จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 901
อาณาจักรเมอร์เร่ถูกรายล้อมรอบทิศด้วยภูเขาและทะเล
อาจไม่ได้เปี่ยมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนจักรวรรดิ หรือภารกิจมากมายที่จูงใจผู้เล่นเหมือนอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ แต่อาณาจักรเมอร์เร่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดในแบบของตัวเอง ไม่แปลกที่จะได้ความนิยมจากผู้เล่นจำนวนมาก
อาณาจักรเมอร์เร่มีผู้เล่นสังกัดกว่าสิบล้านคน และหนึ่งในสิบกำลังกระจุกตัวอยู่ในกรุงยูเด็นซึ่งเป็นเมืองหลวง
ปัจจุบัน กรุงยูเด็นกำลังเกิดความโกลาหลวุ่นวาย ทหารยามวิ่งขวักไขว่ กองทัพหลวงถูกระดมพล เสียงระเบิดและเสียงกรีดร้องดังระงมทั่ว
“ไม่จริงน่า…”
ผู้เล่นนับพันที่ได้ยินเสียงเอะอะวุ่นวาย พวกเรารีบวิ่งมามุงดูเหตุการณ์ ทุกคนเป็นต้องทึ่งเมื่อได้เห็นอัศวินในชุดเกราะสีแดงซีดจางกำลังดวลเดือดกับพลทหารปลายแถวนิรนาม
ทั้งสองสู้กันอย่างดุดันเกรี้ยวกราด ดาบในมือกระหน่ำฟันใส่กันและกันด้วยความเร็วที่มองตามไม่ทัน ร่างกายลอยขึ้นท้องฟ้าทีละนิด แบบเดียวกับเมื่อครั้งงานแข่งนานาชาติที่ผ่านมา การดวลระหว่างกริดและครอเกลในนัดชิงชนะเลิศ
ไม่สิ การดวลกันของสองบุคคลปริศนาในคราวนี้ สร้างความวินาศสันตะโรมากกว่าผู้เล่นหลายเท่า
“อัสโมเฟลลลล!!”
อัศวินในเกราะแดง ซินกูเล็ด ส่งเสียงคำรามซึ่งเปี่ยมด้วยโทสะ
ทุกครั้งที่ชายคนนี้กวัดแกว่งดาบ รัศมีดาบขนาดมหึมาจะพวยพุ่งพร้อมกับทำลายทุกสิ่งที่กีดขวาง กำแพงสูงตระหง่านของอาคารใกล้เคียงพลันแหลกละเอียดในพริบตา
ไม่อยากจะนึกภาพตามว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากมนุษย์รับรัศมีดาบเหล่านี้เข้าไปอย่างจังโดยไร้การปัดป้อง?
เช่นนั้นแล้ว พลทหารผมทองที่เป็นคู่ดวล เขายังมีชีวิตอยู่ดีหรือไม่?
คำตอบคือ ดาบในมือชายคนนี้กำลังแผดเผาทุกสรรพสิ่งจนราบเป็นหน้ากลองไม่ต่างกัน
ฝุ่นควันคละคลุ้งทั่วใจกลางเมืองหลวง ตึกรามบ้านช่องโดยรอบถูกแปรเปลี่ยนเป็นซากปรักหักพังทันใด
“มี NPC ที่สุดยอดขนาดนี้ด้วยหรือ?”
“สัตว์ประหลาดพวกนี้มาจากไหน…เฮ้ย!”
“ห…หลบเร็ว!”
ผู้เล่นที่มุงดูเหตุการณ์ต่างพากันหน้าถอดสี
ดาบของซินกูเล็ดฟันกระแทกใส่พื้นอย่างจังจนเกิดหลุมลึก แรงสะเทือนกระจายออกไปในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรโดยรอบ อัสโมเฟลถูกแรงกระแทกลอยขึ้นไปในอากาศและร่วงหล่นลงพื้นจนได้รับบาดเจ็บ
“อั่ก…!”
สีหน้าเจ็บปวดของอัสโมเฟลได้กระตุ้นต่อมโทสะซินกูเล็ดให้เดือดพล่าน
“ความเจ็บปวดแค่นี้ มันเทียบไม่ได้เลยสักนิด…!!”
ซินกูเล็ดมีบ้านเกิด เป็นบ้านเกิดที่คอยปกป้องคุ้มครองครอบครัวตน
ซินกูเล็ดทุ่มเททุกสิ่งให้บ้านเกิด เขาภาคภูมิใจที่ได้เป็นพลเมืองจักรวรรดิซาฮารันที่ปกครองทวีปตะวันตกมาช้านาน
จนกระทั่งสิบสองปีก่อน
ในครานั้น ซินกูเล็ดออกไปรบในนามบ้านเกิดอย่างห้าวหาญ เขาเข่นฆ่าศัตรูจำนวนมากเพื่อเกียรติยศของจักรวรรดิและสร้างชื่อเสียงให้บ้านเกิด
หลังจบสงคราม ซินกูเล็ดได้รับบาดเจ็บหนัก จึงเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อรักษาตัว แต่สิ่งที่รอต้อนรับกลับมิใช่รอยยิ้มแสนอบอุ่นของชาวเมืองเฉกเช่นทุกครา…
ไม่มีแม้แต่คำยกย่องจากปากจักรพรรดิ
สิ่งที่รออยู่มีเพียงคมหอกดาบของกองทัพนับพันที่นำโดยอัสโมเฟล บุคคลที่ซินกูเล็ดเคยคิดว่าเป็นพวกพ้อง
‘ศัตรูแห่งอาณาจักรเอ๋ย…อย่าได้คิดต่อต้านขัดขืนเด็ดขาด!’
‘…’
ในวินาทีนั้น ฉากเบื้องหน้าซินกูเล็ดไม่ต่างจากขุมนรก
ศีรษะของบุพการี ภรรยา และบุตร ทั้งหมดล้วนถูกแขวนไว้บนกำแพงเมืองที่เคยวิจิตรงดงาม
ณ วันนั้น ซินกูเล็ดหนีตายโดยลั่นวาจาสาบานหนักแน่น เขาต้องแก้แค้นไอ้บัดซบที่ทำให้ชะตาชีวิตตนพังพินาศเยี่ยงนี้
ซินกูเล็ดหมายตัดลิ้น ควักลูกตา ตัดแขนขา และแยกส่วนอัสโมเฟลเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยต่อหน้าครอบครัว
“อัสโมเฟล! จนกว่าแกจะได้รับความเจ็บปวดแบบเดียวกับฉัน!!”
จะลอบเข้ามหานครไททันได้อย่างไร?
ซินกูเล็ดขบคิดเรื่องนี้ตลอดสิบสองปีที่ผ่านมา
แต่วันนี้ อัสโมเฟลกลับปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝัน ถือเป็นโอกาสที่เขาโหยหามาตลอด และแน่นอน ซินกูเล็ดไม่พลาดที่จะคว้าไว้
เทคนิคของซินกูเล็ดคือการใช้ปราณดาบปริมาณมหาศาลโจมตีใส่พื้นดินเป็นวงกว้าง ทุกชีวิตบนพื้นดินจะถูกสูญสิ้นชีวิตอย่างเท่าเทียม
ทักษะทรงพลังดังกล่าวถูกใช้งานโดยมีจุดศูนย์กลางเป็นอัสโมเฟล
“แค่ก!”
ผิวหนังอัสโมเฟลเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำจากปราณดาบยมทูต
ทุกครั้งที่เขากระอักเลือด เส้นโลหิตบริเวณลำคอจะปูดโปนราวกับใกล้ระเบิด
ความตายกำลังคืบคลาน และอัสโมเฟลอยากโอบกอดมันไว้ให้แนบแน่น
เขาต้องการจบชีวิตลงเพื่อชดใช้บาปที่ตนเคยก่อ และได้แต่หวังว่าความแค้นในใจพวกพ้องทุกคนจะสลายไป
ทว่า กษัตริย์ของตนได้มอบหมายภารกิจแสนสำคัญ เขาจะตายก่อนทำมันสำเร็จไม่ได้
เปลวเพลิงร้อนระอุเริ่มพวยพุ่งจากคมดาบอัสโมเฟล สิ่งนี้สลายปราณดาบซินกูเล็ดในรัศมีร้อยเมตรจนหมดสิ้น
แรงสะเทือนบนผิวดินหยุดลง พืชพรรณและมนุษย์ทุกคนถูกปลดปล่อยจากปราณยมทูตแห่งความตาย
“ฉันเป็นคนปาดคอพ่อนายเอง”
อัสโมเฟลสารภาพบาป เขาเป็นคนลงมือปาดคอบิดาซินกูเล็ดด้วยมีดคม
เป็นการปาดที่ไม่ลึกนัก แต่มากพอจะทำให้โลหิตพวยพุงจากเส้นเลือดใหญ่บริเวณลำคอและนำพาไปสู่ความตาย
“ทหารทุกคนที่ทำร้ายครอบครัวนาย พวกเขาปฏิบัติตามคำสั่งของฉัน”
อัสโมเฟลคุกเข่าลงเบื้องหน้าซินกูเล็ด จากนั้นก็เริ่มลงมือทำร้ายตัวเอง
เขาใช้มีดสั้นเสียบเข้าไปที่ดวงตาหนึ่งข้าง เฉือนใบหู กรีดปาก แทงคอ เฉือนหน้าอก เสียบแขน ปาดข้อมือ และแทงขา เขาทำร้ายตัวเองประหนึ่งโรงเชือดสังหารสัตว์
“ทำบ้าอะไรของแก?”
ซินกูเล็ดขมวดคิ้วถาม
“ถ้านายฆ่าฉันหลังจากเสร็จภารกิจ อย่าลืมฉีกร่างฉันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนโยนให้สัตว์ป่ากัดกิน ทำแบบนี้แล้ว ความเคียดแค้นในใจนายคงบรรเทาลงบ้าง”
อัสโมเฟลตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“แต่คงต้องรอไปก่อน จนกว่าฉันจะทำภารกิจของกษัตริย์องค์ใหม่สำเร็จ”
“…”
“ฉันไม่ต้องการให้นายยกโทษหรือเห็นใจ ฉันมาเพื่อกล่าวความในใจ มาเพื่อกล่าวคำขอโทษ บาปที่ฉันก่อต่อครอบครัวนาย มันรุนแรงจนไม่สมควรได้รับการอภัย”
“…”
ใบหน้าซินกูเล็ดเริ่มกระอักกระอ่วน
…การแก้แค้นที่ตนรอคอยมาตลอดสิบสองปีเต็ม เหตุใดมันผิดแผกพิสดารเช่นนี้
“ซินกูเล็ด ช่วยกลับไปอาณาจักรโอเวอร์เกียร์กับฉันด้วย ปิอาโร่กำลังรอนายอยู่”
“…หัวหน้าหรือ?”
***
การดวลตีเหล็กชนะเฮ็กเซเทีย สิ่งนี้สร้างความสุขให้กริดอย่างมาก
เขากลายเป็นผู้มีพระคุณของเทพ ทุกคนในโลกรู้จักชื่อ ไม่เพียงเท่านั้น ช่างตีเหล็ก รวมถึงตัวเขาเอง ต่างกำลังดื่มด่ำไปกับบัฟมหาศาลที่เฮ็กเซเทียอวยพร
กริดภูมิใจจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้
เมื่อคิดว่าช่างเหล็กเผ่าคนแคระ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้แพ็กม่า เริ่มสนใจและต้องการประจักษ์ฝีมือตน กริดกระวนกระวายและคาดหวังเนื้อเรื่องบทใหม่ที่กำลังรออยู่
แต่กระนั้น มิใช่ทุกสิ่งที่ดำเนินไปอย่างราบรื่น
ตำแหน่งของตนถูกใครบางคนในนรกทราบพิกัด รวมถึงความยินดีปรีดาของจอมอสูรลำดับหนึ่ง บาเอล ก็ไม่ใช่สิ่งกริดอ่านแล้วชื่นใจ
ตัวตนในนรกคือใคร? และเหตุใดนามของบาเอลจึงถูกเอ่ย?
กริดพอจะทราบถึงเค้าลางตัวตนบุคคลในนรก และหากเข้าใจไม่ผิด ตัวเขากำลังตกเป็นเป้าสังหารจากมันผู้นั้น
…เขาหวาดระแวงมาตลอด
จนกระทั่งวินาทีนี้ ความกังวลของกริดเกิดเป็นจริงขึ้นมา
[ตัวตนในนรก ที่ทราบถึงตำแหน่งของท่าน บัดนี้ย่างกรายเข้าสู่โลกกึ่งกลางแล้ว]
‘จะเป็นอย่างที่คิดรึเปล่านะ?’
คงไม่ใช่จอมอสูรแน่
เพราะหากใช่ ข้อความโลกคงประกาศกึกก้องเหมือนครั้งบีเลียล
‘ตัวตนที่มองหาเราในขุมนรกไม่ใช่จอมอสูร และมันต้องการฆ่าเราถึงขนาดหาทางขึ้นมายังโลกกึ่งกลางทันทีที่ทราบตำแหน่ง…’
คงเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากร่างโคลน
ร่างโคลนถูกตั้งคำสั่งให้ฆ่ากริดตั้งแต่เกิด และจากปากคำของยูร่า เจตนาของมันยังคงเป็นเช่นเดิมแม้จะผ่านมานานหลายปี
มันยังคงตามหากริดเพื่อฆ่าทิ้ง
‘ไม่ผิดแน่ ต้องเป็นร่างโคลนเรา’
คำถามใหม่ผุดขึ้น
‘แล้วมันออกจากขุมนรกได้ยังไง?’
ยูร่าระบุชัดเจนว่า รูปลักษณ์ร่างโคลนเหมือนกริดในยามใช้ร่างมืดไม่มีผิดเพี้ยน
ร่างโคลนลงไปยังขุมนรกเพราะตายในร่างมืด แต่มันกลับคงสภาพร่างมืดได้ถาวร และอาศัยในขุมนรกนับแต่นั้นมา
ในการจะหลุดพ้นจากขุมนรก มีแต่ต้องหลุดพ้นจากบัฟร่างมืดเท่านั้น
และเมื่อสลายจากร่างมืดกลับกลายเป็นมนุษย์ ตัวคนร่างโคลนก็ควรถูกตัดสินให้ตายและหายจากระบบซาทิสฟายถึงจะถูก เพราะมันเป็นเพียงโคลนของบททดสอบหมู่เกาะเบเฮ็น
กริดขบคิดสถานการณ์จากสิ่งที่เขาเคยสัมผัสด้วยตัวเอง
‘ไม่สิ อาจเป็นเหตุผลอื่น ตัวตนร่างโคลนไม่เหมือนกับเรา’
ชายหนุ่มส่ายศีรษะสลัดความคิด
วิธีที่โคลนหลบหนีจากขุมนรก ยามนี้ไม่สลักสำคัญอีกต่อไปแล้ว
ร่างโคลนซึ่งแม้แต่จอมอสูรบีเลียลยังหวาดหวั่น บัดนี้กำลังขึ้นมาสร้างหายนะบนโลกมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่เหมือนกับจอมอสูร สิ่งหมายความว่า ร่างโคลนจะไม่อ่อนแอลงเมื่ออาศัยในโลกกึ่งกลาง
หากกริดคำนวณไม่ผิด บนโลกมนุษย์ ร่างโคลนจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าบีเลียลเสียอีก ซึ่งสิ่งมีชีวิตบัดซบนั่นกำลังหมายปองเอาชีวิตตน
มีโอกาสสูงที่ร่างโคลนจะมุ่งหน้ามายังอาณาจักรโอเวอร์เกียร์โดยไม่รีรอ เหตุการณ์เช่นนี้จะทำให้ผู้คนบริสุทธิ์จำนวนมากต้องล้มตาย
กริดต้องหาทางหยุดยั้งก่อนเกิดหายนะ
‘มันถึงไหนแล้ว…’
โคลนทราบตำแหน่งกริด แต่กริดไม่ทราบตำแหน่งมัน
‘เราควรทำยังไงดี?’
กริดไม่คิดให้มากความ เขามีกลุ่มบุคคลที่พึ่งพาได้อยู่ข้างกาย
“เรียกตัวสิบวีรชนผู้ก่อตั้ง รวมถึงจอมปราชญ์สติกส์ มาหาฉันโดยเร็วที่สุด!”
“ขอรับ!”
ปัญหาใหญ่ขนาดนี้ เขาไม่ควรขบคิดหาข้อสรุปลำพัง พวกพ้องคือสิ่งที่ต้องพึ่งพา
อาณาจักรโอเวอร์เกียร์เปี่ยมด้วยเหล่าอัจฉริยะมากมาย หากไม่ใช้งานบ้างคงจะเสียของแย่
***
แสงสีแดงกะพริบวูบวาบไปทั่วห้อง เสียงสัญญาณเตือนดังระงมไม่ขาดสาย
[TEX-214098 เริ่มลงมือแล้ว!]
ยุนนาฮี หัวหน้าทีมปฏิบัติการ รีบรุดกลับมายังห้องทำงาน ทั้งที่ล่วงเลยเวลางานและเธอกลับถึงบ้านแล้ว
“รหัส TEX เป็นของร่างโคลนไม่ใช่รึไง? ร่างโคลนของใครก่อเรื่อง?”
ซาทิสฟายมีร่างโคลนนับแสนตัว แต่ละตัวสามารถคัดลอกทักษะและรูปลักษณ์ของเป้าหมายได้สมบูรณ์แบบ
สิ่งมีชีวิตประเภทร่างโคลนมิได้หายากหรือทรงพลังขนาดนั้น
การกระทำของโคลนเพียงหนึ่งตัวไม่ควรส่งผลกระทบร้ายแรงต่อโลกซาทิสฟาย
กระนั้น ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ มอร์เฟียส กลับรายงานให้เป็นเหตุวิกฤติ
เพราะอะไรกัน?
‘…หืม?’
ยุนนาฮีอดเคลือบแคลงไม่ได้ว่า บางทีมอร์เฟียสอาจทำงานผิดพลาดเป็นครั้งแรก
เธอกัดเล็บพลางขมวดคิ้วครุ่นคิด
‘นี่เราต้องทำงานล่วงเวลาด้วยเหตุผลไร้สาระแบบนี้หรือ?’
ทันใดนั้น เธอพลันฉุกคิดถึงใครบางคนเขาคือบุคคลที่มักสร้างปรากฏการณ์เหนือความคาดหมายเสมอ
“เป็นเขา…?”
ถ้าหากใช่ ค่ำคืนนี้คงอีกยาวไกล
ยุนนาฮีวางกระเป๋าลงพร้อมกับสวมชุดคลุมสีขาวเตรียมทำงาน
“ตรวจสอบรหัส 214098 เร็วเข้า”
“ร…ร่างโคลนกริดครับ!”
สมาชิกทีมปฏิบัติการรีบรายงาน
เป็นอย่างที่เธอคาด
จอภาพนับร้อยในห้องทำงาน ทั้งหมดพลันฉายภาพร่างโคลนกริดจากทุกมุม
นี่พื้นหลังแสดงผลผิดพลาดรึเปล่า?
เหตุใดถึงไม่ใช่ขุมนรกมืดมิดที่เต็มไปด้วยลาวาเดือด แต่กลับเป็นผืนป่าเขียวชอุ่ม
“ตำแหน่งของ 214098 ไม่ใช่ขุมนรกรึไง? ทำไมถึงอยู่บนโลกกึ่งกลางได้?”
เหล่าหัวกะทิในทีมปฏิบัติการต่างเร่งมือพิมพ์คีย์บอร์ดสืบหาสาเหตุ
ทุกคนพยายามวิเคราะห์หาเส้นทางที่ 214098 ใช้ออกจากขุมนรก
“เป็นหนึ่งในความบันเทิงของบาเอล”
ลิมชอลโฮปรากฏตัวในห้องพร้อมกับคลายความสงสัยของทุกคน
สีหน้าของเขากำลังยิ้มแย้ม แสดงอาการตื่นเต้นชัดเจน ใบหน้าอ่อนวัยกว่ายามปรกติราวสิบปีเห็นจะได้
“บาเอล…? S-003 หรือคะ?”
“ถูกต้อง จอมอสูรลำดับหนึ่ง บาเอล”
ในฐานะตัวตนที่มีปัญญาประดิษฐ์ซับซ้อนมากที่สุด บาเอลคือสิ่งมีชีวิตจำพวกแรกที่เข้าถึงอารมณ์ ‘เบื่อหน่าย’ มันจึงก่อเหตุการณ์มากมายในซาทิสฟายเพื่อ ‘ความบันเทิง’ ส่วนตัว
ตามเนื้อเรื่องหลักของซาทิสฟาย หลายสิ่งอุบัติขึ้นโดยฝีมือบาเอลเพราะมันต้องการเห็นความสนุกตื่นเต้น หนึ่งในนั้นคือการช่วยแพ็กม่า
ตัวตนบาเอลทำให้ประวัติศาสตร์ซาทิสฟายซับซ้อนและเข้มข้นมากขึ้น
และนี่ก็เป็นอีกครั้ง
“ถัดจากแอ็กนัส กริดได้กระตุ้นต่อมความสนใจของบาเอล เขาเริ่มสัมผัสได้ว่า กลุ่มห้าปาฏิหาริย์ต้องช่วยบรรเทาอาการเบื่อหน่ายของตนได้แน่”
“และนั่นเป็นสาเหตุที่ร่างโคลนกริดหลุดพ้นจากขุมนรก…”
“เธอเดาถูกแล้ว นี่คือเจตจำนงของบาเอล มิใช่ระบบรวน หากให้อธิบายเป็นภาษาซาทิสฟาย สิ่งนี้คือพรจากเทพ หรือไม่ก็คำสาปจากจอมอสูร อย่างใดอย่างหนึ่ง”
“…”
บนจอฉายภาพ ร่างโคลนกริดกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
ในอดีต เมื่อครั้งกริดปลดล็อกทักษะใหม่ด้วย ‘พรจากเทพธิดา’
ร่างโคลนเช่นกัน
ในช่วงที่ผ่านมา กริดแข็งแกร่งขึ้นมาจากการดวลและภารกิจซับซ้อน
ร่างโคลนก็เช่นกัน
ผู้เล่นในปัจจุบันจะทนรับภัยพิบัติที่บาเอลนำพาสู่โลกมนุษย์ได้หรือไม่?
‘…คงยากมาก ต่อให้ห้าปาฏิหาริย์ร่วมมือกันก็ตาม’
อาจรับมือได้ด้วยกองทัพหลายอาณาจักร แต่ความสูญเสียจะมากมายเกินคาดเดา
ร่างโคลนมีพลังต่อสู้สูงมาก พร้อมด้วยทักษะและไอเท็มสุดโกงจากกริด
กองทัพอาจสูญเสียถึงหลักล้านคน
“…ฮะฮะ”
ยุนนาฮีหัวเราะแห้ง
เดิมที มนุษยชาติมีชะตาต้องจบสิ้นเพราะมังกรคลั่งเนอวาร์ธานหรือไม่ก็ยุคสมัยดาร์คเอลฟ์ แต่กริดกับครอเกลทำให้บทของมังกรคลั่งถูกยกเลิกไป ไม่เพียงเท่านั้น กริดกับเคียร์ยังทำให้บทเนื้อเรื่องของดาร์คเอลฟถูกทำลายโดยสมบูรณ์
ทั้งสามคนช่วยโลกโดยไว้ไม่รู้ตัว
‘แต่มนุษย์ต้องตกอยู่ในอันตรายอีกครั้งเพราะกริด’
สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร?
คำตอบคือ โชคชะตา
ไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ แม้กระทั่งซูเปอร์คอมพิวเตอร์อย่างมอร์เฟียสก็มิอาจคาดเดาโชคชะตาได้
“ฮะฮะ…”
นักวิทยาศาสตร์อย่างเธอกำลังพูดเรื่องโชคงั้นหรือ? สิ่งเดียวที่ออกจากปากเธอคือเสียงหัวเราะแห้ง
ขณะยุนนาฮีขบขัน ประธานลิมชอลโฮกล่าวขึ้น
“น่าตลกใช่ไหม? ฉันก็เคยคิดแบบเดียวกับเธอเมื่อนานมาแล้ว”
ลิมชอลโฮมองออกว่า ยุนนาฮีกำลังมองว่า เหตุการณ์ปัจจุบันคือโชคชะตานำพา
‘และเมื่อมีสิ่งที่ผิดแผกเกิดขึ้น…’
กริดจะทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ได้เสมอ
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,294
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
งานนนเข้าแล้วววว
ReplyDeleteค้างงง
ReplyDeleteสนุกมากขอบคุณครับ😊
ค้างคับ
ReplyDeleteรหัส S-003 คือจอมอสูรลำดับหนึ่ง"บาเอล" แล้วรหัสS-001จะโหดขนาดไหน 😱😱
ReplyDeleteไม่..รีเบคก้า ก็ยาธารแหล่ จอมอสูรที่1 มักจะโหดกว่าชาวบ้านเสมอ เลยได้เลข3
Delete