จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 924



    “ปกป้องมนุษย์ทุกคนให้ดี”


    “เข้าใจแล้ว เจ้านายเชื่อมือได้เลย เมี๊ยว!”


    แมวตัวหนึ่งกำลังนั่งบนไหล่กริด ขนสีขาวของมันฟูฟ่องระยิบระยับเหมือนกับทองคำขาว พุงป่องอ้วนกลมน่าเอ็นดู ปุ่มเท้าสีชมพูระเรื่อและนุ่มนิ่มราวกับเยลลี่ เหล่าช่างเหล็กต่างรู้จักแมวตัวนี้ดี มันคือสัตว์อสูรอันดับหนึ่งแห่งขุมนรก เม็มฟิส โนเอะสืบทอดคุณลักษณะบางส่วนมาจากมังกร นั่นคือสติปัญญาที่เฉียบแหลมพร้อมกับทักษะการบินอันน่าทึ่ง แมวตัวนี้คือสัตว์ประหลาดที่เหนือกว่าไวเวิร์นในทุกด้าน ไม่เว้นแม้กระทั่งพลังโจมตี จากบรรดาผู้เล่นกว่าสองพันล้าน มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ได้ครอบครองเม็มฟิส


    สัตว์เลี้ยงอันดับหนึ่งในโลกซาทิสฟายเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากกริด


    ‘น่ารักฉิบ’


    โนเอะกำลังเลียขน เจ้าแมวอ้วนตัวนี้รักสะอาดมาก มีบ่อยครั้งที่ชอบใช้ลำตัวถูไถไปกับแก้มกริดอย่างเอ็นดู ทว่า ไม่ช่างตีเหล็กคนใดที่กล้าย่างกรายเฉียดใกล้โนเอะ


    “แง่งงง!”


    สาเหตุเพราะ โนเอะจะแผ่สัญชาตญาณนักล่ากับทุกคนที่ไม่ใช่กริด เกินกว่าครึ่งของเจียงซือโลหะที่กระโดดข้ามกำแพงล้วนถูกโนเอะจัดการตะปบด้วยอุ้งเท้าอย่างราบคาบ


    “อึก…”


    อุ้งเท้าที่สามารถป่นหินให้แหลก โนเอะใช้มันตะปบใส่เจียงซือโลหะตัวแล้วตัวเล่า โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์กำลังทำงานอย่างแข็งขันไม่ต่างกัน พวกมันใช้ทักษะหักกระดูกใส่เจียงซือเป็นระยะ ส่วนแรนดี้มีหน้าที่คอยเก็บกวาดด้วยทักษะแบบเดียวกันกริด ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีภูตแสงที่กลายร่างเป็นดาบสีขาวสว่าง รวมถึงใบดาบลอยได้สีขาวอมครามที่คอยปกป้องช่างเหล็กเป็นปราการด่านสุดท้าย


    ช่างตีเหล็กโอเวอร์เกียร์เริ่มเกิดความหวัง พวกเขามองเห็นโอกาสรอด หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ภารกิจต่อเนื่องอาจสำเร็จลงได้ไม่ยากเย็น ในวินาทีนี้ ช่างเหล็กหน้าใหม่ต่างเข้าใจได้ทันทีว่า เหตุใดขุนพลโอเวอร์เกียร์อันโด่งดังของโลกถึงไว้วางใจในตัวกริดนัก


    ทว่า ภายในใจกริดกำลังกระสับกระส่ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


    ‘เราต้องมุ่งหน้าไปที่ไหน…’


    กริดต้องค้นหาชาวเมืองสามสิบคนที่ถูกเจียงซือพิษไล่ต้อน เวลาของภารกิจกำลังนับถอยหลังทุกขณะ กริดมีเวลาหนึ่งชั่วโมงในการตามหามนุษย์ในแพงเจียแสนกว้างใหญ่ เวทมนตร์ตรวจจับของบราฮัมมีระยะไม่กว้างพอจะแผ่ขยายให้ครอบคลุม ขอบเขตที่กริดตรวจสอบได้เทียบเท่าหมู่บ้านเล็ก ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่ภารกิจเริ่มต้น หมอกหนาทึบได้ปรากฏขึ้นเพื่อบดบังการมองเห็นให้แคบลง หมายความว่าการใช้เวทบินจะไม่ตอบโจทย์


    ‘แย่ล่ะสิ...’


    กริดนึกออกเพียงวิธีเดียว ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากแยกย้ายกันค้นหา พวกเขาคงพบตัวชาวเมืองได้ไม่ยากนักหากช่างตีเหล็กหนึ่งร้อยคนกระจายตัวไปจนทั่ว ทว่า การทำเช่นนั้นคือสิ่งที่อีกฝ่ายเล็งไว้แล้ว


    ช่างน่าขัน ช่างเหล็กกลุ่มย่อยไม่กี่คนจะเอาชนะเจียงซือโลหะได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้เลยสักนิด นี่คือภารกิจที่ไม่มีทางสำเร็จได้ตั้งแต่ต้น


    ‘สาเหตุที่รางวัลตอบแทนมูลค่าสูง…’


    เจียงซือโลหะยังคงปรากฏตัวอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ช่างตีเหล็กไม่มีทางต่อสู้และเอาชนะได้แน่ เนื้อความภารกิจได้บอกเป็นนัยว่า ช่างตีเหล็กต้องแยกตัวกัน แต่การทำเช่นนั้นจะทำให้ทุกคนถูกฆ่าเรียบ…


    เป็นที่แน่ชัดแล้ว บุคคลที่มอบภารกิจไม่ได้หวังให้ฝ่ายช่างตีเหล็กช่วยเหลือชาวเมืองสำเร็จ ของรางวัลมีมูลค่ามหาศาลเพราะมันคือภารกิจที่ไม่มีทางผ่านได้


    ‘จบสิ้นแล้ว’


    ขณะกระวนกระวายใจ กริดหันหลังกลับไปมองเหล่าช่างเหล็กที่เดินทางมายังทวีปตะวันออกพร้อมกับตน คนเหล่านี้ตามมาด้วยความเชื่อใจ หากภารกิจล้มเหลว ความเชื่อใจเหล่านั้นคงพังครืนในพริบตา ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่กริดต้องการเลยสักนิด


    “...”


    จะผ่านเหตุการณ์บัดซบตรงหน้าได้ด้วยวิธีใดกันนะ…


    ขณะพยายามมองเข้าไปในหมอกหนา กริดฉุกคิดถึงทักษะบางชนิดที่ตนเคยครอบครอง


    “ทุกคนรออยู่ที่นี่นะ”


    ชายหนุ่มกระโดดขึ้นหลังคาบ้านหลังแล้วหลังเล่า จนกระทั่งขึ้นไปบนหลังคาที่สูงที่สุด กริดทำการปลดปล่อยหนึ่งในพลังที่ถูกสลักอยู่ในอักขระความมืด


    “พลังลูซอน”


    มันคือแวมไพร์เอิร์ลที่กริดสังหารในเมืองลำดับเจ็ด ลูซอนมีทักษะการดมกลิ่นที่ยอดเยี่ยม มันสามารถแกะรอย ‘เป้าหมายที่เลือดออก’ ได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งนี้ไม่มีผลกับทักษะพรางตัวของนักลอบสังหาร


    เพียงพริบตา ประสาทจมูกกริดดีขึ้นหลายเท่า ชายหนุ่มพยายามสูดลมหายใจให้ลึกที่สุดหนึ่งฟอดใหญ่ จมูกของเขาไม่ได้รับเพียงกลิ่นน้ำเน่าและกลิ่นเหม็นหืนของศพเจียงซืออีกต่อ ในปัจจุบัน กริดสามารถดมกลิ่นเลือดมนุษย์ได้ไกลหลายกิโลเมตร


    และผลลัพธ์ก็คือ…


    “ทางนั้นสินะ”


    เหมือนกับสุนัขดมกลิ่น กริดเริ่มสัมผัสกลิ่นของเลือดมนุษย์ได้อย่างเจือจาง ไม่ผิดแน่ นี่ต้องเป็นเลือดของชาวเมืองที่กำลังถูกเจียงซือพิษไล่ต้อน อยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันออกราวสามกิโลเมตร


    ‘เทียบกับพลังของอสูรตนอื่น พลังลูซอนค่อนข้างอ่อนแอ เราจึงมองเป็นทักษะไร้ประโยชน์มาตลอด ไม่เคยคิดว่าจะต้องพึ่งพาเข้าสักวัน’


    กริดแสยะยิ้มพลางชำเลืองมองโนเอะ ปัจจุบัน โนเอะกำลังนอนเกลือกกลิ้งบนพื้นพลางก้มหน้าก้มตาเลียปุ่มเท้า ราวกับมันเป็นสัตว์ที่คลั่งไคล้ความสะอาดเหนือสิ่งอื่นใด


    สัตว์อสูรที่เกิดมาแข็งแกร่งคงไม่รู้สึกเครียดในช่วงเวลาแบบนี้สินะ…


    “โนเอะ เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา ฝากปกป้องทุกคนด้วย”


    “ฮ้าว… เข้าใจแล้วจ้า เหมียว”


    เจ้าแมวอ้วนตอบกลับพลางอ้าปากหาว โนเอะมิได้แสดงท่าทีกระตือรือร้นแม้แต่น้อย


    เหล่าช่างเหล็กที่ต้องฝากชีวิตไว้กับโนเอะ พวกเขาย่อมอกสั่นขวัญแขวนเมื่อเห็นการตอบรับเช่นนี้ แต่กริดเชื่อใจโนเอะ เจ้าแมวอ้วนตัวนี้ได้ ‘แดก’ ศิลาอัสนีซึ่งเป็นพลังของจอมอสูรอัสทารอธเข้าไป มันพัฒนาขึ้นอีกระดับ มิใช่เม็มฟิสดาษดื่นทั่วไปอย่างที่ทุกคนเข้าใจ ขณะเดียวกัน กริดเริ่มเข้าสู่โหมด ‘หิวโหย’ โดยแลกมากับค่าความว่องไวที่สูงขึ้น


    ราชาโอเวอร์เกียร์หายตัวเข้าไปในหมอกหนาทึบอย่างรวดเร็ว


    ***


    พลังทางกายภาพของเจียงซือพิษนั้นเทียบเท่าเจียงซือโลหะ แต่มันจะปลดปล่อยพิษฟุ้งกระจายทุกครั้งที่ถูกโจมตี ยิ่งบาดแผลลึก พิษที่สาดกระเซ็นก็ยิ่งทรงพลัง ใครก็ตามที่ต้องพิษจะรู้สึกเจ็บปวดทรมานเจียนตาย


    “แฮ่ก… แฮ่ก… พวกเราจบสิ้นแล้ว”


    เจ้าเมืองฮานซอกบง—บุคคลที่ถูกกษัตริย์จากทวีปตะวันตกลักพาตัวไป


    หลังจากฮานซอกบงและผู้สร้างคันศรฟินิกซ์แดงเดินทางออกจากทวีปตะวันออก แพงเจียก็ถูกทอดทิ้งแทบจะในทันที กษัตริย์โชไม่ส่งเจ้าเมืองคนใหม่มาประจำการ ชาวเมืองที่เหลือเพียงน้อยนิดต้องเอาชีวิตรอดตามลำพัง ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น การปกป้องแพงเจียเท่ากับขัดเจตจำนงของยังบัน ไม่แปลกที่กษัตริย์โชจะทอดทิ้งแพงเจีย แม้ภายในใจจะไม่ต้องการก็ตาม


    นับแต่นั้น แพงเจียกลายเป็นเมืองที่มีสภาพเลวร้ายยิ่งกว่าขุมนรก ฝูงเจียงซือปีนป่ายข้ามกำแพงเมืองที่ปราศจากทหารอย่างง่ายดาย หลังจากการรุกรานของเจียงซือเริ่มต้นขึ้น ชาวเมืองแพงเจียก็หมดสิทธิ์กอบกู้เศรษฐกิจของเมืองอย่างที่หวังไว้ ทุกคนทำได้เพียงหนีตายอย่างหดหู่


    ปัจจุบัน ทุกสิ่งได้ดำเนินมาถึงขีดจำกัด ชาวเมืองที่กำลังอดอยากและหิวโหย พวกเขาย่อมไร้พละกำลังต่อต้านเจียงซือ สวรรค์ไม่เหลียวแลความน่าสมเพชของมนุษย์กลุ่มนี้แม้แต่น้อย เพียงเจียงซือกระโดดหนึ่งก้าว ระยะห่างจากมันและชาวเมืองจะถูกย่นในพริบตา และเพียงไม่นาน หมอกหนาทึบเบื้องหน้าก็จะฟุ้งกระจายไปด้วยพิษ เมื่อต้องเผชิญกับเจียงซือพิษที่เป็นภัยคุกคามร้ายแรง ชาวเมืองแพงเจียทำได้เพียงตัดพ้ออย่างสิ้นหวัง


    “ฉันน่าจะตามท่านเจ้าเมืองไป… เมืองนี้ไม่มีหวังอีกแล้ว...”


    ใครบางคนพึมพำ


    ไม่มีใครคัดค้าน ทุกคนต่างเหนื่อยล้าสุดขีด แม้พวกเขาเคยต้องการเอาชีวิตรอดเพื่อโน้นน้าวให้กษัตริย์โชเปลี่ยนใจส่งเจ้าเมืองคนใหม่มาบริหาร แต่จิตวิญญาณอันสูงส่งเช่นนั้นกลับตายจากไปนานแล้ว ปัจจุบัน พวกเขากำลังหายใจติดขัด อาวุธเก่าโทรมในมือเริ่มประคับประคองไม่อยู่ เจียงซือพิษรุมล้อมโจมตีจากทุกทิศ ความหวังในการรอดชีวิตคงจบลงเพียงเท่านี้ ทุกคนหลับตาลงพลางกล่าวโทษโลกอันบิดเบี้ยวที่แบ่งแยกระหว่างยังบันและสามัญชนดาษดื่น


    ทันใดนั้น เสียงของกะโหลกศีรษะถูกทุบและเสียงเนื้อหนังถูกฉีกขาดเริ่มดังต่อเนื่องเป็นระยะ


    คงเป็นครอบครัวหรือไม่ก็พวกพ้องของตนกระมัง… ชาวเมืองทุกคนข่มความเจ็บปวดเมื่อกำลังจะเสียพวกพ้องที่เหลือน้อยไป ทว่า แม้เวลาจะล่วงผ่านไปนาน แต่กลับยังปราศจากเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของมนุษย์


    “...”


    ชาวเมืองพลันดวงตาเบิกโพลงเมื่อเห็นแสงสว่างวูบวาบปรากฏท่ามกลางกลุ่มหมอกหนาทึบ ทุกครั้งที่แสงจากดาบถูกวาดเป็นเส้นตรง ศีรษะของเจียงซือพิษจะปลิวกระเด็นหลุดออกจากบ่า


    ใครบางคนกำลังล้างบางสังหารเจียงซือพิษเป็นว่าเล่น


    “ค…ใครกัน”


    บุคคลที่ถูกสวรรค์ทอดทิ้งเช่นพวกเขา มีใครบางคนกำลังเข้ามาช่วยงั้นหรือ…


    ชาวแพงเจียอยากเห็นใบหน้าของผู้สังหารเจียงซือพิษใจแทบขาด ทว่า หากก้าวเท้าออกไปด้านหน้า หมอกพิษโดยรอบจะเล่นงานพวกเขาจนถึงแก่ชีวิต ไม่มีชาวเมืองคนใดกล้าขยับเขยื้อนตัว


    ใครบางคนตัดพ้อ


    “ถึงจะไม่รู้ว่าใคร แต่เขาคงไม่รอดแน่…”


    “พวกเราต้องรีบห้ามเขา หากช่วยเหลือพวกเราไปมากกว่านี้ เขาจะถูกสวรรค์พิโรธเอาได้!”


    ปัญหาใหญ่คือพิษร้ายแรง ชาวเมืองต่างกังวลว่า บุคคลในหมอกหนาอาจไม่มีข้อมูลการต่อสู้กับเจียงซือพิษที่ดีพอ ถ้าพลาดพลั้งทันไม่ระวัง อาจถูกพิษกระเซ็นใส่จนถึงแก่ความตายในพริบตา


    น่าเสียดายที่พิษแสนทรงพลังของเจียงซือมิอาจทำอันตรายต่อตำนานได้ โดยเฉพาะตำนานผู้สร้างปาฏิหาริย์มานับไม่ถ้วน


    “พวกคุณปลอดภัยรึเปล่า”


    สวบ… สวบ


    เป็นเสียงฝีเท้าก้าวเดินที่มั่นคง บุรุษผู้หนึ่งปรากฏตัวจากหมอกหนา เผยใบหน้าแสนสง่างามให้ชาวแพงเจียเห็นเต็มสองตา ท่ามกลางความตกตะลึง เจียงซือพิษไร้ศีรษะจำนวนมากกำลังนอนตายระเนระนาดด้านหลังชายปริศนา ชาวเมืองคนหนึ่งพลันได้สติกลับมาเมื่อจดจำใบหน้าของบุรุษผู้นี้ได้


    “ดยุคแห่งคุณธรรมของแพงเจีย!”


    เขาคือชายที่ปรากฏตัวเมื่อครั้งแพงเจียคับขันถึงขีดสุดหลังจากสูญเสียคันศรฟินิกซ์แดง บุรุษผู้นี้ช่วยเหลือแพงเจียโดยการสร้างคันศรฟินิกซ์แดงขึ้นใหม่ แถมยังช่วยเจ้าเมืองฮานซอกบงได้ทันท่วงทีก่อนจะถูกประหารชีวิต หลังจากนั้น เขาทำการลักพาตัวฮานซอกบงและซูเอ ต้นตอสำคัญที่ทำให้ยังบันโกรธเกรี้ยว และหนีกลับไปยังทวีปตะวันตก


    ชายคนนี้คือบุคคลซึ่งเปี่ยมด้วยคุณธรรม ด้วยเหตุนี้ ในความทรงจำของชาวเมืองแพงเจียทุกคน เขาจึงถูกเรียกขานให้เป็นดยุคแห่งคุณธรรมของแพงเจีย


    การกลับมาอีกครั้งของวีรบุรุษได้จุดประกายความหวังในใจชาวเมืองแพงเจียที่ยังเหลือ


[★ภารกิจลับ★ ‘ประสบการณ์บนทวีปตะวันออก (2) ’ เสร็จสิ้น!]


[ท่านได้รับ ‘หินเสริมแกร่งอาวุธที่ถูกอวยพร’ 10 ก้อน]


[จำนวนชาวเมืองที่ช่วยเหลือสำเร็จมีมากกว่า 30 คน รางวัลเพิ่มเติมจะถูกมอบให้ตามจำนวนชีวิตที่ช่วยสำเร็จ]


[ท่านได้รับไอเท็ม ‘หินเสริมแกร่งอาวุธ’ 107 ก้อน]


[ภารกิจลับต่อเนื่องถูกสร้างขึ้น]


[ประสบการณ์บนทวีปตะวันออก (3) ]


★ภารกิจลับ★

แพงเจียปราศจากช่างตีเหล็กมานานมาก ปัจจุบัน อาวุธภายในแพงเจียหลงเหลือเพียงน้อยนิด จงช่วยชาวเมืองแพงเจียต่อสู้กับเจียงซือด้วยการผลิตอาวุธให้พวกเขา อย่าลืมระวังอันตรายที่อาจเกิดจากเจียงซือโลหะและเจียงซือพิษ

เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ :

- สร้างอาวุธและชุดเกราะที่มีเกรดสูงกว่าอีปิกใช้ชาวเมืองอย่างละชิ้นต่อหนึ่งคน

- เลเวลขั้นต่ำของไอเท็มคือ 250

- เส้นตายคือ 3 วัน

* จำนวนชาวเมืองแพงเจียที่ต้องการไอเท็ม : 137 คน

รางวัลสำเร็จภารกิจ :

1. ภารกิจลับต่อเนื่อง

2. หินเสริมแกร่งชุดเกราะที่ถูกอวยพร 20 ก้อน

บทลงโทษภารกิจล้มเหลว :

-เลเวลลดลงหนึ่งระดับ

-ค่าสถานะที่มีแต้มสูงสุดลดลง 20 แต้ม


    ภารกิจค่อนข้างยาก พวกเขาต้องผลิตอาวุธและชุดเกราะให้ชาวเมืองทุกคนที่รอดชีวิตภายในระยะเวลาเพียงสามวัน แถมยังต้องมีเกรดเป็นอีปิกขึ้นไป


    “ก…กริด!”


    “พวกเราจะทำยังไงกันดี…”


    ช่างตีเหล็กต่างพากันสิ้นหวัง


    “พวกเราไม่มีทางสร้างไอเท็มเกรดอีปิก 274 ชิ้นได้ภายในสามวันหรอกนะ”


    ทั่วไป แรร์ อีปิก ยูนีค และเลเจนดารี นี่คือระบบเกรดของไอเท็มในซาทิสฟาย ไอเท็มระดับอีปิกถือว่ามีคุณภาพค่อนข้างสูง และไม่ใช่สิ่งที่ผลิตขึ้นเองได้ง่ายนัก สำหรับช่างตีเหล็กที่พอจะมีฝีมือ พวกเขาสามารถสร้างไอเท็มเกรดอีปิกได้หนึ่งชิ้นในทุกการผลิต 20 ครั้ง โดยการสร้างไอเท็มแต่ละครั้งต้องกินเวลาสองถึงสามชั่วโมง จึงไม่มีทางเลยที่ช่างตีเหล็ก 101 คน จะผลิตไอเท็มเกรดอีปิก 274 ชิ้นได้ในสามวัน


    ช่างตีเหล็กโอเวอร์เกียร์เริ่มถอดใจ มีบางส่วนกล่าวโทษกริดที่ช่วยเหลือชาวเมืองมากถึง 137 คน ทั้งที่ภารกิจระบุให้ช่วยเพียง 30 คนเท่านั้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมา พวกเขาทราบอยู่แก่ใจดี หากไม่มีกริด ตนไม่มีทางมาถึงจุดนี้ตั้งแต่ต้น และกริดไม่มีวันรู้ว่าการช่วยชาวเมืองเกิน 30 คนจะสร้างผลเสียในภายหลัง ยิ่งไปกว่านั้น สภาพของชาวเมืองกำลังอิดโรยและอ่อนแอมาก หากไม่ช่วยคงจะเป็นการใจดำเกินไป


    ขณะทุกคนกำลังหมดอาลัยตายอยาก กริดเอ่ยปากถาม


    “ใครมีค้อนตีเหล็กเกรดสูงกว่ายูนีคบ้าง”


    ยิ่งเป็นค้อนเกรดสูง ผลผลิตก็ยิ่งออกมามีคุณภาพดี ช่างตีเหล็กทั่วโลกล้วนใฝ่ฝันจะครอบครองค้อนตีเหล็กชั้นเลิศ ทว่า ในบรรดาช่างตีเหล็กระดับท็อปของอาณาจักร มีเพียงห้าคนจากหนึ่งร้อยที่ยกมือขึ้น


    หลังจากพิจารณารายละเอียดค้อนของทั้งห้าอย่างถี่ถ้วน กริดพลันแสยะยิ้ม


    “ไปโรงเหล็กกันเถอะ”


    “…!”


    มีช่างตีเหล็กหลายคนที่ค่าวิสัยทัศน์สูงและมีนิสัยช่างสังเกต พวกเขาแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น


    นัยน์ตาซึ่งเคยมีสีดำสนิทของกริด…


    วงแหวนสีฟ้าครามที่ส่องสว่างเมื่อครู่คืออะไรกัน

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,317

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. เนตรวงแหวนไงล่ะ
    คามุย!!!!

    ReplyDelete
  2. สนุกมากครับ ขอบคุณที่แปลครับ

    ReplyDelete
  3. ของรางวัลตอบแทนก็สูง แต่ภารกิจแม่งก็โหดจัด😣😣

    ReplyDelete
  4. ได้เวลาปั๊มของ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00