จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 932



“คลาสของลัคคงเกี่ยวข้องกับเทพสงคราม”


คริสเปรยหลังจากล้มสาวกเทพสงครามตัวสุดท้ายลงได้ เสียงฟังดูเหมือนการตัดพ้อ


แม้แต่กริดยังคุ้นกับชื่อของลัค


“คนสนิทอาเรสใช่ไหม”


“ถูกต้อง จากบรรดาคนสนิททั้งสามของอาเรส ลัคแข็งแกร่งที่สุดอย่างไร้ข้อกังขา คลาสลับขอหมอนั่นคล้ายคลึงกับสาวกเทพสงครามที่สามารถสวนกลับการโจมตีโดยไร้เงื่อนไข หมอนั่นเป็นตัวป่วนของแท้ กิลด์ไจแอนต์ของฉันต้องถูกจัดการอย่างราบคาบหลายต่อหลายครั้ง”


“ลัคแข็งแกร่งมาก ในช่วงต้นของซาทิสฟายที่เลเวลยังน้อย ฉันมักแพ้เขาขาดลอยเสมอ”


“เรกัส อย่างนายเนี่ยนะดวลแพ้… ทักษะสวนกลับไร้เงื่อนไขแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว…”


“ฮะฮะ… ในตอนนั้น ลัคยังไม่มีทักษะสวนกลับด้วยซ้ำ เขาเป็นนักศิลปะการต่อสู้เหมือนกับฉัน ชายคนนั้นคืออัจฉริยะในการต่อสู้ตัวจริง ถึงเลเวลของฉันจะต่ำกว่านิดหน่อยและไม่ได้ใส่สนับมือก็เถอะ”


ขุนพลโอเวอร์เกียร์ต่างทราบดีว่า เรกัสคืออัจฉริยะด้านการดวล ความพ่ายแพ้ของเขาไม่ใช่เพราะเลเวลต่ำกว่าเพียงอย่างเดียว


ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่าลัคคือตัวตนที่น่าหวาดหวั่น


“หืม…”


กริดเริ่มตึงเครียดเมื่อตระหนักถึงสัตว์ประหลาดที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน โลกนี้กว้างใหญ่นัก คนซุ่มซ่อนอย่างลัคยังมีอีกมาก คงไม่ดีแน่หากลูกน้องอาเรสเข้าร่วมการแข่งนานาชาติที่กำลังจะมาถึง


โอกาสได้รับชัยชนะของราชาอสูรอาจลดลงจากเดิมหลายเท่า


‘ครอเกลคงมีเลเวลเกินสามร้อยแล้ว…’


ครอเกลสามารถไต่มาถึงรอบชิงชนะเลิศ PVP ปีที่แล้วโดยมีเลเวลไม่ถึงสามร้อย หากครอเกลได้ครอบครองพลังที่แท้จริงของอริยดาบ กริดไม่อยากจินตนาการว่าสัตว์ประหลาดที่ครอบครองคลาสสายต่อสู้อันดับหนึ่งจะแข็งแกร่งสักเพียงใด


ป็อนเอ่ยปากถามเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้ากริด


“เกิดอะไรขึ้น นายได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วรึไง”


“สิ่งที่ต้องการ… หมายถึงฉันหรือ”


“ใช่ นายเอาแต่อมยิ้มมาสักพักแล้ว”


“เอ๋! ฉันเนี่ยนะกำลังอมยิ้ม”


“โฮ่! ฟังจากน้ำเสียง นายกำลังนึกถึงคนรักอยู่ใช่ไหม ใครกันล่ะ ยูร่า จิสึกะ หรือทั้งสอง”


กริดยังคงยิ้มได้แม้กำลังตึงเครียด สิ่งนี้หมายความว่าเขามิได้สั่นกลัว ตรงกันข้าม ชายหนุ่มมองว่านี่คือบททดสอบแสนท้าทาย


กริดส่ายศีรษะ


“ไม่ใกล้เคียงเลย ฉันยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการด้วยซ้ำ”


“แล้วนายกำลังมองหาอะไร ได้ยินว่าเกี่ยวกับแผนที่ แผนที่ของอะไร”


“แผนที่สุสานดาบ สถานที่ซึ่งเกี่ยวพันกับแพ็กม่าและบราฮัม พิกัดของสุสานดาบจะถูกระบุในแผนที่ และสาวกเทพสงครามดรอปชิ้นส่วนของแผนที่นั้น”


“สาวกเทพสงครามเกี่ยวอะไรกับสุสานดาบ”


“ฉันก็ไม่ทราบ คงได้รู้หลังจากรวบรวมชิ้นส่วนครบแล้ว”


สุสานดาบเกี่ยวข้องกับตำนานถึงสองคน ป็อน เรกัส และคริสต่างเดาได้ทันทีว่าสุสานดาบสำคัญกับกริดมากเพียงใด พวกเขายินดีช่วยเหลือเต็มที่


“นายอยากล่าสาวกเทพสงครามใช่ไหม ตั้งปาร์ตี้ล่ากันเถอะ”


กริดเอ่ยปากถามอย่างกังวล


“พวกนายกำลังเก็บเลเวลเตรียมลงแข่งนานาชาติไม่ใช่รึไง…”


หากเป้าหมายคืออัปเลเวล การแยกกันเก็บโดยไม่ร่วมปาร์ตี้จะเป็นหนทางที่ดีที่สุด หากเข้าร่วมกริดและหารค่าประสบการณ์จำนวนมากกับสัตว์เลี้ยง เลเวลของพวกเขาไม่มีทางอัปทันก่อนถึงงานแข่งแน่นอน แถมปาร์ตี้กริดยังไม่เน้นเก็บเลเวล แต่เป็นการล่าตัวสาวกเทพสงครามที่มีไม่มาก กริดแสดงสีหน้าอึดอัดหลังจากพวกพ้องเสนอตัวช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทน


ป็อนไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ


“ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้ ฉันชอบกริดคนเก่าที่เห็นแก่ตัวมากกว่านะ”


โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งคนเราประสบความสำเร็จ สิ่งที่ปรารถนาก็จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว คนรวยย่อมต้องการในสิ่งที่มูลค่าสูงกว่าคนจน นี่คือสัจธรรมของโลก


แต่กริดกลับตรงกันข้าม ถือเป็นเรื่องน่ายินดีและน่ากังวลในเวลาเดียวกัน เหมือนกับเวลาที่ใครสักคนใกล้จะจากโลกนี้ไป พวกเขาจะเปลี่ยนตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังเท้าอย่างกะทันหันจนผิดธรรมชาติ ซึ่งป็อน คริส และเรกัสไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น


“ใช่แล้ว รวมตี้ล่าสาวกเทพสงครามกันเถอะ จนกว่านายจะได้แผนที่ครบ”


“พวกเราเต็มใจช่วย”


กริดพึมพำ


“ทำไมพวกนายต้องเป็นห่วงแทนฉันด้วย งานแข่งใกล้เข้ามาแล้ว ไม่กลัวพลาดเหรียญทองของตัวเองหรือไง”


“เหรียญทองสำคัญก็จริง แต่นายสำคัญกว่ามาก…”


“อึ๋ย! ขนลุกเฟ่ย!”


“ขนลุกอะไรเล่า ฉันจำคำนายมาพูดเลยนะ ล่าแบบเป็นปาร์ตี้กันเถอะ”


***


ลงเอยด้วย ทั้งสี่คนรวมตัวเป็นหนึ่งปาร์ตี้ใหญ่


ลำพังกริดสามารถสู้กับสาวกเทพสงครามได้ภายใต้สองเงื่อนไข อย่างใดอย่างหนึ่ง เงื่อนไขแรกคือ เขาต้องมีคลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร และอีกหนึ่งคือ เขาต้องมีร่างมืด


แต่การรวมปาร์ตี้เข้ากับป็อนช่วยทำให้สถานการณ์ต่างออกไป กริดสามารถออกล่าสาวกเทพสงครามขณะทักษะอยู่ในระยะหน่วงด้วยแรงสนับสนุนจากสามวีรชนฯ


พลังโจมตีมหาศาลของคริสจะส่งผลให้ศัตรูชะงักไปสองวินาที ส่วนเรกัสสามารถเล็งโจมตีใส่ข้อต่ออย่างแม่นยำด้วย ‘เศษเสี้ยวองค์ความรู้ดันทาเลี่ยน’ ที่กริดมอบให้ ด้านป็อนจะคอยเล็งแทงใส่ช่องว่างที่ศัตรูเผยเพื่อขัดจังหวะ


[สาวกเทพสงคราม·ผู้หลบหนีจากหลุมศพ ถูกสังหาร]


[สมาชิกปาร์ตี้ทุกคนได้รับค่าประสบการณ์ 21,506,070 หน่วยอย่างเท่าเทียม]


[หัวหน้าปาร์ตี้ ‘กริด’ ได้รับไอเท็ม ‘แผนที่สุสานดาบ (2) ’]


“ค่าประสบการณ์ไม่เลว สูงกว่าที่ฉันคิดไว้มาก”


“เป็นเพราะพวกมันเก่งบัดซบไง”



หนึ่งสัปดาห์หลังจากปาร์ตี้รวมตัว…


สีหน้าของทุกคนแจ่มใสเมื่อกริดรวบรวมชิ้นส่วนแผนที่ได้เกินกว่าครึ่ง


ในช่วงแรก พวกเขาจับปาร์ตี้เพื่อช่วยกริดโดยไม่หวังผลตอบแทน แต่กลับกลายเป็นว่า ค่าประสบการณ์ที่ได้รับค่อนข้างน่าพึงพอใจ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ทั้งสามคงเลเวลอัปก่อนงานแข่งเริ่มขึ้นตามที่ตั้งใจไว้


ต้องของคุณพลังโจมตีระดับเหนือมนุษย์ของกริด ทุกครั้งที่ ‘ดาบอัสนีฯ เรืองแสง’ ฟาดฟันใส่ศัตรู หลอดพลังชีวิตของสาวกเทพสงครามพลันลดฮวบอย่างเห็นได้ชัด สมาชิกปาร์ตี้ที่เหลือมีหน้าที่คอยสกัดหรือสลายการสวนกลับเพียงอย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงโจมตี


บึ้มมมม—


เทพสงครามอีกหนึ่งตัวถูกเพลิงสีดำกลืนกินและกลายเป็นซากขี้เถ้า เปลวเพลิงจากดาบอัสนีฯ เป็นราวกับเพลิงนรกที่กลืนกินชีวิตทุกสรรพสิ่ง


คริสตัดสินใจเอ่ยปากถามหลังจากเฝ้าสังเกตอยู่นาน


“กริด ดาบของนาย… ไม่ได้ระยิบระยับด้วยผลของเอฟเฟค ‘ความเท่’ ที่ได้รับจากโรงแปรธาตุเรย์ดันใช่ไหม แต่เป็นแสงที่เกิดจากผลของการเสริมแกร่ง…”


“ถูกต้อง ถึงมันจะแค่ +4 แต่ด้วยความที่เป็นเกรดมิธ จึงเริ่มส่องแสงตั้งแต่ +4 แล้ว”


“อะไรนะ… +4 เชียว… ไหนว่าไอเท็มเกรดมิธไม่มีวันถูกเสริมแกร่งได้ไง”


หากประเมินจากพลังโจมตีหลุดโลกของอาวุธเกรดมิธ พลังโจมตีที่เพิ่มขึ้นในทุกระดับเสริมแกร่งล้วนมหาศาล แต่ดาบกริดกลับบวกมาถึงสี่ระดับ…


เมื่อเห็นพวกพ้องยืนอึ้ง กริดฉีกยิ้มพลางกล่าวอย่างภูมิใจ


“ฉันเป็นคนดวงเฮงน่ะ”


“อะไรนะ…”


กริดที่ยืนเบื้องหน้าพวกเขาเป็นคนเดียวกับบุรุษด้วยซวยบัดซบในอดีต เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ต่างทราบวีรกรรมกริดในช่วงแรกเป็นอย่างดี พวกเขาล้วนเห็นใจที่การเสี่ยงดวงของกริดมักได้ผลฉิบหายเหนือจินตนาการเสมอ


กระนั้น บุคคลที่แม้แต่โอกาสสำเร็จ 80% ยังล้มเหลวอย่างกริดกลับเรียกตัวเองว่าเป็นคนดวงเฮง…


ทว่า ไม่มีใครคิดโต้แย้ง ดาบอัสนีฯ ในมือกริดกำลังสำแดงพลังอำนาจอันน่าทึ่งชนิดที่ของเก่าเทียบไม่ติด


ป็อนตัดสินใจถามในสิ่งที่เขาค้างคาใจมานาน


“ทั้งที่แข็งแกร่งขนาดนี้ แล้วทำไมนายถึงไม่ลงแข่งนานาชาติ…”


คริสและเรกัสย่อมสงสัยไม่แพ้กัน เหตุใดกริดถึงปล่อยโอกาสคว้าเหรียญทองแสนล้ำค่าให้หลุดลอย ทุกคนกำลังหันมองกริดด้วยสายตาจดจ่อ


กริดครุ่นคิดถึงสัญญาที่เขาเซ็นไว้กับทาง SA กรุป เนื้อความของสัญญาส่วนหนึ่งระบุไว้ว่าห้ามเปิดเผยข้อมูลการแข่งตะลุมบอนราชาอสูรให้ภายนอกรับรู้


“คนอย่างฉันไม่มีวันปล่อยให้ผลประโยชน์หลุดมือ… พวกนายรู้ไว้แค่นี้ก็พอ”


เขาเล่ามากกว่านี้ไม่ได้ หากแพร่งพรายเพิ่มอีกสักสองสามถ้อยคำ สถานการณ์จะพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังเท้าทันที


—!


“…!!”


“อะไรกัน…!”


ภูเขาไฟระเบิดงั้นหรือ… วงกตเกิดการสั่นสะเทือนรุนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับมันสามารถถล่มลงได้ทุกเมื่อ สมาชิกปาร์ตี้ทุกคนรีบเตรียมโพชั่นและทักษะสำหรับรับมือเหตุไม่คาดฝัน


[วิหารกัลกุนอสมีการเปลี่ยนแปลง]


[หลังจากยืนยันว่ากองทัพของตนลดจำนวนลงมาก กัลกุนอสเอ่ยปากเตือนผู้บุกรุกที่อยู่ชั้นบน]


“หากพวกแกไม่อยากตาย… รีบออกไปจากที่นี่ซะ…”


[สุ้มเสียงอัดแน่นด้วยพลังเวทปริมาณมหาศาล จิตใจของท่านถูกสั่นคลอน]


[ท่านได้รับอาการผิดปรกติ สับสน หวาดกลัว และจิตตก]


[อาการ ‘จิตตก’ จะส่งผลให้มานาของท่านเหือดแห้งอย่างรวดเร็ว ท่านจะสูญเสียมานา 1,000 หน่วยต่อหนึ่งวินาทีเป็นเวลา 1 นาที ท่านไม่สามารถดื่มโพชั่นมานานได้นาน 10 นาที]


“อั่ก…!”


สามวีรชนฯ ต่างส่งเสียงครางอย่างเจ็บปวดทรมาน พวกเขาใช้หลังพิงกำแพงพร้อมกับนำมือกุมศีรษะ เหงื่อไคลเม็ดเป้งไหลซึมทั่วลำตัว มีเพียงกริดเท่านั้นที่ต้านทานโดยสมบูรณ์


‘พวกเราไม่ได้หลงเดินเข้าห้องบอสแน่… หมายความว่า บอสปรากฏตัวออกมาเองงั้นหรือ’


กริดเริ่มเย็นสันหลังวาบ พวกเขาเพิ่งทราบเมื่อไม่นานมานี้ว่า ‘บอสรอง’ แห่งวิหารกัลกุนอสที่ลอเอลเคยเข้าใจ—สาวกเทพสงคราม·ผู้หลบหนีจากหลุมศพ—แท้จริงแล้วเป็นเพียงมอนสเตอร์พิเศษที่พบได้ไม่ยากเย็น เหมือนกับแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ของดันเจี้ยนแวมไพร์


แม้แต่มอนสเตอร์พิเศษยังแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น กริดไม่อยากจินตนาการความโหดร้ายของบอสกัลกุนอส มันคงแข็งแกร่งยิ่งกว่าแวมไพร์ทายาทหลายเท่าแน่นอน


“ไม่น่าอภิรมย์เลยสักนิด…"”


[ทีราเม็ทกลับสู่โลงศพ]


“ฉันกลัว…”


[แรนดี้กลับเข้าช่องสัมภาระ]


“ฮ้าวววว… ง่วงจัง คร่อก…”


[โนเอะรู้สึกง่วงนอน เม็มฟิสสูญเสียมานาทั้งหมด]


กัลกุนอสคือบอสใหญ่ที่ทรงพลังจนน่าเหลือเชื่อ ทั้งที่มันยังไม่ทันปรากฏตัว แต่สุดยอดปาร์ตี้กลับถูกกำราบอย่างราบคาบด้วยเพียง ‘คำเตือน’ เดียว


สามวีรชนฯ ต้องใช้เวลาราวหนึ่งนาทีในการกลับคืนสภาพเดิม ส่วนบรรดาสัตว์เลี้ยงที่หายไป กริดต้องรอนานถึง 24 ชั่วโมงจนกว่าจะอัญเชิญได้อีกครั้ง จะเกิดอะไรขึ้นหากสาวกเทพสงครามโจมตีเข้ามาในช่วงนี้…


‘แย่ล่ะสิ…’


เพียงคำเตือนเดียวจากบอสดันเจี้ยนบัดซบได้ทำให้จำนวนคนที่มากกว่ากลายเป็นสิ่งไร้ความหมาย กิลด์โอเวอร์เกียร์จะไม่สามารถผูกขาดวิหารกัลกุนอสได้เลยถ้าปราศจากวิธีรับมืออาการ ‘จิตตก’


ขณะกริดกำลังเตรียมออกล่าตามลำพัง ดวงตาของเขาพลันเบิกโพลงเมื่อเหลือบไปโครงกระดูกทั้งสอง


[หมายเลขหนึ่งกำลังเต้นรำ]


[หมายเลขสองกำลังทำท่าทาง ‘เยาะเย้ย’]


นี่คือข้อความระบบ หมายเลขหนึ่งกำลังขยับกระดูกหัวไหล่และไหลปลาร้าเต้นรำอย่างพลิ้วไหว ส่วนหมายเลขสองขยับกรามขึ้นลงเป็นเชิงเยาะเย้ย พวกมันไม่ได้รับผลจากจิตตกของกัลกุนอสเลยสักนิด


‘เพราะเป็นโครงกระดูกรึไง…’


โครงกระดูกปราศจากสมอง พวกมันไม่มีจิตใจให้ถูกกระทบกระเทือน… ขณะกริดพยายามหาเหตุผลรองรับ คำพูดของโนเอะเมื่อก่อนหน้าได้ลอยเข้ามาในหัว


‘ไหนโนเอะบอกว่าลิชเป็นตัวตนที่บงการโครงกระดูกทั้งหมด’


ไม่สมเหตุสมผลนักหากจะมองว่า โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ไม่ตกอยู่ในอาการจิตตกเพียงเพราะพวกมันคืออันเดดไร้สมอง… เขาไม่ควรเอาเจ้าสองตัวนี้ไปเทียบกับอันเดดธรรมดา


ใช่แล้ว พวกมันไม่ธรรมดาเลยสักนิด โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ควรถูกสยบด้วย ‘คำเตือน’ ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง


ทั้งสองคือสมบัติหายากที่แวมไพร์ทายาท ‘ลาทีน่า’ เหลือทิ้งไว้บนโลก แม้กระทั่งบราฮัมก็มิอาจประเมินศักยภาพได้ชัดเจน โครงกระดูกเหล่านี้มีสตินึกคิดและอารมณ์ ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่าพวกมันมี ‘สมอง’ หรือ ‘จิต’


[มีบางสิ่งเปลี่ยนแปลงที่ชั้นใต้ดินของวิหารกัลกุนอส]


[หลังจากมั่นใจว่าตนถูกเยาะเย้ย กัลกุนอสส่งเสียงเตือนผู้บุกรุกที่อยู่ชั้นบน]


“ตัวอย่างทดลองของพวกเบริอาเช่งั้นหรือ… สามหาวนัก! ฉันจะฆ่าแกถ้าไม่รีบหยุดหัวเราะ!!”


[สุ้มเสียงอัดแน่นด้วยพลังเวทปริมาณมหาศาล จิตใจของท่านถูกสั่นคลอน]


[ท่านได้รับอาการผิดปรกติ สับสน หวาดกลัว และจิตตก]


[อาการ ‘จิตตก’ จะส่งผลให้มานาของท่านเหือดแห้งอย่างรวดเร็ว ท่านจะสูญเสียมานา 1,000 หน่วยต่อหนึ่งวินาทีเป็นเวลา 1 นาที ท่านไม่สามารถดื่มโพชั่นมานานได้นาน 10 นาที]


[ท่านต้านทาน]


[หมายเลขสองกำลังทำท่าทาง ‘เยาะเย้ย’]


[หมายเลขหนึ่งเรียนรู้ทักษะ ‘เยาะเย้ย’]


[หมายเลขหนึ่งกำลังทำท่าทาง ‘เยาะเย้ย’]


“สามหาวนัก!! ฉันจะป่นพวกแกให้เป็นผง!”


[กัลกุนอสที่เดือดดาลทำการอัญเชิญซากศพตัวอย่างทดลอง]


[‘สาวกเทพสงคราม·ผู้ครอบครองเทคนิคลับสองชนิด’ ทราบถึงพิกัดของท่าน]


เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่องในจุดห่างออกไป กำแพงรอบตัวกริดเริ่มพังครืนอย่างรวดเร็วเพื่อให้ ‘บอสรอง’ ที่แท้จริงของดันเจี้ยนมาหากริดได้รวดเร็วขึ้น


“พ…พวกนาย! รีบฟื้นเร็วเข้า!”


กริดชกเข้าไปที่แก้มของพวกพ้อง แน่นอนว่าเปล่าประโยชน์ ไม่มีใครได้สติกลับมา หมายความว่าเขาต้องต่อสู้ตามลำพังในอีกหนึ่งนาทีหลังจากนี้


“ค*ยเอ้ย…”


แกร่ก! แกร่ก!


ไม่ว่ากริดจะมีสีหน้าดำมืดเช่นไร แต่โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ยังคงหัวเราะเยาะเย้ยกัลกุนอสไม่เปลี่ยนแปลง

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,325

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. กันกุนอสจะโดนแอ๊กนัสจับมั้ยหน่อ

    ReplyDelete
  2. ไหนคนดวงเฮงฟ่ะ

    ReplyDelete
  3. งานงอกเพราะโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หัวเราะเยาะเย้ย สงสารกริด 😂😂😂😂🤣

    ReplyDelete
    Replies
    1. กริดโชคดีจริงช่วงนี้มีคนหาตีนให้ฟรีด้วย

      Delete
    2. พึ่งดวงดีไปหยกๆ พูดไพเราะไปหมาดๆ กับมาสะบดคำหยาบอีกแล้วพระเอกเรา🤣🤣

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00