จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 998



ทรัพยากรพิเศษของ ‘ราชาวีรบุรุษ’ มีชื่อว่า ‘ปราณต่อสู้’ มันสามารถเพิ่มได้จากการโจมตี ถูกโจมตี หรือเผชิญหน้าตัวตนแข็งแกร่งแห่งยุคสมัย


เงื่อนไขได้รับค่อนข้างซับซ้อน


สำหรับกริด เขาไม่ต้องการสูญเสียปราณต่อสู้โดยไม่จำเป็น และนั่นคือเหตุผลที่เลี่ยงใช้เทคนิคดาบราชาไร้พ่ายอยู่บ่อยครั้ง


ปราณต่อสู้ 100 แต้มจะเพิ่มแต้มสถานะทุกชนิด 50% นับเป็นบัฟที่ส่งผลมหาศาลกับสัตว์ประหลาดค่าสถานะอย่างกริด


เขาย่อมไม่ต้องการสูญปราณต่อสู้จำนวนมากไปกับหนึ่งทักษะ และเป็นสาเหตุที่กริดปรารถนา ‘ปราณดาบ’ มาตลอด


ณ วินาทีนี้


‘ปราณดาบ…!’


เป็นโอกาสอันดีที่ได้ประจักษ์ปราณดาบของแพ็กม่าเต็มสองตา กริดกำลังตื่นเต้น


‘ปราณดาบของแพ็กม่า…’


ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาครอบครองทักษะของแพ็กม่าหลายชนิด ทั้งจากภาพวาดผนังถ้ำ การอัปเลเวล เหตุการณ์พิเศษ ภารกิจลับ รวมถึงหอเกียรติยศ


เกือบทุกครั้งที่ได้ครอบครอง เหตุการณ์จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันคือ ‘เป็นสิ่งที่แพ็กม่าเตรียมไว้ให้ผู้สืบทอด’


ยกเว้น… ‘เทคนิคมหาจอมดาบแพ็กม่า’


ทักษะดังกล่าวถูกยกระดับจาก ‘วิชาดาบแพ็กม่า’ โดยใช้ ‘พรเทพธิดา’ มิใช่สิ่งที่แพ็กม่าเตรียมไว้ให้เหมือนทุกครั้ง


หรืออีกความหมายหนึ่ง กริดครอบครองเทคนิคมหาจอมดาบแพ็กม่าด้วยวิธีลัดก่อนถึงเวลาอันควร เป็นของเลียนแบบที่ยังไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้แสดงประสิทธิภาพได้ไม่เท่าเทคนิคมหาจอมดาบแพ็กม่า ‘ต้นตำรับ’


‘จะไม่พลาดเด็ดขาด!’


กริดจ้องมองอดีตของเคลย์เชอร์โดยไม่กะพริบตา เขาเชื่อว่า หากไม่ปล่อยให้รายละเอียดเล็กน้อยเล็ดลอด บางทีอาจเข้าถึงแก่นแท้เทคนิคมหาจอมดาบได้มากขึ้น และอาจถึงขึ้นได้รับสมญานามมหาจอมดาบ


ทว่า…


“โฮ่… ดูทายาทแห่งเทพทำตัวเข้าสิ”


ตรงกันข้ามกับสิ่งที่กริดหวัง การต่อสู้ไม่เกิดขึ้น เคลย์เชอร์รีบก้าวถอยหลังรักษาระยะห่าง


“เล็งดาบใส่ชายแก่ที่กำลังจะตายวันพรุ่งนี้งั้นหรือ? ไม่ละอายใจบ้างรึไง? ข้าอายุ 110 ปีเชียวนะ แค่แกว่งมีดก็ตายเพราะความดันขึ้นแล้ว เฮ่อ… ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนแบบนี้”


“…”


แพ็กม่าชักดาบด้วยสีหน้าผิดหวัง หูเงี่ยฟังคำพล่ามเหลวไหลของเคลย์เชอร์ด้วยท่าทีสงบนิ่ง


“ถ้าคุณต้องตายพรุ่งนี้จริง ตายเร็วขึ้นอีกสักวันจะเป็นไรไป?”


“หา?”


“หลวงพ่อ… หากต้องตายอย่างสูญเปล่า สู้ตายโดยมอบบทเรียนล้ำค่าให้ผมดีกว่า”


“เฮ่อะ! เจ้าคนหน้าไม่อาย! พอไม่ร่วมมือก็ใช้กำลังบีบบังคับงั้นหรือ? ข้าไม่เคยเห็นใครทำตัวทุเรศเยี่ยงเจ้ามาก่อน!”


“หลวงพ่อ… สันติสุขทุกวันนี้เป็นของปลอม หากท่านตายไป โลกมนุษย์จะถึงคราวโกลาหล ไม่มีผู้ใดแกร่งกล้าพอจะสยบขุมนรกได้ ยุคสมัยแห่งความสิ้นหวังจะหวนกลับอีกครั้ง วิหารยาธานจะได้ใจ เหล่าอสูรจะกระโดดโลดเต้นอย่างยินดีปรีดา”


“นั่นคือคำพูดของคนที่ผนึกศาสตราเทพทั้งสามไว้รึไง?”


“เป็นคำขอร้องของเพื่อน”


“เพื่อนงั้นหรือ? คนเสียสติอย่างเจ้ามีเพื่อนได้ยังไง? แค่มารยาทพื้นฐานของมนุษย์ยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ!”


“ผมต้องการแข็งแกร่งขึ้น”


“…”


“แข็งแกร่งจนปกป้องมนุษย์ได้ทั้งโลก มิใช่เพียงโบสถ์รีเบคก้าและพวกพ้อง ผมเตรียมใจไว้แล้ว ได้โปรดร่วมมือด้วย”


แพ็กม่าตั้งท่าเตรียมโจมตี


เคลย์เชอร์พลันส่ายศีรษะ


“คิดจะปกป้องโลกตามลำพังรึไง? ทำตัวโอหังเหมือนกับพวกลูกหลานเทพ ให้ตายสิ… พวกยังบันก็เป็นแบบนี้ซะทุกคน”


“ผมรังเกียจยังบัน ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นลูกหลานเทพ เพียงแค่ต้องการช่วยเหลือโลกมนุษย์ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง”


“ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง… เจ้าก็เลยคิดจะฆ่าชายแก่ใกล้ตายใช่ไหม?”


“…การเสียสละของท่านจะช่วยชีวิตมนุษย์ได้นับสิบล้าน สันติสุขย่อมต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนเสมอ”


“เฮ่อะ! สามหาวนัก! เจ้าเป็นคนตัดสินตั้งแต่เมื่อไร?”


โทสะของเคลย์เชอร์ถูกส่งผ่านกริดที่กำลังผสานดวงวิญญาณ


เคลย์เชอร์รังเกียจอุดมคติของแพ็กม่าจากก้นบึ้งหัวใจ


“ความคิดเจ้าสุดโต่งเกินไป! ไม่มีมนุษย์คนใดเชิดชูเจ้าเป็นวีรบุรุษแน่ เจ้าเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจแล้วนี่?”


“…ผมยินยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว”


“หุบปาก! การกระทำของเจ้ามิได้สูงส่งอย่างที่ตัวเองคิด! รู้ไหมว่าเพราะอะไร? เพราะเจ้าเป็นยังบันยังไงล่ะ! ยังบันไม่มีสิทธิ์คิดแทนมนุษย์!”


“ยังบันกับมนุษย์ต่างกันตรงไหน? จริงอยู่ที่ยังบันอายุยืนกว่าเล็กน้อย เกิดมามีพลังสูงกว่าเล็กน้อย แต่นอกเหนือจากนี้ ยังบันเหมือนกับมนุษย์ทุกประการ รูปลักษณ์คล้ายคลึงกันมาก แบ่งแยกดีชั่วด้วยหลักการเดียวกัน ชีวิตของยังบันและมนุษย์มีคุณค่าเทียบเท่ากันทุกประการ นั่นคือเหตุผลที่ผมต่อสู้เพื่อช่วยโลกมนุษย์”


“เจ้ามันบ้าไปแล้ว… นั่นสินะ คนบ้ามักไม่รู้ว่าตัวเองบ้า… ย่อมได้ เข้ามาเลย ข้าจะเชือดเจ้าทิ้งที่นี่! การปล่อยเจ้าไว้ถือเป็นภัยร้ายแรงของโลกมนุษย์!”


ซู่วววว—!


กริดไม่มีคำอธิบายกับฉากตรงหน้า เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือจินตนาการเขามาก


น่าทึ่งยิ่งกว่าปาฏิหาริย์ทุกชนิด


ความศรัทธาของเคลย์เชอร์มากมายเป็นล้นพ้นประหนึ่งน้ำในมหาสมุทร พลังศักดิ์สิทธิ์จึงใกล้เคียงคำว่าอนันต์


กลุ่มก้อนเวทศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังถูกเคลย์เชอร์ควบคุมดั่งใจนึกประหนึ่งแขนขา


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


หอกแสงศักดิ์สิทธิ์หลายสิบหลายร้อยเล่มอุบัติขึ้นจากความว่างเปล่า ทั้งหมดพุ่งบดขยี้เพียงหนึ่งเป้าหมายอย่างไร้ความปรานี เส้นแสงหอกศักดิ์สิทธิ์กระหน่ำถล่มท่วมฟ้าโดยไม่มีทีท่าจะหยุดพัก


แพ็กม่าจบชีวิตในพริบตาและเข้าสู่ภาวะอมตะ สายตาอาฆาต ร่างกายมีสภาพร่อแร่ยับเยินและเต็มไปด้วยบาดแผล


แต่แพ็กม่ายังไม่ยอมแพ้ เทคนิคดาบผสานสองชนิดถูกระบำจนจบและปลดปล่อย


เคลย์เชอร์ย่อมคาดเดาไว้แล้ว กริดที่ผสานดวงวิญญาณก็เช่นกัน


“วังวนสะพรั่ง”


‘…!’


กริดพลันอึ้ง หมดสิ้นคำพูด


ปราณดาบมหาศาลจับกลุ่มก้อนเป็นมวลหมู่บุปผาหลายสิบ ปรากฏกลางอากาศรอบตัวแพ็กม่า แต่ละดอกล้วนมีพลัง ‘วังวน’ เป็นของตัวเอง


ฝูงหอกแสงศักดิ์สิทธิ์ของเคลย์เชอร์ถูกส่งกลับถล่มใส่ของ


ซู่ววว—!!


เคลย์เชอร์เสกม่านบาเรียสลายคมหอกแสงที่ตนเป็นผู้สร้าง สีหน้าเรียบเฉยแต่เจือความชื่นชมหลายส่วน


“เทคนิคดาบยอดเยี่ยม เป็นรองเพียงมุลเลอร์และราชาไร้พ่ายเท่านั้น”


“ผมยังห่างชั้นสองคนนั้นมาก และเป็นเหตุผลที่ต้องขวนขวายการพัฒนา!”


“ด้วยการขายวิญญาณให้จอมอสูรงั้นหรือ?”


“…”


“…ไม่ปฏิเสธสินะ”


เจ้านี่อันตรายมาก จะปล่อยให้มีชีวิตรอดกลับไปไม่ได้เด็ดขาด เคลย์เชอร์รู้สึกเช่นนี้จากก้นบึ้งหัวใจ


ภารกิจสุดท้ายของชีวิต ต้องกำจัดบุรุษที่แข็งแกร่งแต่มีจิตใจบิดเบี้ยว


“ปฐมสันตะปาปาเคยกล่าวกับข้าว่า… หากไม่เพราะโลกมนุษย์กำลังเกิดวิกฤติ เขาจะไม่มอบตำแหน่งให้กับคนที่มีจิตใจเย็นชาอย่างข้าเด็ดขาด… ตัวเขามักใจอ่อนกับเรื่องไม่สมควรอยู่เสมอ แต่กับข้าแล้วไม่ใช่ ในใจมีเพียงคุณธรรมถูกหรือผิดเท่านั้น ไม่สนว่าบุคคลเบื้องหน้าจะทุกข์ระทมและเจ็บปวดเพื่อผู้อื่นมากเพียงใด ถ้าหากเห็นว่าไม่สมควร ข้าก็ต้องกำจัดทิ้ง และเจ้าคือผู้ที่มีความคิดชั่วร้าย”


ซู่ววว—!


เมื่อสิ้นเสียง ร่างกายเคลย์เชอร์ถูกโอบล้อมด้วย 12 แสงปริศนา ชุดเกราะและอาวุธซึ่งแขวนบนผนังได้ถูกห่อหุ้มด้วยแสงปริศนาอีกห้าชนิดที่แตกต่างกัน


ยุทธภัณฑ์สงครามพาลาดินลอยจากผนังเข้าหาตัวเคลย์เชอร์และผสานเข้ากับร่างมัน


สุดยอดบัฟ 17 ชนิดถูกเสริมแกร่งให้ตัวละครรวมถึงชุดเกราะและอาวุธ


บรึม—!


พลังปริศนาพลันระเบิดจากตัวเคลย์เชอร์ สิ่งก่อสร้างรอบข้างพังพินาศแหลกละเอียด


กริดรู้สึกราวกับตนเป็นเพียงมดปลวกเมื่อสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของเคลย์เชอร์อย่างใกล้ชิด


ในศึกดวลระหว่างสิ่งมีชีวิตระดับสูง เขาเป็นได้เพียงผู้เฝ้ามองแสนกระจ้อยร่อย


—!


กระแสเวลาหยุดไหลชั่วขณะ


ในโลกที่มีแสงระยิบระยับละลานตา กริดมองเห็นเศษอิฐของผนังอาคารที่แตกกระจัดกระจาย กำลังหยุดนิ่งกลางอากาศ


ระยะห่างกับแพ็กม่าถูกย่นลงในพริบตา แต่ถึงอย่างนั้น แพ็กม่ามิได้เผยสีหน้าตื่นตระหนกให้เห็น


—!


ดาบอาบแสงถูกทิ่มแทงออกไปด้านหน้า


เป็นความไวที่มนุษย์ไม่มีทางเอื้อมถึง น้ำพุโลหิตกระฉูดจากหัวไหล่แพ็กม่าอย่างสยดสยอง


ก่อนที่เสียงผิวหนังถูกเสียดแทงจะดังขึ้น ดาบในมือเคลย์เชอร์ได้รัวแทงไปแล้วสามครั้งซ้อน


ฉึก! ฉึก! ฉึก!


ฉูดดดด—


กริดเฝ้ามองบ่อน้ำพุเลือดด้วยสีหน้าตกตะลึง ปริมาณโลหิตที่ไหลจากร่าง มากมายจนมนุษย์คนหนึ่งไม่น่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้


‘เขาหลบได้ยังไง?’


ชายหนุ่มฝืนกลืนน้ำลายที่เหือดแห้ง


ดาบสันตะปาปาลำดับสอง ความเร็วโจมตีสูงยิ่งกว่าความเร็วเสียงไม่ผิดแน่ แต่แพ็กม่ากลับโยกตัวหลบจุดตายให้โดนเพียงหัวไหล่ ความเสียหายลดลงจากปรกติหลายเท่า


“…”


ฝ่ายแพ็กม่าก็ยกระดับร่างกายเช่นกัน กริดรู้จักเพียงหนึ่งบัฟในนั้น โทสะช่างตีเหล็ก แต่อีกสี่มิอาจทราบได้ คงเป็นทักษะที่ติดมากับไอเท็มสวมใส่


—!


สองดาบรัวปะทะกลางอากาศพัวพัน แต่กลับไม่มีสุ้มเสียงกังวาน ราวกับเป็นฉากในภาพยนตร์ที่ถูกกดปุ่มหยุด เหลือเว้นไว้เพียงตัวเอกกลางจอที่เคลื่อนไหวอิสระ


โลหิตที่พุ่งจากหัวไหล่แพ็กม่าเมื่อครู่ มันยังคงลอยค้างกลางอากาศเหนือบุรุษทั้งสองเล็กน้อย เท่าที่กริดลองนับดู เลือดกระจายตัวเป็นฝอยในปริมาณมากกว่าหนึ่งพันหยด


ท่ามกลางฉากหลังภาพนิ่งสุดอลังการ มีเพียงเคลย์เชอร์และแพ็กม่าเท่านั้นที่ยังดวลดาบพัลวัน


เคร้ง!


เคร้งเคร้ง!


ผ่านไปนานหลายวินาที เสียงปะทะดาบในช่วงแรกเพิ่งจะดังกระทบโสตประสาทกริด ทั้งที่เคลย์เชอร์และแพ็กม่าแลกเพลงดาบกันไปหลายสิบกระบวนแล้ว


“มายาสะพรั่งสังหาร”


“คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร”


“วังวนร่ายรำทำลายล้าง”


“วังวนทำลายล้างสะบั้นร่ายรำสังหาร”


“ร่ายรำสะพรั่งสังหาร”


“มายาวังวนสะบั้นสังหาร”


เทคนิคดาบผสานถูกปลดปล่อยไม่ซ้ำหน้า


“แพ็กม่าได้รับแรงบันดาลใจจากดาอินสเลฟและวัลฮัลล่าที่อัลบาติโน่สร้าง แถมยังกล่าวอีกว่า ในอีกไม่ช้า จะมีวีรบุรุษปรากฏตัวขึ้นและใช้งานยอดยุทธภัณฑ์เหล่านี้ได้… หลังจากนั้น แพ็กม่าได้กวัดแกว่งดาอินสเลฟจนท้องฟ้าถูกแหวกออกเป็นสอง”


นั่นคือคำบอกเล่าจากปากข่าน สมัยที่แพ็กม่าเดินทางผ่านวินสตันและได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานอัลบาติโน่


เทคนิคดาบที่ท้องฟ้าถูกแหวกออกเป็นสอง…


แต่ไหนแต่ไร กริดคิดว่านั่นเป็นคำบรรยายเกินจริงมาตลอด สาเหตุเพราะ วิชาดาบที่ตนร่ำเรียนจากแพ็กม่า ไม่ใกล้เคียงกับคำว่า ‘แหวกฟ้า’ เลยสักนิด


ทว่า คนผิดคือตัวเขาเอง


วิชาดาบแพ็กม่าที่ได้รับจากภาพสลัก กับวิชาดาบแท้จริงที่แพ็กม่าแสดงให้เห็นเมื่อครู่ ทั้งสองเทคนิคดาบแตกต่างโดยสิ้นเชิง


“แค่ก…!”


แพ็กม่าได้รับบาดแผลนับไม่ถ้วน แต่มันยังยืนหยัดตั้งตัวตรงได้ ส่วนเคลย์เชอร์ที่ถูกเศษเสี้ยวปราณดาบเฉือนเพียงแฉลบ ร่างกายกลับโงนเงนแทบทรุดลง


ในช่วงแรกอาจรักษาได้ด้วยเวทฮีล แต่เมื่อแพ็กม่ายื้อเวลาไว้จน 17 บัฟหมดลง การดวลได้ดำเนินมาถึงบทสรุป


“แย่ชะมัด…”


เสียงแหบพร่าของอดีตสันตะปาปาดังแว่ว ร่างกายของมันสั่นระริกประหนึ่งเด็กหัดยืน


“เข้ามาเลย! ข้ายังไม่ยอมหรอกนะ!”


“แฮ่ก… แฮ่ก… แฮ่ก…”


ลมหายใจแพ็กม่ากำลังขาดห้วง ไม่เหลือเรี่ยวแรงพอจะโต้ตอบ ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น ศัตรูเบื้องหน้าคืออดีตอันดับหนึ่งของทวีปที่ผนวกเวทแสงและวิชาดาบถึงจุดสูงสุด


เคลย์เชอร์ตัดสินใจถอดเกราะทิ้ง


“เจ้านี่หนักชะมัด”


“แฮ่ก… แฮ่ก…”


“เข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้… ไม่อยากแก่เลยให้ตายสิ”


“แฮ่ก… ขอบคุณ… ขอบคุณมากครับ”


แพ็กม่าฝืนพยุงร่างได้จนถึงเมื่อครู่ ท้ายที่สุดจำยอมปล่อยตัวล้มทรุดลงนั่งลงกับพื้น


ปลายนิ้วออกอาการระริกชัดเจน


“ขอบคุณสำหรับคำสอน… ผมบรรลุเทคนิคดาบเพิ่มเติมได้มากมาย…”


“ฮึ!”


เคลย์เชอร์พ่นลมหายใจด้วยสีหน้าดำมืด มันยังคงไม่ลดจิตสังหารลง ตัวตนเบื้องหน้า… แพ็กม่าเป็นชายที่อันตราย มันควรรีบฆ่าเสียตั้งแต่ตอนนี้


ทว่า ส่วนลึกภายในใจกลับไม่ต้องการ


ท้ายที่สุด เคลย์เชอร์กัดฟันสลายจิตสังหารทิ้งไป


‘เราใกล้ตายเต็มทีแล้ว ที่เหลือปล่อยให้โชคชะตาของชนรุ่นหลังจัดการก็แล้วกัน’


เฮ่อ… พอกันที


ข้าอยากพักผ่อนเหลือเกิน


นั่นคือภาพสุดท้าย


อดีตของเคลย์เชอร์จบลงเพียงเท่านี้


จบลงด้วยความตาย


การที่เคลย์เชอร์กล่าวว่า หากเริ่มสู้ ตัวมันคงต้องตาย นั่นไม่เกินจริงเลยสักนิด


ท่ามกลางความมืดมิด


เสียงหนึ่งแว่วขึ้น


“ทำตัวตามสบายเหมือนบ้านนะครับ ดวงวิญญาณของหลวงพ่อจะสถิตอยู่กับไม้ศักดิ์สิทธิ์ตลอดกาล”


แพ็กม่ากล่าวพลางก้มศีรษะนอบน้อม


กริดถูกส่งกลับโลกความจริงอีกครั้ง


[เหตุการณ์ในอดีตจบลงแล้ว!]


[ท่านเข้าถึงแก่นแท้ของ ‘เทคนิคมหาจอมดาบแพ็กม่า’ จากการเฝ้ามอง]


[ท่านได้รับสมญานาม ‘มหาจอมดาบ’]


[สมญานามมหาจอมดาบได้มอบทรัพยากร ‘ปราณต่อสู้’ ให้กับท่าน]


[เอฟเฟคจากทักษะความชำนาญดาบเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากผลของสมญานาม]


[รายละเอียดทักษะ ‘เทคนิคมหาจอมดาบแพ็กม่า’ มีการเปลี่ยนแปลง]


[นับแต่นี้ไป ท่านสามารถผสานวิชาดาบพื้นฐานได้อย่างอิสระ]


[เมื่อใช้ทักษะดาบทุกชนิด ทรัพยากรที่สูญเสียจะเปลี่ยนจาก ‘มานา’ เป็น ‘ปราณดาบ’]


[ทักษะดาบทุกชนิดถูกรีเซตกลายเป็นเลเวลหนึ่ง แต่เปลี่ยนเลเวลสูงสุดจากสิบเป็นสาม และทักษะดาบผสานจะมีเลเวลหนึ่งแบบตายตัว]


[ท่านครอบครองวิชาดาบ ‘สะพรั่ง’]


“…”


กริดลืมตาอย่างเงียบงันภายในโลงไม้สีขาว


ท่ามกลางความมืด เสียงเคลย์เชียร์ดังแว่วกระทบแก้วหู


> อาจไม่มาก แต่นั่นคือทั้งหมดที่ข้าทราบเกี่ยวกับแพ็กม่า หมอนั่นเป็นพวกจิตไม่ปรกติ และมีรสนิยมชอบฆ่าคนแก่… อ้อ… แล้วยังปลิ้นปล้อนอีกด้วย เจ้าว่าไหม?


“ครับ…”


บางเรื่องก็ตรงข้ามกับความจริง แต่กริดไม่คิดแก้ต่างแทนให้เสียเวลา


ชายหนุ่มพยุงตัวขึ้นจากโลงศพไม้ พลังใหม่กำลังเอ่อล้นทุกรูขุมขน เป็นความแข็งแกร่งที่กริดไม่เคยสัมผัสมาก่อน


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,391

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. ก็อด​กริด​👍

    ReplyDelete
  2. ลูก GM จริงๆนะขอรับ องค์ราชากริด

    ReplyDelete
  3. ไม่อัพสักที

    ReplyDelete
  4. Buff มาเต็มที่

    ReplyDelete
  5. ความไม่แก้ต่างให้ เพราะเสียเวลา ก็เปนความเหนแก่ตัวส่วนนึงของกริด เรื่องที่ไม่ใช่ของตนคือจะไม่สนใจเลย ทั้งที่แพ็กม่าทำทุกอย่างเพื่อช่วยโลก ควรพูดสักหน่อย ..แต่ไม่ถึงกับเถียงขาดใจก็ได้ *ขี้งกจัง 555+

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00