จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 994



มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายตลอดสองเดือนที่ผ่านมา


เมื่อสนธิสัญญาระหว่างอาณาจักรโอเวอร์เกียร์และจักรวรรดิหมดลง โอเวอร์เกียร์ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับวัลฮัลล่าทันที


ส่วนวัลฮัลล่า… พวกมันไม่เคยทำสนธิสัญญากับจักรวรรดิ จึงรุกรานอาณาจักรข้างเคียงเพื่อขยายฐานอำนาจได้อย่างอิสระ


จักรวรรดิถูกตีท้ายทอยเข้าอย่างจัง


…วัลฮัลล่าจับมือกับโอเวอร์เกียร์


ฝ่ายจักรวรรดิเคยเข้าใจว่า การแลกเปลี่ยนเนตรมังกรขาวจะทำให้ความสัมพันธ์ของมันกับวัลฮัลล่าแน่นแฟ้นขึ้น


แต่ในความเป็นจริง วัลฮัลล่าเลือกจับมือโอเวอร์เกียร์แทน


แผนที่เคยวางไว้มีอันต้องพังครืน จักรวรรดิเคยคิดว่าวัลฮัลล่าจะช่วยกดดันโอเวอร์เกียร์ให้


ส่วนโอเวอร์เกียร์ต้องคอยระแวงวัลฮัลล่าที่มอบเนตรมังกรขาวให้จักรวรรดิ


เป็นยุทธการปล่อยให้เสือสองตัวกัดกัน


ด้วยเหตุนี้ ทางจักรวรรดิจึงมิได้จับตามองวัลฮัลล่ามากเท่าที่ควร พวกมันกำลังพุ่งความสนใจไปยังโอเวอร์เกียร์


แต่เมื่อทั้งสองฝ่ายจับมือกัน โอเวอร์เกียร์จึงมีช่องว่างให้พักหายใจหายคอมากขึ้น


จักรวรรดิไม่กล้าบุกโจมตีผลีผลาม


อาณาจักรโอเวอร์เกียร์เริ่มมั่งคั่งจากการส่งออกอาวุธจำนวนมากให้วัลฮัลล่าในราคาต่ำ


เหล่าขุนพลที่ได้รับเหรียญรางวัลงานแข่งล้วนถูกยกระดับไอเท็มโดยฝีมือกริด


ขณะเดียวกัน ยูร่าที่เสร็จภารกิจในขุมนรกได้เดินทางไปยังป่าเอลฟ์และทำพันธสัญญากับ ‘ราชาภูต’


ในอดีต เธอคือผู้เล่นคนแรกที่ปรากฏตัวบนข้อความโลกหลังจากกลายเป็นข้ารับใช้ยาธานลำดับแปด และปัจจุบัน ยูร่ากลายเป็นตัวเอกข้อความโลกอีกครั้ง


ความโด่งดังปัจจุบันของยูร่า เทียบเท่าความโด่งดังของกริดขณะแข่งตะลุมบอนราชาอสูรเลยทีเดียว


“อิจฉาจัง…”


เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ส่วนใหญ่ได้ทำพันธสัญญากับภูตระดับต่ำ การครอบครองราชาภูตของยูร่าจึงถือเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ พวกมันทุกคนแสดงความยินดีกับเธอจากใจจริง แต่ก็ขจัดความริษยาได้ยากเช่นกัน


ยูร่าเริ่มมองเห็นแสงแห่งความหวัง


‘ถ้ามีเจ้านี่ละก็…’


ตนเริ่มครอบครองพลังที่สมฐานะคลาสในตำนานบ้างแล้ว


มหาสงครามกับจักรวรรดิในอนาคต เธอมั่นใจว่าจะกลายเป็นกำลังสำคัญให้กริดได้


ขณะเดียวกัน


“พวกเราจะทำลายตัวตนเทพธิดาแห่งแสงให้หายไปจากโลก!! หล่อนคือนังมารร้ายที่สวมหน้ากากเสแสร้งทำดีกับมนุษย์!!”


“หุบปาก! ไอ้พวกชั่ว!”


สงครามระหว่างโบสถ์รีเบคก้าและวิหารยาธานกำลังเข้มข้น


วิหารยาธานเริ่มฟื้นฟูขุมกำลังและสร้างความหวาดกลัวไปทั่วทวีปอีกครั้งเพื่อหวังกอบกู้ชื่อเสียงกลับคืน


พวกมันดำเนินกลยุทธ์ใหม่ ไม่แยกย้ายลงมือเหมือนก่อน แต่เลือกกระจุกตัวทำภารกิจเพื่อรับมือบุตรีรีเบคก้าที่แข็งแกร่ง


เมื่อสองขั้วอำนาจใหญ่อย่างแปดข้ารับใช้ยาธานและสามบุตรีแห่งรีเบคก้าปะทะฝีมือกัน ฟ้าดินพลันสะเทือนประหนึ่งวันโลกาวินาศ อาณาจักรที่เป็นสนามรบเกิดความฉิบหายวายป่วงเกินเยียวยา


สิ่งที่น่าขันก็คือ อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่เศษเสี้ยว


ทั้งที่วาติกันตั้งอยู่ในเขตโอเวอร์เกียร์


ทั้งที่วาติกันคือแดนสวรรค์ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโบสถ์รีเบคก้า


แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ


อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามเพราะดาเมี่ยนคอยบงการวางแผนเบื้องหลัง


ดาเมี่ยนแสดงพลังการทูตโดยส่งคำร้องไปยังจักรวรรดิเพื่อขอความช่วยเหลือ


“เราหวังว่าจักรวรรดิซาฮารันที่เรียกตัวเองว่าผู้ปกครองทวีปจะช่วยสนับสนุนกำลังทหารต่อต้านกลุ่มชั่วร้ายวิหารยาธาน ทั้งหมดก็เพื่อความสงบสุขของทวีปตะวันตกแห่งนี้”


“…”


องค์จักรพรรดิย่อมมิอาจปฏิเสธคำขอร้องเป็นทางการจากสันตะปาปาได้ พวกมันจำเป็นต้องสละกองทัพบางส่วนทั้งน้ำตา


ในช่วงเวลาเดียวกัน ครอเกลถูกพบเห็นบ่อยครั้งภายในจักรวรรดิ


หลังจบงานแข่งนานาชาติครั้งที่สี่ บริเวณที่ผู้เล่นพบเห็นครอเกลเป็นประจำคือหลุมศพอดีตจักรพรรดินีอาเรีย


เกิดข้อสันนิษฐานขึ้นมากมายบนโลกอินเทอร์เน็ต บางส่วนคาดว่า ครอเกลกลายเป็นขุนพลลับของจักรวรรดิเรียบร้อยแล้ว


แต่ความจริงนั้นตรงกันข้าม


“นั่นคือที่สิงสถิตของมารร้าย”


หอกอันดับหนึ่งของทวีป คิรินัส


เมื่อวันเวลาผ่านไป มันเริ่มเปิดใจยอมรับในตัวครอเกล และเผยข้อมูลปูมหลังของจักรวรรดิมากขึ้น


คิรินัสเล่าถึงสาเหตุการตายที่แท้จริงของจักรพรรดินีอาเรียผู้มีชะตากรรมอันน่าเศร้า


วังหลวงจักรวรรดิกว้างใหญ่กว่าวังหลวงโอเวอร์เกียร์หลายสิบเท่า แต่คิรินัสกลับชี้ปลายนิ้วไปยังจุดหนึ่งได้แม่นยำและไม่ลังเล


ที่นั่นคือ ‘วังหลัง’ แสนหรูหราอลังการ


สถานที่พำนักของจักรพรรดินีแมรี่


“หล่อนคือมารร้ายที่ต้องกำจัด ไม่อย่างนั้น ทวีปตะวันตกจะไม่มีวันพานพบความสงบสุขที่แท้จริง”


“…”


ครอเกลพลันรู้สึกชาไปทั้งตัว


ไม่ใช่เพราะคำพูดคิรินัส แต่เป็นเพราะหวนนึกถึงคำพูดของกริดในอดีต


‘ฉันต้องฆ่าจักรพรรดินีแมรี่ให้ได้’


มันเคยได้ยินกริดกล่าวเช่นนี้มานานแล้ว


‘กริด… นายทราบความจริงทั้งหมดตั้งแต่แรกสินะ’


ทั้งที่มีตัวละครอ่อนแอ แต่ชายคนนั้นกลับเข้าถึงภารกิจใหญ่ของทวีปได้ก่อนใครตั้งแต่หลายปีก่อน…


***


『ผมมีข่าวใหม่ที่น่าสนใจมาแจ้งครับ อาณาจักรโฟลด์มีอัตราการเติบโตที่สูงมากในระยะหลัง』


อาณาจักรโฟลด์ หรือที่รู้จักกันในนามเมืองบริวารของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


กว่า 70% ของผืนดินที่เคยรกร้างแห้งแล้งถูกแปรเปลี่ยนเป็นเขตเกษตรกรรมและสิ่งก่อสร้างทางการทหาร


คุณภาพดินถูกยกระดับในเวลาอันสั้น


ปาฏิหาริย์ดังกล่าวเกิดจากความช่วยเหลือด้านกำลังคนและทุนทรัพย์ของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


ผู้เล่นอาณาจักรโฟลด์ที่เริ่มสัมผัสความสะดวกสบาย พวกมันเริ่มกล่าวสรรเสริญกริดและอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ไม่ขาดปาก


ประชาชนทุกคนเลื่อมใสอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จากก้นบึ้งหัวใจ


ราชวงศ์โฟลด์ซาบซึ้งในไมตรีที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์หยิบยื่นให้


“พวกเราต้องทำงานให้หนักขึ้น!! ความพยายามของท่านกริดจะได้ไม่สูญเปล่า!! ห้ามเกียจคร้านเด็ดขาด!! ขุนนางแห่งโฟลด์ทุกท่านเอ๋ย! จงร่วมกันพัฒนาอาณาจักรโฟลด์ไปพร้อมกัน พวกเราจะเป็นเสาหลักคอยค้ำจุนอาณาจักรโอเวอร์เกียร์!!”


“เฮ—!!”


อาณาจักรโฟลด์กลายเป็นฐานทัพรองสำคัญที่คอยสนับสนุนด้านกำลังทหารและทรัพยากรให้โอเวอร์เกียร์


กองทัพโฟลด์ทรงพลังขึ้นจากเดิมมาก พวกมันกระจายกำลังไปรอบอาณาจักรเพื่อเตรียมรับศึกที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ


ขณะเดียวกันก็เร่งขุดทรัพยากรส่งให้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ผลิตยุทโธปกรณ์


***


ดินแดนที่ถูกปกครองโดยเจ็ดดยุคแห่งจักรวรรดิ


ทหารจำนวนไม่น้อยต้องถูกส่งมาประจำการที่เมืองท่าอย่างไม่มีทางเลือก


สาเหตุเพราะ เผ่าวารีคอยลอบโจมตีและอาละวาดบริเวณท่าเรือเป็นระยะโดยใช้ยุทธการหลบขึ้นฝั่งอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง


และเมื่อใดที่จักรวรรดิเคลื่อนทัพใหญ่เข้ากวาดล้าง หน่วยรบเผ่าวารีเพียงหนีลงน้ำโดยปราศจากภัยอันตราย


ไม่เพียงจักรวรรดิ แต่ยังรวมถึงอาณาจักรอื่นทั้งหมดที่เป็นศัตรูกับโอเวอร์เกียร์ พวกมันล้วนถูกระรานเมืองท่าจนต้องส่งทหารประจำการแน่นหนา


***


[ความสัมพันธ์กับราชาเนตรมารเพิ่มขึ้นหนึ่งหน่วย]


“เยส…! ห้าแต้มแล้ว!”


“ดีใจด้วย ถ้าพวกเราหมั่นเพิ่มอย่างสม่ำเสมอ คงได้ 100% เต็มในสักวัน”


“ใช่… ถึงจะอีกหลายปีให้หลังก็เถอะ”


แผนเพิ่มความสัมพันธ์กับราชาเนตรมารของขุนพลโอเวอร์เกียร์ถูกมองในมุมใหม่ พวกมันตัดสินใจวางตีสนิทระยะยาวแทนที่จะเร่งรีบจนเกินพอดี


แต่มีอยู่หนึ่งคน


“คึคึคึก! พวกเราเจอกันแล้วอีกแล้ว!”


มีเพียงลอเอลที่ไม่ลดละ มันหวังตีสนิทราชาเนตรมารให้เร็วที่สุด ลอเอลเข้าพบราชาเนตรมารทุกช่วงเวลาที่ว่าง พักเบรกเช้า พักเบรกเที่ยง พักเบรกช่วงเย็น


ถึงจะถูกรบกวนอย่างหนัก แต่ราชาเนตรมารก็มิได้แสดงท่าทีรังเกียจ


มันเริ่มชื่นชอบเผ่าพันธุ์มนุษย์มากขึ้น ความพยายามตีสนิทตลอดสองเดือนที่ผ่านมาของเหล่าขุนพลทำให้ความรู้สึกที่ราชาเนตรมารมีต่อมนุษย์เปลี่ยนไป


เมื่อเทียบกับสมัยดวงตายังมืดสนิทและต้องโดดเดี่ยวลำพัง การถูกผู้คนรายล้อมนับเป็นสิ่งที่อบอุ่นหัวใจกว่ามาก


ภาวะทางอารมณ์ของราชาเนตรมารเชื่อมถึงกับชาวเนตรมารทุกคน ลอเอลเริ่มตั้งกองกำลังพิเศษสำหรับชาวเนตรมารทั่วไป โดยมีสมาชิกเดสตินีการ์เดี้ยนเป็นแกนหลักฝึกฝน


ขณะเดียวกัน เมื่อผู้เล่นทั่วโลกเล็งเห็นความวุ่นวายภายในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ พวกมันจึงฉวยโอกาสตั้งกลุ่มรุกรานดันเจี้ยนแวมไพร์เป็นล่ำเป็นสัน


เมืองแวมไพร์ใต้ดินคือทรัพย์สมบัติที่โอเวอร์เกียร์ผูกขาดนานหลายปี ฝ่ายบุกรุกล้วนเชื่อว่า หากพวกมันลอบแทรกซึมสำเร็จ ตัวละครแต่ละคนจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด


ดันเจี้ยนแวมไพร์รอบเรย์ดันถูกอารักขาอย่างแข็งขันโดยคริส เจ้าเมืองเรย์ดัน แต่ถึงกระนั้น กลับยังมีผู้บุกรุกบางส่วนบุกฝ่าเข้าไปสำเร็จ


สิ่งที่น่าฉงนคือ ดันเจี้ยนเดียวที่ถูกบุกรุกสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่าคือเมืองแวมไพร์ใต้ดินลำดับเจ็ด


ทว่า สิ่งที่รอผู้บุกรุกด้านในมิใช่ค่าประสบการณ์หรือไอเท็มดรอปมหาศาล แต่เป็นขุมนรกอันโหดร้ายทารุณ


[แวมไพร์เอิร์ล ‘โนลล์’ ปรากฏตัว!]


“มดปลวกเยี่ยงพวกเจ้าคิดจะทำอันใด?”


“อ…อึ๋ย!!”


“ช…ช่วยด้วย!!”


แวมไพร์เอิร์ลแข็งแกร่งกว่าในข่าวลือมาก


แวมไพร์… หรือเด็กผู้ชายตัวเล็กที่สวมเกราะหนักเต็มสูบ การโจมตีจากผู้บุกรุกแทบไม่ระคายเคืองผิว เหล่ามดปลวกล้วนถูกสังหารโหดโดยปราศจากความปรานี


เมื่อมีเหยื่อเสิร์ฟถึงที่ พัฒนาการโนลล์ยิ่งก้าวกระโดดเร็วกว่า NPC พิเศษทั่วไปมาก


นั่นคือสิ่งที่โอเวอร์เกียร์เล็งไว้แต่ต้น


พวกมันจงใจปล่อยให้เมืองลำดับเจ็ดมีการเฝ้าระวังหละหลวม


***


“เจ้าเมืองเรย์ดันคริส! วันนี้เป็นวันตายของแก!!”


ณ ชายแดนระหว่างโอเวอร์เกียร์กับจักรวรรดิ


เกิดสงครามขนาดย่อมอยู่เนืองนิจ ท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุของเรย์ดัน


ในช่วงต้น จักรวรรดิโหมบุกใส่เรย์ดันโดยใช้แกนนำเป็นทัพม้าแห่งอัศวินทมิฬ แต่ด้วยเหตุผลบางประการ กองทัพจักรวรรดิอันเกรียงไกรกลับพ่ายแพ้เยี่ยงสุนัขถูกไล่ตี


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น ทหารหนุ่มเรย์ดันล้วนซ้อมรบบนผืนทะเลทรายทุกคืนวัน แต่ฝั่งกองทัพจักรวรรดินั้นไม่ใช่


ทุกครั้งที่สองฝ่ายปะทะกัน กลุ่มที่พานพบความฉิบหายมักเป็นจักรวรรดิเสมอ


สำหรับจักรวรรดิที่ต้องยึดครองเรย์ดันเพื่อเป็นใบเบิกทางไปสูงเมืองหลวงไรน์ฮาร์ท การส่งไพร่ส่งไปตายอย่างสูญเปล่ากลางทะเลทรายถือเป็นเรื่องน่าเจ็บใจ


“อ่อนแอแบบนี้จะตัดหัวฉันได้หรือ?”


เหนือสิ่งอื่นใด พลังรบของคริส ดยุคแห่งเรย์ดัน อยู่ในระดับสัตว์ประหลาด เมืองเรย์ดันที่คริสประจำการได้ถูกคุ้มกันโดยหน่วยรบหัวกะทิซึ่งเป็นผู้เล่นอดีตกิลด์ไจแอนต์กว่าเจ็ดร้อยคน


ท็อปแรงเกอร์จำนวนมากมิใช่สิ่งที่อัศวินทมิฬแสนอ่อนแอจะรับมือไหว


“เป็นแค่ดยุคอาณาจักรเล็ก…!”


แม่ทัพอัศวินทมิฬเริ่มเกิดโทสะ พวกมันสูญเสียทหารไปมากมายจนขาดภาวะเยือกเย็น


ทุกครั้งที่คริสปรากฏตัวกลางสนามรบ หน่วยทัพม้าอัศวินทมิฬจะกรูล้อมโจมตีจากทุกทิศ


สำหรับคริส… นี่คือสถานการณ์ในฝัน



“ราชาโอเวอร์เกียร์ กริด ได้รับสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์เข้าเป็นพลเมืองอาณาจักร ถือเป็นการดูแคลนศักดิ์ศรีของมนุษย์อย่างรุนแรง นับเป็นการกระทำที่ข้าพเจ้ามิอาจยอมรับได้ ข้าพเจ้าขอประกาศสงครามเพื่อลงทัณฑ์คนบาปและสร้างความสงบสุขกลับคืนสู่ทวีป”


จักรวรรดิออกแถลงการณ์ดังกล่าวเมื่อสองเดือนก่อน ความสัมพันธ์กับโอเวอร์เกียร์จึงกลายเป็น ‘ศัตรู’ อย่างเป็นทางการ


ความขัดแย้งก่อตัวเป็นสงครามฆ่าฟัน และการต่อสู้ระหว่างสองอาณาจักรจะถูกคำนวณผลตอบแทนด้วย ‘ระบบสงคราม’


หมายความว่า ยิ่งฆ่าฟันกันมากเพียงใด ค่าประสบการณ์ก็ยิ่งหลั่งไหลประหนึ่งสายธาร


ใช่แล้ว เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ที่ประจำการเรย์ดันได้รับสิทธิ์อัปเลเวลแบบพิเศษ พวกมันพัฒนาตัวละครได้รวดเร็วยิ่งกว่าการฆ่ามอนสเตอร์ในจุดเก็บเลเวล


ถือเป็นระบบในฝันของกลุ่มคนบ้าเลือด


และนับเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะไม่อย่างนั้น กลุ่มเล่นที่ต้องพัวพันกับสงครามจะมิอาจเก็บเลเวลได้ นำไปสู่การเสียอันดับแรงเกอร์


เป็นทางออกที่ SA กรุปพยายามช่วยให้กลุ่มผู้เล่นบ้าพลังไม่เสียเปรียบผู้เล่นที่ซุ่มเก็บเลเวลจนเกินไป


“คริสสส!!”


ในศึกก่อนหน้า แม่ทัพอัศวินทมิฬมีอันต้องเสียแขนหนึ่งข้างให้คริส โทสะสุดเดือดดาลของมันจึงพรั่งพรูใส่คริสทันทีที่เห็นหน้า


เลเวลแม่ทัพอัศวินทมิฬคือ 385


แม้อัศวินทมิฬจะเป็นหน่วยรองจากอัศวินสีชาด แต่แม่ทัพอัศวินทมิฬย่อมมีฝีมือไม่ด้อยไปกว่าอัศวินสีชาดปลายแถว


ทว่า นั่นไม่มากพอจะทำอันตรายคริส


อดีตผู้เล่นแรงค์หนึ่งของโลก


หากต้องการสร้างภัยคุกคามแก่คริส อย่างน้อยก็ต้องเป็น NPC คลาสระดับสี่ที่มีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชน


ฉัวะ—!


[แม่ทัพคริสทำการเด็ดหัวแม่ทัพศัตรู!]


[ขวัญกำลังใจกองทัพเพิ่มขึ้น!]


“เฮ—!!”


เรย์ดัน


เมืองหลวงรอง


เมืองทะเลทรายซึ่งมีระดับเทคโนโลยีทางเกษตรกรรมอันน่าทึ่ง ปัจจุบัน เรย์ดันกำลังคลาคล่ำไปด้วยท็อปแรงเกอร์ของโอเวอร์เกียร์ที่แวะเวียนมาเพิ่มเลเวลและพัฒนาตัวละครก้าวอย่างกระโดด


***


『บนโลกนี้อาจมีรถยนต์หลายแบรนด์ แต่แบรนด์เดียวที่ทำให้ผมพึงพอใจคือแดจิน』


โฆษณารถยนต์เรือธงรุ่นใหม่โดยมีกริดเป็นนายแบบเริ่มแพร่กระจายตามสื่อหลักทั่วโลก


แดจินกรุปเกรงใจตารางชีวิตอันแน่นถนัดของชินยองวู พวกมันจึงนัดแนะถ่ายทำโฆษณาหลังจบงานแข่งนานาชาติสามเดือน


“คุณยองวูมีออร่าแตกต่างจากนายแบบเกาหลีใต้ทั่วไปมาก… เอ่อ… เหมือนกับเจ้าชายจากแถบยุโรปน่ะ ฮะฮะ!”


“ชมกันเกินไปแล้วครับ”


“ผมไม่ได้กล่าวเยินยอเกินจริงเลยนะครับ ทั้งหมดมาจากความรู้สึกที่แท้จริง…”


สปอตโฆษณาถูกยิงออกไป 198 ประเทศทั่วโลก เป็นระดับการลงทุนด้วยเม็ดเงินมหาศาล


ณ ร้านกาแฟภายในสำนักงานใหญ่แดจินมอร์เตอร์


ขณะชินยองวูจิบช็อกโกแลต,ช็อกโกเลตร้อนพลางชมโฆษณาที่ตนเล่นบนจอทีวี ประธานแดจินมอร์เตอร์ได้แจ้งข่าวใหม่


“เอ่อ… รุ่นใหม่ถูกออกแบบเสร็จแล้วครับ พวกเราเลือกเฟ้นวัสดุที่ดีที่สุดเพื่อการนี้โดยเฉพาะ คุณยองวูตั้งตารอชมได้เลย”


ประธานใหญ่แดจินมอร์เตอร์อย่างมันจำต้องทุ่มงบมหาศาลเพื่อออกแบบรถหรูรุ่นใหม่ตามที่ชินยองวูโกหกในงานแถลงต่อหน้าสื่อ


ใช่แล้ว บุคคลที่นั่งร่วมโต๊ะกับชินยองวูคือประธานใหญ่แดจินมอร์เตอร์


เดิมที มันมีแผนนัดคุยงานในห้องประชุมตามปรกติ แต่เกิดเปลี่ยนใจเป็นร้านกาแฟกลางคันเพราะต้องการอวดโอ่กับทุกคนว่า ‘ตนได้จิบกาแฟร่วมโต๊ะกริด’


แน่นอนว่าได้ผล


พนักงานแดจินจำนวนมากต้องเดินผ่านกระจกข้างร้านกาแฟเพื่อเข้าไปในงานภายในตึก ทุกคนย่อมต้องชำเลืองเห็นชินยองวู


“สุดยอด… ไม่เคยนึกฝันว่าก็อดกริดจะนั่งจิบกาแฟในบริษัทเรา”


“น่าทึ่งมาก เขาไม่ได้ปรับแต่งตัวละครให้ดูดีกว่าปรกติเลยหรือ? หุ่นของเขาเจ๋งกว่านายแบบบางคนเสียอีก”


“นอกจากหุ่นแล้วยังมีออร่าสุดพิเศษ เป็นออร่าที่หายากของคนประสบความสำเร็จ”


“ใช่แล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้ากริด เจ้านายพวกเรากลายเป็นตัวประกอบทันที”


“หือ? นั่นเจ้านายหรอกหรือ?”


“เอ่อ… ฉันเพิ่งรู้สึกตัวเมื่อครู่เหมือนกัน”


แน่นอน บทสนทนาของพนักงานที่ผ่านไปมาย่อมดังถึงหูประธานแดจินมอร์เตอร์


ถ้อยคำถากถางมีครบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น ‘ตัวประกอบ’ ‘หมึกกล้วย’ ‘หรือฉากหลัง’


แต่มันมิได้ใส่ใจ


การได้จิบกาแฟร่วมโต๊ะดาราดังของโลกอย่างชินยองวูไม่ใช่ประสบการณ์ที่หาได้ง่าย


‘วันนี้รีบกลับบ้านดีกว่า อยากโม้ให้เมียกับลูกหลานฟังใจจะขาดแล้ว’


“เอ่อ พูดถึง… ก็อดเจเนรัลซิส”


“ก็อดเจเนรัลซิส?”


ยองวูผงะไปชั่วครู่


มันคือชื่อรุ่นเก๊ที่เขาแต่งขึ้นเพื่อโปรโมตให้แดจินมอร์เตอร์ในวันแถลงข่าว ย่อมไม่สลักสำคัญพอจะอยู่ในความทรงจำชายหนุ่ม


แต่ถึงจะโง่ เขาก็ไม่ใช่คนขี้ลืม


ยองวูใช้เวลาไม่ถึงสิบวินาทีเพื่อขุดคุ้ยความทรงจำจนนึกออก


เขาพยักหน้าเล็กน้อย


“จำได้สิ รถหรูรุ่นใหม่ล่าสุด ผมเฝ้ารอมันอย่างใจจดใจจ่อ… ที่หลงลืมไปครู่หนึ่งเพราะไม่คุ้นเคยกับคำว่าเจเนรัลซิสสักเท่าไร”


“ฮะฮะ นั่นเป็นชื่อที่คุณยองวูตั้งให้เราเองนะครับ… แต่อย่างว่า เป็นรถรุ่นที่ผลิตสำหรับคุณคนเดียว และมีเพียงหนึ่งคันบนโลก ไม่แปลกที่จะลืมไปบ้าง”


“อา… จำได้แล้วครับ มีอะไรหรือ?”


“ผมกำลังจะบอกว่า ทางเราจะสร้างขึ้นทั้งหมดหกคัน…”


“หก?”


“สองคันสำหรับพ่อและแม่คุณ หนึ่งคันสำหรับน้องสาวคุณ หนึ่งคันสำหรับคุณยองวู หนึ่งคันสำหรับยูร่า และอีกหนึ่งคันสำหรับท่านประธานใหญ่ลี”


“อะไรนะ…”


จะได้รถรุ่นใหม่ฟรีทั้งครอบครัว?


อาจฟังดูน่าสนใจในตอนต้น แต่เมื่อไตร่ตรองดูให้ดี เรียกว่าฟรีคงไม่ถูกสักเท่าไร


สิ่งที่ตามมาด้วยคือ ‘ภาษี’


หากมูลค่าของรถยนต์คือแปดร้อยล้านวอน ภาษีที่ครอบครัวกริดรวมสี่คันต้องจ่ายให้ประเทศคือตัวเลขจำนวนมหาศาล


คงดีกว่าหากนำภาษีเหล่านั้นไปซื้อรถยนต์ราคาไม่แพงที่คุ้มค่าสำหรับพ่อแม่และเซฮี


ยองวูพลันแสดงสีหน้าครุ่นคิด


ประธานแดจินมอร์เตอร์เห็นดังนั้นจึงเข้าใจความกังวลของอีกฝ่ายผิดไป


“อ๊ะ…! พวกเราไม่ได้คิดจะผูกสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวแต่อย่างใดนะครับ เพียงมอบให้เพื่อฉลองยอดขายถล่มทลายด้วยเจตนาบริสุทธิ์”


‘แบบนี้เองหรือ…’


ยองวูเริ่มตระหนักถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของทางแดจินมอร์เตอร์


‘กริดและหลานสาวฉันขับรถรุ่นเดียวกัน!’


เสียงของลีจินเมียงดังแว่วในหัวกริด


‘ครอบครัวกริดและฉันขับรถรุ่นลิมิเต็ดเหมือนกัน!’


ลีจินเมียงหวังใช้รถยนต์เป็นสื่อกลางผูกสัมพันธ์สองครอบครัว


…แผนร้ายกาจ


“หืม…”


ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบแบบนี้ดีแล้วหรือ?


แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน เพราะตัวเขาเป็นฝ่ายขอให้ผลิตรถยนต์รุ่นพิเศษในตอนต้น


ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่นานจนประธานแดจินมอร์เตอร์เริ่มกระสับกระส่าย


ในที่สุด ยองวูก็เปิดปากพูด


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,387

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00