมจะเป็นมหาจอมเวททรงพลังมากเพียงใด แต่การใช้เวทใหญ่อุกกาบาต ไม่มีทางปลดปล่อยออกมาได้ในพริบตา ต้องคอยร่ายมนตร์บังคับให้อุกกาบาตพุ่งลงพื้น


“อึก…!”


ขณะมวลอากาศแปรเปลี่ยนกะทันหัน สมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างแหงนหน้ามองฟ้าด้วยสีหน้าหวาดผวา บางคนถึงกับหยุดหายใจ


อุกกาบาตขนาดมหึมากำลังพุ่งแหวกชั้นบรรยากาศของโลกตรงมาเบื้องล่าง ขนาดของมันใหญ่โตจนมองเห็นด้วยตาเปล่า


ผู้เล่นหลายหมื่นรอบทุ่งข้าวเองก็มีปฏิกิริยาไม่ต่างกัน


“… นั่นอะไร?”


“เป็นความจริงหรือเนี่ย…!”


ครืนนนนนนนน!!


ท้องฟ้ากำลังถล่ม ราวกับโลกใกล้แตกดับ


ภาพอุกกาบาตขยับใกล้เข้ามาทุกขณะ ไม่ว่าใครต่างก็ต้องจ้องมองด้วยความสับสน


“อาณาจักรโอเวอร์เกียร์… กำลังจะถูกลบออกจากทวีปตะวันตก?”


ลอเอลพึมพำด้วยสีหน้าเหม่อลอย


“บราฮัม นายไม่ได้ล้อกันเล่นใช่ไหม!”


กริดหันไปจ้องบราฮัมด้วยมุมปากสั่นระริก


แต่บราฮัมไม่ตอบสิ่งใด ปากยังคงขยับพึมพำร่ายเวทมนตร์อุกกาบาตต่อเนื่อง แต่สายตามองสลับไปมาระหว่างจอบสั้นในมือปิอาโร่ และฝ่ามืออันว่างเปล่าของตน


คล้ายกับกำลังจะบอกเป็นนัยว่า ‘หมอนั่นมีพลังโอเวอร์เกียร์ในมือ แต่ฉันไม่มี’


“ลองหยุดมันให้ดูหน่อย”


บราฮัมเปิดปากยั่วยุ ปิอาโร่ตอบกลับทันทีด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


“ฉันจะหยุดมัน และแสดงให้ทุกคนเห็นถึงความยอดเยี่ยมของยุคสมัยปัจจุบัน!”


อดีตตำนานเก่าแก่


เฉกเช่นนักรบทุกคน ปิอาโร่เคยมีความฝันจะได้ต่อสู้วัดฝีมือกับบุคคลอันยิ่งใหญ่บนหน้าประวัติศาสตร์ ผู้แข็งแกร่งพอจะจารึกตำนานด้วยสองมือของตัวเอง


สำหรับปิอาโร่ การได้พบบราฮัม ถือเป็นวาสนาอันดับสองรองจากการได้พบกริด มันจึงไม่ต้องการพลาดโอกาสทดสอบพลังตัวเอง ด้วยการทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเข้าใส่อีกฝ่าย


ตู้ม!


ปิอาโร่ระเบิดพื้นเพื่อกระโจนเข้าหาอีกฝ่าย


จากการกะเกณฑ์ด้วยสายตา สภาพร่างกายปัจจุบันของบราฮัมกำลังย่ำแย่


ปิอาโร่เชื่อว่า บราฮัมไม่มีสมาธิมากพอจะร่ายคาถาบงการอุกกาบาตไปพร้อมกับใช้เวทเทเลพอร์ต


ต่อให้เป็นมหาจอมเวทผู้ร่ายสองมนตราพร้อมกันจนเป็นเรื่องปรกติ แต่หากปราศจากมานา ก็คงมิอาจกระทำเช่นนั้นได้อยู่ดี


ปิอาโร่คำนวณว่า บราฮัมจะต้องกางบาเรียคุ้มกายป้องกัน หรือไม่ก็โจมตีสวนกลับด้วยเวทพื้นฐาน จึงทำการหว่านเมล็ดไปในตำแหน่งเหนือศีรษะบราฮัม


อย่างน้อย หากเป็นตอนนี้ล่ะก็ ปิอาโร่เชื่อว่าตนสามารถชิงความได้เปรียบจากบราฮัมได้


แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม


เวทตั้งเวลาถูกผนวกเข้ากับเทเลพอร์ต


ราวกับอ่านออกแต่แรกว่าปิอาโร่จะพุ่งโจมตีเข้าใส่ บราฮัมเริ่มตั้งเวลาเทเลพอร์ตล่วงหน้านับตั้งแต่มันเอาชนะจู๊ดมาได้


อีกหนึ่งปัจจัยช่วยให้แผนสำเร็จก็คือ มานาของมันกำลังฟื้นฟูต่อเนื่องด้วยความเร็วสูง


ขณะเริ่มร่ายมนตร์สร้างอุกกาบาต บราฮัมทำการ ‘ร่ายเวทคู่ขนาน’ สร้างอุกกาบาตไปพร้อมกับทักษะ ‘ดูดกลืนมานา’


เป้าหมายการช่วงชิงมานาคือบรรดาพืชผลอันมากมายจากทุ่งข้าวรอบบริเวณ


“ถ้าไม่รีบล่ะก็… อาจจะแพ้ก็ได้นะ”


เมื่อเห็นบราฮัมปรากฏตัวอีกครั้งในจุดห่างออกไป ปิอาโร่รีบยิงปราณล่องหนเข้าใส่จากระยะไกลทันที


เพื่อชิงความได้เปรียบในการต่อสู้ ชาวนาในตำนานหวังกดดันให้บราฮัมต้องกางข่ายเวทมนตร์ออกมาตั้งรับ


แล้วก็ไม่ผิดคาด


บึ้มบึ้มบึ้ม!


บราฮัมผู้กำลังเพ่งสมาธิควบคุมอุกกาบาต ไม่มีสติพอจะรับมือปราณล่องหนได้แม่นยำ จึงต้องเสกบาเรียคลุมกายโดยไม่มีทางเลือก


ในเวลาเดียวกัน ปิอาโร่เข้าสู่ภาวะเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติและหายตัวเข้าไปในทุ่งข้าวเขียวขจี


หลังจากนั้น


ครืนนนนน!


ลำต้นมันฝรั่งขยายตัวกะทันหัน ขนาดของมันใหญ่โตจนมนุษย์ตัวเล็กลงประหนึ่งคนแคระในทันใด


ต้นมันฝรั่งผงาดขึ้นจากดินด้วยความเร็วสูงโดยมีปิอาโร่ยืนขี่อยู่ด้านบน ราวกับมังกรกำลังฟาดหางใส่บราฮัมก็มิปาน


ถึงจะไม่รวดเร็วเท่าชุนโปหรือเทเลพอร์ตของบราฮัม แต่มันฝรั่งผงาดก็ช่วยให้ปิอาโร่ย้ายตำแหน่งด้วยความเร็วสุดน่าทึ่ง


เพียงพริบตาก็เข้าประชิดตัวบราฮัมสำเร็จ ตามด้วยการเหวี่ยงจอบสั้นเป็นจันทร์เสี้ยว


“เก็บเกี่ยว!”


พรืด!


ปุดปุดปุดปุดปุดปุด!!


สนามรบทุ่งพืชผลกำลังบ้าคลั่ง


ลำต้นมันหวานจำนวนมากขยายขนาดเท่าเสาหินพร้อมกับทิ่มแทงขึ้นจากดิน ผลมันหวานขนาดเท่าบ้านหลายสิบลูกร่วงหล่นจากท้องฟ้าด้วยความเร็วสูงในลักษณะเดียวกับครกยักษ์


“…!!”


เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้าเต็มสองตา ทั้งกริดและสมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างหมดคำจะกล่าว


“นั่นมันฝรั่งของพวกเราไม่ใช่หรือ”


จอมดาบเวทอัจฉริยะ บลันด์ รำพันด้วยน้ำเสียงผิดหวังและหดหู่


“ทำฟาร์มอิสระ! มันหวานกระหน่ำตี!!”


ปิอาโร่ซึ่งปัจจุบันถือก้านมันหวานแทนอุปกรณ์ทำฟาร์ม รัวฟาดอาวุธชนิดใหม่ในมือเข้าใส่บราฮัมต่างแส้


ในเวลาเดียวกัน ผลมันหวานก้อนเท่าบ้านกำลังกระหน่ำตกใส่ศีรษะบราฮัมจากด้านบนประหนึ่งห่าฝน


บึ้ม!


บึ้มบึ้มบึ้ม!!


บึ้มมมมมมมม!!!!


“คึ่ก…!”


เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ หวานเมล็ด เร่งโต เก็บเกี่ยว รวมถึงทักษะใหม่ ปิอาโร่พรั่งพรูทั้งหมดใส่บราฮัมอย่างไม่หวงแหน


ถึงจะมีเงื่อนไขใช้งานยุ่งยาก แต่ประสิทธิภาพก็ต้องยกย่อง


อุกกาบาตมหึมาของบราฮัมอาจแผ่ปกคลุมท้องฟ้าก็จริง แต่มันหวานยักษ์ของปิอาโร่กำลังยึดครองผืนดินโดยสมบูรณ์


และบราฮัมยืนอยู่บนผืนดิน!


กริดรีบใช้ ‘เปลี่ยนรูปไอเท็ม’ เพื่อคัดลอกโล่ในมือเมอร์เซเดส จากนั้นก็พุ่งตัวไปปกป้องเหล่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์พร้อมกับแรนดี้ หัตถ์เทวะ และโนเอะ ส่วนเมอร์เซเดสคอยยกโล่คุ้มกันจู๊ดกับรูบี้


‘ปิอาโร่ชนะแล้ว!’


อัสโมเฟลมั่นใจมาก


ในฐานะผู้ยืนหยัดข้างปิอาโร่มาตลอด มันย่อมแสดงอาการดีใจจนออกนอกหน้า


ทว่า… เงาดำขนาดมหึมาบนพื้นยังคงขยายขนาดโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง


“…!”


เมื่ออุณหภูมิรอบตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สมาชิกโอเวอร์เกียร์และอัลโมเฟสรีบแหงนหน้ามองท้องฟ้าอย่างไม่มีทางเลือก


อุกกาบาตยังคงไม่เลือนหายไป แถมยังขยับเข้าใกล้มากขึ้น


ใกล้ถึงพื้นเต็มทีแล้ว


แม้แต่ปิอาโร่ผู้ปลดปล่อยพลังเกือบทั้งหมดก็ยังมิอาจหยุดการร่ายเวทของบราฮัมได้


“คึ่ก…!”


ผิดพลาดตรงไหนกัน?


บราฮัมทำอะไรกันแน่?


ด้วยพลังทำลายมหาศาลระดับฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย บราฮัมยังรักษาสติร่ายเวทมนตร์ต่อไปได้อย่างไร?


ท่ามกลางความวุ่นวายและฝุ่นควันคละคลุ้งฟุ้งกระจาย ปิอาโร่กำลังเผยสีหน้าประหลาดใจสุดขีด เนื่องจากพบว่าบราฮัมหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย


แม้จะอยู่ในภาวะหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ แต่ชาวนาในตำนานก็มิอาจค้นหากระแสวิญญาณของบราฮัมพบ


ราวกับมหาจอมเวทในตำนานไม่เคยมีตัวตนอยู่บนโลกนี้มาก่อน


“ทำฟาร์มอิสระ!”


ในวินาทีนี้ ปิอาโร่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเล็งทำลายอุกกาบาตโดยตรง


ต้องเป็นการโจมตีอันทรงพลังและเล็งไปยังศูนย์กลางอุกกาบาตอย่างแม่นยำเท่านั้น


ซู่ววว—!


ทันใดนั้น ห้วงมิติรอบตัวปิอาโร่เกิดบิดเบี้ยวกะทันหัน พร้อมกับดูดปิอาโร่ให้หายเข้าไปในนั้นอย่างน่าฉงน


นี่คือหนึ่งในพลัง ‘ห้อง’ ทั้งสามชนิดของมหาจอมเวทในตำนาน


บราฮัมไม่เคยใช้มันในการดวลกับมนุษย์คนใดมาก่อน


ปิอาโร่ถือเป็นคนแรก


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,527
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. กำลังมันส์เลย นี้บราฮัมแค่ฟื้นคืนชีพแบบยังไม่ได้อัพเลเวลเลยนะ ถ้าเลเวลกลับไปรุ่งโรจแบบเก่านี้ไม่อยากจะคิดเลย
    ขอบคุณสำหรับงานแปล ดีๆ อีกเช่นเคยเลยนะครับแอดมิน

    ReplyDelete
    Replies
    1. สภาหอปัญหาอันดับ8 น่าจะเรียนเวทปราบมังกรมาได้บ้างแหล่

      Delete
  2. คือ....
    แบบว่า สนุก​น่าติดตามมาก
    ค้าง
    ขอบคุณ​แอดมินมากๆครับ😁

    ReplyDelete
  3. คิดถึง​นะครับ​แอด​🤗

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00