จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 991
‘แกะน้อยผู้น่าสงสาร’
ณ ห้องพักแห่งหนึ่งใกล้กับจัตุรัส
ลอเอลอาศัยความวุ่นวายลอบเข้าห้องพักและเฝ้ามองสถานการณ์อย่างเงียบงัน
มันทั้งมีความสุขและตื่นเต้น
สิ่งที่แอ็กนัสกระทำคือเหตุการณ์ในการอุดมคติของลอเอล
สูญเสียตัวตนและคลุ้มคลั่ง ตัดสัมพันธ์กับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์โดยการทำร้ายบุลเล็ตและยูเฟอมิน่า
แถมยังประกาศว่าจะไล่ฆ่าทุกคน (ผู้เล่น) จากเจ็ดอาณาจักรที่ยืนมุงรอบจัตุรัสอย่างไร้ความปรานี ไม่ว่าพวกมันจะคืนชีพใหม่สักกี่ร้อยครั้งก็ตาม
แอ็กนัสปฏิเสธความหวังดีจากโอเวอร์เกียร์ก็จริง แต่ขณะเดียวกัน ฝ่ายโอเวอร์เกียร์ก็ได้รับผลประโยชน์มหาศาลเมื่อมันไล่ฆ่าล้างบางผู้เล่นและพลเมืองเจ็ดอาณาจักรอย่างป่าเถื่อน
ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า แอ็กนัสเกิดใหม่ในฐานะตัวตนอันดับหนึ่งที่คอยกำจัด ‘ศัตรู’ ตัวฉกาจให้กิลด์โอเวอร์เกียร์
‘อันดับสองและสามเป็นกริดกับเฟคเกอร์’
ลอเอลแสยะยิ้ม มันส่งเสียงกระซิบเพื่อสั่งให้ยูเฟอมิน่าและบุลเล็ตถอยกลับ
ใจจริง บุลเล็ตต้องการอยู่โน้มน้าวให้นานกว่านี้ แต่มันมิได้แสดงท่าทีขัดขืน
บุลเล็ตมองเห็นเจตนาลอเอลทะลุปรุโปร่ง ลอเอลหวังเปลี่ยนใจกลางเมืองหลวงอาณาจักรกลาเชี่ยนให้เป็นสุสานนองเลือดขนาดยักษ์
ผู้เล่น รวมถึง NPC ชาวบ้านและขุนนาง ทั้งหมดจะถูกแอ็กนัสในร่างคลั่งจำกัดทิ้งด้วยความอำมหิตโหดเหี้ยม และนั่นจะส่งผลดีต่ออาณาจักรโอเวอร์เกียร์มหาศาล
ในสายตาผู้อื่น การยืมมือบุคคลที่สามก่อความพังพินาศวุ่นวาย คงไม่ต่างอะไรกับบทบาทของตัวโกงสุดชั่วร้าย
แต่สำหรับลอเอลที่แบกรับชะตาชีวิตผู้คนนับล้านอยู่บนบ่า มันไม่สนว่าโลกจะเรียกตนว่าพระเอกหรือคนชั่ว
“…ใช้ชีวิตลำบากจังเลยนะ”
ลอเอลดื่มด่ำกับอารมณ์อันหลากหลายที่ถาโถม มันเปรยตัดพ้อกับตัวเอง
สีหน้าของลอเอลพลันเจ็บแปลบเมื่อเฝ้ามองแอ็กนัสที่กำลังคลุ้มคลั่ง ฉากดังกล่าวทำให้มันหวนนึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกริด
จงเชื่อในตัวฉัน… นายทำเพียงหน้าที่ของนาย ที่เหลือปล่อยฉันจัดการเอง
ลอเอลไม่มีวันลืม สาเหตุหนึ่งที่กริดมาไกลได้ขนาดนี้ก็เพราะตน และอุดมการณ์ดังกล่าวยังคงแน่นหนักจวบจนปัจจุบัน
ไม่ว่าใครจะชี้นิ้วด่าท่อถึงความอำมหิต
ไม่ว่าใครจะสาปแช่งให้ไม่ได้ตายดี
‘…ทั้งหมดก็เพื่อกริดและอาณาจักรโอเวอร์เกียร์’
***
『แอ็กนัสถูกประณามอย่างหนักที่ลงมือเข่นฆ่าผู้เล่นจำนวนมากต่อหน้าคนทั้งโลก หลังจากเหตุการณ์เมื่อวานผ่านไป คาดว่าแอ็กนัสคงถูกโดดเดี่ยวหนักยิ่งกว่าเดิมครับ…! 』
นั่นคือภาพบนหน้าจอทีวี
< (บทความ) กิลด์โอเวอร์เกียร์พยายามซื้อใจแอ็กนัส แต่พวกเขาทำไม่สำเร็จ! >
เป็นเพราะโอเวอร์เกียร์กังวลถึงสนธิสัญญาสงบศึกกับจักรวรรดิที่ใกล้หมดลงงั้นหรือ?
เมื่อขาดแคลนพลังรบ พวกเขาคงไม่มีทางเลือกนอกจากพยายามดึงตัวแอ็กนัส
การกระทำของโอเวอร์เกียร์ไม่มีสิ่งใดซับซ้อน สามารถวิเคราะห์หาเหตุผลสนับสนุนได้ไม่ยาก
ก่อนแอ็กนัสจะถูกกิโยตินประหาร ยูเฟอมิน่าปรากฏตัวในจังหวะเหมาะเจาะพร้อมกับ ‘ผู้เห็นเหตุการณ์’ สาวกยาธานระดับสูง ตัวตนของเธอเป็นราวกับแสงแห่งความหวังเบื้องหน้าแอ็กนัสผู้ใกล้ตาย ยูเฟอมิน่าประกาศต่อหน้าทุกคนว่า… แอ็กนัสถูกปรักปรำ
แต่ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า
ขุนนางสักขีพยานไม่แยแสหลักฐานที่ฝ่ายโอเวอร์เกียร์กล่าวอ้าง พวกมันออกคำสั่งให้กลุ่มนักล่าจำกัดเธอและบุลเล็ตโดยเร็ว
แต่ทันใดนั้น แอ็กนัสเกิดคลุ้มคลั่งและฉีกทำลายตรวนพันธนาการหลุดออกมา
มันเล็งโจมตีใส่ยูเฟอมิน่าและบุลเล็ตที่พยายามปัดเป่ามลทินให้
แอ็กนัสเป็นราวกับสิงโตไร้เขี้ยวเล็บที่หิวโหยและใกล้ตาย มันทระนงในศักดิ์ศรีจนไม่ยอมรับขวดนมที่สัตว์ป่าตัวอื่นป้อนให้
แอ็กนัสสั่งให้ลิชกระหน่ำเวทมนตร์สุดทรงพลังนานับชนิดใส่สองขุนพลโอเวอร์เกียร์โดยไร้ความปรานี
สัตว์ป่าตนดังกล่าวคลุ้มคลั่งนานกว่าหนึ่งชั่วโมงเต็ม…
…
หนังสือพิมพ์ทั่วโลกต่างตีพิมพ์บทความดังกล่าวในวันถัดมา
“ไอ้ระยำ!!”
ณ ช่วงเช้า
ยองวูกำลังเหน็ดเหนื่อยหลังจากจ๊อกกิ้ง เขาพลันขยำหนังสือพิมพ์ทิ้งด้วยโทสะโดยที่ไม่ได้อ่านจนจบ
ชายหนุ่มมิได้โมโหที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ต้องอับอายขายขี้หน้า แต่เป็นอารมณ์เดือดดาลซึ่งเกิดหลังทราบว่า…
ความห่วงใยของพวกพ้องถูกอีกฝ่ายโยนทิ้งโดยไม่ไยดี
‘ไอ้ระยำนั่นกล้าทำแบบนี้กับยูเฟอมิน่าและบุลเล็ต!’
ยูเฟอมิน่าจำเป็นต้องท่องทั่วทวีปเพื่อลอบขโมยเวทมนตร์จากแรงเกอร์ระดับสูง ส่งผลให้ช่วงเวลาสำหรับเก็บเลเวลของเธอน้อยกว่าคนอื่นมาก
ย่อมช่วยไม่ได้ ความแข็งแกร่งต้องแลกมาด้วยการสละบางสิ่งเสมอ นี่คือธรรมชาติของคลาส
แม้แต่ยองวูยังไม่กล้ารบกวนเวลาของเธอมากนัก เขามองยูเฟอมิน่าเป็นไพ่ตายอันดับหนึ่งซึ่งจะใช้ในยามจำเป็นเท่านั้น
แต่ยูเฟอมิน่ายอมสละเวลาอันมีค่า
เธอถ่อไปไกลถึงอาณาจักรกลาเชี่ยนเพื่อหวังช่วยล้างมลทินให้แอ็กนัส
ทว่า มันกลับไม่แยแสความห่วงใยจากเธอ ตรงกันข้าม แอ็กนัสโจมตีใส่ยูเฟอมิน่า แถมยังบดขยี้บุลเล็ตซึ่งเป็นอดีตสหายเก่าโดยไม่ลังเล
ใบหน้าของยูเฟอมิน่าและบุลเล็ตที่ตื่นตระหนกหลังจากถูกแอ็กนัสลอบโจมตีทีเผลอ ชายหนุ่มมิอาจสลัดออกไปจากใจ…
ยองวูไม่มีวันอภัยให้ไอ้บัดซบที่บังอาจทำลายไมตรีซึ่งพวกพ้องทั้งสองยื่นให้
“ทำไมแกถึงเป็นได้ขนาดนี้…”
เขาเกลียดมันตั้งแต่แรกพบหน้า ทุกครั้งที่ได้เห็นกิริยาท่าทางของแอ็กนัส ยองวูจะโมโหและหงุดหงิดเสมอ
ทั้งการแสร้งเป็นคนเสียสติ
ทั้งการหัวเราะกลบเกลื่อนอารมณ์เจ็บปวด
‘หมอนั่นแย่กว่าเราในอดีตมาก…’
เป็นบุคคลที่ปราศจากความมั่นใจโดยสิ้นเชิง ใช้ชีวิตโดยไม่เชื่อใจคนรอบข้างแม้แต่น้อย
หลังจากอาบน้ำเย็น สติยองวูเริ่มกลับมาสุขุมอีกครั้ง ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนลงบนแคปซูลและล็อกอินเข้าซาทิสฟาย ยังมีเรื่องราวอีกมากภายในเกมให้ต้องสะสาง
***
พลังอันบ้าคลั่งของชายเสียสติ
วิดีโอที่แอ็กนัสต่อสู้ตามลำพังใจกลางดินแดนศัตรูได้กลายเป็นประเด็นถกเถียงร้อนแรงไปทั่ว
เป็นฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก โดยเฉพาะช่วงตน
แอ็กนัสใช้เวทมนตร์ระเบิดศีรษะเพชฌฆาต จากนั้นก็เสกซากศพให้กลายเป็นทหารโครงกระดูกเพื่อบล็อกฝนธนูซึ่งถูกระดมยิงใส่จากด้านข้าง
ทุกการกระทำล้วนสมบูรณ์แบบ แอ็กนัสกะจังหวะอัญเชิญโครงกระดูกได้แม่นยำประหนึ่งรับรู้สถานการณ์รอบตัวตลอดเวลา
ตลอดศึกอันยาวนานหนึ่งชั่วโมงเต็ม มันเชือดศัตรูทิ้งคนแล้วคนเล่าอย่างอำมหิต โครงกระดูกทหารนับร้อยนับพันถูกปลุกศพแล้วศพเล่าเพื่อทำหน้าที่เป็นโล่กำบังสรรพศาสตราที่พุ่งเข้าหาจากทุกทิศ จำนวนที่ด้อยกว่าไม่ใช่ปัจจัยเสียเปรียบแม้แต่เศษเสี้ยว
นี่คือพลังอันเหนือชั้นที่คลาสหมอผีเอื้อมถึง
ถูกต้อง… แอ็กนัสไปถึงจุดที่มันกลายเป็น ‘หนึ่งบุคคลเทียบเท่ากองทัพ’ แล้ว
“ควบคุมโครงกระดูกปลีกย่อยได้แม่นยำและเนียนตามาก… มนุษย์ทำแบบนี้ได้จริงหรือ? ขนาดครอเกลในช่วงสุดยอดยังควบคุมดาบบินสี่เล่มอย่างเต็มกลืน…”
“เห็นด้วยนะ เป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อลง สมาธิของหมอนั่นน่าทึ่งมากตลอดหนึ่งชั่วโมงเต็มของการต่อสู้”
“หมอนั่นเป็น ‘ซาวองก์ซินโดรม’ รึเปล่า? อาการผิดปรกติทางสมองที่ส่งผลให้มนุษย์ประมวลผลข้ามขีดจำกัดคนปรกติ เหมือนกับพวกที่เกิดมาอัจฉริยะทันที”
“หืม…? ก็เป็นไปได้”
“แย่ล่ะสิ คลาสหมอผีจะยิ่งแข็งแกร่งเมื่อผู้เล่นมีฝีมือควบคุมสูง แอ็กนัสจะพัฒนาไปเป็นสัตว์ประหลาดระดับไหนกัน?”
“อาจเท่ากริดก็ได้…”
ณ ห้องประชุมทั่วไปชั้นหนึ่งของวังหลวงไรน์ฮาร์ท สมาชิกโอเวอร์เกียร์กำลังจับกลุ่มสนทนาถึงพริกถึงขิงเกี่ยวกับแอ็กนัส
เฉกเช่นคนทั่วโลก พวกมันต่างทึ่งในฝีมือควบคุมที่แอ็กนัสแสดงให้เห็น
กริดพลันหงุดหงิดเมื่อเดิมผ่านและได้ยินบทสนทนาดังกล่าวเข้า
‘มีอะไรน่าชื่นชมนักรึไง?’
จนกระทั่งเสียงของโทบันดังขึ้น
“แอ็กนัสน่าทึ่งตรงไหน? ไม่เลยสักนิด ไม่ได้ใกล้เคียงกับกริด หัวหน้าพวกเราสามารถสังหารศัตรูอย่างเหี้ยมโหดในดาบเดียว ทว่า แอ็กนัสต้องพึ่งพาโครงกระดูกต่อสู้ด้วยอากัปกิริยาหัวซุกหัวซุน แค่เห็นก็สมเพชแล้ว”
“นั่นสินะ… ต่อให้มีอันเดดมากเพียงใด แต่กริดคงทำลายพวกมันทั้งหมดในดาบเดียว”
“ฮุฮุฮุ”
ต้องอย่างนั้น ฉันเจ๋งกว่าเจ้านั่นเยอะ!
…แต่เดี๋ยวนะ ใครมันจะไปทำลายอันเดดของแอ็กนัสในดาบเดียวได้ฟะ?
ช่างเถอะ
ชายหนุ่มรู้สึกดีขึ้นหลังจากได้ยินบทสนทนาจากปากพวกพ้อง
เขาฮัมเพลงสบายใจพลางเดินตรงไปยังโรงเหล็กหลวง
***
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ในช่วงหลัง กริดสลับเข้าโรงตีเหล็กและเก็บเลเวลอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับผู้เล่นทั่วไป การกลับเมืองระหว่างเก็บเลเวลถือเป็นเรื่องปรกติ
หลังจากสู้กับมอนสเตอร์ต่อเนื่องยาวนาน ความคงทนไอเท็มย่อมลดลง โพชั่นจะเริ่มไม่พอใช้ เป็นจุดที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ตัดสินใจใช้ม้วนคาถากลับเมือง
แต่เหตุผลกลับเมืองของกริดพิเศษกว่าคนอื่นเล็กน้อย
เขาคือช่างตีเหล็กในตำนานที่ซ่อมไอเท็มเองได้ทุกที่ทุกเวลา แถมยังมีทักษะและไอเท็มจำพวกดูดเลือดหลายชนิด สามารถเก็บเลเวลได้โดยไม่ต้องพึ่งพาโพชั่น
แล้วเขากลับมาทำไม?
คำตอบคือ เพื่อซ่อมไอเท็มให้ใครบางคน
ใช่แล้ว… ไอเท็มที่ว่าคือหมวกเหล็กซึ่งมีแว่นตาอีเธอร์เชื่อมติดอยู่ อุปกรณ์ช่วยมองเห็นสำหรับราชาเนตรมาร
เคร้ง! เคร้ง!
ขณะกริดก้มหน้าตีเหล็กสุดความสามารถ เด็กคนหนึ่งกำลังนั่งเฝ้าไม่ห่าง
เด็กผู้ชายหัวโตตัวเล็กที่รูปลักษณ์น่าเอ็นดู
มันกล่าวขึ้นขณะยังคงหลับตาปี๋
“ท่านราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่กุมหัวใจเราด้วยไมตรีที่กว้างขวางดุจดั่งห้วงจักรวาลเอ๋ย เราละอายใจจนไม่กล้าสู้หน้าท่าน เราเสียใจที่ต้องรบกวนเวลาแสนมีค่าของท่านอยู่เสมอ”
มีน้อยคนนักที่ได้รับสิทธิ์ให้นั่งใกล้ราชาโอเวอร์เกียร์ในยามที่เขาเพ่งสมาธิตีเหล็ก
สิ่งนี้หมายความว่า เด็กน้อยซึ่งกำลังนั่งใกล้กริด หากไม่ใช่ไอ้งั่งที่ขาดกาลเทศะ ก็ต้องเป็นบุคคลสุดพิเศษสำหรับอาณาจักร
ในกรณีนี้คืออย่างหลัง
“ไม่ต้องคิดมาก ฉันต่างหากต้องขอโทษที่ช่วยเหลือได้เพียงเท่านี้”
ราชาเนตรมาร
ผู้ครอบครองพลัง ‘เนตรสามคำสาป’ ที่ถูกจารึกในตำนาน
เฉกเช่นที่กริดได้รับความเคารพยำเกรงจากทุกฝ่าย ราชาเนตรมารสมควรได้รับการปฏิบัติในระดับใกล้เคียงกัน
สองบุคคลที่มีอิทธิพลต่อทวีปกำลังนั่งสนทนาภายในโรงเหล็กหลวง เป็นภาพที่ช่างตีเหล็กน้อยคนนักจะจินตนาการออกหากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง
“ราชาของเรา ท่านยังจำได้หรือไม่?”
ราชาเนตรมารเอ่ยปากถาม
กริดหันมองพลางเอียงคอเล็กสงสัย
เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ขึงขังมากขึ้น
“เรื่องอะไร?”
“เรื่องที่เรามีพลัง ‘ปลูกถ่าย’ เนตรมาร”
“…!”
นั่นไง!
ย้อนกลับไปวันแรกที่ได้พบราชาเนตรมาร
ราชาเนตรมารเคยเล่าให้ฟังว่า ตัวมันมีพลังปลูกถ่ายเนตรมารให้ผู้อื่นได้
คำกล่าวในครั้งนั้นทำให้กริดต้องการสานสัมพันธ์กับเผ่าเนตรมารให้แนบแน่นที่สุดทันที
ใช่แล้ว ต้นตอของไมตรีทั้งหมดเริ่มต้นจากคำพูดดังกล่าว กริดอุทิศตัวและพลังอาณาจักรเพื่อสนับสนุนเผ่าเนตรมารสุดความสามารถหนแล้วหนเล่า
ชายหนุ่มขวนขวายทุกวิถีทางเพื่อหวังซื้อใจราชาเนตรมารให้สำเร็จ
ในที่สุด เวลาที่รอคอยก็มาถึง
“จำได้สิ ถามทำไมหรือ? นายจะมอบพลังเนตรมารให้ฉันรึไง?”
“อันที่จริง เราครุ่นคิดเรื่องนี้มาตลอดนับตั้งแต่สาบานรับใช้ท่าน แต่ราชาของเราเอ๋ย ท่านเองก็น่าจะทราบดี เนตรมารไม่ได้มีเพียงผลด้านบวก มันยังเป็นคำสาปชนิดหนึ่งด้วย”
“…”
นั่นคืออีกเหตุผลที่ตัวกริดลังเลที่จะครอบครองพลังเนตรมาร
คำสาป
สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับพร
ใช่แล้ว พลังเนตรมารที่สามารถสยบศัตรูโดยการจ้องมอง มันจะเป็นพลังที่อันตรายมากหากแสดงผลผิดที่ผิดเวลา
“มิอาจจ้องมองใบหน้าบุคคลอันเป็นที่รักได้เต็มสองตา มีโอกาสทำร้ายพวกพ้องโดยไม่ได้ตั้งใจ ต้องคอยผนึกดวงตาหนึ่งข้างไว้ตลอดเวลา พลังเนตรมารจะพร้อมภาวะโดดเดี่ยวและขีดจำกัด”
เผ่าเนตรมารต้องประสบพบเจอปัญหาดังกล่าวมานานหลายปี ราชาเนตรมารจึงไม่ต้องการฝังเนตรมารลงในดวงตากริด
แต่สาเหตุที่มันเอ่ยถึงในวันนี้ เพราะพลังเนตรมารคือสิ่งเดียวที่ราชาเนตรมารสามารถทดแทนบุญคุณให้กริดได้
ต่อให้มาพร้อมคำสาป แต่ก็ถือเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในเวลาเดียวกัน
“อา…”
กริดไตร่ตรองอยู่นาน เขาไม่รีบร้อนมอบคำตอบ เป็นความกังวลคล้ายคลึงกับเมื่อครั้งครุ่นคิดถึงการใช้ ‘ทักษะออกแบบไอเท็ม’ ให้กับโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ทั้งสอง
ผ่านไปพักใหญ่
ขณะกริดคืนหมวกเหล็กแว่นอีเธอร์ที่ซ่อมเสร็จให้ราชาเนตรมาร ชายหนุ่มเอ่ยปากถาม
“เนตรมารมีทั้งหมดกี่ชนิด? ฉันเลือกพลังของตัวเองได้ไหม?”
พลังเนตรมารนั้นมีหลากหลาย ทั้งแผดเผาศัตรูด้วยเปลวเพลิง แช่แข็งทั้งเป็นด้วยไอเย็น สร้างภาพหลอน หรือแม้กระทั่งควบคุมจิตใจชั่วขณะ
หากสามารถเลือกชนิดพลัง เขาคงทำใจยอมรับผลข้างเคียงได้มากขึ้น
ราชาเนตรมารมอบคำตอบ
“เราไม่ทราบแน่ชัดว่าพลังเนตรมารมีกี่ชนิด เราไม่สามารถระบุพลังที่จะมอบให้ท่านได้ ทันทีที่ปลูกถ่ายสำเร็จ ดวงตาของท่านจะถือกำเนิดใหม่และพิจารณาพลังที่เหมาะสมด้วยตัวเอง”
หรืออีกความหมายหนึ่ง
‘สุ่มอีกแล้วหรือ…?’
สีหน้ากริดพลันขาวซีด
การรับพลังเนตรมารมั่วซั่วคงไม่ใช่เรื่องดีนัก หากมันทรงพลังเกินไปจนยากควบคุม กริดไม่มี ‘เพชรอีเธอร์’ เหลือพอจะสร้างไอเท็มสยบดวงตาตัวเอง
‘ถ้าโชคร้าย เราต้องใส่แว่นไปตลอดชีวิต’
ทันใดนั้น ชายหนุ่มพลันนึกถึง ‘ผ้าปิดตาเพชฌฆาต’ หลังจบศึกตะลุมบอนราชาอสูร กริดชื่นชอบพลังอ่านวิถีของมันมากยิ่งกว่าเก่า
‘เดี๋ยวก่อน…’
<ผ้าปิดตาเพชฌฆาต>
เกรด : ยูนีค
ความคงทน : 7/7
* ได้รับทักษะ ‘ตรวจหาจุดอ่อน’
เพชฌฆาตถูกจองจำเป็นเวลานาน แถมยังถูกบังคับให้ต้องทรมานมนุษย์จำนวนมาก มันจึงเข้าใจจุดอ่อนมนุษย์ได้ดีกว่าใคร
ผ้าปิดตาอยู่คู่กับเพชฌฆาตนานจนซึมซับทักษะตรวจหาจุดอ่อนติดตัว
เงื่อนไขการสวมใส่ : ไม่มี
น้ำหนัก : 0.1
ผ้าปิดตาเพชฌฆาตถือเป็นของไอเท็มสุดพิเศษ นอกจากจะไม่ ‘กีดขวางการมองเห็น’ มันยังแสดงจุดอ่อนและทิศทางที่ศัตรูโจมตี
ใช่แล้ว ตามคำอธิบาย มันไม่ทำให้กริดมองเห็นน้อยลงเหมือนแว่นตาอีเธอร์ ผ้าปิดตาเพชฌฆาตจะไม่ก่อความระคายเคืองทุกชนิด
ถ้าใช้ผ้าปิดตาเพชฌฆาตบดบังดวงตาข้างที่ปลูกถ่ายเนตรมารล่ะ?
เป็นไปได้แน่!
เขาไม่มีเหตุผลให้ต้องลังเลอีก
“มอบเนตรมารให้ฉัน!”
กริดใช้มือทั้งสองข้างตบบ่าราชาเนตรมารพร้อมกับตะโกนเสียงดัง
ชายหนุ่มตัดสินใจฝากความหวังครั้งใหญ่ไว้กับค่า ‘โชคดี’
มีโอกาสสูงที่ตนจะได้ครอบครองพลังเนตรมารซึ่ง ‘แข็งแกร่ง’ และ ‘มีผลเสียน้อย’
เขาหวังเช่นนั้น
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,384
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
รอลุ้น จะเป็นเหมือนอย่างที่หวังไหม? 🤔
ReplyDelete👍
ReplyDeleteผมมีคำถามถ้ากริด(กริดตอนเป็นขี้แพ้)เป็นแอ็กนัสตอนคนรักโดนข่มขืนคุณคิดว่ากริดจะวิ่งหนีแล้วโทษคนอื่นหรือว่าแก้แค้นแบบแอ็กนัส
ReplyDeleteน่าจะสู้จนตายอ่ะ
Deleteถ้ากริดมีคนรักแล้วโดนแบบแอ็กนัสเชื่อเถอะกริดคงบ้าคลั่งยิ่งกว่าแอคนัสอีก
ReplyDeleteเห็นด้วย
Deleteไหนว่าจะปลูกตาให้ลอเอลงายยยย
ReplyDeleteอยากให้เปนดวงตาแพ็กม่าอ่ะ ไม่ค่อยอยากเหนกริดต้องใส่ผ้าปิดตาตลอดเวลา
ReplyDelete