จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,133



‘เท็มพล่า!’


เนบีเรียส อดีตข้ารับใช้ยาธานลำดับ 4


มันถูกกริดสังหาร จนทำให้กริดกลายเป็นดาวดังค้างฟ้าของโลกมาจนถึงปัจจุบัน


ในคราวนั้น กริดมีโชคเล็กน้อยจากออปชันโจมตี 5 เท่าของถุงมือแสงศักดิ์สิทธิ์และดาบความผิดพลาด รวมถึงออฟชันผ่าสองซีก ส่งผลให้เอาชนะเนบีเรียสมาได้อย่างไม่ยากเย็น


และประโยคสุดท้ายจากปากอดีตข้ารับใช้แห่งยาธานก็คือ…


“ฉันได้ยินมาว่า โบสถ์รีเบคก้ามีวิหารลับคอยชุบเลี้ยงสัตว์ประหลาดอย่างบุตรีทั้งสามและหน่วยเท็มพล่า… แกมาจากวิหารนั้นหรือ”


นับแต่นั้น เท็มพล่าก็ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้ง


โดยเฉพาะจากปากสมาชิกวิหารยาธาน กริดสัมผัสได้ว่าพวกมันมอบความหวาดกลัวต่อหน่วยเท็มพล่ามากเป็นพิเศษ


แต่กริดก็ไม่เคยพบเท็มพล่าเลยสักครั้ง เพราะดาเมี่ยนไม่เคยเอ่ยถึง แม้จะเป็นสันตะปาปามานานหลายปี


‘เราเข้าใจว่าเป็นองค์กรลับและสำคัญมาก’


แต่ก็ไม่ได้กังวลหรือหวาดระแวง


แน่นอนอยู่แล้ว


ต่อให้โบสถ์รีเบคก้ามีองค์กรลับซุ่มซ่อนแล้วอย่างไร? ในเมื่อสันตะปาปาและโบสถ์คือหนึ่งในพันธมิตรอันเหนียวแน่นของโอเวอร์เกียร์มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งอาณาจักร แถมสภาอาวุโสทุกคนก็ยังชื่นชอบกริดมาก มันจึงไม่เคยกังวลว่าหน่วยเท็มพล่าจะเป็นภัยคุกคาม


แต่ปัจจุบัน พฤติกรรมของพวกมันกลับเริ่มไม่ชอบมาพากล


สำหรับโลกใบนี้ บราฮัมได้ถูกจารึกไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ในนามมหาจอมเวทในตำนาน


มีเพียงน้อยคนนัก จะทราบว่าแท้จริงแล้ว บราฮัมคือหนึ่งในเผ่าพันธุ์อสูรแวมไพร์


แน่นอน บุคคลระดับสูงของโบสถ์รีเบคก้าคือหนึ่งในคนเหล่านั้น พวกมันล้วนทราบความจริง แต่ใช่ว่าพอทราบแล้วจะส่งคนออกไปค้นหาทำลายร่างเนื้อทิ้งเสียเมื่อไร


สันตะปาปาดาเมี่ยนเป็นสหายกริด


ดาเมี่ยนย่อมต้องการปกป้องร่างเนื้อบราฮัมยิ่งชีพ จึงไม่ควรมีสมาชิกคนใดของโบสถ์กล้าบุกรุกจุดฝังร่างเนื้อ


ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ ถ้ากลุ่มเท็มพล่าพยายามค้นหาและทำลายร่างบราฮัมจริง พวกมันก็กำลังฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของโบสถ์รีเบคก้าอย่างร้ายแรง


‘ดาเมี่ยนสูญเสียอำนาจบริหาร? หรือเกิดความขัดแย้งภายในโบสถ์?’


หลังจากจัดระเบียบความคิดตัวเองอย่างถี่ถ้วน กริดตัดสินใจซักถาม


“โบสถ์รีเบคก้าประกาศให้สาวกทุกคนทราบแล้วหรือว่าบราฮัมเป็นแวมไพร์?”


> คงไม่ เพราะฉันจงใจปกปิดตัวจริงของบราฮัม


“เพราะเหตุใด?”


> มนุษยชาติจะเป็นฝ่ายเสียหายมากกว่า หากพวกเราลงโทษบราฮัมเพียงเพราะเขาเป็นเผ่าอสูรแวมไพร์ เวทมนตร์ของบราฮัมเป็นประโยชน์ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ในวงกว้าง


> แม้ว่าบุคคลผู้ถ่ายทอดเวทมนตร์ของบราฮัมจะเป็นศิษย์อย่างมูมัดก็ตาม แต่นั่นก็ไม่เปลี่ยนความจริงไป… ช่างเถอะ เรื่องนั้นไม่สลักสำคัญ


กริดตั้งใจฟังโดยไม่ขัด


> เท็มพล่าคือหน่วยพิเศษซึ่งเป็นอิสระจากโบสถ์และสันตะปาปาโดยสมบูรณ์ พวกเขาทราบว่าบราฮัมคือเผ่าอสูร และเคยเป็นกังวลอยู่ช่วงหนึ่ง


> แต่เนื่องจากบราฮัมเสียชีวิตลงในเวลาถัดมา ความกังวลดังกล่าวจึงสลายไป


> อย่างไรก็ตาม การมีตัวตนของใครบางคนได้ทำให้เท็มพล่าหันกลับมาสนใจบราฮัมอีกครั้ง


“ใครบางคน? ใครกัน…?”


กริดผู้รู้อยู่เต็มอกว่าตนคือต้นตอสาเหตุ แต่ก็ยังตัดสินใจถามหยั่งเชิงฟรานซ์กลับไป


ขณะเดียวกัน สมาชิกโอเวอร์เกียร์จำนวนมากซึ่งเฝ้ามองบทสนทนามาสักพัก ต่างหันมองกริดเป็นตาเดียว


ชายหนุ่มเริ่มผุดเหงื่อไคลเย็นเฉียบ


“หมายถึงฉัน?”


> ฮะฮะ! ถูกต้อง


“…”


> ดูเหมือนเท็มพล่าจะรู้นานแล้วว่าข้าครอบครองดวงวิญญาณบราฮัม พวกเขาสืบสวนจนพบความสัมพันธ์อย่างละเอียด จนกระทั่งทราบว่าร่างเนื้อของบราฮัมอยู่ในสุสานดาบ จึงชิงบุกรุกตัดหน้าเพื่อขัดขวางมิให้เจ้าคืนชีพบราฮัมสำเร็จ


“แต่พวกเขาควรทราบว่าคุณคืออดีตสันตะปาปาลำดับห้า”


ในปัจจุบัน พลังของโจมตีของดาบฟรานซ์มีเพียง 8,000 หน่วยเท่านั้น


เมื่อพิจารณาตามความเป็นจริง ฟรานซ์แทบไม่มีโอกาสเอาชนะหน่วยเท็มพล่าได้เลย เพราะสมาชิกแต่ละคนก็มิได้ด้อยไปกว่าบุตรีแห่งรีเบคก้าสักเท่าไร


จึงสมเหตุสมผลมากกว่า เมื่อลองคาดเดาว่า หน่วยเท็มพล่าทราบถึงตัวตนของฟรานซ์และยอมถอยกลับแต่โดยดี


ทว่า ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น


> แน่นอน พวกเขาจำได้ แต่เพราะข้าพยายามปกป้องสุสานของแวมไพร์ สภาพจึงกลายเป็นเช่นนี้ยังไงล่ะ! นึกว่าจะไม่รอดแล้วเชียว ฮะฮะ!


“…”


สีหน้าแววตาของสมาชิกโอเวอร์เกียร์พลันอึมครึมทันที


หากใครสักคนเล่าว่าตัวเองเกือบตายแล้วยังหัวเราะอย่างร่าเริงได้ หมายความว่ามันผู้นั้นไม่ปรกติอีกแล้ว


‘ถ้าพวกนายได้เห็นเครย์เชย์ คงถึงคราวสติแตกแน่นอน’


เครย์เชอร์ สันตะปาปาลำดับสอง ชายคนนั้นมีความฝันหนึ่งเดียวในชีวิตคือ ต้องการเป็นโลงศพให้แมรีโรสหนุนนอนตราบนานเท่านาน


เมื่อเทียบกับเครย์เชอร์ ฟรานซ์จะกลายเป็นคนปรกติทันที


“แล้วคุณรอดจากวิกฤติได้ยังไง?”


ทำไมถึงไม่ถูกเท็มพล่าฆ่าตาย และทำอย่างไรถึงสามารถปกป้องร่างเนื้อบราฮัมไว้ได้


ขณะกริดกำลังฉงน ฟรานซ์มอบคำตอบอันไม่มีใครคาดคิด


> ฮะฮะ! ข้าเลือกรักษาชีวิต จึงยอมร่วมมือกับพวกเขาแต่โดยดี


“แบบนี้นี่เอ—… อะไรนะ?”


> ข้าช่วยเท็มพล่าฝังข่ายเวทมนตร์ตรวจจับไว้ใต้สุสาน ฉะนั้น พวกเขาจะมาถึงตรงนี้ในอีกไม่ช้า


“ระยำเอ้ย!!”


ไม่มีศักดิ์ศรีเลยหรือไง?


กริดกัดฟันกรอด มันรีบหันไปมองด้านหลัง


จุดห่างไกลออกไป คนกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งไต่หน้าผาสูงชันขึ้นมาหาอย่างไม่ยากเย็น


จำนวนราว 20 เห็นจะได้ ถือว่าน้อยกว่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์สองเท่า แต่ความเร็วในการวิ่งขึ้นทางลาดชันกลับสูงจนน่าหวาดหวั่น


สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนต่างนำอาวุธประจำกายออกมาถือ จากนั้นก็หันมองกริดด้วยสีหน้าแววตาเห็นอกเห็นใจ


“กริด ภารกิจของนายยากบัดซบแบบนี้ทุกครั้งเลยสินะ”


“ถ้าฉันเป็นกริด คงได้ล้มเหลวตั้งแต่เอิร์ลอัชเชอร์สั่งให้ตามหาคัมภีร์ลับของแพ็กม่า”


“…”


กริดทำเพียงเงียบงัน ไม่กล้าปฏิเสธ


ขณะชายหนุ่มหันกลับมาจ้องฟรานซ์ด้วยสีหน้าโกรธเคือง อีกฝ่ายกลับสาธยายต่อด้วยเสียงสดใสราวกับตนไม่ได้ทำอะไรผิด


> สันตะปาปาทุกรุ่นล้วนเคารพและยอมให้หน่วยเท็มพล่าแยกตัวเป็นอิสระ สามารถเคลื่อนไหวได้ตามอำเภอใจ… เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?


“จะไปรู้ได้ยังไง”


> เป็นเพราะพวกเขาแข็งแกร่งมาก และหัวหน้าหน่วยเท็มพล่ายังเป็นคนพิเศษ ท่านคอยทดสอบความเหมาะสมของสันตะปาปาทุกรุ่นอยู่เสมอ ด้วยวิธีการอันซับซ้อนซึ่งมนุษย์ไม่มีวันเข้าใจ ส่งผลให้ ไม่มีสันตะปาปาองค์ใดกล้าขัดขืนเท็มพล่า


“คนพิเศษ?”


> ข้าสันนิษฐานว่า… ท่านไม่ใช่มนุษย์ พลังของท่านเกินขอบเขตมนุษย์ไปไกล และใครบางคนคาดเดาว่าท่านอาจจะเป็น… เทวทูต


“เทวทูต? เทวทูตในความหมายเดียวกันกับผมใช่ไหม?”


> ก็คงใช่ และเป้าหมายปัจจุบันของท่านคือ… ทำลายดวงวิญญาณบราฮัมในตัวเจ้า


“ระยำเอ้ย!!”


ท่าทีผ่อนคลายของฟรานซ์ทำให้กริดพลันระเบิดโทสะ ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดคนทรยศถึงกล้าเล่าเรื่องราวโดยไม่รู้สึกผิดได้เช่นนี้


ฟรานซ์ป้องกันการโจมตีจากกริดได้อย่างไม่ยากเย็นนัก น้ำเสียงของมันเริ่มหงุดหงิด


> โจมตีข้าทำไม?


“แกมันคนทรยศ! ยังมีหน้ามาพูดอีกหรือ”


> คนทรยศ? ข้าเพียงเลือกทำตามเป้าหมายสำคัญ นั่นคือการปกป้องร่างเนื้อบราฮัมให้ปลอดภัย เจ้าลองนึกดูให้ดี หากข้าขัดขืนและไม่ร่วมมือกับพวกเขา ร่างเนื้อของบราฮัมจะปลอดภัยจนถึงทุกวันนี้หรือ?


“…”


> เลิกโจมตีข้าอย่างเปล่าประโยชน์ จงเพ่งสมาธิรับมือกับศัตรูตรงหน้าให้ดี หากเจ้าเอาชนะพวกเขาได้ บราฮัมก็จะปลอดภัย แต่ถ้าเจ้าพ่ายแพ้ บราฮัมก็จะหายไปตลอดกาล


“…บัดซบ!”


ไอ้ดาบเวรตะไลพูดถูกต้องทุกคำ


เมื่อทราบเหตุผลว่าทำไมฟรานซ์ถึงต้องร่วมมือกับเท็มพล่า กริดเริ่มใจเย็นลงพร้อมกับออกคำสั่งพวกพ้อง


“อย่าเพิ่งลงมือ! ให้ฉันวัดระดับพวกมันก่อน”


กึก. กึก.


กริดพุ่งไปข้างหน้าสองก้าว


พร้อมกันนั้น หัวไหล่ของชายหนุ่มขยับเล็กน้อย ถือว่าเข้าเงื่อนไขของท่วงท่ารำดาบ


“มายาร่ายรำสะพรั่ง!”


“…!?”


สมาชิกกิลด์ทุกคนพลันตะลึง


พวกมันต่างไม่เชื่อว่า กริดสามารถปลอดปล่อยวิชาดาบผสาน ‘สามท่า’ ด้วยการก้าวขาเพียงสองครั้ง


บึ้มบึ้ม!


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


ปราณดาบปริมาณมหาศาลพร้อมกับกลุ่มก้อนเวทมนตร์ชนิดพิเศษของบราฮัม ถูกระดมยิงใส่กองทัพเท็มพล่าอย่างพร้อมเพรียง


ทันใดนั้น


ชิ้ง—


ชิ้งชิ้งชิ้งชิ้งชิ้งชิ้ง—!


แผ่นจานสีฟ้าจำนวนมากพลันปรากฏขึ้นจากความวางเปล่า ทั้งหมดคอยสลายคลื่นดาบและเวทมนตร์ของกริดให้หายไปจากโลก ราวกับไม่มีสิ่งใดเคยเกิดขึ้นมาก่อน


บราฮัมผู้เฝ้ามองเหตุการณ์อย่างเงียบงันมาตลอด ตัดสินใจเปิดปากเป็นหนแรก


> … เทวทูตตัวจริง


“…!”


> เทวทูตและกองทัพซึ่งนำโดยเทวทูต จะไม่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีระยะไกลทุกชนิด ด้วยกฎเหล็กอันมีใจความว่า ‘หากมารชั่วร้ายตนใดไม่มีความกล้ามากพอจะเข้าประชิดตัวสาวกแห่งเทพ มารเหล่านั้นจะไม่มีวันทำอันตรายแก่ผู้ถูกเทพอวยพรได้’ ไอ้พวกสุนัขนั่นจะยินยอมให้การโจมตีระยะประชิดผ่านเข้าไปได้เพียงอย่างเดียว


‘แปลว่าจอมเวทจะไม่มีวันสู้ได้เลย?’


> แน่นอน จอมเวทตนใดอาจหาญต่อกรกับเทวทูตโดยตรง จอมเวทตนนั้นคือคนบ้า


‘แต่ฉันกล้า’


> ก็นายไม่ใช่จอมเวท


ฉึบ—!


กริดทะยานเข้าใส่ด้วยความเร็วสูง


เมอร์เซเดสพุ่งตามติดไม่ห่าง


เมื่อทั้งสองเริ่มเข้าใกล้ หน่วยเท็มพล่าซึ่งสวมหน้ากากและชุดเกราะ ต่างกวัดแกว่งดาบโจมตีสวนกลับโดยไม่กล่าวสิ่งใด


เป็นการโจมตีหลากหลายประเภท ราวกับสุดยอดค่ายกลสำหรับรับมือบุคคลทรงพลังโดยเฉพาะ


มีทั้งฟันกวาดเป็นวงพัด รวมถึงการเล็งแทงด้วยวิถีโค้งพลิกแพลง ทั้งหมดล้วนเป็นเชิงดาบระดับสูง


คมดาบพวกมันทุกเล่มลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีฟ้าครามน่าหวั่นเกรง กริดพอจะทราบว่า เพลิงชนิดดังกล่าวจะลดประสิทธิภาพการฮีลของเป้าหมายลง และยังสร้างดีบัฟได้บางชนิด


อย่างไรก็ตาม ราชาโอเวอร์เกียร์และอัศวินประจำกายต่างตอบโต้อย่างสมบูรณ์แบบ


เปรี้ยง—!


เมื่อดาบเสือขาวของเมอร์เซเดสปะทะเข้ากับดาบเท็มพล่า เสาหินพลันพุ่งทะลวงจากปฐพี กระแทกร่างพวกมันหนึ่งคนลอยกระเด็น กริดรีบฉวยโอกาสดังกล่าวแหกค่ายกลอันแน่นหนา


เปรี้ยง!


เท็มพล่าสามคนถูกซัดกระเด็นพร้อมเพรียงพลางเซถอยหลังอย่างเสียท่า


แต่สีหน้ากริดกลับยังอึมครึม


ไม่มีเลือดสักหยด…?


พลังโจมตีของกริดเข้าขั้นเหนือมนุษย์


ต่อให้เป็น NPC สุดพิเศษอย่างดยุคแห่งดาบ ลิมิต รวมถึงจอมอสูรเฟย์ริส แต่พวกมันก็ยังต้องหลั่งเลือด หากได้รับความเสียหายอย่างจังจากราชาโอเวอร์เกียร์


ทว่า กลุ่มเท็มพล่าเหล่านี้กลับได้รับความเสียหายไม่เกิน 10,000 หน่วยด้วยซ้ำ


เหนือสิ่งอื่นใด ผิวหนังทุกคนเรียบเนียนปราศจากบาดแผล


ระหว่างกำลังตกตะลึง กริดถูกลอบโจมตีจังหวะทีเผลอ เมอร์เซเดสรีบพุ่งตัวเข้าใกล้และใช้โล่เป็นกำบัง จากนั้น หญิงสาวชี้นิ้วไปยังบุคคลผู้หนึ่งด้านหลังสุดของหน่วยเท็มพล่า


“คนผู้นั้นคอยฮีลอยู่”


“…!”


เป็นดังคำของเธอ


บุคคลปริศนาผู้สวมชุดคลุมยาวสีขาวโพลน ทำการเสกแสงเขียวโอบล้อมร่างกายเท็มพล่าทุกคนเป็นระยะ คอยสมานบาดแผลและฟื้นฟูพลังชีวิตให้เต็มหลอดตลอดเวลา


เวทฮีลหมู่ของรูบี้ดูด้อยค่าลงทันที


> นั่นคือเทวทูต


‘ให้ตายสิ!’


ใบหน้ากริดบิดเบี้ยวราวกับกระดาษขยำ


มันกำลังโกรธเคืองโชคชะตา เหตุไฉนถึงต้องส่งตัวตนทรงพลังเกินเอื้อมเข้ามาขัดขวาง ขณะตนกำลังจะชุบชีวิตบราฮัมด้วย


“พี่!”


“ให้พวกเราช่วยอีกแรง!”


รูบี้และสมาชิกโอเวอร์เกียร์ตามมาสมทบ


นักบุญหญิงคอยฟื้นฟูและบัฟให้กับกริดและเมอร์เซเดสเป็นพิเศษ ส่วนสมาชิกกิลด์คนอื่นพยายามสร้างจังหวะให้กริดโจมตีอย่างสุดฝีมือ


ต้องขอบคุณทีมเวิร์คของสมาชิกระดับหัวกะทิกว่า 40 ชีวิต กริดเริ่มใจเย็นลง จนกระทั่งหาช่องทะลวงผ่านกลุ่มเท็มพล่าเข้าไปพร้อมกับเมอร์เซเดส ระหว่างทาง ชายหนุ่มไม่ได้ฆ่าใครแม้แต่คนเดียว เป้าหมายหลักคือการเล็งจัดการฮีลเลอร์ระดับเทวทูตให้ได้ก่อน


‘เสมือนเทพ!’


กริดยกระดับตัวเองให้ใกล้เคียงเทพ ทักษะช่างเหล็กทั้งหมดถูกล้างระยะหน่วงและใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องร่าย ราชาโอเวอร์เกียร์รีบผสานไอเท็ม <ดาบอัสนีฯ + ดาบใหญ่กริด> ในพริบตา


ทันใดนั้น


“น่าทึ่งมาก”


ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นเทวทูตกล่าวชมเชยกริด


พรึบ—!


ตามด้วยการลอยขึ้นท้องฟ้าพร้อมกับถอดชุดคลุมสีขาวออก แผ่นหลังสยายปีกสีขาวหนึ่งคู่


“อะ…”


สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนพลันอ้าปากค้าง


ปีกสีขาวบริสุทธิ์และออร่าสีทองรอบตัว…


บุคคลศักดิ์สิทธิ์จ้องมองลงมาด้านล่างอย่างเงียบขรึม ภาพลักษณ์ตรงตามคำอธิบายของเทวทูตทุกประการ บรรยากาศโดยรอบพลันเกิดมวลจิตสะกดข่มรุนแรง


ในทางกลับกัน แววตากริดกำลังเย็นชา


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น จะให้มันตกตะลึงกับตัวตนของผู้รับใช้เทพได้อย่างไร ในเมื่อตนเคยแข่งตีเหล็กกับเทพอย่างใกล้ชิดมาแล้ว


‘และเมื่อลองพิจารณาให้ดี… เทวทูตคือตัวตนระดับเดียวกับจอมอสูร…’


ชายหนุ่มตั้งสติประเมินสถานการณ์


… เรามีเมอร์เซเดส บราฮัม และพวกพ้อง


รวมถึงเหล่าอัศวินทรงพลังซึ่งพร้อมตอบรับคำอัญเชิญตลอดเวลา…


ขณะแววตากริดเริ่มแผ่จิตสังหาร เทวทูตปริศนาทำการเรียกตัวกลุ่มเท็มพล่ากลับ


“ดูเหมือนตัวตนของเจ้าจะตรงตามข่าวลือทุกประการ กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และเปี่ยมด้วยพลัง ข้าเคยนึกสงสัยว่า เจ้าอาจถูกมารปั่นหัวจนพยายามคืนชีพบราฮัมเพื่อต่อต้านเทพ แต่ดูเหมือนจะเข้าใจผิดถนัด บราฮัมในปัจจุบันมิได้แข็งแกร่งขนาดนั้น และเจ้าไม่ได้กำลังถูกมารควบคุม”


> หลังจากฉันต่อสู้กับมูมัดและออกจากร่างนายกะทันหัน ดวงวิญญาณบางส่วนได้ถูกทำลายไปอย่างถาวร… เขามองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่ง


“ในเมื่อเทพธิดาแห่งแสงมอบพรแด่เจ้า ข้าก็ขอร่วมภาวนาให้เจ้าโชคดีกับเส้นทางของตัวเอง หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในฐานะมิตร… ขอตัว”


[ท่านได้รับพรจากอัครเทวทูต ซาลิเอล]


[ขณะพรยังคงอยู่ อัตราการดรอปไอเท็มทุกชนิดจากมอนสเตอร์จะเพิ่มขึ้น 500% แต่จะแสดงผลเพียงครั้งเดียวเท่านั้น]


“…!”


กริดเคยคิดว่า ความซวยของตนได้เปลี่ยนให้เหตุการณ์ดำเนินไปในทิศทางเลวร้าย แต่ความจริงแล้วกลับเป็นเรื่องดี


ขณะชายหนุ่มกำลังจ้องมองซาลิเอลและหน่วยเท็มพล่าถอนตัวกลับ เสียงของฟรานซ์ดังแว่วจากด้านหลัง


> โฮ่ ทำได้ไม่เลว


“รีบลงไปหาร่างเนื้อบราฮัมกันเถอะ ถึงเวลาจบเรื่องราวอันยืดเยื้อนี้สักที”


…!


และในวันนี้


[มหาจอมเวทในตำนาน บราฮัม ได้คืนชีพกลับมาอีกครั้ง!!]


เพียงข้อความโลกประโยคเดียว มวลชนทั่วโลกพลันถูกความตกตะลึงเข้าครอบงำ


สื่อเจ้าใหญ่ทั้งหมดต่างพาดหัวข่าวไปในแนวทางเดียวกันว่า :


<นับตั้งแต่ซาทิสฟายเปิดตัว ไม่มีเหตุการณ์ใดน่าตกตะลึงเท่ากับคราวนี้อีกแล้ว>


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,522
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. สุดมากกกก แต่ในเนื้อเรื่องยังกักความสามารถต่างๆ ไว้อีกเยอะ แถมกริดยังไม่ได้ใช้พลังเต็มสูบด้วย

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณ​มาก​ๆ​ครับ​

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00