จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 996



ในความเป็นจริง มวลชนภายนอกไม่ตื่นเต้นกับสงครามระหว่างจักรวรรดิและโอเวอร์เกียร์มากนัก


จักรวรรดิมีกองทัพมากกว่าร้อยเท่าแล้วอย่างไร?


“ก็เท่านั้น”


ตราบใดที่โอเวอร์เกียร์ยังมีกริด บุรุษผู้นี้จะออกมาพลิกสถานการณ์ในช่วงเวลาสำคัญเสมอ ด้วยหลักความคิดเช่นนี้ สงครามกับจักรวรรดิจึงมิใช่สิ่งที่แปลกใหม่หรือน่าตื่นเต้น


กริดได้สลักบรรทัดฐานใหม่ของตัวเองลงในใจคนทั่วโลก ฉากกริดถูกรุมล้อมโดยศัตรูจำนวนมากและเอาชนะมาได้ สิ่งนี้เกิดขึ้นหนแล้วหนเล่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะศึกตะลุมบอนราชาอสูร


ไม่เพียงตัวกริด แต่เขายังมีสี่ราชันสวรรค์สุดแกร่งซึ่งทีมงาน SA กรุปยืนยันเองว่า ‘NPC ไม่ถูกปรับแต่งเพิ่มเติมในงานแข่ง’


แถมยังมีเหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ แต่ละคนล้วนมีพรสวรรค์สูงประกอบกับครอบครองไอเท็มชั้นเลิศจากกริด ฝีมือพวกมันแข็งแกร่งพอจะคว้าเหรียญทองการแข่งนานาชาติได้คนละหนึ่งถึงสองเหรียญ


ด้วยสามัญสำนึกข้างต้น ผู้คนจึงมองว่าอาณาจักรโอเวอร์เกียร์คงผ่านวิกฤติตรงหน้าได้ไม่ยาก


แต่ความจริงโหดร้ายกว่าที่คิด


อาณาจักรโอเวอร์เกียร์อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการล่มสลาย ความเปราะบางไม่ต่างจากเทียนไขที่ใกล้ดับวูบเมื่อต้องลม


จักรวรรดิยังไม่ได้เอาจริงแม้แต่เศษเสี้ยว พวกมันยังมีกองทัพเจ็ดดยุคซึ่งถูกหน่วยลอบจู่โจมของเผ่าวารีตรึงไว้ที่ท่าเรือ ยังมีกองทัพจอมเวทจากหอแห่งนิรันดร์ ยังมีหน่วยจักรกลเวทมนตร์ และยังมีหน่วยอัศวินสีชาด


แต่ในทางกลับกัน อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ฝืนรับมือสงครามชายแดนอย่างเต็มกลืน เพียงการส่งคลื่นมนุษย์บุกถล่มอย่างต่อเนื่องก็มากพอจะทำให้กองกำลังพิทักษ์เรย์ดันออกอาการอ่อนล้า


กริดกำลังกระวนกระวาย


เขากังวลว่าผลลัพธ์จะนำไปสู่การล่มสลายของอาณาจักร นั่นเป็นสาเหตุที่กริดทุ่มทำสงครามด้วยทุกปัจจัยที่มี


ทั้งการทำสัญญาลับกับบริษัทเกาหลีใต้ รวมถึงตระเวนไปทั่วอาณาจักรเพื่อเฟ้นหาเหล่าแรงเกอร์มาเป็นกำลังรบ


เหตุผลการมาเยือนที่นี่ก็เช่นกัน


[เศษเสี้ยวพลังอสูรปริมาณมหาศาลที่ตกค้างได้ปิดกั้นวงจรเวทมนตร์ของท่าน]


[ท่านถูกระงับเวทมนตร์และทักษะทุกชนิด]


[ท่านต้านทาน]


ทางเข้าดันเจี้ยนมีรูปทรงคล้ายกับปากของสัตว์ประหลาดที่รอเขมือบ มอบความรู้สึกอึดอัดให้ผู้พบเห็น


ใช่แล้ว นี่คือถ้ำซึ่งเคยผนึกแมรี่โรสไว้


ในอดีตอันนานนม แวมไพร์เคาท์เตสสุดทรงพลังอย่างแมรี่โรสได้ถูกผนึกโดยสันตะปาปาลำดับสอง เคลย์เชอร์ และสามบุตรีแห่งรีเบคก้าในสมัยนั้น ที่ศาสตราเทพยังไม่ถูกปิดกั้นพลัง


ทว่า ราวเกือบยี่สิบปีก่อน สุดยอดแวมไพร์สาวสวยที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเบริอาเช่ได้เป็นอิสระอีกครั้งโดยฝีมือกริด


‘กลิ่นคาวเลือดจากผ้าคลุมมาลาคัส…’


ด้วยความบังเอิญที่ซ้อนทับกัน เหตุการณ์ได้นำพาให้กริดคลายผนึกของแมรี่โรสเข้า


ปัจจุบัน ชายหนุ่มเกิดความหวังเล็กๆ จากผลของสมญานาม ‘ว่าที่ราชาโลหิต’ ที่ตนครอบครอง


<ว่าที่ราชาโลหิต>

ท่านกลายเป็นว่าที่ราชาโลหิต

ตัวตนของท่านจะสร้างแรงคุกคามใหญ่หลวงต่อแวมไพร์ทั่วไป

แวมไพร์ทั่วไปที่เป็นศัตรูของท่านจะมีค่าสถานะทุกชนิดลดลง 15%

ตัวตนของท่านเป็นภัยอันตรายต่อแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์

แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ที่เป็นศัตรูของท่านจะมีค่าสถานะทุกชนิดลดลง 8%

แวมไพร์ทายาทสนใจในตัวท่านมากขึ้น

แวมไพร์ทายาททุกตนที่เผชิญหน้ากับท่านจะเป็นอิสระจากคำสาปเกียจคร้านชั่วคราว

สมญานาม ‘ผู้มีสิทธิ์เป็นราชาโลหิต’ ถูกยกระดับเป็น ‘ว่าที่ราชาโลหิต’ หลังจากกริดผนึกแวมไพร์ทายาทครบสี่ตน


ในมุมมองของเขา มีโอกาสสูงมากที่พลัง ‘ลบล้างคำสาปเกียจคร้าน’ จะส่งผลต่อแมรี่โรสด้วย


‘โนลล์เคยบอกว่า… มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด’


ก่อนได้พบกริด โนลล์อธิบายว่า ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวคือสิ่งน่าเบื่อหน่าย


ชีวิตแวมไพร์ปรารถนาเพียงหลับพักผ่อน


แต่ทันทีที่ได้พบกริด มันกลับได้รับความรู้สึกแปลกใหม่ เป็นสิ่งที่เพิ่งเคยสัมผัสนับตั้งแต่เกิดมา


โนลล์อธิบายไว้ว่า


“เมื่อได้รับความรู้สึกดังกล่าว… ฉันเหมือนกับได้มีชีวิตที่แท้จริงเป็นครั้งแรก ได้ตระหนักถึงคุณค่าการมีชีวิตอยู่… ช่วงเวลาที่ผ่านมาคือความสูญเปล่าอย่างแท้จริง… ต้องขอบใจนายมากที่ช่วยลบล้างคำสาปนั่นให้”


กริดจึงเกิดความคาดหวังว่า พลังสมญานาม ‘ว่าที่ราชาโลหิต’ จะส่งผลกับแวมไพร์ทายาทตนอื่นในลักษณะเดียวกัน


‘หากแมรี่โรสรู้สึกเหมือนกับโนลล์…’


จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอเป็นอิสระจากคำสาปและรู้สึกขอบคุณตน? เมื่อตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต แมรี่โรสจะตอบแทนกริดและยอมยื่นมือช่วยเหลือในสงครามหรือไม่?


แต่นั่นเป็นมุมมองในแง่บวกอย่างสุดโต่ง


เหตุการณ์อาจตรงกันข้าม แมรี่โรสอาจรู้สึกหงุดหงิดและฆ่ากริดทิ้งโดยไม่แยแส


แต่ถึงจะทราบเช่นนั้น เขายังคงต้องการเสี่ยงกับฟางเส้นสุดท้ายซึ่งเชื่อมติดกับเธอ


หนึ่งในตัวตนที่ทรงพลังของทวีป


หากได้แมรี่โรสเป็นพวก ชะตาชีวิตของกริดและอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะรุ่งโรจน์


‘ตายสักครั้งคงไม่เสียหาย’


กริดเดินทางมายังถ้ำแห่งนี้เพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จให้สูงขึ้นเล็กน้อย


กึก… กึก…


กริดสั่งให้เชย์กลับไป เขาเดินตรงเข้ามาในดันเจี้ยนตามลำพังพร้อมกับถือจอบสองหัว


‘บราฮัมเคยเล่าว่า แมรี่โรสคือทายาทที่สืบทอดพลังอสูรปริมาณมหาศาลจากเบริอาเช่โดยตรง เธอแข็งแกร่งกว่าแวมไพร์ทายาทตนใดทั้งหมด’


กริดเคยสัมผัสถึงความน่ากลัวของเธออย่างใกล้ชิดมาแล้ว เมื่อครั้ง 15~17 ปีก่อนที่แมรี่โรสหลุดจากผนึก


เขาเกิดสมมติฐานใหม่


‘ถ้ำที่ผนึกแมรี่โรสไว้นานกว่าร้อยปี คงมีพลังอสูรมหาศาลตกค้างไม่มากก็น้อย…’


และตามโครงสร้างธรรมชาติของถ้ำ ผนังด้านในต้องมีแร่กระจายตัวประปราย


ใช่แล้ว กริดคิดใช้แร่ภายในถ้ำดึงความทรงจำสมัยอดีตของแมรี่โรสกลับคืนมา


‘ไม่สนคุณภาพของแร่ จะเป็นเกรดต่ำขนาดไหนได้ ขอเพียงยังคงสภาพแร่และมีกลิ่นอายพลังอสูรของเธอหลงเหลืออยู่’


ธรรมชาติรอบถ้ำถูกกัดกร่อนไปมากจากผลของพลังอสูร จึงมีโอกาสสูงที่แร่ภายในถ้ำจะถูกพลังอสูรละลายกลายเป็นเศษผง


ไม่ว่าอย่างไร กริดต้องหาแร่ดังกล่าวให้พบ


เขาหวังสร้างความดีความชอบในฐานะผู้คลายผนึกให้เธอเป็นอิสระ


‘ในคราวนั้น เธอตื่นขึ้นเพราะสัมผัสถึงกลิ่นคาวเลือดจากผ้าคลุมมาลาคัส…’


เป็นการตื่นจากผนึกหลายร้อยปีเชียวนะ!


‘ถ้าเธอได้กลิ่นแร่ของที่นี่ ความทรงจำในอดีตอาจหวนกลับมา’


กริดไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหวังให้แผนการนี้สำเร็จ


ขณะครุ่นคิดถึงความบังเอิญในอดีต ชายหนุ่มกวาดสายตาสำรวจรอบถ้ำเพื่อมองหาสิ่งที่อาจเป็นประโยชน์


ทว่า บริเวณปากถ้ำมีเพียงเศษหินที่ผุกร่อนจากพลังอสูร นอกนั้นไม่สลักสำคัญ เขาจำเป็นต้องเข้าไปให้ลึกกว่าเดิม


[เศษเสี้ยวพลังอสูรปริมาณมหาศาลที่ตกค้างได้ปิดกั้นวงจรเวทมนตร์ของท่าน]


[ท่านถูกระงับเวทมนตร์และทักษะทุกชนิด]


[ท่านต้านทาน]


[เศษเสี้ยวพลังอสูรกัดกินพลังใจและลดค่าความอดทนของท่าน]


[ท่านตกอยู่ในอาการ ‘อ่อนแอ’ และ ‘สับสน’]


[ท่านต้านทาน]


ยิ่งลึกเข้าไปในถ้ำ พลังสะกดก็ยิ่งรุนแรงขึ้นทุกขณะ ร่างกายกริดเริ่มหนักอึ้ง


ตัวเขายังพอทนไหว แต่ถ้าเป็นกลุ่มเชย์คงไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะก้าวขา


‘ไม่สิ อาจมาไม่ถึงจุดนี้ด้วยซ้ำ’


สมกับเป็นถ้ำที่ผนึกสัตว์ประหลาดแมรี่โรส


ขณะเดียวกัน กริดก็รู้สึกโล่งใจ


เขานึกขอบคุณพลังแห่งตำนานสุดโกงที่ช่วยนำพามาจนถึงจุดลึกสุดของถ้ำ


‘ถ้ำใหญ่กว่าที่คิด’


ไม่มีทางรับรู้จากภายนอกได้เลย มันคือถ้ำทางตรงที่ต้องเดินเท้าติดต่อกันนานกว่าสี่สิบนาทีโดยไม่หยุดพัก


‘เธอหลับใหลภายในนี้นานกว่าร้อยปี’


ณ ส่วนลึกสุดซึ่งมีลักษณะเป็นโพรงกว้าง กริดกำลังยืนพิจารณาโลงศพสีขาวบริสุทธิ์ที่วางอยู่บนพื้น ชายหนุ่มจินตนาการภาพแมรี่โรสผู้งดงามนอนหลับใหลด้วยใบหน้าชวนฝัน


“อ๊ะ…!”


เป็นความงามที่ทำให้ตกอยู่ในภวังค์ได้แม้เพียงจินตนาการถึง แมรี่โรสไม่ใช่แค่เลอโฉม แต่ใบหน้าของเธอยังแฝงไว้ด้วยความน่าหลงใหลที่ยากลืมเลือน


เมื่อได้สติกลับมา กริดพยายามกวาดสายตามองรอบข้างเพื่อหาแร่ที่ต้องการ


ทว่า แร่ส่วนใหญ่ได้ถูกพลังอสูรกัดกินจนสลายเหลือไว้เพียงเศษฝุ่น


‘แย่จังแฮะ’


หากไม่เพราะที่นี่มีพลังอสูรอัดแน่น กริดคงพาตัว ‘ไมเนอร์’ ร่วมทางมาด้วย…


เครื่องตรวจจับแร่ ไมเนอร์ ปัจจุบันไม่ค่อยมีบทบาทที่เด่นชัดมากนัก


‘แต่หมอนั่นไม่ได้เอาแต่เล่นสนุก…’


ในระยะหลัง ไมเนอร์หมั่นอ่านหนังสือเกี่ยวกับแร่ธาตุและภูมิศาสตร์อย่างหนัก เพื่อขยายภูมิปัญญาให้กว้างขึ้น


กริดถึงกับสร้างหอสมุดหลวงเพิ่มอีกหนึ่งชั้นเพื่อไมเนอร์โดยเฉพาะ หนังสือหลากหลายชนิดถูกจัดเตรียมสำหรับขยายขอบเขตปัญญา


‘พลังตรวจจับแร่ของหมอนั่นกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง’


แต่หากกริดต้องการพัฒนาไมเนอร์โดยเร็ว การขยายดินแดนอาณาจักรคือสิ่งจำเป็น เพราะถ้าไมเนอร์มีขอบเขตทำงานที่กว้างขึ้น ก็มีโอกาสที่หมอนั่นจะค้นพบแร่ชนิดใหม่


นั่นคือเหตุผลที่กริดต้องการชนะสงคราม


‘ถ้าอยากพัฒนา ก็ห้ามเสียดินแดนเด็ดขาด เป็นสงครามที่เราจะแพ้ไม่ได้!’


อาณาจักรที่พวกพ้องของตนก่อตั้งและร่วมสร้างอย่างยากลำบาก


…มันอันแน่นด้วยความทรงจำและอารมณ์ร่วมของทุกคน


มีใครบางคนคิดแย่งชิงมันไปงั้นหรือ?


เขาไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด


ต่อให้ต้องเสี่ยงชีวิตบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากแมรี่โรสก็ตาม


“อ๊ะ…!”


หลังจากกริดจมอยู่ในห้วงความคิดอยู่นาน


หางตาของเขาพลันชำเลืองพบแร่สีดำแปลกประหลาดซึ่งเกิดจากการดูดซึมพลังอสูรปริมาณมากเข้าไป


ในที่สุดก็พบเป้าหมาย!


“นั่นไง!”


เคร้ง! เคร้ง!


กริดเริ่มลงมือขุดแร่


แม้ฝีมือการขุดแร่จะขึ้นสนิมเล็กน้อย แต่ก็ยังยอดเยี่ยมชนิดที่คนงานเหมืองมืออาชีพเห็นแล้วต้องร่ำไห้


ทว่า…


[ขุดแร่ล้มเหลว]


[ขุดแร่ล้มเหลว]


[ขุดแร่ล้ม…]


[ความล้มเหลวอย่างต่อเนื่องเพิ่มโอกาสที่แร่จะได้รับความเสียดาย]


“…”


ดูเหมือนมันยังถูกปกป้องด้วยพลังอสูร


กริดไม่เคยพบแร่ที่ขุดยากขนาดนี้มาก่อน


ก้อนแร่ถูกฝักลึกในดินและเคลือบผิวด้วยสีดำสนิท แม้แต่กริดซึ่งมีทักษะระดับสูงยังมิอาจขุดสำเร็จ


‘ควรทำยังไงดี…’


การขุดล้มเหลวอีกสักหนสองหนอาจส่งผลแร่เสื่อมคุณภาพลง


ชายหนุ่มครุ่นคิดถึงแผนการนำตัวไมเนอร์เข้ามาช่วยขุด แต่ก็รีบส่ายหัวในเวลาไม่นาน


‘ปัญหาเกิดจากพลังอสูร ไม่ใช่ตัวแร่’


แถมการฝืนนำไมเนอร์เข้ามาในสภาพแวดล้อมเลวร้าย หมอนั่นคงไม่เหลือเรี่ยวแรงและจิตใจมากพอจะขุดแร่ได้เต็มประสิทธิภาพ


ดังที่เคยกล่าวไปข้างตน


กริดไม่สนเกรดแร่ ไม่แยแสว่ามันจะเสื่อมคุณภาพลงเพียงใด ขอแค่ยังเหลือกลิ่นอายของแมรี่โรสก็พอ


เมื่อความรู้สึก ‘ช่างแม่ง’ ผุดขึ้นในจิตใจ กริดจึงรีบกระหน่ำขุดต่อไปด้วยจอมสองหัวเกรดเลเจนดารีในมือ


ทว่า การขุดครั้งถัดไปกลับสำเร็จราบรื่น


[ขุดแร่สำเร็จ!]


[ท่านได้รับ ‘แร่เหล็กปริศนา’]


“การตรวจสอบของช่างตีเหล็กในตำนาน”


[รายละเอียดไอเท็มมีการเปลี่ยนแปลง]


ชิ้ง~


<แร่เหล็กพลังอสูร>

แร่เหล็กที่ซึมซับพลังอสูรไว้เป็นเวลานาน

* กรุณาใช้อย่างระมัดระวัง

(ท่านมีโอกาสเสียชีวิตหากใช้มือเปล่าจับสุ่มสี่สุ่มห้า)

น้ำหนัก : 5


[ท่านค้นพบคุณสมบัติลับไอเท็ม!]


<แร่เหล็กที่อัดแน่นด้วยพลังของสิ่งมีชีวิตระดับสูง>

แร่เหล็กที่อัดแน่นด้วยพลังของชีวิตมีชีวิตระดับสูง ไอเท็มที่สร้างด้วยแร่ชนิดนี้จะมอบพลังอสูรที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ผู้ใช้งาน

* มอบออปชั่น ‘เพิ่มแต้มสถานะ’ แก่ไอเท็มที่ใช้แร่ชนิดนี้เป็นวัสดุ

(มีโอกาสสูงที่พลังอสูรจะส่งผลข้างเคียงด้านลบต่อผู้ใช้งาน)

น้ำหนัก : 5


“เห…”


ในสายตาคนทั่วไป มันไม่ใช่แร่ที่ดีนัก เนื่องจากมีคำเตือนสุดอันตรายเกี่ยวกับพลังอสูร


แต่ไม่ใช่กับกริด


“…ฮุฮุฮุ”


ยังมีอีกไหมนะ?


กริดออกอาการตื่นเต้น เขาเกิดความคิดที่จะสำรวจถ้ำใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ปากทางเข้า


ทันใดนั้น ‘โลงศพ’ ซึ่งเฝ้ามองพฤติกรรมกริดอยู่นานได้ส่งเสียง


> เจ้าคือผู้คลายผนึกแมรี่โรสสินะ?


“…?”


เมื่อเห็นกริดผงะ โลงศพปริศนารีบแนะนำตัวเอง


> ข้าคือเคลย์เชอร์ สันตะปาปาลำดับสอง


“…?”


ฝีมือแพ็กม่าอีกแล้วหรือ?


‘จิตใจของหมอนั่นทำด้วยอะไร?’


เดี๋ยวก่อน… ไม่น่าใช่


แพ็กม่าผนึกฟรานซ์ลงในดาบเพราะคนทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่แพ็กม่าไม่มีส่วนเกี่ยวพันกับใดกับสันตะปาปาลำดับสอง


‘…ค่อยสบายใจหน่อย ไม่ใช่ไอเท็มภารกิจคลาส เราไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว’


ขณะกริดมีสีหน้าดำมืด โลงศพถามย้ำ


> เป็นเจ้าใช่ไหมที่ปลุกแมรี่โรส? ทำไมเจ้าถึงต้องปลุกหล่อนที่หลับใหลในกายข้าด้วย?


“ม…ไม่ใช่! โลงศพว่างเปล่าตั้งแต่ที่ผมมาถึงแล้ว!”


แน่นอน กริดปฏิเสธ


สาเหตุเพราะ เขาไม่มั่นใจว่าจะเกิดสิ่งใดบ้างหากบอกเล่าความจริงออกไป


แต่ชายหนุ่มหลงลืมความจริงบางประการ


ความจริงที่ว่า สันตะปาปาลำดับหนึ่งและสองคือตัวตนสุดพิเศษ เป็นบุคคลสำคัญที่สร้างรากฐานให้โบสถ์รีเบคก้ายิ่งใหญ่จวบจนปัจจุบัน พลังของเคลย์เชอร์ย่อมไม่ธรรมดา


วาจาเท็จมิอาจเล็ดลอดผ่านสายตาดวงวิญญาณอีโก้ระดับสูงไปได้


> เจ้าโกหก!


โครม!


โลงศพพุ่งกระแทกใส่กริดจนล้มหงาย


“อึก…?”


นี่ตนถูกโลงศพบัดซบทำร้ายเข้าหรือ?


เขามั่นใจว่า ตัวเองเคยผ่านประสบการณ์ประหลาดในซาทิสฟายมากมายชนิดนับไม่ถ้วน อาจเป็นจำนวนที่มากยิ่งกว่าครอเกลเสียอีก


แต่การถูกโลงศพโจมตีใส่มันออกจะ…


กริดพลันขมวดคิ้ว กรามถูกขบแน่นด้วยสีหน้าเจ็บแค้น


ขณะเดียวกัน โลงศพปริศนาสีขาวกำลังยืนตั้งตรงพลางพ่นลมหายใจเหยียดหยัน


> เจ้าไม่เพียงสืบทอดเทคนิคจากแพ็กม่า แต่ยังสืบทอดความปลิ้นปล้อนจากมันด้วยหรือ?


“…?”


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,389

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. ขอบคุณ​ครับ​

    ReplyDelete
  2. พอนึกภาพตามแล้วเเบบ....
    โอ้ยอยากจะขำ

    ReplyDelete
  3. อยากให้แก้สรรพนาม คำว่า "มัน" ควรจะใช้คำว่า "มัน" ศัตรูมากกว่า เห็นใช้คำว่า "มัน" เรียกเกือบทุกคน
    ยกเว้น กริด

    ReplyDelete
    Replies
    1. จริงครับตอนหลังเริ่มใช้คำว่า "มัน" กับทุกคนเลยยกเว้นกริดคนเดียว

      Delete
    2. เห็นด้วยเลยแต่ตอนปัจจุบันแปลไปไกลละผมเลยไม่ได้เม้น ทุกอย่างแปลดีหมดยกเว้นการใช้คำว่า"มัน" ใช้พวกเขา พวกตน พวกเรา ยังดีกว่าอีก

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00