จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,001

* รายงานฉุกเฉินกิลด์ *

- กองทัพอากาศจักรวรรดิรุกรานหน้าฟ้าเมืองไบรัน

- ศัตรูบินในระดับความสูงที่พวกเราไม่มีข้อมูลมาก่อน

- อุปกรณ์ต่อต้านอากาศยานมิอาจตรวจพบ

- กองทัพอากาศจักรวรรดิยึดครองไบรันเรียบร้อยแล้ว

ช่องรายงานฉุกเฉินของกิลด์ ข้อความอาจไม่ยาวนัก แต่เนื้อหาสมบูรณ์ครบถ้วน ภาพในหัวกริดกำลังฉายเหตุการณ์เลวร้ายซึ่งอาจเกิดขึ้นกับไบรัน

ปัจจุบัน สมาชิกกิลด์โอเวอร์เกียร์มีจำนวนเกือบหนึ่งพัน หลังจากอ่านประกาศจบ หลายคนที่กระจายตัวใกล้ไบรันได้เร่งฝีเท้าไปยังจุดเกิดเหตุด้วยความเร็วสูงสุด

ภายในใจยังเกิดความหวังว่าอาจช่วยเหลือได้ทันการ ทว่า ผลลัพธ์สงครามก็มิได้แปรเปลี่ยน

‘ถูกยึดภายในครึ่งวัน?’

ไบรันเคยเป็นหมู่บ้านลูกของวินสตัน แต่ปัจจุบันพัฒนากลายเป็นเมืองใหญ่และแยกตัวอิสระ ไบรันถูกเจาะจงทุ่มงบพัฒนามหาศาลเพราะเป็นเมืองที่สำคัญทางภูมิศาสตร์และยังเต็มไปด้วยอดีตของกิลด์โอเวอร์เกียร์

หลังจากเรย์ดัน ปิอาโร่ได้สร้างยุ้งฉางแห่งที่สองขึ้นที่นี่ นับแต่นั้น ไบรันได้กลายเป็นเมืองเกษตรกรรมที่สำคัญของอาณาจักรมาโดยตลอด ไม่ใช่เรื่องแปลกที่กองกำลังรักษาการณ์จะมีจำนวนมาก

ถึงไบรันจะอยู่เกือบสุดเขตทิศเหนือ แต่ลอเอลย่อมทราบความสำคัญของยุ้งฉางและเสบียง เมืองแห่งนี้จึงมีทหารประจำการไม่เคยต่ำกว่า 8,000 นายในแต่ละวัน แถมยังมีเหล่าแรงเกอร์ฝีมือปานกลางค่อนไปทางเก่งอีก 25 คนคอยรับใช้ไอเบลลินที่เป็นเจ้าเมือง

ทว่า ไบรันกลับถูกยึดครองภายในครึ่งวัน

‘กองทัพอากาศจักรวรรดิแข็งแกร่งกว่าที่คิดสินะ’

ถึงกริดจะทราบดี ว่าหนึ่งในทัพจักรวรรดิที่ต้องระวังคือทัพอากาศ แต่ก็คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะบุกถล่มด้วยฝูงกริฟอนห้าพันกับไวเวิร์นสามร้อย

ลอเอลยกย่องให้กองทัพอากาศจักรวรรดิเป็นหนึ่งในหน่วยที่น่ากลัวและพึงระวัง มันจึงคอยจับตามองผลงานไร้พ่ายของแม่ทัพอากาศ ราชาท้องฟ้า รีกัล ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

และเมื่อทราบว่ากิลด์โอเวอร์เกียร์ยังไม่แข็งแกร่งพอจะรับมือทัพอากาศ ลอเอลจึงติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันทางอากาศกับทุกหัวเมืองสำคัญรอบอาณาจักร

ในช่วงสองสามปีหลัง เมืองใหญ่จะถูกเสริมแนวป้องกันทางอากาศด้วย ‘หอสังเกตการณ์’ ‘ปืนใหญ่ต่อต้านอากาศ’ ‘หอสังเกตการณ์เวทมนตร์’ และ ‘ปืนเวทมนตร์ต่อต้านอากาศ’ จำนวนมาก แถมอุปกรณ์ทุกชนิดล้วนถูกอัพเกรดจนมีเลเวลสิบ

แต่ผลลัพธ์กลับน่าสมเพชเยี่ยงนี้

‘เกมหัวค*ย’

ในเมนูจัดการสิ่งก่อสร้างอาณาจักร เลเวลสิ่งก่อสร้างชุดชนิดจะมีค่าสูงสุดที่ระดับสิบ แต่กริดไม่แน่ใจว่าทางฝั่งจักรวรรดิจะเต็มแค่สิบเหมือนกันหรือไม่

ใช่แล้ว ระบบป้องกันทางอากาศของกิลด์โอเวอร์เกียร์นับว่ารัดกุมที่สุดเท่าที่กองทัพผู้เล่นจะสร้างได้ แต่กลับยังไร้ความหมายเมื่อต้องเผชิญกองทัพอากาศสุดแกร่งแห่งจักรวรรดิซาฮารัน

หากรู้เช่นนี้ กริดคงไม่นำเงินไปเททิ้งอย่างสูญเปล่าตั้งแต่ต้น

‘เงินของเรา…’

เขาเข้าใจว่ากองทัพอากาศจักรวรรดิแข็งแกร่งที่สุดในทวีป แต่คิดไม่เหลือทางรับมือไว้ให้ผู้เล่นเลยหรือไง?

กริดสาปส่ง SA กรุปด้วยสีหน้าเจ็บแค้น แต่ไม่นานก็หยุดและเริ่มตำหนิตัวเอง

‘เราเองก็มีส่วนผิด ถ้าตั้งใจรีบสร้างปืนใหญ่ในตอนที่ลอเอลเตือนว่ากองทัพอากาศน่ากลัวล่ะก็…’

เขาไม่มั่นใจเรื่องปืนเวทมนตร์ต่อต้านอากาศ แต่ถ้าหากเป็นปืนใหญ่ต่อต้านอากาศทั่วไป ยังอยู่ในขอบข่ายที่ช่างเหล็กสามารถสร้างได้ และอาจมีประสิทธิภาพสูงกว่าสิ่งก่อสร้างพื้นฐานทางการทหาร

กริดเลี่ยงที่จะสร้างปืนใหญ่มาตลอด

อ้างงานยุ่งและไม่มีเวลาอยู่ร่ำไป

และอันที่จริง เขาควรประเมินศัตรูได้จากฉายาที่ว่า ‘กองทัพอากาศจักรวรรดิแข็งแกร่งอันดับหนึ่งในทวีป’ ซึ่งมีความหมายเป็นนัยแฝง ว่าเก่งกาจพอจะทะลวงผ่านอุปกรณ์ต่อต้านอากาศได้ทุกชนิด

กริดมีมุมมองความคิดที่คับแคบเกินไป เขาเอาแต่เชื่อมั่นว่า เพียงยกระดับไอเท็มให้พวกพ้องก็พอต่อการทำศึกแล้ว จึงละเลยการสร้างอุปกรณ์ที่จำเป็นมาตลอด

“ผมคงต้องขอตัวก่อน เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับพวกพ้อง ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่หลวงพ่อมอบให้ในวันนี้ หวังว่าพวกเราจะวาสนาได้พบกันอีก”

> ข้าจะนอนแล้ว ถ้าไม่ได้ตัวแมรี่โรส เจ้าไม่ต้องกลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีก

กริดกล่าวคำอำลากับเคลย์เชอร์อย่างนอบน้อม ม้วนคาถาพากลับถูกนำมาออกมากดใช้ทันที

ทว่า มันไม่ทำงาน เนื่องจากพลังอสูรของแมรี่โรสเข้มข้นจนกีดขวางวงจรเวทมนตร์ หนทางเดียวคือการกดใช้งานนอกถ้ำ

ขณะกำลังรีบร้อนวิ่งกลับ ใบหน้าบุคคลผู้หนึ่งพลันแล่นเข้ามาในหัว

‘จู๊ด…!’

อัศวินคนแรกของกริด

ถึงจะไม่ใช่ NPC พิเศษ แต่เรื่องราวและตัวตนของจู๊ดค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์

เกิดที่วินสตัน สมรรถภาพร่างกายสูงมาก แต่หัวสมองมีเพียงกล้ามเนื้อ นี่คือนิยามจู๊ด

และนั่นเป็นสาเหตุที่กริดไม่บงการชีวิตจู๊ดมากนัก ไม่เหมือนกับปิอาโร่หรือเมอร์เซเดสที่ถูกมอบคำสั่งเคร่งครัด จู๊ดได้รับสิทธิพิเศษให้ทำตัวอิสระและไม่ถูกออกคำสั่งซับซ้อน

ถึงกระนั้น ความทรงจำร่วมกันก็มีไม่น้อย กริดอาจไม่สนทนากับจู๊ดมากเท่าคนอื่น แต่นั่นยิ่งทำให้เขาเข้าใจจู๊ดผ่านสีหน้าและแววตาได้มากกว่าใคร เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ต้องมีบทสนทนาคั่นกลางให้วุ่นวาย

ในบรรดา NPC อัศวินของกริด ปฏิเสธไม่ได้ว่าจู๊ดมีศักยภาพและฝีมือต่อสู้ต่ำสุด แต่กริดกลับตั้งความหวังและมอบความไว้ใจให้จู๊ดไม่ด้อยไปกว่าปิอาโร่

หนึ่งในคลังเสบียงที่สำคัญของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ กริดมอบหมายให้จู๊ดเป็นหัวหน้าองครักษ์ประจำเมืองไบรัน

และความศรัทธาได้กลายเป็นยาพิษ

“อัญเชิญอัศวิน!!”

จู๊ดกำลังตกอยู่ในอันตราย บางทีอาจมีสภาพร่อแร่ใกล้ตาย จินตนาการกริดพลันเตลิดอย่างฟุ้งซ่าน วันเวลาที่เคยมีร่วมกับจู๊ดเริ่มหวนกลับมาในหัวสมอง

[เลือกอัศวินที่จะอัญเชิญ]

“จู๊ด!!”

เสียงตะโกนกริดดังก้องทั่วผืนป่า เขาเฝ้ารอให้เสาลำแสงเคลื่อนย้ายมิติปรากฏ จู๊ดต้องกลับมาอย่างปลอดภัย

…ทว่า อีกฝ่ายไม่ตอบรับอัญเชิญ

“…จู๊ด?”

ความกระวนกระวายใจเข้าครอบงำ เมื่อกริดวิ่งพ้นระยะพลังอสูรแมรี่โรส ม้วนคาถาพากลับในมือถูกกดใช้เพื่อกลับไรน์ฮาร์ททันที

***

กร๊อบ!

เศษรูปปั้นข่านที่ร่วงกราวลงบนพื้น รีกัลบรรจงใช้เท้าเหยียบให้แหลกละเอียดทีละก้อน ไม่ว่าจะเป็นส่วนแขน ขา หรือค้อน

ฉากตรงหน้าทำให้ชาวเมืองและทหารต่างเดือดดาล

“อย่าทำ! หยุดได้แล้ว!”

กึก! กึก!!

ยิ่งดิ้นรน โซ่รอบตัวก็ยิ่งรัดพันจู๊ดแน่นขึ้น ทุกครั้งที่รีกัลเหยียบเศษรูปปั้น จู๊ดจะออกแรงขัดขืนให้หลุดจากบ่วงโซ่ ทว่า ผลลัพธ์นั้นตรงข้าม สิ่งที่เพิ่มขึ้นมีเพียงบาดแผลและหยดเลือด

“เปล่าประโยชน์ เมืองนี้ตกเป็นของจักรวรรดิแล้ว ฉันจำเป็นต้องเก็บกวาดเมืองเพื่อรอการมาถึงของฝ่าบาท ผู้แพ้อย่างพวกแกไม่มีสิทธิ์ดิ้นรนขัดขืน”

กองทัพอากาศที่นำโดยรีกัล พวกมันถูกวางให้เป็นทัพหน้าของจักรวรรดิ ได้รับภารกิจบุกทะลวงจู่โจมเป็นหน่วยแรก

หน้าที่ของทัพหน้าประกอบด้วย สร้างแนวป้องกันรอบเมือง เพราะศัตรูอาจโจมตีชิงเมืองกลับได้ทุกเมื่อ ต้องจัดเตรียมที่พักสำหรับทัพเสริมที่จะตามมาถึง รวมถึงการบดขยี้จิตใจทหารและชาวบ้านให้แหลกละเอียด

รีกัลเจนศึกมาก มันย่อมทราบวิธีลัดในการกำราบชาวบ้านให้สงบ ขั้นแรกคือการทำลายสัญลักษณ์ยึดเหนี่ยวจิตใจ

กร็อบ!!

หลังจากเหยียบทำลายรูปปั้นส่วนไหล่ รีกัลหันไปมองทางยุ้งฉางเก็บเสบียงขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป ภายในนั้นเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อแรงกายชาวเมืองไบรัน และแน่นอน เป็นเป้าหมายถัดไปสำหรับบดขยี้จิตวิญญาณ

‘ถึงจะน่าเสียดาย แต่คงต้องเผาทิ้ง’

ตามหลักสงคราม เสบียงคือสิ่งจำเป็นที่ต้องช่วงชิงจากศัตรู แต่กองทัพอากาศของมันมีกำลังคนน้อย มิอาจขนเชลยและทาสพร้อมกับเสบียงจำนวนมากได้ แถมยังไม่มีสิ่งใดรับประกันว่า พวกมันจะปกป้องไบรันได้จนกว่าทัพหนุนจากจักรวรรดิมาถึง ต้องยังไม่ลืมว่าเมืองนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนศัตรู

รีกัลไม่มีทางเลือกนอกจากทำลายทิ้ง

กึกกึก! กึกกึก!!

เนื่องจากต้องการหลุดพ้นพันธนาการให้จงได้ อัศวินหัวกระเซิงจึงออกแรงฉีกโซ่เกรี้ยวกราดขึ้นทุกขณะ

สายตาจ้องมองอย่างอาฆาต

กึก—

รีกัลใช้เท้าเหยียบเศษรูปปั้นข่านที่ยังเหลือ

…คราวนี้เป็นส่วนหัว

ศีรษะของชายแก่ใจดีและอบอุ่นยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์

“ในอนาคต ศีรษะของกษัตริย์พวกแกก็ต้องอยู่ใต้ตีนฉัน จงละทิ้งความโง่เขลาและยอมรับในจักรวรรดิเสียเถิด ใครก็ตามที่ยอมสวามิภักดิ์จักรวรรดิ มันผู้นั้นจะไม่ถูกตราหน้าให้เป็นทาสหรือเชลย อย่าพลาดโอกาสสำคัญที่ฝ่าบาททรงเมตตามอบให้ จงภูมิใจที่ได้ทำงานรับใช้องค์มหาจักรพรรดิ!”

ครึก!

รีกัลออกแรงที่ฝ่าเท้า

ครึกครึก! เปรี้ยะ!!

ใบหน้าข่านเริ่มเกิดรอยร้าว

กึกกึก!! กึกกึก!!

“หยุดนะ! หยุด!!”

ด้วยจิตใจอันแน่วแน่ที่ต้องการฉีกโซ่ให้ขาด ดวงตาจู๊ดกำลังแดงก่ำจนเห็นเส้นเลือดฝอยปูดโปน

ขณะยังเป็นทหารนิรนามในวินสตัน มันไม่เคยคิดถึงการมีชีวิตที่ดีขึ้น จนกระทั่งกริดยื่นมือเข้าหาพร้อมกับมอบโอกาส

ฝ่าบาทไม่เคยฉวยโอกาสเอาเปรียบความด้อยปัญญาเลยสักครั้ง มีแต่จะกังวลว่าเราอาจได้รับอันตรายเพราะความเซ่อซ่า

กริดคือผู้มอบชีวิตใหม่ให้

หนี้ชีวิตยังชดใช้ไม่หมด แต่เราทำได้เพียงทนดูศัตรูเหยียดหยามคนสำคัญของฝ่าบาทอย่างนั้นหรือ?

“แบบนั้น ไม่ถูกต้อง เลยสักนิด!!”

จู๊ดคำรามลั่น แววตาอาฆาตพร้อมแผ่จิตสังหารรุนแรง

เพราะสติปัญญาต่ำต้อย กระบวนการความคิดจึงไม่ซับซ้อน เจตนาของเขาหนักแน่นดุจดังขุนเขา มิได้ไตร่ตรองถึงผลเสียที่ตามมาแม้แต่เศษเสี้ยว

ต้องทำลายศัตรูเบื้องหน้าให้ได้

การจะทำเช่นนั้น ก่อนอื่นต้องหลุดพ้นจากพันธนาการเสียก่อน เมื่อเป้าหมายเรียบง่ายและชัดเจน จู๊ดไม่มีสิ่งใดต้องลังเล

ปึดดด!!

กร็อบ!!

ไม่สนใจความเจ็บปวดใดทั้งสิ้น เพียงเพื่อฉีกกระชากโซ่ตรวนรอบตัวให้ขาด จู๊ดทุ่มพละกำลังมหาศาลจนกระดูกข้อมือซ้ายแหลกละเอียด

กร็อบ!!

กระดูกข้อมือแปดท่อนและกระดูกฝ่ามืออีกห้าท่อนถูกป่นละเอียดจากพละกำลังเหนือมนุษย์

ฉึบ

แขนซ้ายเหลวราวกับไร้กระดูก

จู๊ดรูดมันผ่านช่องว่างบ่วงโซ่

“มือที่จับไม่ได้กระทั่งส้อม แกคิดจะใช้มันทำสิ่งใด?”

รีกัลแสยะยิ้ม มันเอ่ยปากถามจู๊ดหลังจากเห็นการกระทำอันสุดโต่ง

…ทันใดนั้น

“ย๊ากกก…!”

มือซ้ายที่แทบไม่เหลือกระดูกเลื่อนขึ้นไปคว้าโซ่บริเวณหน้าอก ฟันกรามขบแน่น ร่างกายเต็มไปด้วยรอยเลือดและบาดแผลจากการดิ้นรนหลายสิบนาที จู๊ดระเบิดพลังทั้งหมดไปกับการดึงกระชากโซ่ให้ขาด

แคร้ง!

“อะไรกัน?”

แม้ว่าเส้นประสาทและกระดูกจะถูกทำลายย่อยยับ แต่ยังเหลือพละกำลังมากขนาดนี้เชียวหรือ? ราวกับใช้เวทมนตร์ช่วยก็มิปาน

“คุ…คุฮ่าฮ่าฮ่า! น่าสนใจมาก!!”

รีกัลระเบิดเสียงหัวเราะ มันต้องการตัวจู๊ดยิ่งกว่าเดิม สัตว์ป่าตรงหน้าหาพบได้ยากยิ่ง ไม่เว้นแม้แต่ในจักรวรรดิอันกว้างใหญ่

“ยกขา… ออกไป!!”

จู๊ดแผดเสียงคำรามขณะพยุงตัวขึ้นยืน

“ถ้ายกออก แกจะมาเป็นลูกน้องฉันไหม?”

รีกัลแสยะยิ้มถาม

จู๊ดรีบส่ายศีรษะ

“ไม่… แกมัน คนชั่ว!”

“งั้นก็น่าเสียดาย”

เปรี้ยะ!

รีกัลเพิ่มแรงเหยียบ บริเวณใบหน้าของรูปปั้นข่านเริ่มแตกละเอียด

สติจู๊ดขาดผึ่ง ด้วยสภาพร่อแร่ มันปรี่เข้าหารีกัลพร้อมกับร่างที่ชุ่มเลือด

โลหิตไหลซึมตามเสื้อผ้า ข้อมือซ้ายหักห้อยผิดรูปทรง เส้นผมกระเซิงยุ่งเหยิง ฉากตรงหน้าไม่ต่างจากซอมบี้ยักษ์กำลังปรี่ใส่รีกัล

“หมอนั่นเป็นปีศาจรึไง…!”

ทหารของรีกัลเริ่มแสดงสีหน้าตื่นตระหนก พวกมันยกโล่กำบังตัวเองโดยไม่สนใจเข้าไปขัดขวางจู๊ด

“จู๊ด! รีบหนีไป!!”

สมาชิกโอเวอร์เกียร์ตะโกนสุดเสียง แต่จู๊ดไม่ฟังสิ่งใด มันยังคงก้าวขาไปด้านหน้าอย่างหนักแน่น ในหัวสมองไม่คิดซับซ้อน เป้าหมายมีเพียงเรื่องเดียว และต้องทำให้สำเร็จ

[กษัตริย์ของท่านใช้ทักษะอัญเชิญ]

[หากตอบรับ ท่านจะถูกอัญเชิญด้วยเวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติ]

“ย๊ากกก!!”

ในอดีต เราเคยตอบรับคำอัญเชิญจากฝ่าบาทด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่าขณะอาบน้ำ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ฝ่าบาทได้กำชับว่า

‘คราวหน้า จัดการตัวเองให้เสร็จก่อนตอบรับคำอัญเชิญ’

จู๊ดจึงยังไม่ตอบรับ

แต่อันที่จริง ภายในหัวมิได้คิดซับซ้อนขนาดนั้น แรงปรารถนาที่จะซัดรีกัลให้คว่ำได้ครอบงำทุกส่วนของจิตใจ

เปรี้ยง—!

กำปั้นข้างขวาที่ใหญ่และหนาถูกประเคนใส่ใบหน้ารีกัลอย่างแม่นยำ ไม่สิ คล้ายจะเป็นเช่นนั้น หมัดของจู๊ดกระทบบางสิ่งจนเกิดคลื่นกระแทกแผ่เป็นวงกว้าง

รีกัลใช้ฝ่ามือรับได้ทัน

เมื่อครึ่งปีก่อน กริดสำรวจรีกัลและพบว่าเลเวลของมันสูงถึง 439 หมายความว่า จู๊ดที่มีเพียงเลเวล 390 และกำปั้นเปล่าเปลือย โอกาสโจมตีสำเร็จแทบเป็นศูนย์

แต่นั่นเป็นกรณีมนุษย์ปรกติ

“คงต้องล่ามให้แน่นกว่าเดิมสินะ”

ขณะรีกัลกำลังพล่าม จู๊ดประเคนหมัดซ้ายที่ว่างอยู่เข้าใส่

…ประเคนอะไรนะ?

“…!?”

เป็นการโจมตีที่ไม่คาดฝัน

หมัดเข้าเป้าอย่างจัง

หมัดข้างซ้ายของจู๊ด ที่กระดูกแหลกละเอียดใกล้เคียงคำว่า ‘เหลว’ ปลิวกระแทกใส่ปลายคางรีกัล

ไม่มีใครคิดว่าอีกฝ่ายจะใช้มือกึ่งพิการชกใส่ ตัวรีกัลย่อมมิได้ตั้งท่าปัดป้อง

ทว่า ความเสียหายเป็น 0 หน่วย

“นั่นสินะ… สัตว์ป่าดุร้ายคงยากจะเชื่องด้วยคำพูด มีแต่ต้องทุบตีสั่งสอน”

สีหน้ารีกัลที่ผ่อนคลายมาตลอดครึ่งค่อนวัน เริ่มดำมืดลงกว่าปรกติ

ดยุคแห่งมหาจักรวรรดิ เป็นเรื่องยากที่มันจะรักษาความสุขุมหลังถูกอัศวินชั้นต่ำใช้กำปั้นชกใส่ รีกัลเริ่มนำแส้ออกมาถือ

แต่จู๊ดมีได้เปลี่ยนสีหน้าท่าทาง ชายที่ปราศจากปัญญาและความคิด ย่อมไม่หวั่นกลัวแม้ในยามศัตรูหยิบอาวุธ ภายในหัวสมองอันว่างเปล่ามีเพียงเรื่องเดียวให้ต้องขบคิด

“…?”

กริดที่เพิ่งกลับถึงไรนฮาร์ท เขาได้รับข้อความระบบใหม่ตรงมุมหน้าจอ

[อัศวินของท่าน ‘จู๊ด’ พัฒนาทักษะ ‘ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน (SS-) ’ กลายเป็น ‘ชายที่ผิดหวังในตัวเอง (SS) ’]

[ทักษะ ‘ชายที่ผิดหวังในตัวเอง’ ของอัศวิน ‘จู๊ด’ แสดงผล]

ข้อความระบบที่ไม่คุ้นตาแสดงเรียงต่อกัน

“เอ๋?”

ชายหนุ่มพลันกระวนกระวายใจ

“จู๊ด จะฆ่า แก”

ณ ใจกลางจัตุรัสไบรัน จู๊ดเหวี่ยงหมัดซ้ายใส่รีกัลอีกครั้ง

เปรี้ยง—!

น่าประหลาด กำปั้นข้างซ้ายที่เคยมีสภาพยับเยิน ถูกฟื้นฟูกลับคืนปรกติประหนึ่งใช้เวทมนตร์เสก กระดูกทุกชิ้น รวมถึงเส้นประสาท ทั้งหมดกลับเป็นเหมือนใหม่ การชกอัดแน่นด้วยพละกำลังและความเร็วที่น่าทึ่ง

รีกัลไม่เสี่ยงใช้มือคว้ารับ มันเลือกตวัดแส้เพื่อพันธนาการแขนซ้ายจู๊ดไว้

‘เมื่อครู่มันอะไรกัน?’

ทั้งรีกัล ทหารจักรวรรดิ สมาชิกโอเวอร์เกียร์ ทหารโอเวอร์เกียร์ ชาวเมืองไบรัน รวมถึงนักข่าวทั่วโลกที่ลอบถ่ายทอดสด ทุกคนต่างยืนอ้าปากค้าง

สิ่งมีชีวิตเดียวที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างอิสระคือจู๊ดผู้ปราศจากความคิด

1. จู๊ด

2. อัศวินคนแรกของกริด

3. ทักษะฟื้นฟูอวัยวะในพริบตา

4. NPC ทั่วไปแข็งแกร่งขนาดไหน?

5. NPC แข็งแกร่งฉับพลัน

6. วิธีครอบครอง NPC จำนวนมาก

7. กริดอยู่ที่ไหน

นี่คืออันดับคำค้นหายอดนิยมทั่วโลกในปัจจุบัน

• Next
• Previous