จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 898
[ดาบท้าทายเทพถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ถูกสร้างขึ้นบนแอสการ์ด : ปฐมโลกา]
[พลังงานบนโลก ‘แอสการ์ด : ปฐมโลกา’ ถูกปลดปล่อยออกจากดาบท้าทายเทพ]
[เมฆทองปรากฏ!]
[เมฆทองคือสะพานเชื่อมระหว่างท่านและดินแดน ‘แอสการ์ด : ปฐมโลกา’]
“…!”
เมฆทองก่อตัวเป็นชั้นลดหลั่นลงมาจากฟากฟ้าเบื้องบน ปลายทางขั้นบันไดคือกริด ราวกับบอกเป็นนัยให้กริดปีนป่ายขึ้นไปบนสรวงสวรรค์
“โอ้…! โอ้ววว!!”
“สะพานเชื่อมต่อกับเทพธิดา…!”
สาวกรีเบคก้าต่างพากันตกตะลึง สภาอาวุโสกำลังทึ่งสุดขีด ส่วนกริดดื่มด่ำไปกับข้อความระบบมากมายเบื้องหน้า
สวรรค์มีอยู่จริง!
บันไดเมฆทองคือเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าความศรัทธาตลอดชีวิตของพวกเขาไม่ใช่สิ่งเพ้อฝัน
เทพมีตัวตน และพวกเขาก็บูชาในสิ่งที่มีอยู่จริงมาตลอด
[การปรากฏตัวของเมฆทองสร้างขวัญกำลังใจให้กับทุกชีวิตที่บูชาเทพ]
[ในช่วงเวลาสามนาทีที่เมฆทองแสดงผล บุคคลที่บูชาเทพจะได้รับพลังโจมตีและป้องกันเพิ่มขึ้น 10%]
[เมฆทองสร้างความหวาดหวั่นแก่ฝ่ายที่มิได้บูชาเทพ]
[ในช่วงเวลาสามนาทีที่เมฆทองแสดงผล บุคคลที่ไม่บูชาเทพจะสูญเสียพลังโจมตีและป้องกัน 10%]
[ท่านบูชาเทพหลายตน พลังโจมตีและป้องกันของท่านเพิ่มขึ้น 10%]
“เฮ่อ...”
กริดถอนหายใจอย่างผิดหวัง
การแบ่งแยกระหว่างผู้ที่บูชาเทพกับผู้ที่ไม่สินะ…
เมฆสีทองแบ่งแยกบัฟและดีบัฟเป็นสองฝ่าย โดยค่าบัฟพลังโจมตีและป้องกันมิได้สูงส่งขนาดนั้น เพียงแค่ 10% ถือเป็นผลลัพธ์ซึ่งต่ำกว่าที่กริดคาดหวังไว้มาก
เขาเคยหวังว่าเมฆทองต้องเป็นทักษะโจมตีวงกว้างที่ทรงพลังเหมือนเพลิงทมิฬ แต่ความจริงแล้วตรงกันข้าม เมฆทองเป็นเพียงบัฟและดีบัฟวงกว้าง ไม่สนมิตรหรือศัตรู ขอเพียงผู้เป็นผู้บูชาเทพเท่านั้น
ปัจจุบัน สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนล้วนบูชาเทพเฮ็กเซเทียเพราะมีโบสถ์เฮ็กเซเทียตั้งอยู่ในกรุงไรนฮาร์ท
พวกเขาถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบูชาเทพทั้งที่มิได้เป็นพาลาดินหรือนักบวชของโบสถ์ใด
หมายความว่า ผู้เล่นทั่วไปก็ไม่ต่างกัน ขอเพียงบูชาเทพสักองค์ในโลกซาทิสฟาย คนเหล่านั้นจะได้รับบัฟเมฆทอง
‘หากเมฆทองถูกอัญเชิญระหว่างสนามรบ…’
สถานการณ์สงครามคงประหลาดและผิดแผกไม่น้อย ผลแพ้ชนะสนามรบจะอยู่ที่ว่าฝ่ายใดนับถือศาสนามากกว่ากันงั้นหรือ?
ยกตัวอย่างจักรวรรดิซาฮารัน พวกมันล้วนนับถือโบสถ์รีเบคก้าเป็นศาสนาประจำจักรวรรดิ หมายความว่า กองทัพซาฮารันทุกนายจะได้รับบัฟเมฆทอง
‘เหลวไหลสิ้นดี แต่ช่างเถอะ…อย่างน้อยเราก็มั่นใจว่ากองทัพโอเวอร์เกียร์ทุกคนได้รับบัฟเมฆทอง’
ถึงจะไม่มีผลเสีย แต่ผลดีก็น้อยกว่าที่คาดหวังไว้
พลังเมฆทองไม่สนองความพึงพอใจกริดเท่าที่ควร เขาเคยได้รับพลังสุดยอดกว่านี้หลังจากล้มจอมอสูรอัสทารอธ บัฟเมฆทองจึงกลายเป็นสิ่งด้อยค่าในสายตา
…ราวกับสวรรค์อ่านสีหน้าผิดหวังของกริดออก
[เทวทูตน้อยที่อยู่อีกปลายฝั่งของเมฆทองกำลังย่างกรายลงมาที่โลกกึ่งกลาง]
[เทวทูตน้อยให้ความสนใจกับโลกกึ่งกลางอย่างมาก]
[ทว่า เทวทูตน้อยตัดสินใจไม่ลงมายังโลกกึ่งกลางเพราะพวกเขาทราบว่าระยะเวลาของเมฆสีทองสั้นเกินไป]
[ทักษะต่อเนื่อง ‘เทวทูตอาเรีย’ แสดงผลล้มเหลว]
“…???”
‘เทวทูตอาเรีย?’
ความผิดหวังก่อนหน้าพลันสลายเป็นปลิดทิ้ง กริดยังจดจำนามของเทวทูตน้อยที่เคยพบบนแอสการ์ดได้ดี
ชายหนุ่มเริ่มมั่นใจ เมฆทองคือทักษะพื้นฐานของการอัญเชิญทักษะใหญ่ในอนาคต ไม่ใช่เพียงบัฟหรือดีบัฟแสนธรรมดาอย่างที่คิด
ขณะเดียวกัน…
“…”
ดาเมี่ยนพยุงร่างขึ้นพลางกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวด
ความพ่ายแพ้คือสิ่งใด? สำหรับดาเมี่ยน มันคือการถอดใจกลางคันโดยที่ไม่ได้สู้จนถึงที่สุด
ดาเมี่ยนยอมรับและศรัทธาในความแข็งแกร่งของกริดมาก แต่ต้องแยกแยะให้ออกกับการยอมจำนน
ทุกครั้งที่เขาพ่ายแพ้กริดหมดรูป ดาเมี่ยนจะรู้สึกละอายใจเสมอ
‘ต่อให้ไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรี แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราอ่อนแอเกินไป นั่นคงเป็นสาเหตุที่กริดผิดหวังในตัวเราบ่อยครั้ง’
ดาเมี่ยนพัฒนาขึ้นเร็วกว่าใครก็จริง แต่หากเทียบกับกริด เขาเป็นได้เพียงมดปลวก ดาเมี่ยนสัมผัสถึงความผิดหวังจากกริดได้
ในฐานะสันตะปาปาผู้นำศาสนาเอกของโลกซาทิสฟาย กริดคงคาดหวังให้ตนแข็งแกร่งกว่านี้
ดาเมี่ยนต้องการพิสูจน์ฝีมือและความเพียรพยายามที่ผ่านมาให้กริดได้เห็น
ใช่แล้ว สิ่งเดียวที่มนุษย์ทุกคนบนโลกได้รับเท่าเทียมกันคือ ‘เวลา’
หลังจากจบการแข่งนานาชาติ กริดผ่านการผจญภัยและพัฒนาตัวเองนับไม่ถ้วน แต่ตัวดาเมี่ยนก็ไม่ต่างกัน เขาไม่ควรพ่ายแพ้กริดอย่างหมดรูปและน่าอับอายเช่นนี้
สันตะปาปาฝืนพยุงร่างที่ไหม้เกรียมจากสายฟ้าลุกยืนขึ้น
ดาเมี่ยนไม่หวังถึงพาบัฟพลังโจมตีและป้องกัน 10% จากเมฆทองมากนัก เขาทราบดีว่ากริดเองก็ได้รับบัฟชนิดเดียวกัน
“ลมหายใจเทพธิดา”
แสงสว่างแสนอบอุ่นโอบล้อมร่างดาเมี่ยนไว้ พลังชีวิตของเขาถูกฟื้นฟูกลับมาเต็มหลอดอีกครั้ง
กริดพลันประหลาดใจในสายตาอันแน่วแน่ที่ดาเมี่ยนแสดงให้เห็น
“จะต่อหรือ?”
ดาเมี่ยนไม่ใช่ฝ่ายที่ต้องการดวลตั้งแต่ต้น เพียงคิดว่าปลายทางมีความพ่ายแพ้รออยู่ ดาเมี่ยนเอาแต่สู้ด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว
กริดค่อนข้างผิดหวัง
ดาเมี่ยนคนเก่าหายไปไหน? ดาเมี่ยนที่กัดฟันสู้กับสันตะปาปาเดรวิโก้ชั่วร้าย ดาเมี่ยนที่ดวลกับปิอาโร่อย่างสูสี และดาเมี่ยนที่ฝีมือทัดเทียมกับอริยดาบครอเกล
ดาเมี่ยนผู้มีจิตใจไม่สั่นคลอนคนนั้นหายไปไหนกัน?
ดาเมี่ยนอ่อนแอลงมากหลังจากกลายเป็นสันตะปาปา ไม่ใช่ฝีมือ แต่เป็นจิตใจ
เพราะมีตำแหน่งสัตนะปาปาค้ำคอ ดาเมี่ยนจึงต้องคอยปกป้องศักดิ์ศรีและภาพลักษณ์ของโบสถ์รีเบคก้าอยู่เสมอ
เฉกเช่นการดวลคราวนี้ หากเป็นหลายปีก่อน ดาเมี่ยนคงดีใจจนเนื้อเต้นที่ได้ดวลกับกริด แต่ปัจจุบัน เขาทำเพียงสะอื้นด้วยสีหน้าหวาดผวาและดำมืด
ดาเมี่ยนไม่ต้องการอับอายต่อหน้าอิสซาเบล ไม่มีกะจิตกะใจจะสู้กับกริดแม้แต่น้อย
ไม่เหมือนกริดที่ยิ่งแข็งแกร่งเมื่อเวลาผ่านไป ฝ่ายดาเมี่ยนอ่อนแอลง
กริดอดคิดไม่ได้ว่า ดาเมี่ยนคงกำลังเผชิญกับอารมณ์ที่หลากหลาย
ส่วนหนึ่งเป็นความผิดของตน เขาและลอเอลต้องการให้ดาเมี่ยนดำรงตำแหน่งสันตะปาปาต่อไปให้ยาวนานที่สุด แต่ตำแหน่งสันตะปาปากลับเป็นสิ่งที่กัดกร่อนจิตวิญญาณอันแน่วแน่ของดาเมี่ยน
ดาเมี่ยนอาจเปลี่ยนไปในหนทางที่เติบโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น รู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และรักษาภาพลักษณ์ขององค์กร
แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ฝืนต่อธรรมชาติของเขา มันทั้งขื่นขมและน่าเจ็บปวด
ทว่า ณ บัดนี้…
“ฉันจะสู้จนถึงที่สุด! อาจเป็นการถูกถล่มฝ่ายเดียว แต่ฉันคงเสียใจแย่ถ้ากริดไม่รู้สึกสนุกแม้แต่น้อย”
ดาเมี่ยนเปลี่ยนกลับเป็นคนเก่า เขาถอดชุดคลุมที่เป็นสัญลักษณ์ของสันตะปาปาออก
“หลวงพ่อ!”
สภาอาวุโสต่างส่งสายตาตำหนิ พวกเขาไม่ชอบใจที่ดาเมี่ยนถอดเครื่องหมายสันตะปาปาต่อหน้าสาวกจำนวนมาก
หากเป็นดาเมี่ยนตามปรกติคงหัวเราะแห้งพลางเกาศีรษะเคอะเขิน แต่ไม่ใช่กับดาเมี่ยนในปัจจุบัน
“มันขาดความคล่องตัว ฉันต่อสู้โดยมีเศษผ้าพันธนาการชุดเกราะไม่ได้หรอกนะ”
“…”
“ได้โปรดอย่าลืมว่าฉันไม่เหมือนสันตะปาปาองค์ก่อน ฉันเป็นพาลาดิน มิใช่นักบวช”
“...”
“สันตะปาปาองค์แรกก็เคยสวมชุดเกราะออกศึกเมื่อครั้งทำสงครามผนึกแม่รี่โรสไม่ใช่หรือ?”
ดาเมี่ยนรู้สึกดีที่ได้เห็นสภาอาวุโสมิอาจโต้เถียงและทำได้เพียงอ้ำอึ้ง
จากนั้น เขาชี้ปลายดาบหากริด
ปัจจุบัน ผลของบัฟสุดทรงพลังเหลือระยะเวลาเพียง 1 นาทีกับ 10 วินาที
“ฉันจะสู้ด้วยทุกสิ่งที่มี”
เขาไม่แยแสสายตาจากสาวกหรืออิสซาเบลอีกแล้ว ดาเมี่ยนกำลังต่อสู้เพื่อตัวเอง ยอมละทิ้งแม้กระทั่งความน่าเกรงขามของสันตะปาปา
กริดฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่ออ่านเจตนาดาเมี่ยนออก
“ตกลง เข้ามา!”
ขณะเดียวกัน ราชาโอเวอร์เกียร์นำค้อนสี่อันออกจากช่องสัมภาระ
ทั้งหมดคือมโยลเนียร์ทั้งสี่ที่สามารถสร้างอาการชะงักแก่ศัตรู แน่นอน รวมถึงมโยลเนียร์ +10 ด้วย
กริดเกิดสมมติฐาน หัตถ์เทวะโปร่งแสงที่ถูกอัญเชิญจากดาบท้าทายเทพจะใช้งานมโยลเนียร์ได้หรือไม่?
‘บางที…’
หัตถ์เทวะโปร่งแสงรุ่นใหม่ควรต้องสวมใส่ไอเท็มได้ตามปรกติ เพราะหากสวมไอเท็มไม่ได้ ประสิทธิภาพคงด้อยลงจากเดิมจนน่าผิดหวัง
ทันใดนั้น หัตถ์เทวะโปร่งแสงได้คว้ามโยลเนียร์จากกริดไปถือ
‘เจ๋ง!’
เมื่อเห็นดังนั้น ชายหนุ่มกดปุ่มที่ด้ามจับดาบอีกครั้ง ใบดาบท้าทายเทพหลุดกระเด็นออก แทนที่ด้วยใบดาบอัสนีฯ สีดำแดงซึ่งลุกโชนด้วยเปลวเพลิงระอุ
ถึงจะเปลี่ยนใบดาบไปแล้ว แต่หัตถ์เทวะโปร่งแสงยังคงลอยวนเวียนรอบตัวกริดอยู่เช่นเดิม
‘ถ้าใช้เวทมนตร์ให้ถูกจังหวะ เรายังพอมีโอกาสตอบโต้’
ดาเมี่ยนพยายามไม่สนใจลูกเล่นมากมายที่กริดแสดงให้เห็นเมื่อเมื่อครู่
หัตถ์เทวะเปิดฉากพุ่งปรี่ใส่ดาเมี่ยนหมายทุบด้วยค้อน ดาเมี่ยนย่อมทราบ หากตนปล่อยให้มโยลเนียร์ทุบเข้า อาการชะงักถาวรจะอุบัติและหมายถึงความพ่ายแพ้
ดาเมี่ยนลงมือเสกม่านบาเรียจำนวนมากกลางอากาศเพื่อปัดป้องหัตถ์เทวะ ขณะเดียวกันก็บิดตัวฟันดาบใส่ใบดาบท้าทายเทพที่ลอบพุ่งโจมตีจากด้านหลัง
ดาบบินของกริดถูกส่งลอยกระเด็นในพริบตา ดาเมี่ยนไม่คิดติดกับลูกไม้เดิมซ้ำสอง
ทว่า การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ได้ก่อให้เกิดช่องว่างเล็กน้อย
“สยบ!”
ชายหนุ่มปลดปล่อยวิชาดาบแพ็กม่าที่มีท่วงท่ารำแสนสั้น เขาจำเป็นต้องเอาจริงเพื่อเป็นการให้เกียรติดาเมี่ยน
ราชาโอเวอร์เกียร์ไม่คิดออมมือ
ดาเมียนรีบขยับโล่สี่เหลี่ยมป้องกัน ‘สยบ’ โดยไม่เหลียวมอง เขาคาดเดาไว้แล้วว่ากริดต้องโจมตีใส่ช่องว่างที่ต้นเผย
[‘โล่เหลี่ยมแสงเทพ’ ถูกโจมตีอย่างรุนแรง]
[โล่เหลี่ยมแสงเทพสูญเสียความคงทน 67 หน่วย]
[แขนซ้ายของท่านเป็นอัมพาตชั่วคราว]
[ท่านต้านทานอาการอัมพาต]
“อึก…!”
สมกับเป็นกริด ชายคนนี้ขี้โกงเสมอต้นเสมอปลาย
ความคงทนของโล่ใหญ่ที่ถูกออกแบบเพื่อป้องกัน กลับลดลงเกือบร้อยหนึ่งด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ดาเมี่ยนอดคิดไม่ได้ว่า โล่อันนี้ถูกสร้างขึ้นตามมาตรฐานแล้วจริงหรือ
ขณะเดียวกัน วงแหวนทองขนาดเล็กจำนวนมากปรากฏขึ้นเหนือหัวไหลสันตะปาปาแห่งโบสถ์รีเบคก้า ดาเมี่ยนเล็งกระหน่ำยิงลำแสงสีขาวใส่กริดเพื่อเป็นการตอบโต้
แน่นอน ลำแสงสีขาวพุ่งปะทะฝูงหัตถ์เทวะจนพวกมันชะงักงัน
ใบดาบท้าทายเทพยังคงรอดพ้นจากการโจมตี มันฟันเฉือนใส่ร่างดาเมี่ยนอย่างจังจากด้านหลัง
ดาเมี่ยนพยายามพลิกสถานการณ์ให้เหลือตนและกริดหนึ่งต่อหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่ไม่สำเร็จ
ไม่เพียงเท่านี้ สันตะปาปาแห่งรีเบคก้ากำลังเผชิญวิกฤติที่ใหญ่กว่าเดิม
“ดาบพินาศทัพหนึ่งแสน”
ดาเมี่ยนเคยคิดว่าตัวเองเป็นผู้เล่นที่มีความถึกทนมากที่สุดของโลก แต่เขาเริ่มไม่มั่นใจอีกต่อไป
ผ่านไปนานหลายปี ระยะห่างจากเขาและกริดยังไม่ลดลง ตรงกันข้าม มันกลับยิ่งกว้างขึ้น
สาเหตุไม่ได้เป็นเพราะดาเมี่ยนพยายามน้อยกว่า แต่เป็นเพราะพลังของกริดอยู่เหนือจินตนาการเกินไป
กริดไม่ใช่ผู้เล่นธรรมดา เขาคือราชาวีรบุรุษ ยิ่งศัตรูแข็งแกร่ง ปราณต่อสู้ของกริดก็ยิ่งเป็นตัวแปรสำคัญให้พลังสัตว์ประหลาดก้าวกระโดด
สรุปโดยสั้นคือ กริดรวบรวมปราณต่อสู้ได้เร็วเพราะดาเมี่ยนแข็งแกร่งมากต่างหาก
[‘โล่เหลี่ยมแสงเทพ’ ถูกโจมตีอย่างรุนแรง]
[ความคงทนของโล่เหลี่ยมแสงเทพลดลง 35 หน่วย]
[ความคงทนของโล่เหลี่ยมแสงเทพลดลง 31 หน่วย]
[ความคงทนของโล่เหลี่ยมแสงเทพลดลง 39 หน่วย]
[ความคงทนของโล่เหลี่ยมแสงเทพลดลง 20 หน่วย]
[ความคงทนของโล่เหลี่ยมแสงเทพลดลง…]
[อันตราย! โล่เหลี่ยมแสงเทพใกล้ถูกทำลาย!]
กริดยังคงโหมโจมตีโดยไม่หยุดพัก
[โล่เหลี่ยมแสงเทพถูกทำลาย!]
โล่ใหญ่ที่ช่วยปกป้องดาเมี่ยนจากเหตุการณ์สำคัญมากมาย ยามนี้ถูกทำลายกลายเป็นแสงสีเทาคามือ
“หน่านี๊!? กุศลแห่งสันตะปาปา! เทพธิดาคุ้มครอง!”
ดาเมี่ยนพยายามยื้อชีวิตด้วยการร่ายเวทฮีลและบัฟบาเรียคุ้มกาย
“ร่ายรำสังหาร!”
กริดซัดท่าแทงแสนทรงพลังใส่ดาเมี่ยนที่ปราศจากโล่กำบัง
พลังชีวิตดาเมี่ยนกลายเป็นหนึ่งหน่วยในพริบตา สิ่งนี้คือสัญญาณยุติการดวลจากระบบ
“แฮ่ก…แฮ่ก”
สีหน้าดาเมี่ยนพลันดำมืด ร่างกายของเขาบาดเจ็บสาหัสหลายแหล่ง
ดาเมี่ยนอับอายที่ตนอ่อนแอ ไม่สามารถเป็นได้แม้กระทั่งคู่ซ้อมที่สูสีให้กริด
เขาไม่คู่ควรกับการยืนเคียงค่าเคียงไหล่กริดแม้แต่น้อย
ทันใดนั้น…
[ท่านได้ยินเสียงอันอบอุ่นของเทพธิดารีเบคก้า]
>> อัครทูตของเราเอ๋ย เจ้าต้องแข็งแกร่งกว่านี้
คลาสลับ ‘อัครทูตแห่งเทพธิดา’ ดำเนินมาถึงจุดพลิกผันอย่างใหญ่หลวง
[เทพธิดาแห่งแสงคือเทพสูงสุดของเทพทั้งปวง เธอจึงมองว่า ท่านที่เป็นอัครทูตแห่งเทพธิดา สมควรแข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน]
[เทพธิดาเฝ้ามองท่านมาตลอด และเห็นว่าท่านพ่ายแพ้แก่คู่ต่อสู้คนเดิมบ่อยครั้งเกินไป เธอจึงตัดสินใจมอบบททดสอบให้ท่าน]
[ภารกิจประจำคลาส ‘กลายเป็นอัครทูตแห่งเทพธิดาที่แท้จริง’ ถูกสร้างขึ้น]
“เอ๋?”
ภารกิจประจำคลาสอุบัติขึ้นอย่างไม่คาดคิด ถึงกริดจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ดาเมี่ยนตระหนักว่าตนควรซาบซึ้งในบุญคุณกริด
“สู้ได้ดีมาก การดวลกับนายทำให้ฉันสนุกเสมอ”
“…”
ดาเมี่ยนที่นั่งหมดสภาพบนผืนหญ้า เขาเงยหน้าขึ้นมองกริดผู้กำลังยื่นมือมาหา
ดาเมี่ยนมิได้ยกมือขึ้นจับตอบ เขาทำเพียงจดต้องกริดด้วยสายตาเหม่อลอย
เบื้องหลังกริดคือดวงตะวันที่กำลังส่องสว่างเจิดจ้าบนผืนนภา
แม้กริดจะเอาชนะดาเมี่ยนอย่างง่ายดาย แต่สายตากริดมิได้เจือความสมเพชหรือสงสาร ตรงกันข้าม มันเปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจในพวกพ้องที่แข็งแกร่ง
มือของดาเมี่ยนกำขยำหญ้าบนสวน
ตัวตนของกริดเป็นราวกับเทพที่ลงมาจุติบนโลกมนุษย์
ทุกครั้งที่ตนเดือดร้อน จะเป็นกริดที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเสมอ ราวกับกริดเกิดมาเพื่อช่วยเหลือตนแต่เพียงผู้เดียว
“ก…กริด”
ดาเมี่ยนมิอาจเก็บงำความรู้สึก ดวงตาของเขาเริ่มแดงก่ำ ริมฝีปากสั่นระริกพลางสะอื้น
‘หมอนี่ร้องไห้ทำไม?’
กริดหมดคำพูดเมื่อเห็นน้ำตาไหลอาบสองข้างแก้มดาเมี่ยน
“ฉ…ฉันขอโทษ! ฉันจะสร้างโล่ใหม่ให้นายเอง โล่ที่เจ๋งกว่าเดิมสิบเท่า! ได้โปรดหยุดร้อง…”
ยังไม่ทันจะกล่าวจบ ดาเมี่ยนลุกพรวดขึ้นพร้อมกับโอบกอดกริดแนบแน่น เป็นการสวมกอดจากชายหนุ่มผู้มีใบหน้าสง่างาม…
“ค…คิดจะทำอะไร?”
กริดพลันกระอักกระอ่วน เขาพยายามผลักดาเมี่ยนออกไป ทว่า ดาเมี่ยนกลับออกแรงกอดแน่นยิ่งกว่าปลิง
“ไดสุกิ๊! กริดซามา! ไอชิเตรุ!!”
“อ…ออกไปสิโว้ย!”
สวมกอดตนพร้อมกับบอกรักเนี่ยนะ? แถมยังเป็นขณะที่สายตานับร้อยของสาวกกำลังจ้องมอง ในกลุ่มนี้ยังมีผู้เล่นรีเบคก้าแฝงอยู่จำนวนมาก
กริดแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด
เขามั่นใจ ดาเมี่ยนต้องตั้งใจทำให้ตนอับอายแน่ เพื่อเป็นการเอาคืนเรื่องที่ตนทำลายโล่แสนสำคัญ
…
ณ บ่ายวันนั้น…
[ (ข่าวด่วน) สันตะปาปาดาเมี่ยนสารภาพรักราชาโอเวอร์เกียร์!!]
[ดาเมี่ยนบูชากริดเพราะมีเหตุผลส่วนตัวแอบแฝง?]
สื่อทั่วโลกต่างพากันพาดหัวข่าวชวนสยิว ข่าวซุบซิบเช่นนี้ย่อมได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มหญิงสาวที่ชื่นชอบการจินตนาการ
ความโด่งดังของกริดทวีจำนวนขึ้นจนฉุดไม่อยู่ เขาได้รับความนิยมจากบุคคลหลากหลายทุกวงการ
บางที กริดอาจเป็นดาราที่ได้รับความนิยมสูงสุดเท่าที่โลกเคยมีมา
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลยสักนิด…
“บ้าจริง! ให้ตายสิ!”
กริดกำลังอึดอัดใจ จำนวนแอนตี้แฟนเพิ่มขึ้นหลายเท่าหลังจากมีข่าวลือว่ากริดเป็นมหาเพลย์บอยที่ได้ทั้งชายและหญิง
“แต่ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ได้ข้อมูลสำคัญจากการดวลกับดาเมี่ยน ไม่ใช่เรื่องเสียหายมากนัก”
เขาได้ข้อสรุปแล้ว ปัจจุบันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมจะหลอมดาบและค้อนเพื่อกลับไปสร้างเป็นหัตถ์เทวะ
ใบดาบท้าทายเทพมีศักยภาพที่น่าสนใจมาก รวมถึงพลังอัญเชิญเมฆสีทองที่ยังเป็นปริศนา ใบดาบชนิดนี้ไม่ด้อยไปกว่าสมัยที่มันเป็นหัตถ์เทวะเลยสักนิด
ปัจจุบัน กริดมีปัญหาอื่นให้ต้องกังวลมากกว่า
“เราจะหาพาเฟรเนี่ยมเพิ่มได้จากไหนบ้าง?”
เขามั่นใจ ยิ่งตนครอบครองพาเฟรเนี่ยมปริมาณ ความแข็งแกร่งก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
จะหาพาเฟรเนี่ยมจากไหนดี?
“…อ๊ะ!”
กริดพลันนึกถึงร่างโคลนในขุมนรก
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,290
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
This comment has been removed by the author.
ReplyDeleteเดี๋ยวนะ นี่คุณมึงคงจะไม่ลงนรกไปขโมยพาเฟรเนี่ยมจากร่างโคลนมาเพิ่มใช่มะ
ReplyDeleteคิดเหมือนกันเลย😆
Deleteน่าจะไม่ได้คับ แร่มันเป็นไอเทมติดตัวของร่างโคลนเหมือนกริด ถึงตายก็ไม่น่าดรอป แต่อาจจะไดเสกิลใหม่เพิ่ม เช่น สกิบ 5 ทักษะ หรือสกิลจากบาเอลก็ได้
Deleteขอบคุณมากๆครับ😊
ReplyDeleteหนีไปซะ เจ้าร่างโคลน
ReplyDeleteกลับมาอ่านรอบ3ทำให้เข้าใจสถานะการณ์ตอนไกล้ๆได้ละ และบางจุดที่ผู้เขียนลืม จำได้เคยอ่านนิยายเรื่องหนึ่งที่บอกว่าการอ่านซ้ำอีกหนอาจไม่เหมือนเดิม จากตอนแรกสนใจแต่ตัวเอกพออ่านรอบ ที่สองสนใจในตัวประกอบมากขึ้น พออ่านรอบสามทำให้เข้าใจประกอบภาพรวมมากกว่าเดิมและสนุกไปอีกแบบ ทั้งไปที่รู้ ฉากต่อไป
ReplyDeleteการอ่านหลายรอบทำให้รู้ว่าการรออ่านสัปดาห์ละตอนสอง ไม่สนุกเท่า ่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่อ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุด เพราะอารมณ์มาต่อเนื่อง ไม่ค้างจนลืมว่าฉากที่แล้วเป็นอย่างไง 1284ตอน สนุกมากครับ
👍👏
Deleteนี่กลับมาอ่านรอบ4ละว่างจัด55 อ่านยิง ยาวไป1370 จะกลับมาอ่านตอนที่เริ่มจำเนื้อเรื่องไม่ได้ มันจะสนุกเฉย
Deleteเนื้อหาเยอะจัดตอนที่200จำไม่ได้แล้ว
ReplyDelete