จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 995



“ผมเข้าใจข้อเสนอของคุณแล้ว แต่ทางนี้ก็มีเงื่อนไขเช่นกัน”


“ว่ามาเลยครับ…”


อันที่จริง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสานสัมพันธ์กับตระกูลแชโบล มีคนมากมายปรารถนาเกี่ยวดองกับแชโบลโดยไม่สนวิถีทาง แต่สำหรับชินยองวู แชโบลมิใช่สิ่งดึงดูดขนาดนั้น


ข้อเสนอรถหกคัน ประกอบด้วยสมาชิกครอบครัวรวมถึงยูร่าและลีจินเมียง มิได้ทำให้ชายหนุ่มเกิดความตื่นเต้นแต่อย่างใด


“ได้ยินมาว่า บริษัทใหญ่ของเกาหลีใต้ส่วนมากมีแรงเกอร์ในสังกัดใช่ไหม? แดจินด้วยสินะ?”


แรงเกอร์ย่อมหมายถึงแรงเกอร์ซาทิสฟาย


ประธานแดจินมอร์เตอร์ตอบเสียงค่อย สีหน้าของมันไม่สู้ดีนัก


“อา… พวกเราก็พอมีแรงเกอร์ในสังกัด”


ประธานใหญ่ลีจินเมียงอาจไม่ให้ราคายูร่าที่เป็นแรงเกอร์ซาทิสฟาย นั่นเพราะมันหวังให้เธอเป็นผู้สืบทอด


ถึงฉากหน้าจะทำเย็นชากับความสำเร็จของยูร่า แต่ลีจินเมียงก็แอบมีแรงเกอร์ในสังกัดแดจินจำนวนไม่น้อย


การมีแรงเกอร์ในสังกัดหมายถึง หากแรงเกอร์เติบโตเป็นระดับท็อปและโด่งดัง พวกมันจะได้สิทธิ์สปอนเซอร์ตามสัญญาโดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่วอนเดียว เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตโดยแท้จริง


แต่ปัจจุบัน เพียงลงทุนยูร่า พวกมันก็ได้รับผลตอบแทนในระดับมหาศาล


“ผมต้องการให้แดจินกรุปช่วยโน้มน้าวบริษัทเกาหลีใต้ทุกแห่ง ให้ส่งแรงเกอร์ในสังกัดเข้าร่วมกิลด์โอเวอร์เกียร์”


“…”


สีหน้าประธานแดจินมอร์เตอร์พลันดำมืด


ข้อเสนอจากยองวูค่อนข้างสุดโต่ง


คิดจะฮุบแรงเกอร์ชาวเกาหลีที่พวกมันปลุกปั้นอย่างยากลำบากมานานให้เป็นของโอเวอร์เกียร์ในคราวเดียวงั้นหรือ?


เป็นการเอาเปรียบที่ยากจะยอมรับ


ยองวูรีบส่ายศีรษะ


“ไม่ได้เข้ากิลด์ถาวร แค่เป็นทหารรับจ้างชั่วคราวในสงคราม ขอรับประกันว่าเป็นผลดีกับทุกฝ่าย นอกจากการันตีเลเวลแล้ว ผมสัญญาว่าจะจัดหาไอเท็มเกรดยูนีคประจำคลาสให้แรงเกอร์ทุกคนที่เข้าร่วม ไอเท็มทุกชิ้นสร้างโดยช่างตีเหล็กฝีมือเยี่ยมแห่งโอเวอร์เกียร์ รวมถึงตัวผมด้วย”


“สงครามชายแดนเรย์ดันใช่ไหม?”


“ถูกต้อง ไม่มีจุดเก็บเลเวลใดยอดเยี่ยมไปกว่าการล่าทหารจักรวรรดิอีกแล้ว”


การประกาศสงครามของจักรวรรดิส่งผลให้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ตกที่นั่งลำบากไม่น้อย ฝ่ายจักรวรรดิมีกำลังทหารมากกว่าถึงร้อยเท่า ยิ่งสงครามยืดเยื้อ ทางโอเวอร์เกียร์ก็ยิ่งสูญเสียไพร่พลแสนสำคัญ ต่อให้แลกทหารกันในสงครามด้วยอัตรา 10 ต่อ 1 แต่ฝ่ายที่กำลังรบหมดก่อนย่อมต้องเป็นโอเวอร์เกียร์


“หรือโอเวอร์เกียร์ต้องการให้หน่วยรบชายแดนเป็นผู้เล่นทั้งหมด?”


ถึงประธานแดจินมอร์เตอร์จะไม่สันทัดซาทิสฟายนัก แต่มุมมองด้านบริหารของมันไม่เป็นรองใคร กับแค่สถานการณ์สงครามอย่างคร่าวย่อมพอคาดเดาได้


ยองวูพยักหน้ายอมรับ


“ถูกต้อง”


“อา… เข้าใจแล้ว ผมจะนำเรื่องนี้ไปคุยกับท่านประธานลีให้ ทางแดจินคงไม่มีปัญหา แต่ผมไม่รับปากว่าบริษัทอื่นจะยอมร่วมมือ หรือหากร่วม ค่าตอบแทนคงสูงกว่าปรกติ”


“เท่านั้นก็มากพอแล้วครับ ผมต้องการแค่ให้คุณช่วยกระจายข่าวอย่างทั่วถึง”


ยองวูมั่นใจ ต้องมีเหยื่อหลายบริษัทติดเบ็ดแน่ เป็นการยากจะหาใครปฏิเสธข้อเสนอล่อตาล่อใจจากโอเวอร์เกียร์ได้


กิลด์ของตนประกอบด้วยท็อปแรงเกอร์หน้าตาดีมากมาย ถ้าใช้วิธีจูงใจด้วยการเป็นแบบถ่ายโฆษณา เกรงว่าหลายบริษัทแทบหมอบคลานเข้ามาติดต่อ


หรือหากหวังสิ่งตอบแทนเป็นเงินก็พร้อมจ่ายเช่นกัน


ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ยองวูยอมทำทุกทางเพื่อให้พวกมันร่วมมือ


‘อาจต้องใช้เงินมากหน่อย’


เพื่อการนั้น เขาจะลดเวลานอนลง


หากมนุษย์เราลดเวลานอนในหนึ่งวันเพื่อทำงาน จำนวนงานที่ได้จะเพิ่มขึ้นจากปรกติพอสมควร ถ้าตนนำเวลาช่วงดังกล่าวไปสร้างไอเท็ม ความมั่งคั่งคงไม่ไกลเกินเอื้อม


‘เป็นผลดีกับทุกฝ่าย เราหยิบยืมกำลังรบจากพวกมัน ส่วนฝ่ายเราต้องสละเรี่ยวแรงและเวลาเพิ่มจากเดิมเล็กน้อย’


เป็นการแลกเปลี่ยนที่พอรับได้


อันที่จริง กริดโอเวอร์เกียร์ถูกประเมินมูลค่าไว้สูงมาก แต่ถ้าเปิดรับแรงเกอร์จากบริษัททั่วโลกในคราวเดียว กริดอาจมีกำลังรบจำนวนมาก ทว่า มูลค่าของกิลด์ก็จะตกต่ำลง นั่นคงเป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก


กริดจึงตัดสินใจเริ่มต้นจากบริษัทภายในเกาหลีใต้ก่อน ถือเป็นการพัฒนาแรงเกอร์เกาหลีไปในตัว แถมยังเจรจาธุรกิจกันง่าย


‘ชักอยากเห็นผลลัพธ์แล้วสิ’


แรงเกอร์ทหารรับจ้างส่วนมากเป็นกลุ่มคนที่เชื่อฟังคำสั่งอย่างเคร่งครัด พวกมันมีสัญญาผูกมัดกับบริษัทหรือตระกูลใหญ่ซึ่งเป็นสปอนเซอร์


หากเจ้านายสั่ง พวกมันไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ


ยองวูมั่นใจ ในอนาคตจะมีแรงเกอร์นับร้อยนับพันจะรวมตัวที่ชายแดนเรย์ดันเพื่อทำสงครามแทนทหารโอเวอร์เกียร์ และแน่นอน กลุ่มคนเหล่านั้นจะได้ประโยชน์จากไอเท็มและเลเวลที่พุ่งกระฉูด แถมยังได้ออกทีวีเพราะมีนักข่าวถ่ายทอดสดภาพสงครามอยู่เป็นระยะ


นี่คือแผนการที่ลอเอลวาดไว้


***


ในซาทิสฟาย ความมืดคือสัญลักษณ์ของสิ่งชั่วร้าย และสิ่งชั่วร้ายมักหมายถึง ‘อสูร’


หลักการดังกล่าวรวมถึงระบบ ‘ภูต’ ด้วย


‘ราชาภูตแสง’ ชื่นชมยูร่าที่ออกเดินทางปราบอสูรอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่กลายเป็นนักล่าอสูร


ลงเอยด้วย ราชาภูตแสงมอบความไว้วางใจและทำพันธสัญญากับเธอ


<ผู้ทำพันธสัญญากับราชาภูตแสง>

* ภูตแสงระดับสูงสุด

เลเวลภูตในปัจจุบัน : 1

- รายการทักษะภูต -

* ราชาภูตมีพลังงานไร้ขีดจำกัด ผู้ทำพันธสัญญาจะไม่สูญเสียทรัพยากรเมื่อให้ทักษะภูต


<ดาบแสง>

เปลี่ยนภูตแสงให้กลายเป็นดาบแสง

ดาบแสงจะติดตามผู้ทำพันธสัญญาตลอดเวลา…

<แสงจ้า>

ภูตแสงจะไปปรากฏตัวใกล้กับเป้าหมายที่ผู้ทำพันธสัญญาต้องการ

* หากเป้าหมายเป็นศัตรู จะทำการส่องสว่างจนตาบอดชั่วขณะ…


<อัญเชิญราชาภูต> Lv.1

อัญเชิญราชาภูตโดยใช้ภูตแสงเป็นสื่อกลาง

* พลังราชาภูตจะขึ้นอยู่กับพลังของผู้ทำพันธสัญญาช

* ยิ่งเลเวลสูง จำนวนทักษะของราชาภูตแสงก็ยิ่งมากขึ้น

ระยะเวลาคงสภาพ : 10 นาที

ระยะหน่วงหลังใช้ : 30 ชั่วโมง


“…”


ยูร่าเดินทางไปยังต้นไม้โลกช้ากว่าใครทั้งหมด เพราะเธอต้องเฝ้าจับมองพฤติกรรมอันแปลกประหลาดของบรรดาอสูรในนรก


ยูร่าไม่คาดหวังมากนัก


พวกพ้องส่วนมากได้ทำสัญญากับภูตระดับต่ำสุด และชะตากรรมคนอับโชคอย่างเธอคงไม่ต่างกัน


ทว่า… ราชาภูตธาตุ


เป็นอีกครั้งที่เธอรู้สึกติดหนี้กริด


หากไม่พบกริดในวิหารยาธานวันนั้น ยูร่าคงไม่มีอนาคตที่สดใสเฉกเช่นปัจจุบัน ยังคงเป็นข้ารับใช้ยาธานและทำสงครามกับโบสถ์รีเบคก้ากับกิลด์โอเวอร์เกียร์อย่างยากลำบาก


ยูร่านึกขอบคุณกริดทุกลมหายใจ


“ฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวัง”


กึก… กึก…


ในวันนี้ ยูร่ามิได้เปิดประตูมิติลงขุมนรกเหมือนอย่างเคย จุดมุ่งหมายการเดินทางคือชายแดนเรย์ดันซึ่งมีเพียงทะเลทรายแวดล้อมสุดลูกหูลูกตา


“ยูร่า?”


บนกำแพงเมืองหลวงรอง


สีหน้าของสมาชิกโอเวอร์เกียร์ภายใต้การนำของคริสต่างโล่งใจ


ปัจจุบัน พวกมันค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยกับการรับมือกองทัพจักรวรรดิที่ถาโถมไม่รู้จบสิ้น


แต่ไหนแต่ไรมา ก่อนงานแข่งนานาชาติครั้งที่สี่จะเริ่มขึ้น ยูร่ามีตำแหน่งในกิลด์ค่อนข้างพิเศษ เธอเข้ามาในฐานะคนสนิทของกริด ยูร่าจึงไม่มีภารกิจพิเศษให้ทำมากนัก ลอเอลและกริดกำชับให้เธอหมั่นเก็บเลเวลในขุมนรก


เธอจะไม่กลับออกมาหากไม่มีเหตุอันควร


แต่การแข่งปีล่าสุด ยูร่าคือเจ้าของเหรียญทองการแข่งดึงดาบอริยะ และเจ้าของเหรียญเงินในการแข่ง PVP


เธอก้าวขึ้นมาเป็นสมาชิกระดับ ‘ขุนพล’ ซึ่งไม่ห่างชั้นกับสิบวีรชนฯ มากนัก


ยูร่าถูกประเมินไว้ว่า เธอแข็งแกร่งกว่าสมาชิกแรงเกอร์ระดับกลางของกิลด์โอเวอร์เกียร์ราวสี่ถึงห้าเท่า หรืออีกความหมายหนึ่ง ยูร่าดวลกับแรงเกอร์ระดับกลางจำนวนสี่คนพร้อมกันได้สบาย


ลอเอลและกริดต่างมั่นใจ ยูร่าจะกลายเป็นกำลังสำคัญในอนาคตซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวพันกับขุมนรก


แต่พวกมันคิดผิดถนัด…


เธอไม่ต้องรออนาคต


“มิติขุมนรก”


ทุกคนในเรย์ดันต่างรอชมพัฒนาการยูร่าอย่างใจจดใจจ่อ เพียงไม่นาน พวกมันพลันต้องผงะราวกับเห็นผี


ฉากที่เห็นทำให้แต่ละคนเริ่มตระหนักว่า ตนประเมินยูร่าไว้ต่ำกว่าความเป็นจริงมาตลอด


ในวินาทีที่ยูร่าหายตัวเข้าไปในขุมนรก ก่อนจะกลับออกมาอีกครั้ง เธอได้เปิด ‘เกต’ * เชื่อมต่อระหว่างขุมนรกกับโลกกึ่งกลาง


(*ประตู)


กิกิกิ๊กิกิกิ๊!!


กี๊!! กิกกิกกิกกิก!!


อสูรจำนวนมากพรั่งพรูจากประตูมิติสีแดงที่ส่องสว่างกึ่งกลางสนามรบ


“หือ…?”


เมื่อต้องตกตะลึงและฉงนกับฉากที่มิอาจทำความเข้าใจ กว่าฝ่ายทหารจักรวรรดิจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว พวกมันตกเป็นเหยื่อของอสูรร้ายผู้หิวโหยจากขุมนรก


“เธออัญเชิญอสูรได้ด้วยรึไง?”


ไม่ใช่ว่า… นักล่าอสูรมีหน้าที่ต้องฆ่าอสูรงั้นหรือ?


เป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างผิดแผกสำหรับคริส ขณะมันขมวดคิ้วสงสัย ยูร่าอมยิ้มพลางตอบกลับ


“ฉันแค่เปิดประตูให้พวกมันออกมา”


มิติขุมนรก


ทักษะที่ส่งยูร่าเข้าไปในส่วนใดส่วนหนึ่งของขุมนรกแบบสุ่ม โดยทั่วไป มิติขุมนรกจะคงอยู่ได้เพียงหนึ่งวินาทีก่อนถูกส่งกลับ


หากเธอยืนยันว่าจุดที่ตนถูกส่งเข้าไปมีปริมาณอสูรพอเหมาะ ก่อนกลับออกมา ยูร่าจะทำการเปิด ‘เกต’ เชื่อมต่อกับโลกมนุษย์


อันที่จริง ‘เกต’ คือเครื่องมือสำหรับหนีออกจากขุมนรก แต่ยูร่าพลิกแพลงใช้งานอย่างชาญฉลาด


ในสายตากองทัพจักรวรรดิ เกตของเธอไม่ต่างอะไรกับประตูแห่งขุมนรกของจริง


“ว๊ากกกกก!!”


“อ…อึ๋ย! ช…ช่วยด้วย!!”


ระยะเวลาคงอยู่ของเกตคือหนึ่งนาที


แต่ก็มากเหลือเฟือสำหรับสร้างความฉิบหายให้กองทัพจักรวรรดิ


เมื่อเกตถูกเปิด อสูรร้ายในขุมนรกพลันสัมผัสถึงกลิ่นอายมนุษย์ทันที พวกมันรีบกรูออกมาโจมตีใส่โดยมนุษย์ไม่คิดชีวิต


“ส…สุดยอด!”


ทัพฝ่ายโอเวอร์เกียร์กำลังทึ่งเมื่ออสุรกายหลายสิบหลายร้อยตนไล่ฉีกกระชากร่างทหารจักรวรรดิอย่างโหดเหี้ยม


ขณะเดียวกันก็หวาดกลัว เพราะหากทหารจักรวรรดิหมดลง เป้าหมายต่อไปคงไม่แคล้วมนุษย์อย่างพวกตน


แต่จำเป็นต้องกังวลด้วยหรือ?


พวกมันมียูร่า


ทุกครั้งที่อสูรหลงฝูงวิ่งหลุดเข้ามาคุกคามกองทัพโอเวอร์เกียร์ ชะตาชีวิตของมันจะจบลงด้วยพลังจากกระสุนสีเขียวหยก


***


“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกล่าเลยแฮะ”


“เพราะวาติกันปิดตายไง ก็เลยไม่มีนักท่องเที่ยว”


โรลลิ่ง หมู่บ้านเชิงเขาใกล้กับวาติกัน


หมู่บ้านแห่งนี้มีกลิ่นอายพิเศษเสมอ เป็นกลิ่นอายของพลังเทพจากเทวรูปรีเบคก้าน้อยใหญ่ที่ตั้งเรียงรายครอบคลุมทุกจุด


เดิมที มันเคยเป็นหมู่บ้านซึ่งมั่งคั่งด้วยนักท่องเที่ยวที่เตรียมขึ้นไปเยี่ยมชมวาติกัน


แต่นั่นเป็นเพียงอดีต


ปัจจุบัน วาติกันปิดตายชั่วคราวจากสงครามระหว่างวิหารยาธาน ส่งผลให้ปราศจากนักท่องเที่ยวเยี่ยมเยียนหมู่บ้านโรลลิ่งเบื้องล่างไปด้วย


“งั่ม…”


ด้วยเหตุนี้ เชย์จึงเบื่อหน่ายเสียเต็มประดา


สามสหายนักลอบสังหาร เชย์ เคิร์บ และสนิฟเฟอร์ ในอดีต พวกมันคือกลุ่มนักลอบสังหารชั่วที่คอยรีดไถนักท่องเที่ยวโดยใช้นักบวชตงเพาเป็นนกต่อ


แต่กริดกลับล่อลวงไปพวกมันไปเชือดทิ้งที่ถ้ำแมรี่โรสจนไอเท็มดรอปหลายชิ้น ส่งผลให้เชย์โกรธแค้นสถานหนัก มันจ้างคาซิมไปจัดการกริดถึงวินสตัน แค่ก็เป็นอีกครั้งที่ต้องเผชิญความฉิบหาย สาเหตุเพราะ คาซิมเลิกทำภารกิจกลางคัน พวกมันจึงถูกคุมขังในคุกใต้ดินวินสตันและโดนลอเอลรีดไถไอเท็มทั้งตัวจนเกลี้ยง


กริดเรียกเชย์ว่าเป็นผู้มีพระคุณที่คอยประเคนไอเท็มให้ แน่นอน เชย์และพวกไม่เต็มใจเป็นผู้มีพระคุณสักเท่าไร


“อยากหาอะไรทำคลายเครียดจังโว้ย! ชีวิตน่าเบื่อชะมัด!”


“ทำภารกิจนักลอบสังหารไหม?”


“เดือนนี้ฉันทำเกินกว่าร้อยภารกิจแล้ว! พอกันที! จะอ้วกเป็นภารกิจอยู่แล้ว”


“หือ? ดูนั่นสิ”


ขณะนั่งบนระเบียงร้านอาหารแห่งหนึ่ง พวกมันทั้งสามต่างเหลียวมองทางเข้าหมู่บ้านเป็นตาเดียว


เป็นเหยื่อรายใหม่ ชายปริศนาท่าทางร่ำรวยและหลอกง่ายกำลังเดินเข้ามาในหมู่บ้าน บุรุษคนดังกล่าวสวมหมวกเหล็กที่เชื่อมติดกับแว่นตาแปลกประหลาด


ชื่อตัวละครและใบหน้าถูกบดบังโดยสมบูรณ์จากผลของหมวกเหล็กเต็มใบ


แต่ไอเท็มสวมใส่ตามร่างกายหลายชิ้นอยู่เพียงระดับเลเวลสองร้อยตอนต้นเท่านั้น


“เป็นพวกมีเงิน”


“แล้วทำไมไอเท็มสวมใส่ทั้งตัวถึงมีเลเวลขั้นต่ำแค่สองร้อย?”


“อาจเป็นพวกเศรษฐีเพิ่งหัดเล่นก็ได้”


ไอเท็มแต่ละชิ้นส่องประกายระยิบระยับ


เป็นสัญญาณของเหยื่อที่ดี สมาชิกกลุ่มเชย์ต่างหันมองหน้ากันเองพลางแสยะยิ้มชั่ว พวกมันตัดสินใจกระโดดลงจากระเบียงโดยไม่รีรอ


…แต่ทั้งสามกลับเดินผ่านชายแปลกหน้าไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น พวกมันหันหน้าพูดคุยกันเองด้วยบทสนทนาแสนธรรมดา


ใช่แล้ว


เหยื่อที่นานครั้งจะปรากฏตัว กลุ่มของเชย์เลือกเดินผ่านอย่างไม่แยแส


‘ไม่ต้องไปสนใจ!’


บุคคลทั้งสามเร่งฝีเท้า


พวกมันมีกฎเหล็กภายในกลุ่มอยู่หนึ่งข้อ


เป็นกฎที่ระบุว่า ‘ห้ามยุ่งเกี่ยวกับบุคคลที่ปิดหน้าตาและชื่อตัวละครเด็ดขาด’


ทำไมน่ะหรือ?


ในอดีต พวกมันเคยถูกทุบตีเยี่ยงสุนัขเมื่อเผลอไปยุ่งกับกริดเข้า เป็นประสบการณ์สุดทุกข์ระทมที่เชย์หวังลืมเลือนโดยเร็ว


หลังจากเหตุการณ์ที่วินสตัน กลุ่มของเชย์ได้รับบาดแผลทางจิตใจอยู่พักใหญ่ พวกมันถอนตัวจากวงการ PK เป็นเวลาจนถูกถอดออกจากรายชื่อกลุ่มผู้เล่นชั่วร้าย


“ถ้าเป็นสมัยก่อน พวกเราคงล่าเหยื่อคนนั้นไปแล้ว…”


“ถึงนานครั้งจะมีเหยื่อโอชะหลงเข้ามา… แต่พวกเราคงฝ่าฝืนกฎของตัวเองไม่ได้”


ห้ามหุนหันพลันแล่นเด็ดขาด


สาเหตุที่กลุ่มของเชย์ลอบเป็นโจรในแถบนี้ได้นานเพราะพวกมันระมัดระวังตัวเองมากเป็นพิเศษ ไม่เพียงเท่านั้น แต่ละคนยังมีค่าความสัมพันธ์กับ NPC ที่สูงมาก ชาวบ้านในละแวกไม่มีใครระแวงว่าเชย์คือโจรป่าที่ลอบปล้นนักเดินทางคดีแล้วคดีเล่า


ถึงขนาดที่ว่า เมื่อพาลาดินแห่งโบสถ์รีเบคก้าลงจากเขามาถามหาเบาะแสโจรป่าเพื่อสืบสวนคดี แต่กลับไม่มีชาวบ้านคนใดที่ระบุว่าเชย์เป็นกลุ่มน่าสงสัย


พวกมันบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้น


นี่คือความสำคัญของภาพลักษณ์


“วันนี้คงไม่เหมาะ คงต้องกลับไปทำภารกิจนักลอบสังหาร—…เอ๋?”


ขณะสามสหายเดินใกล้พ้นหมู่เขตบ้าน ร่างกายพวกมันพลันแข็งทื่อไม่ต่างจากเทวรูปรีเบคก้า


สาเหตุเพราะ เหยื่อแปลกหน้าคนดังกล่าวได้เดินตามมาด้วย


เมื่อเห็นกลุ่มเชย์หยุดนิ่ง บุรุษปริศนาทำการถอดหมวกเหล็กออก เส้นผมสีดำขลับยาวพอประมาณถูกเผยให้ทุกคนเห็น


และชื่อเหนือศีรษะคือ…


“กริด!!”


ใบหน้าเชย์พลันบิดเบี้ยวราวกับเหยียบอึ


ในอดีต กริดเคยสังหารโหดพวกมันหนแล้วหนเล่า ถึงจะเป็นฝ่ายไปหาเรื่องก่อนก็ตาม


“สวัสดี พวกนายยังไม่เลิกหากินแถวนี้อีกหรือ?”


“อ…เอ่อ ก็แค่บางครั้ง… ไม่บ่อยเท่าไร”


“ช…ใช่แล้ว! ปรกติจะทำภารกิจนักลอบสังหาร พวกเรามาที่นี่เพื่อหาอะไรทำแก้เบื่อเท่านั้น!”


“มันคิดถึงบ้านเก่าน่ะ… ฮะฮะ!”


ในอดีต หากนับเฉพาะแรงค์นับลอบสังหาร เชย์เคยเป็นถึงท็อปสิบ แม้ช่วงหลังจะตกลงมาเป็นอันดับยี่สิบกว่า แต่พวกมันสามคนยังถือเป็นกลุ่มที่มีฝีมือและประสานงานได้ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะด้าน PK


ทว่า ถึงจะเก่งฉกาจเพียงใด หากนำมาเทียบกับกริด พวกมันยังเป็นเพียงกวางน้อยน่ารักไร้พิษภัย แค่เห็นหน้ากริดก็หวาดกลัวจนแทบเยี่ยวราดจากความฝังใจในอดีต


กริดโน้มน้าว


“ไปเรย์ดันสิ… ที่นั่น พวกนายจะปล้นหรือฆ่าผู้เล่นจักรวรรดิได้ตามใจชอบ มีอะไรให้ทำแก้เบื่อมากมาย”


“…คิดจะใช้พวกเราเป็นเครื่องมือทำสงครามสินะ”


“อย่าได้ใจไป! คิดว่าพวกเราจะยอมเป็นเบี้ยล่างของนายรึไง?”


“ถ้าไม่ทำ ฉันจะซ้อมพวกนายและจับไปขังไว้ที่คุกหลวงในฐานะโจร… เอาไหม?”


“…เริ่มงานเมื่อไรดี?”


“ให้ทำสงครามคงไม่ถนัด พวกเราถนัดงานลอบสังหารและหาข่าว แต่การที่นายชักชวนย่อมแปลว่าทราบอยู่แล้ว ก็ได้… พวกฉันจะเป็นพลังให้เอง”


“ค่อยโล่งใจหน่อย ฝากด้วยนะ ฉันมีรางวัลตอบแทนให้แน่นอน”


ในการรับมือจักรวรรดิ หนึ่งสิ่งที่สำคัญคือข้อมูลข่าวสารและกำลังรบ ลำพังหน่วยเงาโอเวอร์เกียร์ที่กระจายตัวรอบอาณาจักรนั้นไม่เพียงพอต่อสถานการณ์สงคราม


กริดจำเป็นต้องหาคนเพิ่ม


นั่นคือสาเหตุที่เขาตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อพบปะบุคคลในอดีตที่เคยมีสัมพันธ์ต่อกัน


ถึงส่วนใหญ่จะเป็นสัมพันธ์ด้านลบก็ตาม


กริดโชคดีพอจะผ่านวิกฤติจากศัตรูในอดีตอย่างราบรื่น จนกลายมาเป็นบุคคลมีชื่อเสียงเฉกเช่นปัจจุบัน


“ต่อไปก็บูบัตสินะ… หืม…”


ขณะชายหนุ่มเหลือบเห็นกลุ่มของเชย์เตรียมใช้ม้วนคาถาพากลับ เขารีบยกมือห้าม


เจตนาหลักในการมาเยือนโรลลิ่งไม่ใช่กลุ่มของเชย์ แต่เป็น ‘ที่นั่น’


ขณะพยายามนึกจุดดังกล่าวบนแผนที่ กริดตัดสินใจเอ่ยปากถามเชย์


“ดันเจี้ยนนั่น… อยู่แถวไหนนะ?”


“ดันเจี้ยน? อ้อ… ดันเจี้ยนที่ผนึกแวมไพร์เคาน์เตสใช่ไหม? มันคือสถานที่ต้องห้าม จึงไม่มีแสดงในแผนที่”


ห้วงมิติแปลกประหลาดที่ระงับการใช้เวทมนตร์และทักษะทุกชนิด เชย์เคยใช้จุดดังกล่าวเป็นห้องสำหรับเชือดเหยื่อ


“เดินตรงไปทางทิศเหนือสามกิโลเมตร แล้วก็… เอ่อ ตามฉันมาดีกว่า”


ทิศทางซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบายด้วยปากเปล่า มันตัดสินใจนำทางกริด


ขณะเห็นราชาโอเวอร์เกียร์วิ่งตามหลัง เชย์แสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย


ถึงต่อหน้าจะแสร้งนอบน้อม แต่ภายในใจมันยังไม่ชอบหน้ากริดเช่นเดิม


‘ต่อให้แกยอดเยี่ยมขนาดไหน แต่ก็ไม่มีทางไล่ตามความเร็วเต็มสปีดของคลาสราชันพลิ้วไหวทันแน่!’


แล้วแกจะถูกทิ้งในป่าตามลำพังจนหลงทางอย่างน่าสมเพช!


สีหน้าของเชย์เปี่ยมด้วยความสุขเมื่อจินตนาการภาพกริดถูกทิ้งไว้กลางทาง


เมื่อตัดสินใจได้ มันทำการเร่งความเร็วของตนให้เป็นระดับสูงสุด


ทว่า…


“…”


กริดตามเชย์มาด้านหลังไม่ห่าง สีหน้าของราชาโอเวอร์เกียร์ยังคงเรียบเฉยประหนึ่งมิใช่เรื่องใหญ่


กริดมีค่าความว่องไวที่สูงมาก แถมยังสร้างเซ็ตไอเท็มเลเวลสองร้อยเพื่อเพิ่มความเร็วเคลื่อนที่ไว้สำหรับเดินทางไกลโดยเฉพาะ


เชย์หลั่งน้ำตาแห่งความเจ็บแค้น


‘บัดซบ! แกไม่มีจุดอ่อนเลยรึไง! ขี้โกงเกินไปแล้ว!’


เสร็จงานนี้เมื่อไร มันจะรีบตัดสายสัมพันธ์กับกริดทันที เชย์วางแผนเดินทางไปยังทวีปตะวันออกเพื่อให้พ้นหูพ้นตากริดโดยเร็ว


‘ใช่แล้ว… ทวีปตะวันออก’


มันสาบานกับตัวเองซ้ำไปมาหลายรอบ


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,388

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. สนุก​มากเลยครับ😊
    ขอขอบพระคุณ​เป็น​อย่างสูง​🙏

    ReplyDelete
  2. ไอ้พวกนี้มันดริฟเก่ง

    ReplyDelete
  3. น่าจะไปเจอกันที่ตะวันออกอีกนั้นแหล่ะ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00