จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 937



กล่าวถึงสุสานดาบ ความหมายของ ‘สุสาน’ ในที่นี้มีสองแบบ แบบแรกหมายถึงสถานที่สำหรับทิ้งของไม่ใช้แล้ว เหมือนกับสุสานรถยนต์ แพ็กม่าได้นำผลงานหลายชิ้นในช่วงสุดท้ายทิ้งไว้ที่นี่


ส่วนอีกความหมายคือ สถานที่ฝังศพของบราฮัม มหาจอมเวทในตำนาน


สุสานดาบแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ซึ่งเกี่ยวพันกับตำนานถึงสองคน อาจเรียกได้ว่า เป็นดินแดนที่สำคัญที่สุดของซาทิสฟายในมุมมองใครหลายคน ไม่แปลกที่คณะสำรวจสกังค์จะพุ่งเป้าความสนใจ และเริ่มค้นคว้าอย่างเอาเป็นเอาตายตั้งแต่เกือบสองปีก่อน


ในวินาทีที่พวกเขาเปิดสุสานดาบสำเร็จ ความสำเร็จต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์อย่างยิ่งใหญ่ ไม่แพ้ครั้งที่ค้นพบวิหารหลักยาธานแน่นอน ไม่สิ บางทีอาจยอดเยี่ยมยิ่งกว่านั้น พวกเขาจะร่ำรวยและโด่งดังจากการไขปริศนาสุสานดาบ


สกังค์ต้องการซื้อเครื่องบินส่วนตัวเพื่อท่องไปรอบโลก ด็อก·วูเม่นต้องการเครื่องมือแพทย์ราคาสูงที่ช่วยยื้อชีวิตพี่ชายให้ยาวนาน ส่วนครอโคไดล์ต้องการมีซูเปอร์คาร์ในโรงรถมากกว่าสิบคัน


ใช่แล้ว คณะเดินทางของสกังค์ทุ่มเทแรงกายแรงใจนานกว่าหนึ่งปีให้สุสานดาบ


…ความหวังและความฝันของทุกคนใกล้เป็นจริงเข้าไปทุกขณะ จนกระทั่งแขกไม่ได้รับเชิญปรากฏตัว


“ก…กริด!”


บุรุษผู้มาเยือนสวมมงกุฎใบใหญ่เหนือศีรษะ จมูกเป็นสันโด่ง เส้นผมดำขลับเงางามยาวประป่า ดวงตาเรียวคมดุจดั่งพญาอินทรี ร่างกายใหญ่โตกำยำชนิดที่เสื้อผ้าหรือชุดเกราะมิอาจปิดบังมิดชิด


ในวินาทีที่พวกเขาเหลือบเห็นชื่อตัวละครเหนือศีรษะชายคนดังกล่าว คณะสำรวจของสกังค์พลันเกิดความคับแค้นใจ


กริดเอียงคอสงสัย


“แล้วพวกนายคือ…”


ผู้เล่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้สืบทอดแพ็กม่า คนเหล่านั้นไม่ควรทราบถึงตัวตนของสุสานดาบได้ ไม่ต้องพูดถึงการรู้พิกัดและเดินทางมาเยือน


กริดหรี่ตาลงด้วยความเคลือบแคลง เหตุใดคนกลุ่มนี้ถึงมาเยือนสุสานดาบก่อนหน้าตนได้…


“พวกนายสะกดรอยตามฉันมารึไง…”


สีหน้าของกริดเริ่มไม่เป็นมิตร


“ไม่ใช่แบบนั้น พวกเราพบกันโดยบังเอิญแน่นอน”


สกังค์รีบตอบกลับ เขาไม่ต้องการให้ช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาต้องสูญเปล่า สกังค์ไม่ใช่ไอ้งั่งที่คิดขวางทางกริด เขาเป็นคนฉลาด ไม่อย่างนั้น คงไม่สามารถเป็นหัวหน้าและรวมใจกลุ่มผู้เล่นจากคลาสเดียวกันกว่าร้อยคนได้


สกังค์พยายามสงบจิตใจ เขาฝืนฉีกยิ้มกว้าง หากใครไม่รู้จักคงเข้าใจผิดว่าสกังค์เป็นแฟนตัวยงกริด


“กริด เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบคุณโดยบังเอิญ ผมคือนักสำรวจแรงค์หนึ่งของโลก สกังค์ อาจเป็นชื่อที่ไม่โด่งดังนัก แต่คุณน่าจะเคยได้ยินมาบ้าง”


“สกังค์… อ้อ…”


กริดไม่มีวันลืมชื่อนี้ เพราะมันเป็นชื่อที่ทำให้เขานึกถึงตด (ตัวสกังค์จะมีกลิ่นตดเหม็นบัดซบ)


กริดไม่มีวันลืมชื่อที่แสนขบขัน เขายังจำได้ดี ในวันแรกที่ผสานวิญญาณกับบราฮัมและบุกถล่มวิหารหลักยาธาน สกังค์ก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย


“จำได้สิ นายคือผู้ค้นพบวิหารหลักยาธาน ข่าวนี้ดังไปทั่วโลกอยู่พักหนึ่ง”


“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณยังจำได้”


แม้สกังค์กำลังฉีกยิ้ม แต่ภายในใจกลับสับสนและตื่นตระหนกสุดขีด ราชาโอเวอร์เกียร์แสนโด่งดังผู้นั้น ไม่ใช่ว่าเขามักทำตัวโอหังต่อหน้าสื่อและนักข่าวหรอกหรือ แล้วเหตุใด กริดถึงกำลังสุภาพนอบน้อมในสถานการณ์ที่ปราศจากกล้องถ่ายภาพเช่นนี้


‘หรือเนื้อแท้แล้วกริดจะเป็นคนดี… คงไม่ใช่แน่’


สกังค์เริ่มอ่านบรรยากาศไปในทางลบ


กริดคือผู้ปกครองอาณาจักรที่มีเครือข่ายข้อมูลมากมาย เขาไม่เหมือนกับคนทั่วไป หากมองจากการกระทำและความสุภาพ กริดคงทราบอยู่ก่อนแล้วว่า คณะสำรวจของสกังค์ดำเนินการขุดค้นสุสานดาบมานาน


สุสานดาบคือสถานที่สำคัญต่อกริดมากในอนาคต ไม่แปลกที่กริดจะสั่งให้หน่วยเงาคอยเฝ้าจับตาตลอดเวลา


เขาย่อมทราบว่า ทีมสำรวจของตนกำลังลงมือขุดค้น


กริดเล่นบทผู้เฝ้ามองมาตลอด เขาปล่อยให้สกังค์ทำงานแทนตัวเองโดยไม่ต้องเปลืองแรง กริดใช้ความโลภของกลุ่มสกังค์ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองสูงสุด…


‘เขาสุภาพกับเรา… เพราะเขารู้สึกผิดที่หลอกใช้เรา’


สกังค์รู้ตัวว่าเป็นไอ้งั่งเมื่อสายเกินไป


สุสานดาบสำคัญกับผู้สืบทอดแพ็กม่าถึงเพียงนี้ กษัตริย์อย่างกริดจะไม่ส่งผลคอยจับตามองเชียวหรือ… แต่ตัวเขากลับคิดลอบขโมยสมบัติจากสุสาน และหวังใช้มันเพื่อต่อรองกริดในอนาคต


ความโง่เขลากำลังสนองกลับคืนตัวเอง


“…เอ่อ”


สกังค์ทำตัวไม่ถูก เขารู้สึกผิดต่อพวกพ้องมาก แต่ขณะเดียวกันก็หวาดกลัวสายตาของสัตว์ป่าเบื้องหน้า… สกังค์ไม่กล้าสบตากริด ไม่กล้าสบตาพวกพ้อง เขาไม่ทราบว่าตัวเองควรมองไปยังที่ใด


ผ่านไปหนึ่งอึดใจ สกังค์เริ่มรวบรวมความกล้าและสมาธิ เขาจะนิ่งเงียบตลอดไปไม่ได้ นัยน์ตาที่สั่นระริกเริ่มสงบลง


สกังค์ก้มหัวให้กริดพลางกล่าว


“ผมขอโทษ…”


เป็นคำขอโทษที่แฝงไว้หลายความหมาย ประการแรก สกังค์ขอโทษที่คิดแย่งชิงไอเท็มภารกิจไปจากกริด และเตรียมใช้มันเจรจาธุรกิจในภายหลังด้วยราคาสูง ประการที่สอง สกังค์ขอโทษที่โกหกว่านี่เป็นความบังเอิญ


ย่อมไม่มีใครเข้าใจการกระทำปุบปับของสกังค์ แม้แต่กริดก็ไม่ทราบความเป็นมาเป็นไป


“สกังค์! นายทำอะไร!”


“ขอโทษส่งเดชทำไม!”


กลุ่มของสกังค์เริ่มโหวกเหวก ทางด้านด็อก·วูเม่นที่เริ่มมองเห็นถึงเจตนาของสกังค์ เธอรีบหันไปห้ามปรามพวกพ้องให้สงบปาก


แต่กริดที่อยู่ตัวคนเดียวย่อมไม่เข้าใจสถานการณ์


“นายขอโทษฉันทำไม…”


เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจสกังค์พลันหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม


‘เขาไม่คิดจะยกโทษให้เราสินะ…’


สกังค์มั่นใจว่าตนรู้จักกริดดีพอ กริดเป็นผู้เล่นทะเยอทะยาน ที่วางแผนทั้งหมดไว้อย่างละเอียดตั้งแต่ช่วงที่ซาทิสฟายเริ่มเปิดตัว


เริ่มด้วยการแต่งงานกับ NPC บุตรสาวขุนนางใหญ่ของอาณาจักร เมื่อได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ กริดได้กลายเป็นขุนนางและมีพลังทางการเมือง เขาจงใจแสดงฝีมือต่อหน้ากษัตริย์วิสบาเดน จนได้กลายเป็นเจ้าเมืองเรย์ดันในที่สุด เมื่อมีเรย์ดันเป็นฐานทัพขยายอำนาจ กริดซ่องสุมกำลังเพื่อทำสงครามยึดครองอาณาจักร ระหว่างนั้น เขาใช้ความเลือดเย็นเปลี่ยนให้ NPC พิเศษมากมายกลายเป็นบริวาร หลังจบสงครามอีเทอนัล กริดได้แสดงความเลือดเย็นอีกครั้ง โดยการสั่งให้ลูกน้องที่เป็น NPC ซึ่งมีเพียงชีวิตเดียว คอยรับหน้าที่เป็นโล่กำบังจนตัวเองจัดการจอมอสูรสำเร็จ


ไม่เพียงเท่านั้น กริดยังแอบสร้างบุญคุณกับโบสถ์รีเบคก้า เพื่อที่ว่า ในภายหลังจะได้ส่งคนของตัวเองขึ้นเป็นสันตะปาปา แล้วเขาก็ทำสำเร็จ กริดคอยชักใยดาเมี่ยนอยู่เบื้องหลัง สันตะปาปาของศาสนาอันดับหนึ่งคือหุ่นเชิญของราชาโอเวอร์เกียร์


และเมื่ออิมมอทัลขยายพลังอำนาจจนเริ่มเป็นก้างขวางคอ กริดใช้ความตายของ NPC เพียงคนเดียว สร้างความชอบทำในการตั้งค่าหัวและตามล่าอิมมอทัลจนสุดขอบโลก ส่งผลให้ฝ่ายอิมมอทัลถูกกำจัดจนสิ้นซาก


กริดคือผู้เล่นที่ฉลาดและเลือดเย็นมาก


ในภายหลัง เขาอาศัยพลังทางการเมืองที่แข็งแกร่ง เพื่อ ‘สงบศึก’ กับจักรวรรดิซาฮารัน ทั้งที่ไม่เคยมีใครในทวีปทำได้มาก่อน


ด้านชีวิตภายนอกซาทิสฟาย กริดควงสองสาวสวยของโลกเป็นแฟนพร้อมกัน ชายคนนี้ประสบความสำเร็จในทุกด้านอย่างแท้จริง ไม่มีสิ่งใดสามารถวัดค่าสติปัญญาของกริดได้เลย


กริดเด็ดขาด ป่าเถื่อน อำมหิต เลือดเย็น และอัจฉริยะ สกังค์มองว่าตนคิดง่ายเกินไป ที่จะขอร้องให้กริดอภัยความเสียมารยาทที่เกิดขึ้น


“คุณเล็งไว้ตั้งแต่แรกแล้วสินะ…”


แบบนี้แย่แน่… โทษฐานของการรุกล้ำสุสานดาบต้องห้าม ดูเหมือนจะรุนแรงกว่าที่สกังค์คิดไว้


‘เราไม่เสียใจที่ถูกลงโทษ แต่เราไม่อยากให้พวกพ้องต้องถูกหางเลขไปด้วย’


สกังค์หันกลับไปชำเลืองมองใบหน้าลูกน้องทุกคน


‘เราคงรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต ถ้าคนกลุ่มนี้ต้องพบหายนะเพราะความสะเพร่าของเรา’


ทุกคนเสียเวลาชีวิตไปปีกว่า แล้วยังต้องเสียชีวิตแสนมีค่าอีกหรือ… สกังค์ไม่ต้องการให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้น เขากัดริมฝีปากอย่างกระวนกระวาย


สกังค์ตัดสินใจเงยหน้า


กริดยังคงเงียบงัน ไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เป็นท่าทีราวกับรอให้สกังค์และพวกพ้องจัดการลงโทษตัวเอง


อันที่จริง กริดคงไม่ได้ให้ค่าคณะสำรวจมากขนาดนั้น เขาคงมองเป็นเพียงกลุ่มคนที่ชอบขุดคุ้ยอย่างไร้แก่นสาร เสียเวลาเกินไปหากต้องลดตัวลงโทษทีละคน


สกังค์กล่าวต่อไปด้วยรอยยิ้มขื่นขม


“ด้วยความสัตย์จริง พวกพ้องของผมใกล้ไขความลับสุสานดาบได้แล้ว พวกเขาจะเป็นประโยชน์ต่อคุณแน่นอน ได้โปรดเถิด กริด ความโกรธแค้นของคุณ กรุณานำทั้งหมดมาลงที่ผมเพียงคนเดียว ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเขาด้วย”


“สกังค์! พอได้แล้ว!”


“หัวหน้า! ทำไมคุณถึงต้องรับผิดชอบแค่คนเดียวด้วย! ลืมไปแล้วรึไง ว่าคณะสำรวจสกังค์ต้องสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวเสมอ!”


หลังจากได้ยินถ้อยคำของสกังค์ สมาชิกที่เหลือเริ่มจับใจความได้มากขึ้น พวกเขารีบส่งเสียงตะโกนห้าม ไม่มีใครต้องการให้สกังค์รับผิดแต่เพียงผู้เดียว


“ถ้ากริดคิดจะฆ่าพวกเรา พวกเราทุกคนก็ยินดีตายพร้อมกัน!”


“ใช่แล้ว! โธ่เว่ย! ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมต้องตายก็เถอะ!”


“หัวหน้า! อย่าได้แบกรับความผิดไว้ตามลำพัง!”


“…อ๊ะ!”


พวกเขาเอาแต่ตะโกนพูดกับสกังค์จนหลงลืมบางสิ่ง เมื่อทุกคนหันกลับไปมองกริดอีกครั้ง กริดไม่ได้สนใจพวกเขาอีกแล้ว


ปัจจุบัน ราชาโอเวอร์เกียร์กำลังแหงนหน้ามองฟ้าโดยไม่แยแสสกังค์และพวกพ้องด้านล่าง เป็นท่าทีราวกับกำลังให้อภัย


—จะถือว่าไม่เห็นพวกนายก็แล้วกัน—


—รีบไสหัวไปซะ—


—ฉันจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น—


—ฉันจะแสร้งลืมเรื่องในวันนี้—


ประหนึ่งกริดกำลังเปล่งถ้อยคำเหล่านี้ออกจากปาก ราชาโอเวอร์เกียร์แหงนมองท้องฟ้าด้วยสายตาสุขุมลุ่มลึก


สกังค์พลันขนลุกไปทั่วร่าง


‘เราเข้าใจเขาผิดมาตลอด!’


จากมุมมองของกริด สกังค์คือโจรปล้นสุสาน ที่คิดขโมยสมบัติลับและนำมาขายต่อให้กริดในราคาสูง กริดเฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้น ไม่แปลกเลยหากกริดจะโมโหและต้องการลงโทษสถานหนัก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่สกังค์ยอมรับความผิดแต่เพียงผู้เดียว


แต่กริดกลับมอบความเมตตาให้


ในความคิดของสกังค์ กริดคงกำลังข่มความเจ็บแค้นไว้ในใจอย่างเต็มกลืน


‘ชายคนนี้… จิตใจกว้างขวางยิ่งกว่ามหาสมุทร…’


สกังค์ทั้งตกตะลึงและละอายใจ ที่เขามองตัวตนกริดผิดมาตลอด ปัจจุบัน สกังค์กำลังได้สัมผัสกริดที่แท้จริง ราชาโอเวอร์เกียร์ผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเปี่ยมด้วยบารมีและจิตใจอันกว้างขวาง


นี่คงเป็นสาเหตุที่แรงเกอร์หัวแถวของโลกมากมาย ทั้งคริส เฟคเกอร์ ป็อน เรกัส ดาเมี่ยน ยูร่า และจิสึกะ ต่างให้ความเคารพนับถือกริด ยอมอยู่ใต้อาณัติของกริดมานานหลายปี แรงเกอร์เหล่านี้ไม่ใช่คนโง่ หากกริดเป็นคนชั่วช้า พวกเขาจะยอมรับใช้นานขนาดนี้เชียวหรือ…


‘พวกเขาเป็นเพียงน้อยคนที่ได้รู้จักกริดตัวจริง…’


หลังจากตระหนักได้ สกังค์ก้มศีรษะลงและคำนับกริดด้วยใจจริง มิใช่เพราะหวาดกลัว


“ขอบคุณมาก ผมจะไม่ลืมบุญคุณในวันนี้เด็ดขาด”


สกังค์หันไปมองพวกพ้องพร้อมกับพยักหน้า สมาชิกทุกคนต่างหันมองกริด


กริดกำลังยืนแหงนหน้ามองฟ้าโดยไม่กล่าวสิ่งใดออกมา เหล่าคณะสำรวจเริ่มเดินมารวมตัวข้างสกังค์


สกังค์ส่งคำขอเป็นเพื่อนไปยังกริด


“ขอบคุณที่ไว้ชีวิตพวกเราทุกคน… หากมีเรื่องใดที่ต้องการไหว้วาน คุณสามารถติดต่อผมได้ทุกเมื่อ พวกเราเต็มใจช่วยโดยไม่มีข้อแม้”


สกังค์กล่าวถ้อยคำอำลา พวกเขาทุกคนเดินจากไปอย่างเงียบงัน มาถึงขั้นนี้แล้ว กริดก็ยังไม่ยอมเหลือบมองแม้แต่หางตา ทำเพียงยืนจ้องท้องฟ้าเช่นเดิมเป็นเวลานาน


‘เขาคือยอดคนตัวจริง’


กริดมีสิทธิ์โมโหกลุ่มนักสำรวจ พวกเขาไม่ต่างจากโจรปล้นสุสาน ที่พยายามขโมยสมบัติจากหลุมศพอาจารย์ที่กริดเคารพรัก


ถึงกระนั้น กริดกลับให้อภัยทุกคนโดยไม่คิดลงโทษ


“ราชาโอเวอร์เกียร์… อาณาจักรโอเวอร์เกียร์…”


สกังค์เริ่มครุ่นคิดถึงบ้านหลังใหม่ของตนและพวกพ้อง



ขณะเดียวกัน กริดหลงลืมตัวตนของทีมสำรวจสกังค์ไปจนหมดสิ้น เขาไม่ได้ยินถ้อยคำเหลวไหลที่พรั่งพรูจากปากสกังค์แม้แต่พยางค์เดียว


ปัจจุบัน สัมผัสทั้งห้าของกริดกำลังเพ่งมองไปยังดาวบนท้องฟ้า


[แสงปริศนาพยายามเข้าใกล้ท่าน แต่กลับเปลี่ยนใจกลางคัน]


[แสงปริศนากล่าวว่า เขาไม่ได้คิดถึงท่านเลยสักนิด แม้แต่นิดเดียวก็ไม่]


[แสงปริศนากล่าวว่า เขาหลงลืมช่วงเวลาที่เคยอยู่กับท่านไปแล้ว เขาระบุว่า มันคือช่วงเวลาแสนห่วยแตกและไม่น่าจดจำ]


[แสงปริศนากล่าวว่า เหตุใดท่านยังอ่อนแออยู่เช่นเดิม]


[แสงปริศนาต้องการถามว่า ท่านสบายดีไหม มีความสุขดีรึเปล่า แต่เขาเกิดเปลี่ยนใจกลางคัน]


[แสงปริศนามิอาจเก็บงำความรู้สึกได้อีก]


>> ยังอัปลักษณ์เหมือนเดิมเลยนะ


เสียงที่ถูกส่งตรงมายังสมองกริด… เขาไม่มีวันลืมลง


หลังจากได้ยินอีกครั้ง ชายหนุ่มดีใจจนหลั่งน้ำตาแห่งความตื้นตัน กริดซาบซึ้งที่แสงปริศนายังคงเป็นห่วงตนอยู่เสมอ


“นายควรกลายเป็นสุดยอดมหาจอมเวทแล้วไม่ใช่หรือ… แต่ทำไมพลังเวทถึงได้อ่อนแอขนาดนี้”


กริดเอ่ยปากถามเสียงสั่น


เขาเริ่มสัมผัสได้ ถึงเหตุผลที่ดวงวิญญาณบราฮัมออกจากร่างก่อนกำหนด


และสัมผัสได้ หลังบราฮัมที่ออกจากร่าง ชายคนนั้นต้องเผชิญกับความทรมานมานานแค่ไหน… กริดมองเห็นทุกสิ่ง จากดวงวิญญาณแสนอ่อนแอและลีบเล็กของบราฮัม


ชายหนุ่มกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขากำลังสะอื้น


“ฉันอยาก… พบนายมาตลอด”


เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังดีใจหรือเสียใจ กริดฉีกยิ้มกว้างทั้งน้ำตา ขณะเดียวกัน ดวงวิญญาณสีฟ้าครามได้ลอยลงมาอยู่ข้างกริดอย่างเงียบงัน

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,330

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. ครึ่งแรกอ่านมาผ่านๆเพื่อมาอ่านเนื้อจริงที่อยู่เกือบท้าย

    ReplyDelete
  2. ยอมใจความมโน
    ~คึดถึงนะบลาฮัม
    ขอบคุณ​มาก​ครับ​🙏

    ReplyDelete
    Replies
    1. ตั้งแต่กริดใส่มงกุฎใหม่ป่ะ ที่คนเริ่มมโน

      Delete
  3. ตอนที่บราฮัมจากไปผมถึงกับร้องเลย🥺🥺

    ReplyDelete
  4. บราฮัมซึนจัด5555

    ReplyDelete
  5. นี่แหละจอมเวทซึนเดเระนางเอกที่แท้จริงของเรื่อง 555

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00