จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 997



เจ็ดมารทรยศเทพและเป่าหูมนุษย์ให้เสื่อมศรัทธาต่อเทพ เมื่อความเชื่อในตัวเทพลดลง เหล่าอสูรจึงบุกรุกโลกกึ่งกลางได้ง่ายดาย


นั่นคือจุดเริ่มต้นยุคสมัยแห่งความสิ้นหวัง


สงครามไม่รู้จบสิ้นระหว่างมนุษย์และอสูรกลายเป็นบ่อเกิดภัยความอดอยากครั้งใหญ่


มวลมนุษย์ทำได้เพียงตัดพ้อในการมีอยู่ของเทพที่เอาแต่เฝ้ามองโดยไม่ช่วยเหลือ


นักบุญคนหนึ่งเกิดความเห็นใจต่อเพื่อนร่วมโลก เพื่อหาทางขจัดความอดอยากให้มนุษย์ เส้นทางบำเพ็ญตนจึงเริ่มขึ้น


นี่คือต้นกำเนิดโบสถ์รีเบคก้า และนักบุญดังกล่าวคือสันตะปาปาลำดับหนึ่ง


หลังจากนักบุญบำเพ็ญทุกข์อยู่นานจนเทพธิดาเริ่มใจอ่อน เธอจึงตอบแทนนักบุญด้วย ‘ดาบศักดิ์สิทธิ์’


นักบุญใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์สังหารเผ่าอสูรตนแล้วตนเล่า เกิดความปลาบปลื้มในตัวเทพธิดาเป็นล้นพ้น กระทั่งแต่งบทเพลงเทิดทูนบูชาเทพธิดาและร้องขับขาน


เหล่าวีรชนเปี่ยมคุณธรรมทั่วโลกถูกบทเพลงสรรเสริญเทพธิดาชักนำให้รวมตัวกัน


นักบุญอุทิศกายใจเพื่อสร้างเทวรูปและโบสถ์แห่งเทพธิดาให้มนุษย์กราบไว้บูชา ไม่นานหลังจากนั้น เหล่าวีรชนแห่สถาปนานักบุญขึ้นเป็นปฐมสันตะปาปาของโบสถ์รีเบคก้า


สันตะปาปาสูงส่งยิ่งกว่าวีรบุรุษใดทั้งมวล


นั่นคือเรื่องราวที่ถูกเล่าขานตั้งแต่อดีต


ด้วยเหตุนี้ ปฐมสันตะปาปาจึงเป็นบุคคลแสนพิเศษสำหรับมนุษย์และสาวกโบสถ์รีเบคก้าทั่วทวีป


ปฐมสันตะปาปาคือผู้สังหารกองทัพอสูรและกอบกู้ศรัทธาต่อเทพที่เคยเสื่อมลง


เมื่อเทพถูกศรัทธาอีกครั้ง ความช่วยเหลือจากสรวงสวรรค์จึงแผ่ลงบนผืนดินมนุษย์ ความสุขสงบกระจายทั่วทุกหย่อมหญ้า


มนุษย์ติดหนี้ปฐมสันตะปาปาเป็นการใหญ่หลวง ไม่มีตำนานใดเทียบชั้นความสำเร็จของปฐมสันตะปาปาได้


ปฐมสันตะปาปาถูกมนุษย์ยกย่องในระดับทัดเทียมเทพ และเมื่อถึงคราวเลือกผู้สืบทอด มันจะเลือกคนธรรมดารับตำแหน่งเชียวหรือ?


คำตอบคือไม่ใช่ ปฐมสันตะปาปาเลือกผู้สืบทอดเป็นบุคคลที่ทรงพลังยิ่งกว่าตัวมัน


สันตะปาปาลำดับสอง เคลย์เชอร์


แต่หลังจากรับตำแหน่งเกือบหนึ่งร้อยปี เคลย์เชอร์ต้องกลายเป็นโลงศพสีขาวโพลน


อาจมิใช่เส้นทางที่มันปรารถนาในตอนต้น แต่ก็ไม่มีทางเลือกมากนัก


“โกหก? ไม่ใช่เลย ความจริงต่างหาก!”


กริดพยายามเคลียร์ปมที่เคลย์เชอร์เข้าใจผิด


“หลวงพ่อ หลังจากผมมาถึงที่นี่ แมรี่โรสก็ไม่ได้อยู่ในโลงแล้ว นั่นคือสิ่งที่ผมอยากบอก”


> ปากแข็งจังนะเจ้าหนุ่ม


“เอ๋?”


> อีโก้ของข้าถูกฝังลงในไม้ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นวัสดุสร้างโลงศพ ถูกกำหนดให้ลืมตาตื่นขึ้นเมื่อมีผู้บุกรุกเข้าถึงด้านใน ตลอดเวลากว่าร้อยปีที่ผ่านมา ข้าตื่นขึ้นเพียงสองครั้งเท่านั้น


“…?”


> หนแรกที่ตื่นขึ้น แมรี่โรสยังอยู่กับข้า แต่ตอนนี้หล่อนไม่อยู่แล้ว


“…แล้วเกี่ยวกับผมยังไง?”


> เกี่ยวยังไงงั้นหรือ? ข้าไม่เคยคิดว่าผู้สืบทอดแพ็กม่าจะกล้าเล่นละครน้ำเน่าตบตา หากไม่ใช่เจ้าที่คลายผนึกแมรี่โรส แล้วยังจะเป็นใครได้อีก?


ตึง!


โลงศพกระโดดได้!


กริดทำใจเชื่อลงได้ยาก


ขณะกำลังผงะ เขาฝืนโยกตัวหลบด้วยความเร็วสูงสุด… แต่แน่นอนว่าไม่พ้น


โลงศพเบื้องหน้ารวดเร็วยิ่งกว่าเฟคเกอร์ซึ่งร่ำเรียนเทคนิคลับลันเทียร์


[ท่านได้รับความเสียหาย 33,780 หน่วย!]


“อั่ก…! บ้าบอสิ้นดี…”


การโจมตีจากโลงศพรุนแรงและป่าเถื่อนชนิดที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน หากถูกกระแทกอีกสักสองหน คงไม่แคล้วไปเกิดใหม่แน่


ขณะชายหนุ่มมีใบหน้าบิดเบี้ยว เสียงเคลย์เชอร์ดังแว่วข้างหู


> โฮ่… ยังรอดอีกหรือ? ตัวข้าอ่อนแอลงขนาดนี้เชียว ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นแค่มดปลวก แต่กลับบี้ไม่ตายในคราวเดียว…


“ถึงจะไม่รู้ว่าพูดเรื่องอะไร แต่ช่วยหยุดความเข้าใจผิดก่อนได้ไหม”


> โฮ่? เข้าใจผิดจริงหรือ? ผิดตรงไหนล่ะ?


กริดเริ่มสัมผัสถึงลางร้าย


เคลย์เชอร์ถูกยกย่องให้เป็นสันตะปาปาที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ความสำเร็จถูกจารึกไว้บนหน้าประวัติศาสตร์นับไม่ถ้วน


ถ้าหากการเจรจาไม่เป็นผลล่ะก็…


‘ต้องรีบหนี!’


กริดมั่นใจ หากอยู่นานกว่านี้ คงไม่แคล้วได้ถูกโลงศพบัดซบฆ่าเอาแน่


อันที่จริง เขาอยากฟังเรื่องราวเกี่ยวกับแพ็กม่าอีกสักหน่อย รวมถึงการขุดแร่ชนิดใหม่ที่เพิ่งค้นพบ แต่คงไม่คุ้มหากต้องเอาชีวิตเข้าเสี่ยง


กริดไม่มีทางเลือก ต้องรีบหนีโดยเร็ว


ถ้าต้องตาย…


จะยอมไม่ตายเพราะโลงศพเด็ดขาด!


“พลิ้วไหว! ร่างมืด!”


ในวินาทีกริดบัฟความเร็วเต็มพิกัด เตรียมใส่เกียร์หมาเผ่นสุดชีวิต


> หืม… ดูเหมือนจะเข้าใจผิดจริงด้วย


เคลย์เชอร์ใจเย็นลงและขยับถอยห่างกริด


แต่มันเปลี่ยนใจช้าเกินไป


ซู่วว—!


“…!?”


สิ่งนี้ไม่ใช่เวทมนตร์…


เป็นพลังที่มีระดับชั้นสูงส่งกว่าเวทมนตร์มาก กริดมั่นใจด้วยประสบการณ์และสัญชาตญาณที่สั่งสมนานหลายปี


ชิ้ง—!


เคลย์เชอร์ทำการ ‘ลบล้าง’ พลังอสูร


ร่างมืดกริดถูกยกเลิก หมอกพลังอสูรที่ฟุ้งกระจายรอบตัวพลันระเหยประหนึ่งหิมะต้องแสงอาทิตย์


[ร่างมืดถูกฝืนยกเลิก!]


[พลังศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงได้ลบล้างพลังอสูรของท่าน!]


[เกิดผลข้างเคียงรุนแรงต่อร่างกายท่าน!]


[ท่านได้รับความเสียหาย 2,265,320 หน่วย]


[ผู้เป็นตำนานจะไม่ตายโดยง่าย…]


“แค่ก! แค่ก! อ๊าาาก!!”


เรื่องบ้าบออะไรกัน?


สีหน้ากริดพลันขาวซีด อาการหวาดผวาแผ่ซ่านทุกรูขุมขน ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล โลหิตพรั่งพรูประหนึ่งสายน้ำเชี่ยวกราก


เคลย์เชอร์เหยียดหยัน


> โฮ่… กล้าใช้พลังอสูรต่อหน้าข้าเชียวรึ? อยากตายขนาดนั้นเลย? ช่างน่าตกใจจริงๆ


“ฮะฮะ… ฮะฮะ…”


ถ้ารู้แต่แรก ใครมันจะไปกล้าทำ…


เคลย์เชอร์ขยับเข้ามาใกล้กริดที่อ้วกเป็นเลือดคำแล้วคำเล่า


โลงศพว่างเปล่าลอยสูงจากพื้น ฉากตรงหน้ากระตุกต่อมกลัวผีในตัวกริดเล็กน้อย


> แต่ก็ยังดีที่รอดมาได้ เป็นตำนานนี่มันสะดวกจริงๆ … ไอ้พวกแมลงสาบ


“แค่ก… คุณทำอะไรกับผม?”


> ไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด ตัวตนสันตะปาปาของฉันจะลบล้างพลังอสูรโดยอัตโนมัติ


“…”


> แต่ก็ไม่ได้ผลกับสัตว์ประหลาดบางชนิด เช่นแมรี่โรส ก็เลยต้องจับเธอผนึกด้วยตัวเอง ส่วนวิธีที่ใช้ผนึกนั้น…


“…”


> ฉันเริ่มเห็นปัญหาแล้ว ดูเหมือนผนึกจะอายุสั้นกว่าที่คิด… เจ้าคงไม่ได้โกหก แมรี่โรสตื่นขึ้นด้วยตัวเองเพราะผนึกอ่อนแอลง


นั่นเป็นความจริง


อาจใช่ที่กริดปลุกให้แมรี่โรสตื่น แต่คงโอหังไปสักหน่อยหากบอกว่ากริดเป็นผู้ทำลายผนึกแมรี่โรส


เธอตื่นด้วยตัวเอง


และเป็นคนลุกเดินออกไปเอง


สิ่งที่กริดทำมีเพียงปลุกด้วยกลิ่นคาวเลือด


‘…แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเราคือต้นตอ’


ทว่า กริดไม่โง่ขนาดเปิดเผยความจริงให้เคลย์เชอร์รับทราบ นั่นอาจนำพาความฉิบหายอีกระลอกมาให้


ชายหนุ่มฝืนดื่มโพชั่นพลางเอ่ยปาก


“คุณตายตอนผนึกแมรี่โรสงั้นหรือ?”


> หืม? ไม่นี่ หลังจากผนึกแมรี่โรส ข้ายังอยู่ดีกินดี สุขภาพแข็งแรงไปอีกหลายสิบปี และตายหลังจากนั้นนาาาาานมาก… อายุรวม 110 ปีเห็นจะได้


“…แล้วคุณใช้วิธีใดผนึกแมรี่โรสก่อนจะกลายเป็นโลงศพ?”


> หือ? ก็พลังศักดิ์สิทธิ์ธรรมดานี่แหละ… หลังจากผนึกของข้า ยังมีสันตะปาปาลำดับสามช่วยผนึกต่ออีกสักพัก แต่ลำดับสามกลับอายุสั้น ด่วนจากไปไว ส่วนลำดับสี่กับห้าก็ไม่ไหว พลังศักดิ์สิทธิ์อ่อนแอเกินไป มิอาจต้านทานพลังอสูรแมรี่โรสได้… ในช่วงนั้น ตัวข้าซึ่งใกล้ตายกลายจึงเป็นบุคคลเดียวที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์มากพอจะผนึกแมรี่โรส ลงเอยด้วย ถูกจับทำเป็นโลงศพอย่างที่เจ้าเห็น… ใช่แล้ว โลงศพสุดห่วยที่สร้างจากไม้ศักดิ์สิทธิ์


“แพ็กม่าเป็นคนย้ายดวงวิญญาณสินะ?”


> ถูกต้อง ไอ้แพ็กม่าหัวดอนั่น… มันบังอาจหลอกข้า


“…?”


> มันหลอกข้าว่า แม้ในยามหลับ ข้าจะยังสัมผัสถึงเรือนร่างและกลิ่นกายแมรี่โรสได้ทุกลมหายใจ… แต่นั่นเป็นคำโกหกสุดบัดซบ


“…?”


> ในตอนที่ข้าหลับ ข้าสัมผัสอะไรไม่ได้เลย… เฮ่อ… นึกว่าตื่นมาจะได้พบสาวสวยอีกครั้ง


“…”


กริดเริ่มสัมผัสได้ว่า บทสนทนาเริ่มผิดแผกพิสดาร เขาพยายามตบแก้มตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้ฝันไป และกำลังสนทนากับสันตะปาปาลำดับสองอยู่จริง


“ช่วยเล่าเรื่องแพ็กม่าให้ฟังอีกได้ไหมครับ? แล้วใครคือผู้บุกรุกถ้ำแห่งนี้คนแรก…”


> ข้าจะได้สิ่งใดจากการบอกเจ้า? จะช่วยนำแมรี่โรสกลับมานอนบนร่างข้ารึไง?


“…”


จะให้เราไปจับแมรี่โรสให้เนี่ยนะ?


สีหน้าชายหนุ่มพลันขาวซีด ร่างกายแข็งทื่อไปทุกส่วน


เคลย์เชอร์หัวเราะเล็กน้อย


> เจ้าเองก็มีมุมซื่อตรงเหมือนกันนี่ ช่างแตกต่างจากแพ็กม่า… ก็ได้ ข้าจะตอบคำถามให้ เห็นแก่ที่มีพรจากเทพธิดาแห่งแสงรวมถึงโบสถ์เล็กทั้งสาม พรระดับนี้… เจ้าคงช่วยเด็กของข้าไว้มากทีเดียว


สมกับเป็นสันตะปาปาลำดับสอง มองเห็นพรจากรีเบคก้า ยูดาห์ และโดมิเนี่ยนที่ถูกมอบให้แก่พาเฟรเนี่ยม


‘ก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่หว่า’


นี่สินะที่เรียกว่า ทำดีย่อมได้ดี เพราะเคยช่วยเหลือโบสถ์รีเบคก้า สถานการณ์ปัจจุบันจึงกำลังไปได้สวย


เคลย์เชอร์กล่าวกับกริดที่เริ่มแสดงสีหน้าคาดหวัง


> นอนลงบนตัวข้า


“…หมายถึงนอนในโลง?”


> ไม่เคยได้ยินสุภาษิตงั้นหรือ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ข้าจะให้เจ้าชมความทรงจำในอดีต


แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การนอนในโลงศพมันออกจะ…


เมื่อเห็นโลงศพอันว่างเปล่าเอนราบรอให้กริดลงไปนอน ท่าทีตอบสนองแรกคือลังเล สำหรับชาวเกาหลี คงทำใจได้ยาก หากต้องลงไปนอนในโลงศพทั้งที่ไม่ตายจริง


แต่ก็เพียงชั่วครู่ ท้ายที่สุด เขาพยักหน้าพลางเอนตัวลงนอน


ทันใดนั้น


[‘โลงไม้ศักดิ์สิทธิ์’ ยอมรับท่าน]


[พลังศักดิ์สิทธิ์ไหลซึมเข้าร่างท่านเล็กน้อย]


[‘ภูตธาตุแสงระดับสูง’ กำลังมีความสุข!]


[แสงที่แผ่จาก ‘ภูตธาตุแสงระดับสูง’ สว่างขึ้นจากเดิมเล็กน้อย]


[ค่าต้านทานธาตุมืดเพิ่มขึ้น 5% ถาวร]


[การโจมตีธรรมดามีโอกาสเล็กน้อยที่จะสร้างความเสียหายเพิ่มเติมธาตุศักดิ์สิทธิ์ 5%]


[ความสัมพันธ์กับเคลย์เชอร์เพิ่มขึ้น 3 แต้ม]


“…!”


กำไรสัตว์!


กริดที่กำลังตื่นเต้น ภาพการมองเห็นพลันหมุนเคว้งชวนอาเจียน ก่อนจะกลายเป็นสีดำสนิทในที่สุด


เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง บุคคลเบื้องหน้าคือบุรุษผมยาวสลวยผู้มีดวงตาเรียวคม


เส้นผมดกดำเงางาม สวมชุดสไตล์เอเชียยุคเก่า ให้ความรู้สึกเหมือนกับภาพวาดสมัยราชวงศ์ชิลลา


‘แพ็กม่า…!’


กริดตะโกนเรียกชื่อตามสัญชาตญาณ แต่ร่างกายกลับไม่ขยับเขยื้อน


[ท่านอยู่ในอดีตของเคลย์เชอร์]


[ท่านกำลังอยู่ในร่างเคลย์เชอร์]


[ท่านเป็นเพียงผู้เฝ้ามอง มิอาจแทรกแซงอดีตได้]


เคลย์เชอร์เปิดปากพูดแทนกริดที่เป็นใบ้


“เจ้าสร้างโลงศพจากไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วยหรือ?”


น้ำเสียงของเคลย์เชอร์ในอดีตแตกต่างจากเมื่อครั้งสนทนากับกริดมาก


ทั้งแหบพร่าและแก่ชรา


คงเป็นช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต


“เจ้าไม่ทราบความน่ากลัวของไม้ศักดิ์สิทธิ์รึไง?”


“ย่อมทราบ แต่ผมเคยจัดการกับกิ่งก้านต้นไม้โลกหลายหน ประสบการณ์ตรงนั้นต้องช่วยได้แน่”


น้ำเสียงแพ็กม่าเปี่ยมด้วยความมั่นใจ


เคลย์เชอร์ผงกศีรษะเล็กน้อยขณะจ้องมองแพ็กม่าโดยไม่กะพริบตา


“ตกลง ข้าเชื่อใจเจ้า ในเมื่อลำดับห้า* แนะนำด้วยตัวเองเช่นนี้”


(* หมายถึงสันตะปาปาลำดับห้า ฟรานซ์ เพื่อนสนิทแพ็กม่า)


เมื่อได้รับสิทธิ์ แพ็กม่าลงมือโดยไม่รีรอ


ทุกการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างพลิ้วไหวแต่ประณีต แข็งแกร่งแต่ไม่แข็งทื่อ ดุดันแต่ไม่มุทะลุ งดงามและสุนทรีประหนึ่งนักกวีกำลังบรรเลงเพลงกลอน


ไม้ศักดิ์สิทธิ์ถูกจัดการด้วยความเร็วสูง


กริดเฝ้ามองอย่างชื่นชม


‘ฝีมือสุดยอด…’


ตนสืบทอดพลังและเทคนิคมาจากชายผู้นี้


ท่อนไม้ศักดิ์สิทธิ์ถูกแปรเปลี่ยนเป็นโลงศพด้วยบรรยากาศสุดวิจิตรประหนึ่งงานศิลป์


กริดเฝ้ามองตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่กะพริบตาแม้แต่วินาทีเดียว ไม่ต้องการพลาดทัศนาเทคนิคที่ผู้เป็นเสมือนอาจารย์กำลังสำแดงให้ประจักษ์


[ท่านได้รับสูตรการผลิต ‘โลงไม้ศักดิ์สิทธิ์’]


[ท่านได้รับเทคนิคจัดการ ‘ไม้ศักดิ์สิทธิ์’]


‘…!’


กริดไม่มั่นใจว่าตนจะมีโอกาสใช้งานมันหรือไม่ แต่ของฟรีย่อมเป็นสิ่งดีเสมอ


ขณะชายหนุ่มชื่นชม ช่วงเวลาในอดีตไหลผ่านอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นาน แพ็กม่าสำเร็จการสร้างโลงไม้สีขาวบริสุทธิ์


เคลย์เชอร์กล่าวชมทันที


“งดงามมาก ต้องเข้ากับแมรี่โรสแน่”


“หลวงพ่อ”


“ไม่ต้องเรียกเช่นนั้น ข้าสละตำแหน่งนานแล้ว หลวงพ่อคนปัจจุบันคือฟรานซ์”


“ในเมื่อเสร็จงานแล้ว ผมมีเรื่องต้องการถามหลวงพ่อสักสองข้อ”


“หัวรั้นชะมัด… ว่ามา”


“ได้ยินว่าหลวงพ่อเป็นผู้ฝังศพเหล่าตำนานด้วยตัวเองใช่ไหม”


“แล้วยังไง?”


“ผมต้องการทราบจุดที่ถูกฝัง”


“ทราบไปทำไม?”


“อยากสรรเสริญดวงวิญญาณของพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย”


‘…!’


หัวใจกริดพลันดำดิ่ง เขาย่อมทราบว่าแพ็กม่าหวังรู้จุดฝังศพของเหล่าตำนานเพื่อการใด


ภาพความทรงจำในอดีตหวนกลับคืน ตำนานคนแล้วคนเล่าในร่างอัศวินความตาย ทุกคนต้องใช้ชีวิตในฐานะ ‘ผู้ปกป้อง’ อย่างเจ็บปวดทรมานนานนับร้อยปี


‘…เดี๋ยวก่อน อาจไม่ใช่’


แพ็กม่าในตอนนี้ยังไม่ใช่ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล ไม่มีทางสร้างอัศวินความตายจากซากศพได้ การเยี่ยมเยียนหลุมศพต้องเกิดจากจิตใจอันบริสุทธิ์แน่


…กริดอยากจะเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น


แต่สีหน้าแพ็กม่ากำลังดำมืด ประหนึ่งผู้เตรียมใจแบกรับชะตากรรมของโลกไว้บนบ่า


…แพ็กม่าอาจวางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว


“ส่วนอีกข้อ…”


แพ็กม่าชักดาบยาวใบโค้งทรงเอเชียออกมาถือ ความงดงามแปลกตาและเหนือคำบรรยาย


“กรุณาช่วยมอบบทเรียนที่ทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น!”


ซู่ววว—


ทรัพยากรซึ่งจำเป็นต้องครอบครองเพื่อให้เทคนิคดาบ ‘ราชาไร้พ่าย’ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด


สิ่งนั้นคือ ‘ปราณดาบ’


มันคละคลุ้งเข้มข้นรอบกายแพ็กม่า


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,390

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. ค้างมาก ขอบคุณ​ครับ🙏🙏

    ReplyDelete
  2. สนุก​มาก​ขอบคุณ​ครับ🙏

    ReplyDelete
  3. หลวงพ่อแม่ง simp แมรี่โรส

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00