จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,141



ความฝันคราวนี้ช่างยาวนาน


และเหมือนเดิม… เป็นฝันร้าย


เราอยากตื่น… แต่ไม่สามารถ


ท่ามกลางสติอันเลือนราง ความปรารถนาภายในใจมิอาจเอาชนะร่างกายของตัวเองได้


คำสาปเกียจคร้านถูกฝังลึกในดวงวิญญาณเฟนเรียร์ และมันส่งผลรุนแรงเหนือพรรณนา


“…”


เฟนเรียร์ถูกคำสาปเล่นงานตลอดชีวิต เนื่องจากมารดาอย่างเบริอาเช่ต้นตระกูลถูกขับไล่จากขุมนรก


มันเกลียดชังโชคชะตาตัวเอง


แม้จะไม่เคยเล่าให้พี่น้องคนอื่นฟัง แต่เฟนเรียร์รู้สึกโกรธแค้นมารดามาตลอด


หล่อนให้กำเนิดเราขึ้นมา เพียงเพื่อมอบความเจ็บปวดอย่างนั้นหรือ…


เราเกลียดชังท่านแม่ผู้ไร้ความรับผิดชอบ…


“…”


ภาพฝันร้ายจบลงกะทันหัน


เปลือกตาของเฟนเรียร์ซึ่งเคยหนักอึ้งเพราะคำสาป ยามนี้กลับเบาหวิวราวปุยนุ่นโดยไม่ทราบสาเหตุ


มันลืมตาขึ้น จ้องมองเข้าไปในความมืดมิดและเงียบงันรอบตัว


ท่ามกลางโลงศพหนาวเย็น


ภายในภาชนะอับแสงสว่าง เฟนเรียร์ตระหนักว่ามีบางสิ่งไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น


ฝันร้ายของมันในคราวนี้ ยาวนานและน่าหวาดกลัวในระดับไม่ปรกติ ความกังวลใจอย่างไร้สาเหตุกำลังแล่นไปยังทุกส่วนของร่างกาย


บึ้ม!


นี่เรากำลังเห็นภาพหลอนอยู่หรือ…


เฟนเรียร์ลุกขึ้นจากโลงศพด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว


มนุษย์เพศหญิงผอมเพรียวผู้หนึ่ง ร่างกายของเธอกำลังชุ่มโชกไปด้วยเลือดสด


ใต้ฝ่าเท้าของเธอคือหมาป่า


หมาป่าดังกล่าวเป็นราวกับอีกจิตหนึ่งของเฟนเรียร์ มันกำลังนอนหายใจรวยรินในสภาพลิ้นห้อยจุกปาก


“มนุษย์โสโครก… เจ้าคิดจะทำอะไร”


มารดาผู้ทิ้งคำสาปและความแค้นไว้ให้


พี่น้องผู้เอาแต่เทิดทูนมารดาอย่างหน้ามืดตามัวและปราศจากเหตุผล


เมื่อเทียบกับแวมไพร์ตนอื่น เฟนเรียร์มีจุดยึดเหนี่ยวในชีวิตไม่เหมือนใคร และสิ่งนั้นคือหมาป่าผู้ไม่เคยทรยศมันแม้แต่ครั้งเดียว


หมาป่าซึ่ง… กำลังจะตาย


ความเกรี้ยวกราดอันเยือกเย็นเริ่มท่วมท้น


อากาศเย็นเฉียบแผ่ไปรอบห้องอย่างกะทันหัน


มนุษย์เพศหญิงตรงหน้าเริ่มสั่นเทา


แขนของหล่อนถูกเขี้ยวสัตว์กัดจนเหวอะหวะ กึ่งกลางหน้าอกปรากฏบาดแผลฉกรรจ์ลึก สภาพไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้ว


แต่น่าเสียดาย ประกายดวงตาบ่งบอกว่าหล่อนยังมีชีวิตอยู่


“ตาบอดหรือไง? ก็ตามสภาพ ฉันกำลังจะเชือดหมาป่าตัวนี้ทิ้ง ซื่อสัตย์จนน่าเหลือเชื่อ”


กร็อบ!!


กะโหลกศีรษะของหมาป่าผู้นอนหายใจแผ่วเบามาสักพัก ถูกขวานจามใส่อย่างไร้ความปรานี


ก่อนมันจะตาย ดวงตาหันไปจ้องมองเฟนเรียร์เป็นครั้งสุดท้ายในลักษณะห่วงใย


มันมิได้โกรธแค้นเจ้านายผู้เอาแต่นอนหลับเป็นเวลานาน หมาป่าตัวนี้ยังคงมอบความรักให้เฟนเรียร์แม้จะเป็นลมหายใจสุดท้ายของมัน


กร็อบ…!


เฟนเรียร์กัดฟันกรอด เขี้ยวแหลมยาวถูกฟันล่างกระทบจนหัก จากนั้นก็กลืนเศษเขี้ยวแตกลงท้องตัวเอง


“เลือดสกปรกของเจ้า ข้าไม่ต้องการ”


“…”


“ข้าจะกินเจ้าทั้งเป็น”


***


หมาป่าปริศนา ซึ่งขย้ำร่างเครปัสจนถึงแก่ความตายในวินาทีปรากฏตัว จัดเป็นมอนสเตอร์ระดับสูงและทรงพลังผิดความคาดหมายทุกคน


อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนของมันคือโลงศพเฟนเรียร์ ขณะกลุ่มไฮแรงเกอร์และอาสึกะฉวยโอกาสเข้าใกล้โลง หมาป่าตัวนี้จะพุ่งเข้าไปปกป้องอย่างซื่อสัตย์เสมอ โดยไม่สนว่าจะถูกดาบหอกทิ่มแทงใส่แผ่นหลัง


เมื่อตระหนักได้ อาสึกะพบหนทางเอาชนะหมาป่าดุร้ายทันที


ความจงรักภักดีของหมาป่า เป็นราวกับพรจากสวรรค์สำหรับนักรบคลั่งสาวสวย


ถึงกระนั้น หมาป่าตัวนี้มิใช่มอนสเตอร์อ่อนแอซึ่งจะเอาชนะด้วยโชคเพียงอย่างเดียว


อาสึกะสูญเสียสมาชิกปาร์ตี้ไปมากมาย


สำหรับปาร์ตี้ไฮแรงเกอร์ระดับท็อปของโลก ผลลัพธ์ของดันเจี้ยนสำคัญเหนือสิ่งใด โดยเฉพาะดันเจี้ยนพิสดาร ไม่สามารถกลับออกไปได้จนกว่าจะตายหรือฆ่าบอส พวกมันจึงเตรียมรับมือกับทุกสถานการณ์ ทุกสิ่งถูกวางแผนล่วงหน้าเป็นอย่างดี


แน่นอน ทุกคนเตรียมใจตายไว้แล้ว


และไม่ใช่แค่นั้น พวกมันยังพก ‘ลูกกวาด’ ของร้านค้าชื่อเสียงติดตัว บางคนถึงกับยอมเสียสละไอเท็มมูลค่าสูงจากภารกิจลับ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนิดใช้แล้วหมดไป และเหลือเพียงน้อยชิ้นบนโลก


ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า 36 ชีวิตจากท็อป 100 ของโลก ได้ทุ่มเทหมดหน้าตัก เพื่อรีดประสิทธิภาพตัวละครออกมาจนถึงขีดสุด


เมื่อหมาป่าดุร้ายถูกรุมโจมตีโดยมีโลกศพเป็นตัวประกัน มันจึงทำได้เพียงตั้งรับฝ่ายเดียว


ศาสตราวุธนานับชนิดของเหล่าแรงเกอร์ในสภาพบัฟเต็มอัตราศึก พุ่งทะลวงร่างหมาป่าหนแล้วหนเล่าอย่างไรความปรานี โดยเฉพาะนักรบคลั่งอาสึกะ เธองัดอาวุธของเทพเดบีเรียน เทพแห่งการล่า ออกมาจัดการกับมอนสเตอร์แพ้ทางโดยเฉพาะ


หนึ่งชั่วโมงแห่งการดิ้นรนจบลง


“แฮ่ก… แฮ่ก…”


และแล้ว ผู้รอดชีวิตฝ่ายมนุษย์เพียงหนึ่งเดียว อาสึกะ ก็ทำให้หมาป่าดุร้ายนอนหมดสภาพใต้ฝ่าเท้าของเธอสำเร็จ


กรร—!


สัตว์ป่าทรงพลังและเกรี้ยวกราด ผู้กลืนกินมนุษย์ 35 ชีวิตลงท้องภายในระยะเวลาหนึ่งชั่วโมง บัดนี้ทำได้เพียงส่งเสียงครางแผ่ว


ดวงตาจ้องมองไปยังโลกศพซึ่งเจ้านายของมัน เฟนเรียร์ กำลังหลับสนิทอยู่ด้านใน


หมาป่าผู้น่าสงสาร ยังคงเป็นห่วงชายคนนั้นจนถึงลมหายใจสุดท้ายของชีวิต


“…”


อาสึกะคือนักรบคลั่ง


ขณะต่อสู้ หากเข้าสู่ภาวะบ้าคลั่งเมื่อใด น้ำลายจะเริ่มยืดยาว ดวงตาอัดแน่นด้วยโทสะอันเกรี้ยวกราด แต่นั่นเป็นเพียงเอฟเฟคจากระบบเกม อาสึกะไม่ได้กำลังเสียสติจริง


เธออ่านสีหน้าแววตาของหมาป่าออก และเริ่มเกิดอารมณ์เห็นใจในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง


“ชิ…!”


ด้วยหัวใจอันเจ็บแปลบ อาสึกะยกขวานในมือขึ้นสูง


ศาสตราเล่มนี้คือขวานซึ่งถูกเทพเดบิเรียน เทพแห่งการล่า อวยพรจนมีประสิทธิภาพสูงลิบ มาพร้อมออปชันสร้างความเสียหายเพิ่มเติมต่อสิ่งมีชีวิตประเภทสัตว์ป่า


แต่ทันใดนั้น เฟนเรียร์ตื่นขึ้นจากโลงศพ


บึ้ม!


ฝาโลงระเบิดกระจัดกระจายคล้ายเศษกระดาษถูกฉีก บางส่วนกระเด็นขึ้นไปชนเพดานห้องจนเกิดรอย


“มนุษย์โสโครก… เจ้ากำลังจะทำอะไร”


จิตสังหารอันท่วมท้นของแวมไพร์มาร์ควิสซึ่งมีระดับตัวตนเทียบเท่าจอมอสูร ได้กระตุ้นความหวาดกลัวจากส่วนลึกของจิตใจอาสึกะ


อย่างไรก็ตาม หญิงสาวมิได้เสียขวัญ เธอเตรียมใจรอรับความตายนานแล้ว


“ตาบอดหรือไง? ก็ตามสภาพ ฉันกำลังจะเชือดหมาป่าตัวนี้ทิ้ง ซื่อสัตย์จนน่าเหลือเชื่อ”


วาจาเหยียดหยัน หวังกระตุ้นต่อมโทสะ


แวมไพร์น่าสมเพช ผู้ถูกคำสาปเล่นงานจนลุกขึ้นมาช่วยสัตว์เลี้ยงแสนรักไม่ทันเวลา


กร็อบ!!


ขวานในมือเธอส่งให้หมาป่าหลับสบาย


“…ข้าจะกินเจ้าทั้งเป็น”


เมื่อก้าวออกจากโลงศพ เฟนเรียร์ย่างกรายเข้าหาอาสึกะอย่างไม่รีบร้อน


เป็นก้าวเดินแสนเชื่องช้า


สายตาราวกับต้องการสลักความกลัวลงบนตัวเหยื่อไปตลอดกาล


สีหน้าราวกับกำลังสำนึกผิดในความไร้ฝีมือของตัวเอง ซึ่งมิอาจเอาชนะคำสาปและตื่นขึ้นมาช่วยสัตว์เลี้ยงคู่หูได้ทันเวลา


‘สัตว์ประหลาดก็ยังเป็นสัตว์ประหลาด…’


อาการผิดปรกตินานับชนิดกำลังพรั่งพรูใส่ร่างกายอาสึกะโดยไม่หยุดพัก


หากเฟนเรียร์ตื่นขึ้นเร็วกว่านี้สักครึ่งชั่วโมง อย่าว่าแต่จะล่าหมาป่า แค่สร้างร้อยขีดข่วนก็คงทำไม่สำเร็จ


ฉึบ.


อาสึกะเปิดช่องสัมภาระอย่างชำนาญ เธอยัดขวานเข้าไป และหยิบดาบออกมาสองเล่ม


ดาบเล่มหนึ่งถูกหยิบพร้อมฝัก


ฝักสลักลวดลายดวงอาทิตย์


‘ถ้าเป็นนาย… คงฆ่าไอ้ระยำนี่และแก้แค้นให้ฉันได้แน่’


สำหรับดันเจี้ยนปิดตาย หากเหตุการณ์ภายในไม่ถูกรีเซต กำลังเสริมทั้ง 35 ชีวิตก็มิอาจกลับลงมาช่วยอาสึกะได้


แผนสังหารเฟนเรียร์ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง


อาสึกะและปาร์ตี้ทุ่มเททุกสิ่งไปกับหมาป่าดุร้ายด้านนอกจนหมดสิ้น โอกาสเอาชนะเฟนเรียร์จึงไม่หลงเหลือ


แต่เธอมั่นใจ หากเป็นกริดและสมาชิกโอเวอร์เกียร์ระดับขุนพล จะต้องฝ่าด่านเมืองแวมไพร์เข้ามาถึงห้องเฟนเรียร์ได้แน่


อาสึกะรู้จักกริดดีกว่าใคร


เธอถูกชายคนนั้นสอนบทเรียนอันล้ำค่าขณะเกมซาทิสฟายเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน


กริดแข็งแกร่ง และยังมีศักยภาพสูงส่ง


กริดจะแก้แค้นแทนเธอ และสังหารแวมไพร์ระยำตรงหน้า ให้มันต้องทุกข์ระทมเหนือพรรณนา ยิ่งกว่าความตายซึ่งเธอกำลังจะได้รับในวันนี้


เคร้ง!


อาสึกะโยนดาบพร้อมฝักสลักลวดลายดวงอาทิตย์ ออกไปด้านนอกประตูห้องบอสเฟนเรียร์ จากนั้นก็พูดกับอากาศ ประหนึ่งพวกพ้องทั้ง 35 คนยังคงจดจ่อตั้งใจฟัง


“ลำพังการฆ่าหมาป่า คงช่วยให้พวกนายทุกคนได้รับสมญานามไปมากมายใช่ไหม… แค่นั้นก็คุ้มค่าสำหรับเราแล้ว”


กร็อบ!


ความตายโดยการถูกกินทั้งเป็น


ความตายอันโหดร้ายอันดับหนึ่งของเกมซาทิสฟายซึ่งถูกโหวตโดยผู้เล่นทั่วโลก กำลังคืบคลานเข้าหาอาสึกะอย่างไร้ความปรานี


แต่เธอไม่แม้กะพริบตา เพียงยอมรับความตายอย่างสงบ


“อาหารมื้อสุดท้ายของแกแล้ว… จงดื่มด่ำให้เอร็ดอร่อย…”


“คึคึก…”


“…!”


อาสึกะผู้มีสีหน้าผ่อนคลายจนถึงเมื่อครู่ เริ่มเผยความตกตะลึงสุดขีด


สาเหตุเกิดจาก ดาบตะวันเฉิดฉายซึ่งเธอจงใจโยนออกไปนอกห้องบอส กลับถูกเข้ามาอยู่ในมือเฟนเรียร์กะทันหัน


ฉ่า~


ผิวหนังเฟนเรียร์ถูกแผดเผา เนื่องจากมันใช้มือเปล่าหยิบจับโดยตรง


ด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เฟนเรียร์ทำการขว้างดาบขึ้นไปยังใจกลางเพดานสูงด้านบน


ดาบพร้อมฝักดวงอาทิตย์ลอยขึ้นไปค้างบนโคมเทียมระย้าจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าจากด้านล่าง


ไม่มีใครใช้งานดาบเล่มนั้นได้อีก


เพราะเธอประมาทปัญญาประดิษฐ์ระดับสูงของซาทิสฟายเกินไป อาสึกะจึงกลายเป็นผู้เล่นคนแรกของโลก ผู้ถูกมอนสเตอร์ขโมยไอเท็มต่อหน้าต่อตา


[ท่านได้รับสมญานาม <ไอ้งั่ง> โทษฐานกระทำสิ่งโง่เขลา จนวีรกรรมถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของซาทิสฟายตลอดกาล]


“XXX…!!”


อาสึกะสบถคำหยาบคายสุดท้ายก่อนสิ้นลมหายใจ


***


[ท่านสร้าง <เสื้อคลุมบราฮัม> สำเร็จ!]


[เนื่องจากท่านสร้างไอเท็มเกรดเลเจนดารีสำเร็จ ทักษะ <ความชำนาญตัดเย็บขั้นสูง> กลายเป็นเลเวล 3!]


[รางวัลจากการสร้างไอเท็มเกรดเลเจนดารี แต้มสถานะทุกชนิด +25 หน่วย ค่าชื่อเสียงระดับทวีปเพิ่มขึ้น 1,000 หน่วย]


‘เจ๋งเป้ง!!’


หนึ่งในขุมพลังสำคัญของกริดคือแต้มสถานะ แต่หลังจากทักษะตีเหล็กพัฒนาถึงจุดหนึ่ง มันกลับได้รับแต้มสถานะจากการผลิตเพียงน้อยนิด


แต่เรากำลังหมายถึงเทคนิคตีเหล็ก


ไม่เกี่ยวกับการตัดเย็บ


การฝึกเย็บกางเกงในตลอดหลายปีหลังไม่ใช่เรื่องสูญเปล่าอีกต่อไป มันเริ่มผลิดอกออกผลและช่วยเพิ่มแต้มสถานะให้กริดในเวลานี้


เป็นอีกหนึ่งสาเหตุทำให้ชายหนุ่มดีใจมากอย่าง เมื่อทราบว่าบราฮัมจะมอบสูตรผลิตไอเท็มเกรดเลเจนดารีแบบตายตัวให้


จากบรรดาสูตรทั้งหมด ไอเท็มชิ้นส่วนหมวก ถุงมือ และชุดคลุม สามารถสร้างได้จากทักษะการตัดเย็บ ส่งผลให้เลเวลของทักษะพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด


สถานการณ์คล้ายกับสมัยยังเป็นช่างตีเหล็ก หากสร้างไอเท็มเกรดเลเจนดารีครบ 5 ชิ้นเมื่อไร โบสถ์ค่าสถานะทุกชนิด +25 ก็จะถูกนำออก


‘นับแต่นี้เป็นต้นไป งานกรรมกรของเราคือการสร้างเซตบราฮัมให้ครบ!’


แต่ปัญหาคือวัสดุ


จำเป็นต้องสร้างด้วยเส้นด้ายซึ่งทอจากรังไหมไลพาร์ดเท่านั้น ซึ่งหาได้ไม่ง่ายนัก


รังไหมดังกล่าวถูกผลิตจากหมู่บ้านเล็กๆ ภายในดินแดนของอาณาจักรเก๊าส์ และในฐานะประเทศศัตรู กษัตริย์เก๊าส์ย่อมไม่ค้าขายแลกเปลี่ยนกับราชาโอเวอร์เกียร์แน่นอน


‘ถึงเวลาต้องสู้แล้วสินะ’


ในเชิงประวัติศาสตร์ อาณาจักรโอเวอร์เกียร์เคยถูกเก๊าส์คุกคามด้วยความมุ่งร้ายบ่อยครั้ง


และยิ่งมองในเชิงการขยายดินแดน สงครามกับอาณาจักรเก๊าส์จึงไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เลย


เป็นสาเหตุว่าทำไมลอเอลจึงยังพัฒนากำลังทหารอย่างต่อเนื่อง แม้จะจับมือเป็นพันธมิตรกับจักรวรรดิสุดแกร่งแล้ว เพราะมันมีแผนเตรียมรุกรานอาณาจักรเก๊าส์นี่เอง


“ฮึ!”


ข้างกริดคือบราฮัมผู้กำลังสวมชุดใหม่


ชุดคลุมยาวสีฟ้าอ่อน ช่วงหัวไหล่ถูกถักทอด้วยด้ายเงินจนเกิดลวดลายประณีต


มองผิวเผินก็ทราบทันทีว่าเป็นเครื่องแต่งกายหรูหราสำหรับชนชั้นสูง


อย่างไรก็ตาม ภาพลักษณ์ปัจจุบันของบราฮัมกลับไม่เข้ากันเลยสักนิด ชุดคลุมพลิ้วไหวสง่างามช่างขัดกับใบหน้าจืดชืดโดยสิ้นเชิง


แต่มหาจอมเวทในตำนานมิได้แยแส


“…ฝีมือห่วยแตก”


บราฮัมแสดงสีหน้าไม่พอใจ พลางดัดแปลงออปชันและรูปลักษณ์ของชุดคลุมไปจากเดิมเล็กน้อยด้วยพลังเวทมนตร์


“ไม่ต้องห่วง ฉันจะผลิตชุดเดิมซ้ำให้นายจนกว่าฝีมือจะพัฒนาขึ้น”


หากทักษะความชำนาญตัดเย็บเพิ่มถึงขั้นสูงเลเวล 10 เมื่อไร ระบบจะยินยอมให้รวมทักษะตัดเย็บเป็นหนึ่งเดียวกับการตีเหล็ก


และถึงเวลานั้น เซตบราฮัมก็จะกลายเป็นอาภรณ์ในตำนานของบราฮัมอย่างแท้จริง


กริดฉีกยิ้มกว้างขณะหวนนึกถึงภารกิจในอดีตซึ่งตนทำค้างไว้หลายปีแล้ว



ถัดจากนั้นไม่กี่วัน


“เหลือแค่รองเท้า”


“อา มาเริ่มกันเลย”


ระหว่างทางไปยังโรงเหล็กหลวง


บราฮัมผู้มีใบหน้าจืดชืด แต่สวมเครื่องแต่งกายหรูหราอลังการ กำลังเดินข้างกริดด้วยฝีเท้าค่อนข้างรีบเร่ง


ไม่ต่างอะไรกับหายนะของวงการแฟชั่น ผู้คนมากมายจึงพากันเหลียวมองตลอดทาง


พูดตามตรง… น่าอายฉิบหาย!


ทำเอากริดนึกถึง ‘อาฮยอง’ รักแรกของตน ซึ่งเธอเคยกล้าออกเดตกับชายหนุ่มเบ้าหน้าหมึกกล้วย แต่ดันทุรังสวมชุดราคาแพง


หล่อนกลายเป็นคนดีขึ้นมาทันที…


“จริงสิ…”


เมื่อนำพาตัวเองและบราฮัมมาถึงโรงเหล็กโดยสวัสดิภาพ กริดผุดคำถามใหม่


“เนื้อย่างเสียบไม้… ไม่เพียงจะเป็นอาหารโปรดของมังกรจอมเขมือบ แต่ยังเป็นอาหารโปรดของมังกรไฟด้วยหรือ? นายเคยบอกว่าใช้ล่อทราวก้าออกจากรังได้”


“หากมังกรเขมือบ ไรเดอร์ส ชื่นชอบอาหารประเภทใด มังกรอื่นก็มักถูกปากอาหารดังกล่าวด้วยเช่นกัน”


“อ้อ…”


ความรู้ใหม่แสนมีค่า


ในอนาคต หากตนบังเอิญโชคร้าย ต้องเผชิญกับมังกรอย่างเลี่ยงไม่ได้ โอกาสรอดก็ยังมี นั่นคือการหลอกล่อมันด้วยเนื้อย่างเสียบไม้


ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า พฤติกรรมในอดีตของบราฮัม ซึ่งโยนเนื้อย่างเพียงเพื่อล่อสุนัขของเฟนเรียร์ออกมา นับเป็นการสิ้นเปลืองของมีค่าโดยใช่เหตุ!


‘เราคงต้องสั่งสมแต้มชื่อเสียง แล้วค่อยไปสุ่มหามาติดตัวไว้สักไม้สองไม้’


หลังจากตัดสินใจได้ กริดเริ่มลงมือสร้างรองเท้าบราฮัมด้วยสมาธิตั้งมั่น



สามวันถ้วนถัดมา


ปาร์ตี้กริดเดินทางมาถึงหน้าทางเข้าเมืองแวมไพร์ของเฟนเรียร์เพื่อเตรียมทำศึกใหญ่


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,530
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ถ้าได้เฟนเรียนร์เข้าตี้ด้วยละ 😁😆
    .
    ขอบคุณ​มาก​ครับ​แอด

    ReplyDelete
    Replies
    1. หัวร้อนแน่ 500%ของชั้น บราฮัมถึงกีบกุมขมาบ 555+

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00