จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,150



“ฝ่าบาทมีอะไรให้ฮานซอกบงผู้นี้รับใช้หรือขอรับ?”


ฮานซอกบง อดีตเจ้าเมืองแพงเจีย


และยังเป็นบุคคลแรก ผู้ถูกกษัตริย์อาณาจักรโชออกคำสั่งประหารชีวิต


เพียงเพราะเหตุผลเดียว


ยังบันต้องการพบตัวผู้สร้างคันศรฟินิกซ์แดงคันใหม่ และฮานซอกบงก็สนิทกับกริดมากกว่าใครในแพงเจีย


แต่ก่อนจะถูกประหาร กริดเสี่ยงตายช่วยชีวิตออกมาได้ทันเวลาและพาตัวกลับมายังอาณาจักรด้วยกัน ปัจจุบันจึงกลายเป็นขุนนางของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เต็มตัว


“ไม่ได้พบกันนาน ไวเคาต์ฮานซอกบง ได้โปรดเงยหน้าขึ้นด้วยเถิด”


กริดรีบเดินเข้าหาฮานซอกบงผู้เอาแต่หมอบกราบบนพื้น


แม้จะเคยกำชับหลายครั้งแล้วว่า ไม่จำเป็นต้องสุภาพต่อกันขนาดนั้น แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเลยสักนิด


“เราได้ยินว่าเจ้ามีผลงานมากมาย ขอบคุณสำหรับความเหน็ดเหนื่อยตลอดปลายปี”


“ชมเกิดไปแล้วขอรับ ตัวข้าผู้ต่ำต้อยมิได้สร้างผลงานมากอะไรนัก ไม่สมควรได้รับคำชมเชยจากฝ่าบาทเลยสักนิด!”


“…”


จริงอยู่ กริดอาจเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตฮานซอกบงไว้จากโทษประหาร


ทว่า ต้นตอทำให้ฮานซอกบงต้องรับโทษประหารในตอนแรก ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวกริดเอง การบุกเข้าไปช่วยเหลือจึงมีบ่อเกิดจากความรู้สึกผิดมากกว่าคุณธรรมต่อเพื่อนร่วมโลก


แต่ไม่ว่าอย่างไร ฮานซอกบงก็ไม่มองกริดเป็นอื่นนอกจากผู้มีพระคุณช่วยชีวิต


“เรามีแผนจะกลับไปเยือนทวีปตะวันออกอีกครั้ง เพื่อการนั้นแล้ว เราต้องการสอบถามข้อมูลจากปากท่านไวเคาต์”


สีหน้าฮานซอกบงพลันดำมืด


“ฝ่าบาท เหตุการณ์คราวก่อนเพิ่งจะผ่านมาได้ไม่กี่ปี… ท่านเคยทำให้การัมโกรธ แล้วเหตุใดถึงต้องเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงด้วย?”


“ฉันจะไปหาการัม”


“อ…เอ๋?”


“การัมคือบุคคลอันตรายและเคยทำให้เกียรติยศของเราผู้นี้ต้องมัวหมอง หากชายคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ เราคงกินไม่อิ่มนอนไม่หลับ”


“ท่านก็เลยต้องการเผชิญหน้าการัม?”


“อา… คงเป็นการต่อสู้อันยาวนาน”


กริดทำการสวมหน้ากากเฟย์ริสซึ่งบราฮัมเพิ่งนำมาคืน จากนั้นก็แปลงโฉมเป็นคนอื่น


“ในสภาพเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเราสามารถเดินเตร็ดเตร่บนถนนทวีปตะวันออกได้หรือไม่”


ทวีปตะวันออกทั้งหมดถูกปกครองโดยอาณาจักรฮวาน


พลเมืองของอาณาจักรฮวานมีเพียงยังบันอันน้อยนิด แต่กลับปกครองทวีปภายใต้ธงผืนเดียวกันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ


กริดกังวลว่า ป่านนี้รูปโฉมของตนคงถูกปิดประกาศทั่วทวีปมาสักพักแล้ว


ฮานซอกบงจ้องมองกริดและพยักหน้ารับ


“สมกับเป็นหน้ากากวิเศษดังคำร่ำลือ เปลี่ยนไปทั้งรูปโฉม น้ำเสียง และบรรยากาศรอบตัว หากฝ่าบาทเคลื่อนไหวภายใต้หน้ากากใบนี้ คงไม่มีใครจับพิรุธได้แน่”


อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าหน้ากากจะช่วยให้ปลอมตัวได้แนบเนียนขนาดไหน แต่ถ้าไม่แก้นิสัยประจำตัวก็อาจถูกจับผิดได้ในสักวัน


แต่คนใกล้ชิดกริดเกือบทั้งหมดได้ย้ายมาอยู่ในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ด้วยกันแล้ว


หากจะมีใครสักคนบนทวีปตะวันออกสามารถระบุตัวกริดได้ มันผู้นั้นคือการัม


“ได้ยินแบบนั้นค่อยเบาใจ”


กริดถอนหายใจพลางถอดหน้ากาก


“...เราต้องการทราบว่า ทวีปตะวันออกมีจุดใดให้เราพัฒนาตัวเองได้บ้าง เจ้าคิดว่าดันเจี้ยนแพงเจียยังมีประโยชน์อยู่ไหม”


“จากบันทึกประวัติศาสตร์ สมบัติมูลค่าสูงสุดในดันเจี้ยนแพงเจียคือด้ายเงิน แต่ฝ่าบาทเคยสำรวจดันเจี้ยนไปไกลกว่าในบันทึกมากแล้ว กระหม่อมจึงไม่แน่ใจรายละเอียด บางทีอาจยังมีสมบัติคล้ายคลึงกันหลงเหลืออยู่”


‘ระดับของเราสูงเกินกว่าจะล่าของแบบนั้นแล้ว เกรงว่าจะเสียเวลาเปล่า’


กริดพยักหน้ารับพร้อมกับถามต่อ


“เจ้าคิดว่าเราพอจะมีโอกาสได้ครอบครองลมหายใจมังกรครามแห่งตะวันออก ลมหายใจเสือขาวแห่งตะวันตก และลมหายใจเต่าดำแห่งทิศเหนือหรือไม่


“อ…เอ๋?”


“ท่านคิดจะทำให้อาณาจักรอื่นมีชะตากรรมแบบเดียวกับอาณาจักรโชในเหตุการณ์ฟินิกซ์แดงหรือขอรับ?”


ฮานซอกบงผู้เคยทำคันศรฟินิกซ์แดงหายจนตัวเองต้องตกระกำลำบาก มอบคำตอบอย่างเถรตรงด้วยสีหน้ารู้สึกผิด


“อาจจะยากไปสักหน่อย แต่ก็ใช่ว่าหมดสิทธิ์โดยสิ้นเชิง…”


“เล่ามา”


“นอกจากพวกมันจะเป็นสมบัติแห่งชาติของทั้งสี่อาณาจักร ลมหายใจสี่สัตว์เทพยังเป็นส่วนหนึ่งของข่ายเวทมนตร์ซึ่งช่วยผนึกไม่ให้รอยแยกขุมนรกเปิดออก จึงถูกเก็บไว้ยังจุดสำคัญสี่ทิศของข่ายเวทมนตร์ ทางทิศใต้คือแพงเจีย ฝ่าบาทคงทราบดีอยู่แล้ว แพงเจียเป็นเมืองเล็กในเชิงภูมิศาสตร์ กำลังทหารจึงมีไม่มากนัก”


“เจ้ากำลังหมายความว่าว่า ทางฝั่งตะวันออก ตะวันตก และทิศเหนือต่างก็มีสถานการณ์คล้ายคลึงกับแพงเจียหรือ?”


“ขอรับ จุดสำคัญของข่ายเวทมนตร์มักส่งผลข้างเคียงกับเมืองทางอ้อมเสมอ โดยเฉพาะด้านกำลังทหาร… แต่ว่า หากฝ่าบาททำการขโมยศาสตราแห่งเทพออกจากตำแหน่งของมัน…”


สีหน้าฮานซอกบงอึมครึมหนักกว่าเก่า


หากสี่ศาสตราไม่อยู่ประจำตำแหน่ง ประตูนรกจะเปิดออก และทวีปตะวันออกก็จะกลายเป็นขุมนรกขนาดย่อม


กริดมั่นใจว่าต้องเป็นแบบนั้น


“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเราคือผู้คืนชีพให้กับคันศรฟินิกซ์แดง เราไม่คิดจะทำให้ประชาชนนับสิบล้านต้องเดือดร้อนเพราะความโลภส่วนตัว หากหาทางชิงศาสตราเทพต้นแบบมาได้ จะพยายามทำให้ข่ายเวทมนตร์ไม่ได้รับความเสียหาย”


“ได้ยินเช่นนั้นค่อยเบาใจ ไว้กระหม่อมจะรีบวาดพิกัดของศาสตราเทพทั้งสี่ให้ เป็นข้อมูลลับซึ่งมีเพียงเจ้าเมืองจะได้ทราบ”


นอกจากพิกัดของอาวุธสัตว์เทพแล้ว กริดยังได้เห็นแผนผังของทวีปตะวันออกอย่างคร่าวด้วย


ฮานซอกบงนับว่าพึ่งพาได้มากทีเดียว


กริดพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ตามด้วยการยิงคำถามใหม่


“ตัวจริงของมหาวีรบุรุษผู้ปราบนักบวชเต๋าและช่วยแพงเจียให้รอดพ้นจากวิกฤติคือใคร?”


ตัวจริงของ ‘วีรบุรุษน้อย’ คือครอเกล


แต่ตัวจริงของ ‘มหาวีรบุรุษ’ ผู้ปราบนักบวชเต๋าทรงพลัง ซึ่งแม้แต่ครอเกลและฮานซอกบงร่วมมือกันก็มิอาจเอาชนะได้ ยังคงเป็นปริศนาสำหรับกริดมาจนถึงปัจจุบัน


แม้กระทั่งไอดานผู้เคยถูก ‘มหาวีรบุรุษ’ ขโมยกระทะประจำตระกูลไป ก็มิอาจอธิบายลักษณะพิเศษของมหาวีรบุรุษคนนั้นได้


“มหาวีรบุรุษคนนั้น… กระหม่อมไม่มีวันลืมเรื่องราวของเขา แต่ความทรงจำเกี่ยวกับรูปลักษณ์ช่างเลือนรางคล้ายกับถูกหมอกหนาบดบัง กระหม่อมไม่สามารถจดจำใบหน้า น้ำเสียง หรือบทสนทนาระหว่างตัวเองกับเขาได้เลย”


…เหมือนกับคำพูดไอดานทุกประการ


กริดเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า มหาวีรบุรุษคนดังกล่าวจงใจใช้พลังพิสดารปกปิดใบหน้าตัวเอง หรือไม่ก็เป็นพลังลบความทรงจำของอีกฝ่าย


ในขณะเดียวกัน ตัวตนผู้มีพลังลึกลับบนทวีปตะวันออกจะถูกเรียกขานว่า ‘เซียน’


“น่าจะเป็นเซียนสักจำแลงกายมาขอรับ”


“เซียนกับยังบันต่างกันอย่างไร”


“สำหรับสามัญชนเช่นกระหม่อม การจะได้พบเซียนสักครั้งถือเป็นเรื่องยาก บางทีอาจไม่มีโอกาสเลยชั่วชีวิต แต่ยังบันสามารถถูกพบเห็นได้ทั่วไป ในบางครั้ง กระหม่อมเคยได้ยินบทสนทนาของยังบันกล่าวถึงเซียนในทางมุ่งร้าย คล้ายกับเป็นศัตรูระหว่างกัน”


“เซียนและยังบันไม่ถูกกัน?”


เซียน ‘เบนทาโอ’ บนสวนสวรรค์เคยกล่าวต่อหน้ากริดและพรรคพวกไว้ว่า :


‘ตัวข้า เบนทาโอ หลังจากเร้นกายฝึกจิตอย่างยาวนานตลอดชีวิต สุดท้ายก็ได้อาศัยอยู่บนสวนสวรรค์ตามใจปรารถนา แต่ถึงอย่างนั้นกลับโง่เขลาเกินกว่าจะกลายเป็นเทพสำเร็จ


‘เมื่อนานมาแล้ว ข้าลงไปจุติยังโลกมนุษย์ตามเจตจำนงขององค์เทพ …เจตจำนงว่า เจ็ดมารคือตัวตนชั่วร้ายซึ่งสมควรถูกกำจัดทิ้ง


‘ข้าจำแลงกายเป็นตัวตลกเพื่อปกปิดตัวตนและหลอกลวงมนุษย์ พยายามสืบหาข่าวคราวของเจ็ดมารทั่วทวีป จนกระทั่ง ข้าได้พบกับแสงสว่างท่ามกลางมวลหมู่ความมืดมิด…


‘เจ็ดมารไม่ได้ชั่วร้ายทุกคน’


หรือเซียนจะต่อต้านเทพ…?


และยังบันคือทายาทของเทพตกสวรรค์


ไม่น่าประหลาดใจสักเท่าไร หากพวกยังบัน—กลุ่มคนจิตใจบิดเบี้ยวพิกลพิการ จะไม่ถูกกับเซียนซึ่งดูเหมือนจะมีจิตใจงดงามกว่า


‘ถ้าเราฆ่ายังบัน ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะกลายเป็นศัตรูกับเซียน’


กริดคลายความกังวลใจลงอีกหนึ่งข้อและซักถามประเด็นถัดไป


ถัดจากนี้จะเริ่มเข้าสู่ประเด็นสำคัญ


“ชาวทวีปตะวันออกคิดอย่างไรกับยังบันและอาณาจักรฮวาน”


“พวกเขาคือเทพผู้ปกป้องมนุษย์จากภัยอันตรายและปีศาจทั้งปวง ยังบันคือคมหอกดาบผู้ทำให้โลกสงบสุข ชาวทวีปตะวันออกทุกคนจึงเคารพเทิดทูนยังบันเป็นอย่างมาก และในเมื่อยังบันเป็นพลเมืองอาณาจักรฮวานซึ่งถูกปกครองโดยห้าอาวุโสและซือโหยว กลุ่มคนเหล่านี้จึงเปรียบดังเทพเหนือเทพ”


“เคยเคลือบแคลงพวกเขาบ้างไหม”


“ไม่ขอรับ อาณาจักรฮวานคือดินแดนแห่งทวยเทพ พลเมืองฮวานคือเหล่าเทพเดินดิน สิ่งนี้ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่ยังเล็ก”


“อา…”


ลอเอลเคยสันนิษฐานไว้ว่า


สาเหตุทำให้ตัวตนทรงพลังอย่างยังบันไม่ยอมบุกถล่มขุมนรกให้ราบคาบในคราวเดียว เพราะพวกมันต้องการเหลือ ‘ความสำคัญ’ ของตัวเองไว้ให้ผู้คนกราบไหว้บูชา


กริดเห็นด้วยกับสมมติฐานนี้เพราะตนก็มีค่าสถานะ ‘ความเป็นเทพ’ เช่นกัน


สมมติให้ห้าอาวุโสและซือโหยวคือเทพตัวจริงระดับเดียวกับรีเบคก้า หมายความว่าพวกมันเป็นคนสร้างยังบันขึ้นมาด้วยพลังตัวเอง


ยังบันคงมีระดับตัวตนเทียบเท่า ‘อัครเทวทูต’ แต่จำนวนมากกว่าและเพ่นพ่านไปทั่วทวีป


หรือว่า… ถ้ายังบันถูกมนุษย์เทิดทูนมากขึ้นจนค่า ‘ความเป็นเทพ’ สูงถึงจุดหนึ่ง มันจะพัฒนาตัวเองกลายเป็นเทพได้?


ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าเทพตกสวรรค์—ห้าอาวุโสและซือโหยว กำลังคิดสร้างกองทัพยังบันเพื่อเตรียมแก้แค้นเทพรุ่นปัจจุบันหรือไง?


“ยังบันมีจำนวนเท่าไร?”


“กระหม่อมไม่ทราบแน่ชัด ทราบเพียงว่ายังบันมักเรียกขานกันเองด้วยวลี ‘สหายคนสำคัญ’ โดยตลอดหนึ่งร้อยปีหลัง กระหม่อมเคยพบยังบันเพียง 7 คนเท่านั้น นับรวมการัมเข้าไปด้วย และไม่คิดว่าพวกเขามีจำนวนมากนัก”


“สหายคนสำคัญ… พวกมันสนิทกันหรือ?”


ไม่น่าใช่


อย่างน้อยก็ไม่ใช่แพ็กม่า


เรามั่นใจ


“ไม่ใช่ขอรับ ออกแนวขัดแย้งกันมากกว่าสนิทสนม แต่คงเรียกขานเช่นนั้นด้วยความเคารพในฝีมือ อย่างไรก็ตาม ยังบันทุกคนจะหวาดกลัวอาวุโสและซือโหยวเป็นอย่างมาก”


“ได้ยินมาว่าพวกมันชอบไปไหนมาไหนคนเดียวมากกว่าเป็นกลุ่มใหญ่”


“ถูกต้องขอรับ”


‘กะแล้วเชียว’


กริดเคยเห็นยังบันอยู่รวมกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น


โดยเฉพาะการัม มันมักลงมือตามลำพังเสมอ ตัวอย่างชัดเจนคือการสืบคดีศรฟินิกซ์แดงในเมืองแพงเจีย


‘…เราไม่ต้องกังวลว่าจะต้องสู้กับยังบันหลายคนพร้อมกัน’


อีกหนึ่งความกังวลใจถูกยกออกจากอก


คำถามสุดท้ายคือ ตัวมันในปัจจุบันสามารถเอาชนะการัมได้จริงหรือ…


‘คงต้องขโมยอาวุธสัตว์เทพให้ครบเสียก่อน พยายามทำภารกิจของทวีปตะวันออกให้มาก จากนั้นค่อยหาโอกาสดวลตัวต่อตัวกับการัม’


กริดมั่นใจ การัมต้องแข็งแกร่งกว่าเฟนเรียร์หลายเท่า


เลเวลไม่ต่ำกว่า 600, สามารถต่อสู้ได้ทุกรูปแบบ เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ วิชาดาบ และพลังของสัตว์เทพ


จุดอ่อนเดียวของการัมคือ มันเป็นสิ่งมีชีวิตประเภท NPC, ระดับพลังชีวิตจึงต่ำกว่ามอนสเตอร์มาก แต่เรื่องราวจะเปลี่ยนไปทันทีถ้าการัมรวบรวมแต้ม ‘ความเป็นเทพ’ เพิ่มจากอดีต


ต่อให้นำกองทัพระดับเดียวกับการบุกเมืองแวมไพร์เฟนเรียร์มาต่อกรกับการัม ก็ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าจะได้ชัยชนะกลับไป


การนำอัศวินติดตัวมายังทวีปตะวันออกไม่ใช่ทางเลือกฉลาด หากถูกพบตัวเข้า โอกาสสูญเสียอัศวินไปตลอดกาลก็ยิ่งมาก


‘ให้เราตายคนเดียวก็พอ’


มันต้องไปทวีปตะวันออกตามลำพังและพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง ระหว่างนั้นก็หาข่าวคราวของการัมรวมถึงเก็บข้อมูลอย่างละเอียด ประเมินว่าตัวเองสามารถเอาชนะได้หรือไม่…


ถึงอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งมาก แต่กริดกลับไม่เกรงกลัวความตาย ตรงกันข้าม ไฟแห่งการต่อสู้กำลังลุกโชติช่วง


สำหรับมัน ความตายไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นประสบการณ์และจุดเริ่มต้น


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,539

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. 👍ขอบคุณ​มาก​ครับ​🙏

    ReplyDelete
  2. มาแล้ววว ขอบคุณมากๆนะครับ

    ReplyDelete
  3. ลงอีกทีเมื่อไหร่หรอครับ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00