จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,003
ราชาอมตะ เกล็นฮาล
ราชาสัตว์ป่า มอริส
ดยุคแห่งสุรา ดีวอส
มงกุฎทอง บาซาร่า
นี่คือเหล่าเจ็ดดยุคที่นำทหารส่วนตัวไล่ขจัดกองทัพวารีตามเส้นทางน้ำและทะเลทั่วอาณาจักร
ไม่มีการปะทะใดเกิดขึ้น นักรบหัวกะทิของเผ่าวารีถอยหนีทันทีที่ศัตรูเข้าใกล้ เหล่าดยุคล้วนมองว่าเป็นการกระทำที่สมเหตุสมผล สาเหตุเพราะ ไม่มีใครในโลกโง่พอจะเผชิญหน้ากับพวกมันโดยตรง
“ยังสบายดีกันรึเปล่า? พวกเราไม่เจอกันนานหลายปีแล้วสินะ”
จุดหมายสุดท้ายของพวกมันทั้งสี่คนคือเมืองท่าที่ชื่อ ‘กัลเลส’
กัลเลสเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิ ทำรายได้ปริมาณมหาศาลในทุกเดือน แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน กษัตริย์วารี มาซง ได้นำทัพเข้าปิดท่าเรือจนการขนส่งทั้งหมดเกิดอัมพาต
มาซงเปรียบประหนึ่งท้องทะเล ไม่มีทางที่ทหารประจำกัลเลสจะต่อต้านไหว ถึงอย่างนั้น แม้แต่มาซงยังเผ่นป่าราบเมื่อทราบข่าวว่าสี่จากเจ็ดดยุคกำลังเดินทางมาเยือนกัลเลส
ราชาสัตว์ป่า มอริส มันกัดริมฝีปากด้วยสีหน้าเสียดาย
“นึกว่าจะได้ตัวกษัตริย์วารีเป็นทาสซะแล้ว เคยได้ยินมาว่า พวกเผ่าวารีนั้นต่ำทราม แต่ไม่คิดว่าแม้แต่กษัตริย์ก็ยังไร้เกียรติเช่นนี้”
“ราชาของเดรัจฉานย่อมต้องเป็นเดรัจฉาน ไม่มีเกียรติใดแต่แรกแล้ว”
“แต่ทะเลเปิดแล้วไม่ใช่หรือ? ถึงเวลามุ่งหน้าไปตลบหลังเรย์ดันทางน้ำรึยัง?”
“ยังไม่มีเรือพร้อมออกเดินทาง พวกเผ่าวารีทำลายเรือทิ้งเกือบทั้งหมด”
“ถูกพวกเดรัจฉานปั่นหัวเอาหรือ? น่าอับอายชะมัด”
“รีบร้อนไปทำไมกัน? รีกัลยึดไบรันได้แล้ว พวกเราไม่จำเป็นต้องวู่วาม”
“อีกแล้วหรือ? รีกัลยังไวเหมือนเคย”
“กองทัพอากาศตระกูลเกลเดอร์คือความภาคภูมิใจของจักรวรรดิเสมอ”
รีกัลสืบทอดตำแหน่งดยุคหลังจากบิดาของมันเสียชีวิต ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา มันผ่านสมรภูมิในศึกใหญ่ทั้งหมด 39 ครั้ง กองทัพอากาศจักรวรรดิมักเป็นหน่วยแรกที่ยึดฐานศัตรูสำเร็จ และนั่นส่งผลให้สงครามที่เหลือเป็นไปอย่างง่ายดาย
กองทัพอากาศของตระกูลเกลเดอร์มีอัตราการรอดชีวิตของทหารที่ 100% เต็ม
หมายความว่า ตลอด 39 สงครามที่ผ่านมา กองทัพอากาศไม่เคยสูญเสียไพร่พลแม้แต่ศพเดียว สถิตินี้เกิดจากความยอดเยี่ยมของทหารอากาศทุกคนที่ถูกฝึกฝนอย่างหนัก พวกมันจะเล็งโจมตีในระดับความสูงที่ป้อมปืนศัตรูยิงไม่ถึงเสมอ ส่งผลให้อุปกรณ์ป้องกันทางอากาศกลายเป็นสิ่งไร้ค่า
“มาดื่มฉลองกันเถอะ จนกว่าเรือจะพร้อมใช้งาน ป่านนั้นรีกัลคงเก็บกวาดเรียบร้อยแล้วกระมัง”
ดยุคแห่งสุรา ดีวอส มันโน้มน้าวสหายให้ร่วมร่ำสุรายินดี ดยุคอีกสามคนไม่ปฏิเสธ สำหรับพวกมัน สงครามกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ไม่ต่างจากการเล่นสนุก
นับตั้งแต่มาดราไม่อยู่ จักรวรรดิไม่เคยพ่ายสงครามแม้แต่ครั้งเดียว และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป ไม่มีเหตุให้พวกมันต้องกังวล
ยิ่งไปกว่านั้น แต่ละคนรับตำแหน่งดยุคมานานแล้ว ไม่จำเป็นต้องกระหายสงครามเพื่อสั่งสมชื่อเสียงเหมือนกับคนหนุ่มอย่างรีกัล
***
กลีบดอกไม้สีน้ำเงินนับหมื่นท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน ผสมกลมกลืนกลับเพลิงทมิฬที่ระเบิดอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ฉากเบื้องหน้างดงามเหนือคำบรรยาย
วิจิตรอลังการยิ่งกว่าพลุแสงหรือโฮโลแกรมที่เทคโนโลยีปัจจุบันแสนภาคภูมิใจ
ผู้ชมล้วนถูกมอมเมา
เมื่อคิดว่าภาพเหล่านี้กำลังจะเลือนหายไป หลายคนเกิดความเสียดาย บางคนต้องการให้กาลเวลาถูกแช่แข็งไว้
มันน่าทึ่งมากที่ทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากฝีมือผู้เล่นเพียงหนึ่งคน
『กริด…! 』
บรรดานักข่าวที่แฝงตัวในไบรันเพื่อถ่ายทำฉากเหตุการณ์สงคราม พวกมันต่างเอ่ยนามผู้เล่นคนหนึ่งอย่างพร้อมเพรียง
สถานการณ์เบื้องหน้าซับซ้อนจนยากจะเข้าใจ นี่จึงเป็นคำอธิบายเดียวที่พิธีกรสามารถเปล่งจากปาก
งานแข่งนานาชาติครั้งที่สี่ยังผ่านไปไม่ถึงสี่เดือน แต่กริดกลับยกระดับตัวเองขึ้นอีกขั้นจนไม่มีใครตามทัน
ด้วยภูมิความรู้ด้านเกมอันน้อยนิดที่ผู้บรรยายมี พวกมันย่อมมิอาจอธิบายถึงพลังอันซับซ้อนอลังการที่กริดกำลังแสดงต่อหน้าคนทั้งโลก
ฉากเบื้องหน้างดงามเกินกว่าจะบรรยายให้เห็นภาพด้วยภาษามนุษย์
『กริดปรากฏตัวขึ้น… และใช้พลังบางชนิดสร้างกลีบดอกไม้ให้กระจายตัวเต็มท้องฟ้าครับ! 』
『กริดคิดถล่มกองทัพอากาศจักรวรรดิด้วยตัวคนเดียวครับ! 』
『ฝูงกริฟอนที่เคยสยบกองทัพไบรันเกือบหมื่นภายในครึ่งวัน… ตอนนี้กำลังร่วงหล่นจากท้องฟ้าอย่างต่อเนื่องครับ! 』
『ราชาท้องฟ้า รีกัล ได้รับบาดเจ็บครับ!! 』
“สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร”
ฉึก—! ฉึกฉึกฉึก!!
เพียงหนึ่งวินาที… รัศมีดาบ ‘สังหาร’ เจ็ดเส้นพุ่งทะลวงใส่หน้าอกรีกัลอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น รีกัลที่ติดมาร์คห้าขีดได้ถูกโจมตีซ้ำด้วยรัศมีดาบ ‘ทำลายล้างสังหาร’ อีกสิบเส้นซึ่งเป็นผลผสานจาก ‘สะพรั่ง’
รีกัลเคยถูกกริดสะท้อนท่า ‘ศรประกาศิต’ จนได้รับบาดเจ็บหนัก เมื่อถูกการโจมตีหลายชนิดถาโถมเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ไม่มีทางที่มันจะหลบพ้นทั้งหมด
<สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร>
ผสานวิชาดาบสี่ชนิดเป็นหนึ่ง
* ปลดปล่อยรัศมีดาบ ‘สังหาร’ เจ็ดเส้นรวดภายในหนึ่งวินาที แต่ละเส้นรุนแรง 1,850% และมีโอกาส ‘ปลดอาวุธ’ รวมถึงแสดงอาการผิดปรกติ ‘เลือดออก’ และ ‘สิ้นหวัง’
* หากเป้าหมายติดมาร์ค จะทำการสร้างรัศมีดาบ ‘ทำลายล้าง’ จำนวนสองเส้นต่อหนึ่งมาร์ค ความรุนแรงแต่ละเส้นคือ 961% ของพลังโจมตีกายภาพ + 10% พลังเวท และมองข้ามพลังป้องกันศัตรู 65%
เงื่อนไขใช้งาน : สวมใส่อาวุธประเภทดาบ
ทรัพยากรที่ใช้ : ปราณดาบ 400 หน่วย
ระยะหน่วงหลังใช้ : 1 ชั่วโมง
แต่ไหนแต่ไร สองวิชาดาบพื้นฐานที่กริดชอบเป็นพิเศษคือ ‘ร่ายรำ’ และ ‘สังหาร’ เขาเคยพิสูจน์ให้เห็นถึงอานุภาพความรุนแรงของ ‘ร่ายรำสังหาร’ มาแล้วหลายครั้งในอดีต และเมื่อต้องเลือกผสานวิชาดาบสี่ชนิด จึงค่อนข้างแน่นอนว่ากริดต้องใส่ ‘ร่ายรำสังหาร’ เข้าไปเป็นส่วนประกอบ
ส่วนวิชาดาบอีกสองชนิด กริดเลือกใช้ ‘สะพรั่ง’ สำหรับเอฟเฟคสร้างกลีบดอก และ ‘ทำลายล้าง’ สำหรับเอฟเฟคมองข้ามพลังป้องกัน
กริดสร้างวิชาดาบใหม่โดยมีต้นแบบจาก คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร—วิชาดาบผสานสี่ชนิดซึ่งได้รับจากพรเทพธิดาในอดีต
สำหรับกริด คลื่นทำลายล้างฯ เป็นทักษะที่ยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก ท่าแทงสังหารเจ็ดครั้งต้องเล็งด้วยตัวเอง และความรุนแรงจะลดลงจาก ‘สังหาร’ ปรกติถึง 300%
แถมยังมีเงื่อนไขต้องโจมตีให้โดนอย่างน้อยสามครั้งเพื่อให้เกิดเอฟเฟค ‘คลื่น’ และ ‘ทำลายล้าง’ ตามมา
แต่สำหรับท่าไม้ตายใหม่อย่าง ‘สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ นั้น ท่าแทงสังหารทั้งเจ็ดครั้งจะไม่ถูกลดความรุนแรงลง แถมยังปลดปล่อยครบเจ็ดเส้นภายในหนึ่งวินาที
ไม่เพียงเท่านั้น ผลของสะพรั่งและทำลายล้างจะทวีคูณความรุนแรงตามจำนวนมาร์คที่ศัตรูได้รับก่อนหน้า
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ มันมีระยะหน่วงที่สั้นกว่าคลื่นร่ายรำทำลายล้างสังหารมาก แถมยังมีระยะเวลารำดาบที่สั้นลงจากเดิม
ระยะหน่วงคลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหารคือสามชั่วโมง แต่สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหารนั้นเพียงหนึ่งชั่วโมง
กริดชื่นชอบการที่รัศมีดาบสังหารทั้งเจ็ดเส้นถูกปลดปล่อยภายในหนึ่งวินาทีอย่างมาก เพราะเขาจะปิดบัญชีศัตรูได้รวดเร็วกว่าคลื่นทำลายล้างฯ ที่ต้องเล็งแทงเองให้ครบเจ็ดครั้ง
ต่อให้ศัตรูไม่ได้รับมาร์คห้าขีดก่อนหน้า แต่ในมุมมองกริด สะพรั่งทำลายล้างฯ คือทักษะที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า คลื่นทำลายล้างฯ
และเมื่อเอฟเฟค ‘ปลดอาวุธ’ ทำงาน เป้าหมายจะไม่ได้รับผลจากอุปกรณ์สวมใส่บริเวณที่ถูกโจมตีไปชั่วขณะ
[เป้าหมายได้รับความเสียหาย 1,250,900]
[เป้าหมายได้รับความเสียหาย 1,199,320]
[เป้าหมายได้รับความเสียหาย 1,301,010]
[เพลิงทมิฬแสดงผล…]
[เป้าหมายได้รับความเสียหาย 699,000]
[เป้าหมายได้รับความเสียหาย 679,300]
[เป้าหมายได้รับความเสียหาย 730,950]
[ความเสียหายรวมทั้งหมด 16,409,200!!]
“…!!”
รีกัลถูกดาบสังหารแทงเจ็ดครั้งรวด แถมยังถูกเส้นดาบทำลายล้างเข้าไปอีกสิบกลีบ มันไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียงร้อง
สิ่งเดียวที่ทำได้คือ กัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดที่รุนแรงยิ่งกว่าเมื่อครั้งถูกสะท้อนศรประกาศิตใส่
“แฮ่ก… แฮ่ก…”
ทักษะโจมตีฉับพลันและทรงพลังย่อมสิ้นเปลืองพลังกายในปริมาณมาก กริดสัมผัสได้ทันที หลังจากสะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหารถูกปลดปล่อย ค่าเรี่ยวแรงของตนลดฮวบจนน่าตกใจ
ปัจจุบัน หลอดพลังชีวิตของรีกัลยังเหลือมากถึง 20%
‘คิดว่าฆ่าได้แล้วซะอีก…’
ไอ้บัดซบนี่ถึกทนชะมัด
กริดเรียงหน้าปลดปล่อยคอมโบสุดทรงพลังที่คิดค้นขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง และรีกัลก็โดนเข้าไปอย่างจัง แถมมันได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของตัวเองด้วย
ชายหนุ่มไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะยังเหลือพลังชีวิตมากขนาดนี้
เหนือสิ่งอื่นใด กริดยังไม่ลืมความจริงอันน่าเจ็บปวดที่ว่า รีกัลคือเจ็ดดยุคที่อ่อนแอที่สุด เมื่อเทียบกับเลเวลของเรเชลและลิมิตแล้ว เลเวลของมันจะต่ำกว่าเจ็ดดยุคที่เหลือหลายสิบระดับ
แต่หากในทางสงคราม จุดอ่อนของรีกัลจะถูกชดเชยด้วยการลอบยิงจากมุมสูงเหนือระยะป้อมปืน ฝีมือในการรบของมันจึงไม่ด้อยกว่าเจ็ดดยุคคนอื่น
ด้วยเหตุนี้ กริดจึงเล่นงานจุดอ่อนรีกัลโดยการเข้าประชิดตัว แต่เขากลับไม่สามารถดับลมหายใจมันได้ในหนึ่งคอมโบใหญ่
ถูกต้อง
“อัลเลนติก้า!!”
ศัตรูตรงหน้าอ่อนแอที่สุดแล้ว…
ในวินาทีที่รีกัลตะโกนเรียกชื่อมหาไวเวิร์น หลอดพลังชีวิตของมันพลันเด้งกลับไปเป็น 60% อีกครั้ง
กลับกัน… พลังชีวิตไวเวิร์นเหือดหายไปบางส่วน
นี่คือการซิงโครไนซ์ของคลาสนักขับ พลังชีวิตของไวเวิร์นและรีกัลจะถูกนำมาเฉลี่ยและหารแบ่งอย่างเท่าเทียม
‘เอ็งเป็นบอสดันเจี้ยนรึไง!’
สิ่งใดคือจุดอ่อนสำคัญของ NPC พิเศษ?
คำตอบคือ ค่าพลังชีวิตที่ต่ำกว่าบอสใหญ่เนื่องจากเป็น ‘เผ่ามนุษย์’ แต่รีกัลกลับกลบจุดอ่อนดังกล่าวด้วยการซิงโครไนซ์ไวเวิร์น
ไม่ต่างจากมอนสเตอร์บอสเลยสักนิด
‘เจ็ดดยุค…’
ระดับพวกมันสูงกว่าที่กริดคิดไว้
หลังจากได้ครอบครองสมญานามมหาจอมดาบจากเคลย์เชอร์ กริดอาจไม่มั่นใจว่าดวลชนะห้าเสาหลักไหว แต่ถ้าเป็นเจ็ดดยุค เขามีความเชื่อมั่นพอสมควร
นัยน์ตาชายหนุ่มเริ่มสั่นระริก
ฟุ่บ—
วัตถุขนาดใหญ่อย่างกำลังพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วสูงพร้อมกับส่งเสียงคำรามกึกก้อง
เทคนิคธนูของรีกัลและจิสึกะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ของจิสึกะเน้นไปในด้านความเงียบเชียบ ไร้สุ้มเสียง และลบตัวตน
แต่ของรีกัลจะร้องคำรามและอัดแน่นด้วยพลังทำลายมหาศาล
ฉึก—!!
[ได้รับบาดเจ็บ 14,500 หน่วย]
[ถูกแรงกระแทกทรงพลัง ได้รับอาการ ‘ชะงัก’ ชั่วคราว]
[ต้านทาน]
แน่นอน ธนูที่ถูกยิงในระยะใกล้ย่อมเจ็บบัดซบ เจ็บมากกว่าถูกยิงจากระยะไกล
เมื่อพลังชีวิตลดต่ำลงเหลือเพียง 30% กริดเริ่มเสียการทรงตัว ในเวลาเดียวกัน รีกัลได้ง้างคันธนูยาวสองเมตรของมันไปด้านหลังอีกครั้ง
มันไม่คิดปล่อยให้กริดได้พักหายใจ
นี่คือสัญชาตญาณที่เกิดจากความกลัว
กริดแข็งแกร่งเกินกว่าจะเป็นกษัตริย์อาณาจักรเล็กที่ถูกมองข้าม
ฟุ่บ—!
ปลายศรพุ่งออกจากคันธนู
และเป็นการส่งสัญญาณในเวลาเดียวกัน
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!!
ซู่วซู่วซู่วซู่วซู่วซู่วซู่วซู่ว!!
กองทัพนับพันที่บินลอยด้านหลังรีกัลต่างลงมือโจมตีใส่กริดด้วยธนู หอก และเวทมนตร์
『อ๊ะ…! 』
เสียงบรรยายจากสถานีทั่วโลกถึงกับขาดห้วงไปชั่วขณะ กองทัพจักรวรรดิรุมโจมตีใส่กริดด้วยทุกสิ่งทุกอย่างจนท่วมท้นท้องฟ้ายามราตรี
เป็นการยากที่จะหลบพ้นหรือปัดป้องได้หมด และถ้าก่อปาฏิหาริย์ไม่สำเร็จ ความตายของกริดก็จะถูกรับประกัน
หลังจากบัฟอมตะทำงาน กริดจะมีเวลายื้อลมหายใจได้เพียงห้าวินาที ก่อนจะเข้าสู่จุดจบที่ไร้ทางหนีโดยสิ้นเชิง
ถึงพิธีกรจะไม่กล่าวออกมา แต่ผู้ชมทางบ้านก็พอจะคาดเดาผลลัพธ์ได้เอง
เช่นเดียวกับสมาชิกและทหารโอเวอร์เกียร์ที่ยืนมองจากด้านล่าง
หัวหน้าของพวกมัน
ราชาของพวกมัน
…กำลังจะตาย
ชาวเมืองส่งเสียงโหยหวนด้วยสีหน้าเจ็บแปลบ สมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างพากันเบือนหน้าหนี
มีเพียงคนเดียว
ในยามที่เสียเปรียบและตกที่นั่งลำบาก
มีเพียงตัวกริดเท่านั้นที่ยังอมยิ้มมุมปาก
“กำลังรออยู่เลย”
ราชาท้องฟ้า รีกัล มันโด่งดังด้านฝีมือการรบมากกว่าฝีมือการดวล
กริดรอคอยมาตลอด… รอให้รีกัลออกคำสั่งโจมตีกับทหารด้านหลัง
กองทัพอากาศหลายพันนาย
กริดรอฉวยโอกาสที่พวกมันลงมือโจมตีอย่างพร้อมเพรียงตามระเบียบวินัยของทหารที่ถูกฝึกอย่างหนัก
ไอ้พวกระยำที่บังอาจทำให้เมืองของตนต้องแปดเปื้อน…
“พลังบีเลียล ราชินีแห่งการตบตาฯ”
ซู่วว—
ลำตัวกริดพลันสั่นวูบวาบก่อนจะแยกออกเป็นสองร่าง
จากด้านบน
ฉึก—!
ศรจากรีกัลพุ่งปักร่างกริด
ซู่ววว—
กายาราชาโอเวอร์เกียร์เริ่มแตกตัวเป็นสามและสี่ร่างตามลำดับ
ด้วยสมญานามกษัตริย์คนแรก บาเรียคุ้มกายสีส้มถูกสร้างขึ้น และด้วยพลังทีราเม็ทจากอักขระ พลังชีวิตฟื้นฟูกลับคืนทันที 30%
แต่นั่นยังไม่พอ
ห่าฝนธนูและเวทมนตร์ยังคงอันแน่นเต็มท้องฟ้า ทั้งหมดมีเป้าหมายเดียวคือกริด กองทัพอากาศจะไม่เลิกระดมยิงจนกว่าจะได้รับคำสั่งหยุด
รีกัลโก่งง้างคันธนูอีกครั้ง
ในตอนนี้เอง…
“วังวนสะพรั่ง”
กริด ‘สี่คน’ ลงมือใช้งานวังวนสะพรั่งในจังหวะไล่เลี่ยกัน ชายหนุ่มหวังสะท้อนพายุการโจมตีที่โปรยลงจากฟากฟ้าให้ได้มากที่สุด
กริดยังจำได้ดี เมื่อครั้งที่แพ็กม่าดวลกับเครย์เชอร์ ชายคนนั้นใช้สายตา ‘เล็ง’ มาร์คหอกศักดิ์สิทธิ์จำนวนหลายร้อยของเคลย์เชอร์และสะท้อนกลับไป ถึงจะไม่ทั้งหมด แต่ก็มากพอจะทำให้เคลย์เชอร์ต้องกางบาเรียป้องกัน
สำหรับกริด เขาทำแบบนั้นไม่ได้
แม้กระสุนเวทมนตร์และธนูจะช้ากว่าฝูงหอกศักดิ์สิทธิ์ของเคลย์เชอร์มาก แต่กริดไม่เก่งกาจพอจะ ‘เล็ง’ มาร์คทุกการโจมตีที่พุ่งเข้าหา
ไม่เพียงฝีมือจะด้อยกว่าแพ็กม่าที่เหนือมนุษย์ ทว่า ปัญหาสำคัญของกริดคือระยะการมองเห็นที่คับแคบเกินไป
นั่นคือสาเหตุที่กริดต้องเปิดใช้งานอักขระความมืด พลังบีเลียล เพื่อสร้างร่างลวงตาให้ได้รับขอบเขตการมองเห็นที่มากขึ้น
กริดสี่ร่างถูกการโจมตีหลายพันเส้นเต็มท้องฟ้าถาโถมเข้าใส่
ถึงจะมีมุมมองที่เพิ่มขึ้นจากร่างแยกแล้ว แต่กริดกลับยังมาร์คเป้าหมายได้เพียงไม่กี่ร้อยเท่านั้น
เมื่อเทียบกับแพ็กม่า ชายหนุ่มยังห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบอยู่มาก
กลีบดอกไม้หลายร้อยเริ่มผุดจากความว่างเปล่า พวกมันหยุดนิ่งกลางอากาศและหมุนวนรอบตัวเองด้วยความเร็วเชื่องช้า หากไม่ตั้งใจมองจะไม่เห็นว่ากำลังหมุนอยู่
กลีบดอกสีน้ำเงินหลายร้อยส่องแสงระยิบระยับท่ามกลางแสงจันทร์โดยมีกริดเป็นจุดศูนย์กลาง
ซู่วว—
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!!
ห่าฝนธนูรวมถึงกระสุนเวทมนตร์จำนวนมาก พุ่งปะทะวังวนกลีบดอกนับร้อยและย้อนกลับหาเจ้าของ
“…!”
เป็นภาพที่แสนอัศจรรย์
เมื่อถูกอาวุธของตัวเองคืนสนอง การระดมยิงจากกองทัพจักรวรรดิมีอันต้องชะงักไป
ฉึก! ฉึกฉึกฉึก!
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!
ผืนนภาส่งเสียงคร่ำครวญ ความพินาศย่อยยับกำลังท่วมท้นท้องฟ้า
ชายหนุ่มถูกฝนศรและกลุ่มเวทที่สะท้อนกลับไม่หมดปะทะร่าง กายาร่วงโรยหล่นพื้นประหนึ่งวิหคปีกหัก
เฉกเช่นทหารจักรวรรดิบัดซบเหนือท้องฟ้า พวกมันกว่าหลายร้อยชีวิตถูกการโจมตีของตัวเองพุ่งทะลวงจนมีอันต้องแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีเทา
กล้องถ่ายภาพแทบทุกตัวกำลังสั่นไหวจนผู้ชมจวนเจียนสำรอก
= …
ผู้ชมกว่าร้อยล้านทั่วโลกต่างนิ่งเงียบเป็นเป่าสาก
กริด ผู้เล่นเพียงหนึ่งคน รบกับกองทัพอากาศจักรวรรดิสุดเกรียงไกรและสร้างความฉิบหายให้พวกมันเหนือพรรณนา
พลังที่สามารถสะท้อนการระดมยิงจากกองทัพศัตรู มันเป็นสิ่งที่เกินขอบเขตจินตนาการมนุษย์ไปไกลมาก
ไม่มีใครเข้าใจหลักการและทักษะที่กริดใช้
ไม่สิ พวกมันไม่สนอีกแล้ว ขอเพียงได้รับชมการต่อสู้สุดสนุกตื่นเต้นก็เพียงพอ ความชื่นชมผุดขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจโดยไม่รู้ตัว
[ตำนานจะไม่ตายโดยง่าย…]
ประกันชีวิตอมตะห้าวินาที
นั่นคือข้อความระบบสุดท้ายหลังจากร่างกริดหล่นกระแทกพื้น
‘ชิ… ดันใช้วังวนสะพรั่งทันแค่สามร่าง’
เป็นเรื่องยากที่จะสลับร่างจนครบและใช้ทักษะที่ซับซ้อนอย่างวังวนสะพรั่งให้สมบูรณ์
ในร่างสุดท้าย ขณะกำลังปลดปล่อยวังวนสะพรั่ง การถล่มของศัตรูได้พุ่งสัมผัสร่างก่อนทักษะถูกใช้งาน การสะท้อนจึงไม่เกิดขึ้น
กริดตัดพ้อในความบกพร่องของตัวเอง
แต่หากมองจากมุมคนนอก เรื่องราวจะออกมาตรงกันข้าม สิ่งที่ชายหนุ่มกระทำลงไป มันทั้งยอดเยี่ยมและน่าเหลือเชื่อ
ใบหน้าขาวเนียนของรีกัลที่เคยเยือกเย็นและโอหังมาตลอด ยามนี้มีอันต้องแดงก่ำอย่างเดือดดาลปนอาฆาตแค้น
“แก… แกนะแก!!”
กริฟอน ไวเวิร์น รวมถึงทหารอากาศที่เติบโตภายใต้การดูแลประคบประหงมอย่างดีจากตระกูลเกลเดอร์
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันเคยเผชิญความสูญเสียร้ายแรงเช่นนี้สักครั้งหรือไม่?
คำตอบคือไม่
ณ วันนี้ เป็นหนแรกที่รีกัลได้เห็นคนของมันกรีดร้องอย่างเจ็บปวดทรมาน เป็นหนแรกที่มันได้เห็นกองทัพพินาศย่อยยับต่อหน้า
เพียงชั่วอึดใจ
ทหารหายไปเกือบพันนาย…
“แกนะแก…! แค่ฆ่าแกคงไม่พอ… ฉันจะเอาชีวิตประชาชนของแกไปด้วย!!”
รีกัลที่กำลังเดือดดาลได้ควักศรห้าดอกออกมาง้างเตรียมยิง พลังเวททั้งหมดที่เหลือถูกบรรจุลงไปอย่างเข้มข้น
มันหวังทำลายราชาโอเวอร์เกียร์และชาวเมืองไบรันทุกคนให้ราบคาบในคราเดียว
ทันใดนั้น เสียงตะโกนอันแหบพร่าของกริดดังกังวานไปทั่วบริเวณ
“อัญเชิญอัศวิน”
“…!?”
ใบหน้าที่เคยแดงก่ำของรีกัลพลันขาวซีดประหนึ่งโทสะเมื่อครู่เป็นเรื่องโกหก
มันยกเลิกการชาร์จพลังเวทลงลูกธนูทันที นี่คือสัญชาตญาณอัตโนมัติของร่างกาย
สาเหตุเพราะ สองบุคคลที่ตอบรับคำอัญเชิญของราชาโอเวอร์เกียร์นั้น เป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่จนมันต้องพิจารณาสถานการณ์โดยรวมใหม่
บางที การเหลือเวทมนตร์ไว้หนีคงดีกว่าสู้จนตัวตายที่นี่
“เป็นไปไม่ได้…”
หลังจากรีกัลเห็นหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีปรากฏตัวข้างกายกริด นัยน์ตาและท่อนแขนเกิดอาการสั่นระริกอย่างหยุดไม่อยู่
หนึ่งข่าวที่รู้กันทั่วอาณาจักรคือ อัศวินลำดับหนึ่ง เมอร์เซเดส ถูกฝ่าบาทมหาจักรพรรดิขับไล่และกลายเป็นอัศวินประจำตัวราชาโอเวอร์เกียร์เรียบร้อยแล้ว
…แต่กับอีกคน มันไม่เคยนึกถึงมาก่อน
ชายคนนี้ก็เป็นอัศวินของราชาโอเวอร์เกียร์ด้วยหรือ?
ไม่สิ ทำไมเขาถึงยังมีชีวิตอยู่?
“ซ…เซอร์ปิอาโร่!”
รีกัลเปล่งเสียงสั่นเครือ
“ไม่เจอกันนาน… การที่นายสวมเกราะมังกรทองเช่นนี้ย่อมหมายความว่า… บิดาของนายตายไปแล้วสินะ”
ปิอาโร่ทักทาย
เมื่อสิ้นเสียง สีหน้ารีกัลพลันดำมืด ร่างกายชะงักค้างราวกับจิตวิญญาณกำลังหลุดลอย
“แต่อีกไม่นาน… นายก็จะได้ไปหาพ่อในนรกแล้ว”
ฟ้าววว—
ปัจจุบัน รีกัลกำลังลอยสูงจากพื้นราวแปดร้อยเมตร ทว่า เหนือศีรษะด้านบนกลับปรากฏเงาดำของวัตถุปริศนาขนาดใหญ่ปกคลุม บดบังกระทั่งแสงจันทร์ที่ส่องสว่าง
เมื่อเงยมองขึ้นมอง มันได้พบกับครกยักษ์
“ชิ!”
อันตรายเกินไป
ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นสิ่งใด แต่รีกัลไม่คิดเสี่ยงรับซึ่งหน้า หากโดนเข้าไปอาจถึงแก่ความตาย
ความรักตัวกลัวตายกำลังครอบงำโดยสมบูรณ์ รีกัลรีบกระชากบังเหียนอัลเลนติก้าสุดแรง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหลบครกยักษ์ให้พ้น ซึ่งมหาไวเวิร์นมีความเร็วพอจะทำเช่นนั้น
ทว่า
“ตรงนี้ห้ามผ่าน”
เมอร์เซเดสพร้อมปีกสีเงินคู่หนึ่งกำลังลอยตัวขวางทางไว้
“เมอร์เซเดส! นังคนทรยศ!!”
กองทัพอากาศตะกูลเกลเดอร์ พวกมันขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งเพราะทำสงครามในระดับความสูงเหนือระยะป้อมปืนศัตรูเสมอ
แต่หากเก่งกาจเช่นนั้นจริง แล้วเหตุใดถึงไม่นำพาชัยชนะในสงครามอาณาจักรลูบาน่า?
คำตอบง่ายมาก
พวกจะมันอ่อนแอทันทีหากต้องเผชิญ ‘เหนือมนุษย์’ อย่างมาดรา กองทัพอากาศอาจโจมตีได้ฝ่ายเดียวจากมุมสูง แต่ถ้าลงมาเหยียบพื้นดินไม่ได้ เมืองดังกล่าวจะไม่มีวันถูกยึดครอง
ทัพปกป้องไบรันก่อนหน้ามีเพียงไอเบลลินและจู๊ดซึ่งไม่แข็งแกร่งพอจะกำราบกองทัพอากาศบนภาคพื้นดิน
แต่หลังจาก ‘เหนือมนุษย์’ กริดมาถึง กระแสสงครามได้พลิกกลับอย่างชัดเจน เพียงปลดปล่อยไม่กี่ทักษะ ความฉิบหายได้มาเยือนกองทัพอากาศไร้พ่ายสุดแสนโอหัง
ย้อนกลับไปราวร้อยปีก่อน กองทัพอากาศตะกูลเกลเดอร์เคยถูกราชาไร้พ่าย ‘มาดรา’ บดขยี้จนเสียผู้เสียคน พวกมันจึงถอนตัวจากศึกลูบาน่านับแต่นั้น
เมื่อต้องเผชิญอัศวินในตำนานเมอร์เซเดสที่ติดปีก ความได้เปรียบในการบินจึงไม่มีอยู่อีกต่อไป
ฟ้าวววว—
พายุปราณดาบสีเงินฉีกกระชากร่างรีกัลและอัลเลนติก้าไปพร้อมกัน
พลังทำลายเทียบเท่าวิชาดาบของกริด แต่โจมตีได้ต่อเนื่องและกินเวลานานกว่ามาก แถมยังมีวิถีเฉียบคมเล็งทะลวงจุดตายแม่นยำ
เปรี้ยง—
รีกัลเสียหลักร่วงหล่นเมื่อถูกครกยักษ์กระแทกใส่จากด้านบน
ในเวลาเดียวกัน กองทัพอากาศเกินกว่าครึ่งถูกครกบดขยี้ร่างอย่างโหดเหี้ยม พวกมันมีชะตาต้องตายคาที่ แสงสีเทาผุดขึ้นต้นแล้วต้นเล่า
“ท่านรีกัล!!”
ทหารที่รอดพ้นจากรัศมีครก รวมถึงเอิร์ลบารอน พวกมันไม่ยอมทิ้งเจ้านายและหนีไป ทั้งหมดรีบร่อนลงพื้นเพื่อดูใจรีกัลที่ร่างนอนแผ่กับพื้นในสภาพปางตาย
กริดเผยรอยยิ้มขื่นขม
เขาต้องการให้พวกมันหนีไปมากกว่า เพื่อที่ตนจะได้ฆ่าทิ้งโดยไม่ต้องลังเล โทษฐานที่ทำตัวปอดแหกและทิ้งเจ้านายไว้ด้านหลัง
“ท่านดยุค!! ท่านดยุค!!!!”
ทหารเหล่านี้คือสัญลักษณ์ความซื่อสัตย์
ทั้งที่รู้ว่าต้องตาย แต่ไม่มีใครเสียดายชีวิตแม้แต่คนเดียว ทุกคนรีบร่อนลงบนดินแดนศัตรูเพื่อมาอยู่ข้างกายรีกัลในวาระสุดท้าย
ในทางกลยุทธ์ ถือเป็นการเสียสละที่โง่เขลาและไม่เกิดประโยชน์อันใด
“แค่ก…!”
รีกัลถูกทำให้ปางตายด้วยความร่วมมือของอัศวินและชาวนาในตำนาน ชีวิตของมันจบลงแล้ว ลำแสงสีเทาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ความตายกำลังโอบล้อมรอบตัว
“ซ…เซอร์ปิอาโร่ ได้โปรด…”
มันต้องการขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย
แต่น่าเสียดายที่เวลาไม่เพียงพอ
ถึงกระนั้น ทุกคนก็พอจะเดาความปรารถนาของมันออก จากแววตาที่แสดงให้เห็นในวาระสุดท้ายของชีวิต
รีกัลต้องการให้ทหารทุกคนได้รับการละเว้นชีวิต ได้กลับไปหาครอบครัวที่บ้านเกิดอย่างปลอดภัย
‘ปิอาโร่… คุณคือวีรบุรุษของพวกเราทุกคนมาตลอด’
นั่นคงเป็นสิ่งที่มันต้องการกล่าว
“ฝ่าบาทเพคะ… จัดการกับทหารที่เหลืออย่างไรดี?”
เมอร์เซเดสถามแทนปิอาโร่ด้วยสีหน้าขึงขัง
กริดจ้องมองเข้าไปในดวงตาทหารจักรวรรดิที่เหลือทุกคน พวกมีอารมณ์แตกต่างกันไป ทั้งโมโห หวาดกลัว สับสน รวมถึงอาฆาตแค้น
ชายหนุ่มออกคำสั่ง
“ฆ่าทิ้งให้หมด ส่วนกริฟอนและไวเวิร์น จับมัดไว้ให้ได้มากที่สุด”
“เพคะ”
หากกริดต้องการไว้ชีวิตพวกมันแต่แรก เขาคงไม่ใช้วิชาดาบราชาไร้พ่ายหรือการอัญเชิญปิอาโร่แน่
ต้องไม่มีใครสักคนที่รอดกลับไป
นี่คือสงคราม มิใช่สนามเด็กเล่น ถ้าไอ้ระยำหน้าไหนบังอาจปองร้ายชาวเมืองและทรัพย์สินแสนมีค่าของตน ถือว่ามันผู้นั้นได้เตรียมใจตายไว้แล้ว
แถมยัง
“…”
กริดชำเลืองมองรูปปั้นของข่านที่ถูกทำลายด้วยสีหน้าเจ็บแปลบ
ทันใดนั้น ข้อความระบบจำนวนมากแสดงเรียงต่อกันไม่ขาดสาย
[ดยุคแห่งจักรวรรดิ ราชาท้องฟ้า รีกัล ถูกท่านสังหาร]
[เป็นความสำเร็จที่ไม่เคยมีผู้ใดทำได้มาก่อน]
[ค่าชื่อเสียงระดับทวีปเพิ่มขึ้น 2,000 แต้ม]
[เลเวลเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ]
[ท่านได้รับ ‘เกราะมังกรทอง’ สมบัติประจำตระกูลเกลเดอร์]
[ท่านได้รับ ‘คันศรศึกเผ่าคนยักษ์’ สมบัติประจำตระกูลเกลเดอร์]
[อัศวินของท่าน ‘จู๊ด’ สัมผัสประสบการณ์ต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมจนเกิดการพัฒนา แต้มสถานะขีดจำกัดสูงสุดเพิ่มขึ้น]
[ท่านเริ่มเข้าใจหลักการของระบบ ‘ตำนาน’ ‘เหนือมนุษย์’ และ ‘บารมี’ มากขึ้น]
[ท่านได้รับความสามารถใหม่]
[นับแต่นี้ไป ‘ระบบความสำเร็จ’ ซึ่งเป็นรากฐานของระบบ ‘สมญานาม’ จะไม่เพียงส่งผลถึงท่าน แต่ยังส่งผลต่ออัศวินของท่านด้วย]
[อัศวินของท่าน ‘จู๊ด’ ได้รับความสำเร็จ ‘อัศวินผู้ภักดี’]
[อัศวินของท่าน ‘จู๊ด’ ได้รับความสำเร็จ ‘เปลวเพลิงที่ไม่มีวันดับมอด’]
[อัศวินของท่าน ‘จู๊ด’ ได้รับความสำเร็จ ‘ปาฏิหาริย์แห่งสนามรบ’]
[อัศวินของท่าน ‘เมอร์เซเดส’ ได้รับความสำเร็จ ‘สังหารเจ็ดดยุค’]
[อัศวินของท่าน ‘ปิอาโร่’ ได้รับความสำเร็จ ‘สังหารเจ็ดดยุค’]
“…ปิอาโร่ ฉันขอโทษ”
“ฝ่าบาทอย่าได้กล่าวเช่นนั้น”
ปิอาโร่ยืนโค้งคำนับนอบน้อม
เมอร์เซเดสยืนเคียงข้างกริดด้วยสีหน้าสุขุม
ส่วนจู๊ดที่เพิ่งได้สติกลับมา มันรีบเหลียวซ้ายแลขวาเพื่อมองหาของกิน
กริดถูกรายล้อมด้วยอัศวินทั้งสามคนที่เริ่มสั่งสม ‘บารมี’ และสร้างชื่อเสียงในสงคราม
ชายหนุ่มกวาดสายตามองรอบไบรันที่ได้รับอิสระกลับคืนมาอีกครั้ง
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,393
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
ขอบคุณมากๆครับ🙏
ReplyDeleteมันส์เกินบรรยาย
ReplyDelete