จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 902
“ตอบฉันมา พวกนายเกิดมาทำไม?”
“…?”
สิบวีรชนผู้ก่อตั้งที่มารวมตัวตามคำสั่งกริด พวกเขาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถามไม่คาดฝัน
กริดเรียกพวกตนมาที่นี่ทำไม?
ไม่รู้หรือไงว่าแต่ละคนงานยุ่งมาก?
แล้วคำถามเชิงปรัชญาที่ไม่เข้ากับกริดเมื่อครู่มันอะไรกัน...?
ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม ลอเอลและพีคซอร์ดตอบกลับด้วยสีหน้าขึงขัง
“จำเป็นต้องถามด้วยหรือ? กระหม่อมมิได้เลือกที่จะเกิด แต่โลกใบนี้ต่างหากที่เลือกให้กระหม่อมเกิดมา! คุคุคุ…! กระหม่อมเกิดมาเพื่อสนองความต้องการที่ไม่มีโอกาสได้กระทำในชาติก่อน”
“ฉัน คังแดฮัน! แน่นอนว่า! ฉันเกิดมาเพื่อเชิดชูเกียรติของประเทศเกาหลีใต้! เหมือนกับนายยังไงล่ะ ก็อดกริด!”
ฮิวรอยกล่าวสมทบอย่างตื่นเต้น
“กระหม่อมเกิดมาเพื่อรับใช้ฝ่าบาท! กระหม่อมได้เรียนรู้หลายสิ่งจากการรับใช้ฝ่าบาท!”
“อะไรนะ?”
หมอนี่เรียนรู้อะไรไปจากตน? กริดเริ่มเหงื่อแตกเมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่คาดคิด ขณะเดียวกันก็หันไปกล่าวกับคนที่เหลือ
“ไม่มีใครตอบแล้วใช่ไหม?”
“…?”
“ฉันขอตอบ…!”
'ไม่ต้องสนใจแม่งละกัน'
กริดเมินเฉยลอเอล พีคซอร์ด และฮิวรอย ที่พยายามยกมือขอตอบ ชายหนุ่มเพ่งความสนใจไปยังเหล่าวีรชนผู้ก่อตั้งคนที่เหลือ
“พวกนายเกิดมาทำไม? คิดว่าจะมีสักกี่คนที่ตอบคำถามนี้ได้? บางทีอาจไม่มีเลย ฉันก็เหมือนกัน แต่ร่างโคลนของฉันถือเป็นข้อยกเว้น เจ้านั้นเกิดมาเพื่อฆ่ากริดโดยเฉพาะ”
“ร่างโคลน? ของนาย?”
“แฝดที่ยูร่าเห็นในนรกใช่ไหม?”
“ถูกต้อง ตอนนี้มันอยู่บนโลกมนุษย์แล้ว มิใช่ขุมนรกอย่างเคย และกำลังมุ่งหน้ามายังอาณาจักรของเรา”
“…”
บรรยากาศเริ่มดำดิ่ง
ความตึงเครียดปรากฏบนใบหน้าสิบวีรชนผู้ก่อตั้งทุกคน พวกเขาเป็นกังวลและตระหนักถึงความเลวร้ายของสถานการณ์ได้ดีกว่าใคร
กริดเอ่ยปากเตือน
“เจ้านั่นอันตรายมาก ถือเป็นภัยพิบัติของแท้ สิ่งเดียวในหัวคือการฆ่าฉัน และกำลังมุ่งหน้ามาหาฉันด้วยความเร็วสูงสุด ระหว่างทางอาจมีผู้คนจำนวนมากต้องล้มตาย”
“มีหลักฐานรึเปล่า? นายมั่นใจได้ยังไงว่าร่างโคลนกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่?”
“ฉันมั่นใจจากสองเหตุผล หนึ่งคือ ข้อความระบบที่ฉันได้อ่าน และสองคือ คำสั่งที่มันได้รับขณะถูกสร้าง”
ผู้เล่นอันดับหนึ่งของโลก คริส ลุกขึ้นยืนหลังจากเงียบงันมานาน
“นายระบุตำแหน่งของมันได้รึเปล่า?”
สีหน้าของคริสกำลังตื่นเต้น
เขานึกสงสัยมาตลอดว่า ตนกับกริดจะห่างกันมากเพียงใด หลังจากจบงานแข่งนานาชาติครั้งที่สามมาแล้วหลายเดือน
‘แต่ถ้าเป็นร่างโคลนกริด เราสามารถลงมือได้โดยไม่ต้องลังเล’
คริสเล็งเห็นร่างโคลนเป็นโอกาสสำคัญในการวัดฝีมือ แววตาของเขาลุกโชนด้วยไฟการต่อสู้
“ถ้ารู้ ฉันคงไม่นิ่งเฉยอยู่ที่นี่แน่”
กริดมอบคำตอบด้วยสีหน้าขื่นขม
“ฉันไม่ทราบตำแหน่งของมัน แต่มันทราบตำแหน่งของฉัน”
“ถ้าอย่างนั้น ต้องรีบหาตัวให้พบโดยเร็ว”
“เดี๋ยวสิ นายบอกว่ามันกำลังจะมาที่นี่ใช่ไหม? แล้วทำไมพวกเราถึงไม่รอจัดปาร์ตี้ต้อนรับ?”
“นายไม่คิดถึงชีวิตของทหารและประชาชนไรนฮาร์ทบ้างรึไง?”
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็ระดมกองทัพดักรอมันอยู่ที่ทุ่งกว้างหน้าไรนฮาร์ท”
“ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ”
ขณะการประชุมระดมสมองกำลังเข้มข้น ผู้เข้าประชุมคนสุดท้ายผลักประตูห้องเข้ามา เธอออกปากเตือนหัวล้านแวนเนอร์ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“จากประสบการณ์ของฉัน รวมถึงรายละเอียดที่ยองวูเล่าให้ฟัง ร่างโคลนตัวนี้มีทักษะมากกว่ายองวู แถมมันยังใช้หัตถ์เทวะได้ด้วย”
บุคคลที่มาสายคือ นักล่าอสูร ยูร่า
เธอใส่ใจในรายละเอียดที่กริดเล่าเป็นพิเศษ เกี่ยวกับทักษะโจมตีหมู่อันหลากหลาย รวมถึงความเร็วในการสลับไอเท็มที่น่าทึ่งเกินฝีมือมนุษย์
“เราต้องสู้กับมันให้ห่างไกลเมืองที่สุด หากการต่อสู้เกิดขึ้นประชิดตัวเมือง รับรองได้เลยว่าเมืองได้พังพินาศแน่”
พลังอันรุนแรงของ ‘เคลื่อนทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร’ ยังคงติดตราตรึงใจยูร่า ทักษะโจมตีเพียงหนึ่งชนิดสามารถถล่มปราสาทจอมอสูรให้พังครืนในพริบตา แถมยังส่งเธอเข้าสู่ช่วงประกันชีวิตอมตะ
สิ่งที่ไรนฮาร์ทแสนภาคภูมิใจ กำแพงเมืองอันแข็งแกร่งไร้เทียมทาน จะมีสภาพไม่ต่างจากปราสาทจอมอสูรที่เธอเห็น
…และหากหัตถ์เทวะถูกเปลี่ยนร่างเป็นคันศรฟินิกซ์แดง
“ร่างโคลนตัวนั้นเป็นสัตว์ป่าหิวกระหาย มันโจมตีใส่ฉันโดยไม่บอกกล่าวเหตุผล หมายความว่า หากมันเดินทางผ่านเมืองใด มีโอกาสสูงที่มันจะทำลายเมืองนั้นทิ้งโดยไม่ลังเล พวกเราต้องใช้พลังระดับอาณาจักรเพื่อค้นหามันให้พบ และยับยั้งความเสียหายให้ได้มากที่สุด”
เดิมที เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์มิใช่วีรบุรุษกอบกู้โลก พวกเขาต่อสู้โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัว จึงไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงชีวิตคนบริสุทธิ์
แต่ในฐานะพวกพ้องและบริวาร พวกเขาคำนึงถึงชื่อเสียงและสถานะของหัวหน้าตน กริด
จะเกิดอะไรขึ้นหากบุคคลที่มีรูปลักษณ์เหมือนกริดเริ่มลงมือทำร้ายประชาชนบริสุทธิ์? คำตอบคือ มวลชนทั่วโลกจะตราหน้ากริดให้เป็นฆาตกรใจบาป และนั่นหมายถึงการดำดิ่งของชื่อเสียงที่มิอาจกอบกู้
การเสื่อมถอยของกริด หมายถึงการเสื่อมถอยของกิลด์โอเวอร์เกียร์
เพื่อตัวกริดและตัวพวกเขาเอง เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ต้องการหยุดยั้งร่างโคลนโดยเร็ว
“ฉันจะกระจายหน่วยเงาทันที หากมีคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถแจ้งเข้ามาได้ทุกเมื่อ”
เฟคเกอร์กล่าวพลางลงมือเคลื่อนไหว
ร่างกายนักลอบสังหารอันดับหนึ่งของโลกหายกลืนไปกับความมืดมิด เพียงพริบตา เงารางของกลุ่มนักลอบสังหารนับร้อยที่สวมชุดดำได้ปรากฏเหนือปราสาทไรนฮาร์ท
กลุ่มคนเหล่านี้คือหน่วยเงาโอเวอร์เกียร์ หน่วยนักลอบสังหารอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักร ที่คอยเป็นมืดเท้าอยู่เบื้องหลังมาตลอด
ทุกคนเคยถูกฝึกฝนอย่างหนักภายใต้ราชาเงา คาซิม และบัดนี้ถูกส่งต่อให้เฟคเกอร์
ออร่าความน่าเกรงขามที่แผ่จากหน่วยเงา กริดรู้สึกประทับใจอย่างมาก ความคล่องแคล่วกระฉับกระเฉงของพวกเขาทำให้กริดเบาใจไปหลายส่วน
“หากหน่วยเงาลงมือเองแบบนี้ พวกเราคงได้รับตำแหน่งร่างโคลนในไม่ช้า”
“ถ้าร่างโคลนคลุ้มคลั่ง เรื่องทั้งหมดก็จะยิ่งง่าย แต่หากโคลนลอบเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ…”
เป็นความกังวลจากปากลอเอล
ท่าทีของเขาทำให้กริดผิดหวัง
“นายไม่ได้ฟังที่ยูร่าพูดรึไง? เจ้านั่นเป็นสัตว์ประหลาดที่โจมตีไม่เลือกหน้า ไม่มีทางที่สัตว์ร้ายจะลอบแฝงตัวอย่างเงียบงันแน่”
"มันมิใช่สัตว์ประหลาดไร้สมอง ฝ่าบาทเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือ ว่าเจ้านั่นมีมันสมองระดับ NPC พิเศษ"
“แล้วยังไง?”
“มันต้องเข้าใจถึงระบบค่าเรี่ยวแรงแน่ และไม่คิดสิ้นเปลืองจนกว่าจะมาถึงที่นี่ ต่อให้หน่วยเงากระจายตัวหาข่าวได้รวดเร็วเพียงใด แต่ถ้ามันเลือกเส้นทางปลอดผู้คน หน่วยเงาก็อาจตรวจไม่พบ”
“…”
ท้ายที่สุด ตนทำได้เพียงรอจนกว่าร่างโคลนจะมาถึงเมืองหลวงรึไง?
กริดรู้สึกสิ้นหวัง
เขาไม่ได้กลัวพ่ายแพ้ แต่กลัวความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับผู้บริสุทธิ์ ชายหนุ่มเคยสัมผัสพลังของร่างโคลนมาแล้ว ไม่แปลกที่จะเกิดความหวาดหวั่น
กริดฉงนไม่น้อย ที่แม้แต่อัจฉริยะอย่างลอเอลยังคิดหาวิธีรับมืออย่างชาญฉลาดไม่ได้
เมื่อลอเอลเห็นใบหน้าดำมืดของกริด เขาเอ่ยปากถาม
“ว่าแต่ เป็นความจริงหรือ? ที่ฝ่าบาทมิอาจเอาชนะร่างโคลนได้ในการดวล”
“หมายความว่ายังไง?”
กริดขมวดคิ้วพลางหวนนึกถึงการดวลเมื่อครั้งอดีต
“หมอนั่นแข็งแกร่งกว่าฉันมาก สามารถใช้วิชาดาบแพ็กม่าที่ไม่รู้จัก สามารถผสานวิชาดาบได้อิสระ มีมันสมองและฝีมือควบคุมยอดเยี่ยมกว่าฉันหลายเท่า”
“โว้ว…”
แวนเนอร์ส่งเสียงตื่นเต้น
กริดจะแข็งแกร่งขนาดไหนหากมีสติปัญญาและฝีมือควบคุมระดับเทพ?
แวนเนอร์มิกล้าจินตนาการถึงสัตว์ประหลาดตัวนั้น
หากไม่ผิดเพี้ยนไปจากที่พูด ทุกคนเริ่มเกิดคำถามว่า ต่อให้สิบวีรชนผู้ก่อตั้งร่วมมือกัน พวกเขาจะเอาชนะสัตว์ประหลาดตนนี้ได้จริงหรือ?
แม้แต่คนโอหังอย่างแค็ทซ์ยังต้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ไม่แปลกที่สิบวีรชนทั้งหมดจะเริ่มหวาดหวั่น
ถ้อยคำของยูร่าได้สร้างแรงตึงเครียดเพิ่มเข้าไปอีก
“ฉันถูกจัดการในดาบเดียว”
“…”
เป็นความกระอักกระอ่วนเหนือคำบรรยาย
เหล่าสิบวีรชนผู้ก่อตั้งเริ่มคำนึงถึงความเสียหายที่อาจเกิดกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
“ผิดแล้ว…”
ลอเอลเกาหัวแกร่กพร้อมกับกล่าวทำลายบรรยากาศเงียบงัน
“ขอโทษที่ต้องพูดตามตรง แต่ฉันคิดว่ากริดในปัจจุบันสามารถจัดการยูร่าในดาบเดียวได้เช่นกัน สถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วงขนาดนั้นสักหน่อย”
“…?”
ยูร่าหรี่ตาลงด้วยสีหน้าเคลือบแคลง
ตนเป็นใคร? เธอคือผู้เล่นท็อปห้าของโลกก่อนจะได้รับคลาสลับเกรดเลเจนดารี และตอนนี้ เธอคือนักล่าอสูรในตำนาน
ณ การแข่งนานาชาติปีล่าสุด ยูร่าสามารถดวลกับครอเกลได้อย่างสูสีเป็นเวลานาน
คงเป็นการโกหกหากจะบอกว่า เธอไม่มั่นใจในฝีมือตัวเองแม้แต่น้อย
ไม่ว่ายูร่าจะรักและชื่นชมกริดเพียงใด แต่เธอมิอาจยอมรับคำพูดของลอเอลได้ กริดไม่มีทางล้มเธอได้ในการโจมตีเดียวแน่
ถ้อยคำของลอเอลระคายเคืองศักดิ์ศรียูร่าไม่น้อย
กริดพลันอ้ำอึ้ง
“นายยั่วยุยูร่าทำไม?”
“กระหม่อมกล่าวตามความจริง มิได้ยั่วยุแม้แต่น้อย มิสยูร่า คุณบอกว่า ตัวเองถูกจัดการด้วย คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร ในดาบเดียวใช่ไหม?”
“แล้วยังไง?”
“คุณลองสู้กับกริดในโหมดท้าดวลดู ผมรับประกันว่าคุณจะตายด้วยวิชาดาบผสานเพียงสองชนิด”
“…”
ใบหน้ายูร่าเริ่มแดงก่ำ
เธอไม่ชอบใจลอเอลที่พยายามสบประมาทตนให้เป็นผู้เล่นอ่อนแอ
“นายต้องการจะพูดอะไรกันแน่? จะบอกว่า ร่างโคลนของยองวูอ่อนแอ และตัวฉันอ่อนแอเองที่ถูกฆ่าตายในดาบเดียวใช่ไหม?”
“ไม่เลย ฉันยอมรับว่าร่างโคลนฝ่าบาทแข็งแกร่งมาก เพียงแต่ฝ่าบาทในปัจจุบันแข็งแกร่งกว่า เท่านั้นเอง”
ลอเอลตอบกลับด้วยใบหน้าใสซื่อ มิได้แฝงเจตนาร้ายแม้แต่น้อย
“ยูร่า อย่าไปสนใจเขา ลอเอลก็ผิดพลาดได้ในบางครั้ง เหมือนกับทุกคนที่เคยทำผิดพลาด”
กริดกล่าวด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วน เขาพยายามระงับเหตุ แต่น่าเสียดายที่ไร้ผล
ยูร่าทราบดี ลอเอลมิได้แอบแฝงเจตนาร้าย ทว่า เธอต้องการพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นเต็มสองตา
“ไปลานประลองและอัดใส่ฉันหนึ่งดาบ แต่ว่า ในเมื่อนี่เป็นการจำลองเหตุการณ์จริง ฉันจะอัญเชิญขุมนรกเพื่อเพิ่มค่าสถานะ”
“อ…เอ่อ บ…แบบนี้ดีแล้วจริงหรือ?”
กริดมีเซฮีเป็นน้องสาว เขาจึงมองออกในบางครั้งว่า ยามใดบ้างที่โทสะของหญิงสาวกำลังเดือดพล่าน
แม้สาวสวยคนนี้จะบอกให้ตนซัดดาบใส่ แต่กริดไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรตามมาบ้าง
‘ยิ่งไปกว่านั้น เราจะทำร้ายเธอได้ยังไง…’
อีกฝ่ายคือยูร่า
เธอคือเพื่อนสนิท แถมยังเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของโลก
ต้องฟันดาบใส่สาวงามอย่างไร้เหตุผล เขาไม่ชอบใจเลยสักนิด
กริดแสดงท่าทีลังเลชัดเจน
“หากฝ่าบาทไม่ร่วมมือทดสอบ กระหม่อมจะถูกมิสยูร่าเคลือบแคลงและโมโหไปชั่วชีวิต”
ลอเอลกล่าวเสียงอ่อย สีหน้าของเขากำลังเศร้าหมอง
ท้ายที่สุด กริดถูกบีบบังคับเข้าร่วมทดสอบ เพื่อให้ความสัมพันธ์ของพวกพ้องไม่แตกร้าว
การทดสอบที่ตนต้องทำร้ายผู้หญิง…
“ให้ตายสิ…”
เขารู้สึกราวกับตัวเองเป็นขยะสด
ชายหนุ่มเดินไปยังลานประลองด้วยสีหน้าแสนหดหู่
“อัญเชิญขุมนรก”
ยูร่าใช้เวทมนตร์เพื่อเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้ร้อนระอุ สิ่งนี้ช่วยเพิ่มค่าสถานะของเธอหลายเท่า
“เอาล่ะ อัดฉันหนึ่งครั้ง”
“อ…เอ่อ…”
กริดเผชิญหน้ากับยูร่าที่กำลังยืดอกรอรับดาบอย่างเต็มใจ
เขาได้แต่กังวลว่า จะมีกล้องแอบซ่อนอยู่ในลานประลองหรือไม่? กล้องที่รอถ่ายฉากตนทำร้ายสาวสวยฝ่ายเดียว
ลอเอลส่งเสียงตะโกน
“ฉันออกคำสั่งไปแล้ว จะไม่มีใครเข้าใกล้ลานประลองได้ชั่วคราว ไม่ต้องเป็นห่วง มีเพียงสิบวีรชนผู้ก่อตั้งเท่านั้นที่เห็นเหตุการณ์”
‘นั่นแหละปัญหา!’
ทุกคนคือพวกพ้องที่กริดรู้สึกซาบซึ้งน้ำใจมาตลอด
ขณะเดียวกันก็เป็นพวกปัญญาอ่อนที่ทำให้ตนอับอายบ่อยครั้ง
ท้ายที่สุด เขาไม่มีทางเลือก กริดเชื่อมใบดาบท้าทายเทพเข้ากับด้ามจับ จากนั้นเริ่มขยับเท้ารำดาบ
เป็น ‘ทำลายล้างสังหาร’
ด้วยดาบท้าทายเทพที่ปราศจากเพลิงทมิฬ ทักษะโจมตีจำนวนมากครั้งจะไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร
ดาบเล่มนี้มีพลังโจมตีที่สูง เขาจึงเลือกทักษะที่มีเปอร์เซ็นต์ความรุนแรงมากและเจาะเกราะ
เมื่อได้เห็นจังหวะเท้า ลอเอลใช้มือก่ายหน้าผากอย่างผิดหวัง
“ทำไมฝ่าบาทถึงไม่ใช้ทักษะผสานสองชนิดที่ดีที่สุด…”
เหตุใดกริดถึงเลือกทำลายล้างสังหาร แทนที่จะเป็นร่ายรำสังหาร?
กริดอยากให้คำพูดของยูร่าเป็นจริง จนความสัมพันธ์พวกพ้องต้องแตกร้าวงั้นหรือ?
ลอเอลกำลังตึงเครียด แต่เพียงไม่นานต้องเปลี่ยนความคิด
เปรี้ยง—
[ท่านได้รับบาดเจ็บรุนแรง]
[ตำนานจะไม่ตายโดยง่าย ท่านเข้าสู่ภาวะอมตะเป็นเวลาห้าวินาที ด้วยพลังชีวิตหนึ่งหน่วย]
“…!?”
…ยูร่าตายในดาบเดียวจากทำลายล้างสังหาร
ไม่มีสายฟ้าสีแดง ไม่มีเปลวเพลิงสีส้ม ไม่มีเพลิงทมิฬ ไม่มีออปชั่นเพิ่มเติมใดทั้งสิ้น
กริดรีบเข้าเข้าไปขอโทษยูร่าที่ล้มทรุดลง สีหน้าของชายหนุ่มกำลังเจ็บแปลบ
“ม…มันเป็นพลังของไอเท็ม ฉันขอโทษ”
“…”
ยูร่าและสิบวีรชนผู้ก่อตั้งต่างหมดคำพูด
ในวินาทีนี้ ทุกคนเริ่มตระหนักว่า…
พวกเขาได้รับสุดยอดอาวุธจากกริดก็จริง แต่ชุดเกราะยังอยู่ในระดับดาษดื่นจนมิอาจเรียกตัวเองว่าโอเวอร์เกียร์ได้เต็มปาก
“ร่างโคลนใช้ไอเท็มเก่าของนายเมื่อหลายปีก่อนใช่ไหม? มันอาจมีฝีมือสูงกว่า แต่ไอเท็มของกริดล้ำหน้าไปไกลแล้ว ดังนั้น…”
เสียงของลอเอลดังกังวานทั่วลานประลองอันเงียบงัน
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,295
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
เหมืินว่าจะไม่มีอะไรต้องกังวนแล้วล่ะก็ริดเอ่ย
ReplyDeleteสนุกมาก ครับ ขอบคุณครับ ดองไว้นาน อ่านสะใจเลย
ReplyDeleteขอบคุณมากครับ
ReplyDeleteอยากรู้ผลไวๆจัง😄
สายรุมครับ ไม่ได้ 1-1
Deleteแล้วร่างโคลนมันได้พลังจากบาเอลด้วย มันก็ไม่ได้แพ้ง่ายขนาดนั้น
Delete😄👍👍👍
Deleteค้างคับแอด
ReplyDeleteดังนั้นร่างโคลนกริดจะต้องไปตีบวกไอเทมของตัวเองก่อนจะมาสู้ 5555
ReplyDeleteคิดถึงนะครับ แอด😁😆
ReplyDeleteเนตรช่างตีเหล็กแพคม่าผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล
ReplyDeleteAdxL มุงสปอยหลายอันละ คิดว่าเท่นักหรอวะที่สปอยคนอื่นอะ ต่ำ
ReplyDelete