จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 900



    ปัญหาที่มันกำลังเผชิญคืออาการเหนื่อยล้าสุดขีด ร่างกายแอ็กนัสอ่อนแรงจนมิอาจขยับได้แม้แต่ปลายนิ้ว


    สีหน้าของมันบิดเบี้ยวขณะน้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย


    …


    เมื่อเวลาผ่านไป ดวงตาที่เคยสั่นระริกของแอ็กนัสเริ่มหยุดนิ่ง สายตาหรี่ลงและจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างคลางแคลง


    “เธอคิดจะทำอะไร?”


    หญิงสาวที่พยุงร่างมัน แอ็กนัสย่อมรู้จักเป็นอย่างดี


    เธอคือยูเฟอมิน่า หนึ่งในสิบวีรชนผู้ก่อตั้งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ และเป็นหนึ่งในพลังสำคัญของเหตุการณ์ก่อตั้งอาณาจักรวัลฮัลล่า


    แอ็กนัสยังทราบด้วยว่า ยูเฟอมิน่าคือหนึ่งในผู้เล่นที่กริดไว้ใจมากที่สุด


    หญิงสาวคนนี้เล็งทำลายมูมัดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เหตุใดถึงยื่นมือช่วยตน?


    “แฮ่ก แฮ่ก…!”


    นักคัดลอก ยูเฟอมิน่า ค่าพละกำลังของเธอต่ำต้อยระดับจอมเวททั่วไปเท่านั้น


    สิ่งนี้สาเหตุหลักที่ยูเฟอมิน่าแทบไม่เคยคัดลอกทักษะทาง ‘กายภาพ’ ที่ต้องปลดปล่อยจากอาวุธ


    เป็นการยากที่บุคคลไร้พละกำลังเยี่ยงเธอจะกวัดแกว่งอาวุธซึ่งใหญ่และหนักได้อย่างคล่องแคล่ว


    “เฮ่อ…”


    ยูเฟอมิน่านั่งลงข้างแอ็กนัสด้วยสีหน้าเหนื่อยหอบ ทั้งคู่กำลังใช้หลังพิงกำแพง เหงื่อไคลเปียกชุ่มกายไม่ต่างกัน


    หญิงสาวผมบลอนด์เริ่มหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อบนใบหน้า


    แอ็กนัสเหลือบมองพลางจ้องเขม็ง


    “ทำไมนายถึงมองฉันด้วยสายตาแบบนั้น? อ้อ! อยากเช็ดเหงื่อเหมือนกันใช่ไหม? เอาไปสิ”


    “ไสหัวไปซะ”


    แอ็กนัสส่งเสียงคำรามในลำคอ พฤติกรรมสมกับที่ถูกเรียกขานว่า ‘หมาบ้า’


    ยูเฟอมิน่าดึงผ้าเช็ดหน้ากลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย


    มันถามซ้ำอีกครั้ง


    “เธอต้องการอะไรกันแน่?”


    “นายโง่รึไง? ถามซ้ำซากอยู่ได้ ฉันบอกไปแล้วไง ว่าจะช่วยหาคนเจียระไนอัญมณีก้อนนั้นให้”


    “…หา?”


    แอ็กนัสขมวดคิ้วพลางหรี่ตาลง


    ทุกครั้งที่มันเห็นยูเฟอมิน่าในระยะสายตา รายละเอียดภารกิจ ‘มูมัดปรารถนาอิสระ’ จะปรากฏขึ้นเสมอ


    แอ็กนัสจึงมั่นใจ ยูเฟอมิน่ามาที่นี่เพื่อฆ่ามัน


    หรืออีกความหมายหนึ่ง ภารกิจของยูเฟอมิน่าจะสำเร็จก็ต่อเมื่อตนถูกสังหาร


    แล้วเหตุใดเธอถึงละทิ้งโอกาสทองแสนสำคัญ และเลือกที่จะยื่นมือช่วยเหลือแทน?


    เพราะอะไรกัน?


    “ทำไมเธอไม่ฆ่าฉัน?”


    “คงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก นายยังเหลือทักษะ ‘กลายเป็นลิช’ ที่จะเข้าสู่ภาวะอมตะ ค่าเรี่ยวแรงจะถูกฟื้นฟูจนเต็ม ฉันเอาชนะนายในสภาพนั้นไม่ได้แน่”


    “เธอมีพลังมากพอจะยื้อเวลาจนบัฟของฉันหมดลง บอกมาตามตรงดีกว่า เธอหวังอะไรจากฉันกันแน่?”


    พวกพ้องเพียงคนเดียวในชีวิตแอ็กนัสคือคนรักที่ตายไป


    บุคคลอื่นที่ผ่านเข้ามาในชีวิตล้วนเป็นศัตรูทั้งสิ้น จึงไม่แปลกที่มันจะเคลือบแคลงเจตนาของยูเฟอมิน่า หญิงสาวที่สนิทกับกริดมาก


    ยูเฟอมิน่าตอบกลับพลางจ้องมองด้วยดวงตากลมโต


    “นายไม่เคยมีเพื่อนรึไง? ทำไมถึงเอาแต่สงสัยการทำดีของคนอื่น? แค่รับไว้ก็พอไม่ได้หรือ?”


    “ถ้าเธอเป็นฉัน…เธอจะรับรึเปล่า?”


    “แน่นอน โดยเฉพาะผู้หญิงน่ารักและจิตใจงดงามแบบฉัน นายจะสงสัยเจตนาของสาวสวยไปทำไม? กับสาวสวย ทำดีไว้ก็ไม่เสียหายนะ”


    “เด็กน้อย…”


    “ฉันโตแล้ว! ห้ามเรียกเด็กน้อย!”


    ยูเฟอมิน่ามีอายุเลยวัยยี่สิบแล้ว แต่ด้วยส่วนสูงเพียง 150 เซนติเมตร รวมถึงใบหน้าที่อ่อนกว่าวัย เธอจึงถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กมัธยมบ่อยครั้ง


    ส่งผลให้สาวสวยผมบลอนด์อ่อนไหวกับคำว่า ‘เด็กน้อย’ เป็นพิเศษ


    “โต…?”


    แอ็กนัสเริ่มสำรวจยูเฟอมิน่าตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างละเอียด แต่ไม่ว่าจะมองซ้ำกี่หน ยูเฟอมิน่าก็เป็นเพียงเด็กน้อยในสายตามัน


    ใบหน้าของเธอพลันแดงก่ำ


    “ฉ…ฉันไม่ได้หมายถึงไอ้นั่นที่โต ม…มันยังพัฒนาไม่เต็มที่ต่างหาก! แต่อายุของฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว! ไม่ใช่เด็กสักหน่อย”


    “…”


    แอ็กนัสได้แต่ครุ่นคิดว่า เหตุใดตนถึงกำลังสนทนาอยู่กับเพื่อนสนิทของกริด


    ใครผ่านมาเห็นเข้าคงหัวเราะจนฟันร่วง


    หลังจากฟื้นฟูค่าเรี่ยวแรงกลับมาบางส่วน แอ็กนัสลุกขึ้นยืน


    “ไสหัวไปซะ ฉันจะยอมไว้ชีวิตเธอสักครั้ง”


    แอ็กนัสกล่าวด้วยท่าทีของผู้ที่เหนือกว่า มิได้แสดงความซาบซึ้งบุญคุณเลยสักนิด


    “นายหูไม่ดีเพราะเป็นหมาบ้ารึไง?”


    ยูเฟอมิน่ากล่าวในสิ่งที่แอ็กนัสโหยหามาตลอดหลายวัน


    “ฉันบอกไปแล้ว ว่าจะช่วยนายหาคนเจียระไนศิลาแห่งชีวิต!”


    “อะไรนะ?”


    “แต่นายต้องปลดปล่อยมูมัดให้เป็นอิสระ…—”


    ยังไม่ทันจะกล่าวจบประโยค จุดที่ยูเฟอมิน่ายืนพลันเกิดระเบิดรุนแรงจนสั่นสะเทือนไปทั่วตรอกมืดมิด ทุกสิ่งในรัศมีสิบเมตรแหลกละเอียดไม่เหลือซาก


    ร่างเล็กกะทัดรัดของยูเฟอมิน่าหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่


    “…เจอตัวแกสักที!”


    สถานที่แห่งนี้คือเมืองหลวงอาณาจักรเมอร์เร่ กรุงยูเด็น


    แอ็กนัสถูก ‘ระบบ’ ระบุให้เป็นฆาตกรผู้สังหารแคทเธอรีนและองครักษ์เมืองหลวงจำนวนมาก


    อันที่จริง มันต้องหนีให้พ้นยูเด็นโดยเร็ว แต่กลับเสียเวลาไปมากและถูกพบตัวในที่สุด


    “จับมันไว้!”


    จอมเวทที่โจมตียูเฟอมิน่าเมื่อครู่ส่งเสียงตะโกน อัศวินจำนวนมากกรูล้อมแอ็กนัสไว้ทุกทิศ โดยด้านหลังยังเป็นทหารเมืองหลวงอีกหลายร้อยนาย


    เลเวลเฉลี่ยของอัศวินและทหารยูเด็นมีค่าสูงมาก มิใช่สิ่งที่ผู้เล่นทั่วไปรับมือได้ตามลำพังแน่


    แต่แอ็กนัสไม่ใช่ผู้เล่นทั่วไป


    “คิคิก…จำนวนไม่มีผลกับฉันหรอกนะ”


    แอ็กนัสตวัดมือหนึ่งครั้ง ผืนดินพลันสั่นสะเทือนพร้อมกับการอุบัติของกองทัพโครงกระดูกมหาศาล


    “เอ๋? อึ๋ย!”


    “อย่าเข้ามานะ!”


    กลุ่มทหารต่างหน้าถอดสีเมื่อเห็นโครงกระดูกย่างกรายเข้าใกล้จากทุกทิศ


    พวกมันคงเสียชีวิตไปแล้วหากไม่มีอัศวินและจอมเวทช่วยปกป้องไว้


    “แกมันหมอผีชั่วช้า!”


    อัศวินคนหนึ่งตะโกนขึ้น


    ในมุมมองอัศวิน แอ็กนัสคือผู้บุกรุกเมืองหลวงและก่อคดีฆาตกรรมขึ้น เป็นการกระทำของบุคคลชั่วร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย


    เหล่าอัศวินจ้องมองแอ็กนัสด้วยสีหน้าอาฆาตแค้น


    ขณะเดียวกัน โครงกระดูกของแอ็กนัสยิ่งทวีจำนวนขึ้นเมื่อมีทหารยูเด็นล้มตาย โครงกระดูกมากมายรายล้อมแอ็กนัสไว้จนกลุ่มอัศวินมิอาจเข้าใกล้


    เมื่อรอบตัวมีแต่โครงกระดูกคอยปกป้องอารักขา แอ็กนัสเป็นราวกับป้อมปราการที่ไม่มีวันถูกทะลวงผ่าน


    แต่ในความเป็นจริง ป้อมปราการแห่งนี้เก่าแก่และพร้อมพังครืนทุกเมื่อ


    “คิคิก!”


    หลังจากหลบหนีการตามล่าหนแล้วหนเล่า ปริมาณทรัพยากรของแอ็กนัสหลงเหลือเพียงน้อยนิด


    ค่าเรี่ยวแรงและมานาต่ำมาก มิอาจใช้ทักษะหรือเวทมนตร์โดยขาดการไตร่ตรอง แถมเวทมนตร์สำคัญล้วนอยู่ในระยะหน่วง


    ขณะเดียวกัน กองทัพโครงกระดูกเริ่มร่วงโรยหลังจากถูกจอมเวทกระหน่ำยิงด้วยเวทระเบิด


    เมื่อจำนวนโคงกระดูกลดลง กลุ่มทหารและอัศวินหลวงเมอร์เร่เริ่มเข้าถึงตัวแอ็กนัส


    คมดาบหอกพุ่งทะลวงร่างกายอันร่อแร่


    “…คิคิก!”


    ความเจ็บปวดและหวาดกลัวได้กระตุ้นความบ้าคลั่งในตัวมันให้ตื่นขึ้น


    ขณะหอกและดาบจำนวนมากเสียบทะลุร่างจากทุกทิศ ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลเริ่มแสยะยิ้มด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขสุดขีด


    แอ็กนัสที่อ่อนแอลงหลังจากคร่ำครวญถึงคนรัก ยามนี้สลัดความฝันอันเจ็บปวดออกไปและกลายเป็นหมาบ้าที่ทุกคนรู้จักดี


    “ว๊ากก!”


    “อ…ไอ้สัตว์ประหลาด! อ๊ากก!”


    “คิฮ่าฮ่าฮ่า!”


    แอ็กนัสเชื่อมั่นในพลังอมตะของ ‘กลายเป็นลิช’ เหนือสิ่งอื่นใด


    แต่ขณะกำลังกวาดล้างกลุ่มทหารและอัศวินอย่างบ้าคลั่ง ร่างแอ็กนัสพลันทรุดลงกับพื้นฉับพลัน ภาพการของเห็นของมันดับวูบไปชั่วครู่


    สาเหตุเกิดจากดาบปริศนาพุ่งลงจากฟากฟ้าเสียบหัวไหล่แอ็กนัสอย่างรุนแรง


    ดาบที่ยาวและคมกริบได้ฝังลึกเข้าไปในหัวไหล่ซึ่งกลายเป็นโครงกระดูก


[ท่านได้รับความเสียหาย 27,900 หน่วย]


[ท่านตกอยู่ในอาการ ‘บาดเจ็บภายใน’]


[เป็นปรากฏการณ์ทางกายภาพ พลังตำนานมิอาจต้านทาน]


[ทรัพยากรทุกชนิดฟื้นฟูตามธรรมชาติช้าลง 30%]


[อาการ ‘เลือดออก (รุนแรง) ’ ส่งผลให้พลังชีวิตของท่านลดลงอย่างต่อเนื่อง]


    “อึก!?”


    เป็นการโจมตีสุดทรงพลังที่ขจัดความบ้าคลั่งของแอ็กนัสเป็นปลิดทิ้ง มันตะลึงในตัวเลขความเสียหายมหาศาล


    เท่าที่แอ็กนัสรู้จัก บุคคลเดียวที่สามารถสร้างความเสียหายระดับนี้…


    กริด?


    การโจมตีรุนแรงจนแอ็กนัสนึกว่าราชาโอเวอร์เกียร์ตามล่ามันสุดขอบโลกจนถึงอาณาจักรเล็กแสนห่างไกล


    ทว่า ผู้โจมตีในคราวนี้มิใช่กริด


    บุคคลที่กระโจนตามลงมาและดึงดาบกลับ เขาคือชายวัยกลางคนที่สวมเกราะสีแดงซีดจาง


    “ถึงคราวฉันต้องตอบแทนบุญคุณของอาณาจักรเมอร์เร่แล้ว”


    “โอ้ส!”


    “เซอร์ ซินกูเล็ด!”


    อัศวินและทหารหลวงของเมอร์เร่ที่เคยหวาดกลัว ยามนี้ส่งเสียงโห่ร้องยินดีราวกับงามเฉลิมฉลองเริ่มต้นขึ้น


    ตัวตลกของงานรื่นเริงมิใช่ใครอื่นนอกจากแอ็กนัส


    ‘ใครกัน?’


    หมาบ้าที่บาดเจ็บหนัก มันจ้องมองผู้มาเยือนปริศนาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร


    “นายอยู่ที่นี่เองหรือ”


    “หาตัวพบสักที”


    ขณะเดียวกัน สองบุคคลที่ดูเหมือนพลทหารปลายแถวได้แหวกฝูงชนเข้ามาใกล้พลางส่งเสียงทักทายซินกูเล็ด


    “พวกคุณคือ?”


    อดีตอัศวินสีชาด ซินกูเล็ด ขมวดคิ้วอย่างหวาดระแวง


    หนึ่งในสองพลทหารปลายแถวถอดหมวกแนะนำตัว


    “ฉันคือพลทหาร…ไม่สิ ฉันคือผู้ทรยศที่เคยทำลายชีวิตของนาย”


    ตัวอักษรสีทองอร่ามกำลังเฉิดฉายเหนือศีรษะพลทหาร มันถูกเขียนไว้ว่า ‘อัสโมเฟล’


    ใบหน้าซิงกูเล็ตบิดเบี้ยวราวปีศาจจากขุมนรก


    “แกนะแก…!! อัสโมเฟลลลล!!!!”


    “…???”


    แอ็กนัสพลันสับสนกับสถานการณ์โกลาหลเบื้องหน้า


    ‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่?’


    ยูเฟอมิน่าที่ลอบแฝงตัวในกลุ่มทหารเมอร์เร่หลังจากถูกแรงระเบิด เธอแสดงสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นอัสโมเฟลเต็มสองตา


    “ดูเหมือนนายยังไม่สำเร็จภารกิจของเจ็ดนักบุญภัยพิบัติสินะ ถ้าอย่างนั้น ผู้เล่นอันดับหนึ่งของโลกในปัจจุบันคงมีเพียงกริดและครอเกล”


    พลทหารอีกนายที่มาพร้อมอัสโมเฟล เขาเดินเข้าไปหาแอ็กนัสพร้อมกับถอดหมวก โดยชื่อเหนือศีรษะคือ ‘เฮสเตอร์’


    สถานการณ์เริ่มดำเนินไปอย่างผิดแผกจนทุกคนเริ่มสับสน


    หากกริดอยู่ที่นี่ด้วย เขาคงโทรสั่งไก่ทอดและเตรียมนั่งชม ‘ดราม่า’ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ด้วยสีหน้าแสนหรรษา


    ***


[…นี่คือผลจากการฝึกฝนสมองในซาทิสฟาย ส่งผลให้ มีผู้คนจำนวนมากใช้ซาทิสฟายเป็นเครื่องช่วยฝึกความชำนาญสมองในชีวิตจริง สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องดีนัก เหล่าผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขาทั่วโลกกำลังเกิดความท้อแท้ พวกเขาไร้แรงจูงใจที่จะฝีกฝนฝีมือเมื่อเริ่มถูกกลุ่มผู้เล่นซาทิสฟายแซงหน้า ขณะเดียวกัน กลุ่มเด็กที่ขาดความยั้งคิดซึ่งพัฒนาสมองจากซาทิสฟาย พวกเขาอาจพลังไปใช้ในทางที่ผิด…]


    “หิวจัง”


    ยองวูเปิด TV ทันทีหลังลุกออกจากแคปซูล เขาหิวขนาดปล่อยให้เสียงข่าวในโทรทัศน์แล่นผ่านหูซ้ายทะลุออกหูขวาโดยไม่ประมวลผล


[NASA ค้นพบดาวหางที่มีน้ำหนักราว 5.6 หมื่นล้านกิโลกรัมบนเส้นวงโคจร หินยักษ์ก้อนนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางราวสามร้อยเมตรและโคจรรอบด้วยอาทิตย์ด้วยความเร็วแปดหมื่นกิโลเมตรต่อชั่วโมง หากมันพุ่งชนโลก แรงปะทะจะสูงกว่าระเบิดอะตอมมิกหลายร้อยเท่า]


[จากการคำนวณวิถีเคลื่อนตัว NASA ประเมินว่า ดาวหางดวงนี้จะพุ่งเฉียดโลกในอีกห้าปีข้างหน้า]


[ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด! ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของยุคปัจจุบัน NASA ควรตรวจพบดาวหางได้ตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว! NASA ไม่น่าจะพูดความจริง ความผิดพลาดร้ายแรงขนาดนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นในยุคสมัยปัจจุบัน…]


[…ถึงกระนั้น NASA ยังกล่าวว่า โอกาสที่ดาวหางจะพุ่งชนโลกอยู่ที่ 1 ใน 4,500 และต่อให้พุ่งชนโลกจริง พวกเขาเตรียมวิธีรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว]


    เสียงสุขุมของผู้เชี่ยวชาญที่พยายามระงับความตื่นตระหนกของพิธีกร สองบุคคลในโทรทัศน์กำลังโต้เถียงพัลวัน


    “ปิด TV”


    ยองวูสั่งปิด TV ที่นำเสนอข่าวไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไร จากนั้นเดินตรงไปยังห้องครัว


    ห้องครัวที่ปลอดโปร่งและใหญ่มหึมา หน้าต่างบานกว้าง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกแสนครบครัน เป็นห้องครัวในฝันของเหล่าพ่อครัวจากภัตตาคารใหญ่ทั่วโลก


    ยองวูหยุดยืนที่หน้าเตาเพื่อรอให้น้ำในหม้อเดือด ขณะเดียวกันก็ลงมือแกะซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป


    เขาใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้ารุ่นที่ดีที่สุดในโลกเพื่อลวกบะหมี่…


    “เฮ่อ…”


    ยองวูถอนหายใจยาวเมื่อน้ำในหม้อเริ่มเดือดปุด


    “ร่างโคลน…”


    ยูเฟอมิน่าไม่ตอบข้อความเสียง ยองวูจึงไม่มีทางเลือกนอกจากล็อกเอาต์พักผ่อนชั่วคราว


    สีหน้าชายหนุ่มเริ่มตึงเครียดอีกครั้ง


    เขาคิดพาพวกพ้องไปด้วย เพราะต้องการกำลังสนับสนุนหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน


    แต่จะตนจะทำอย่างไรถ้ายูเฟอมิน่าและยูร่าถูกร่างโคลนสังหารเข้า?


    ค่าประสบการณ์และไอเท็มดรอป เขาจะชดเชยและรับผิดชอบพวกเธอไหวหรือ?


    “เฮ่อ…หรือเราควรไปคนเดียว”


    ยองวูเติมเต็มท้องที่ว่างเปล่าพลางครุ่นคิด การไม่ตอบข้อความเสียงของยูเฟอมิน่าอาจเป็นลางบอกเหตุจากสวรรค์


    หลังจากกินอิ่มและสมองโล่ง เขาตัดสินใจกลับไปในนอนในแคปซูล


    “นั่นสินะ นี่เป็นปัญหาของเรา เราต้องสะสางด้วยตัวเอง”


    ชายหนุ่มหลับตาลงและดำดิ่งกลับสู่โลกซาทิสฟาย


[ซาทิสฟายยินดีต้อนรับ]


    เด็กหนุ่ม ชินยองวู กลายเป็นราชาโอเวอร์เกียร์ กริด


[ตัวตนในนรก ที่ทราบถึงตำแหน่งของท่าน บัดนี้ย่างกรายเข้าสู่โลกกึ่งกลางแล้ว]


    ข้อความระบบแจ้งข่าวใหม่แก่กริด


    “…?”


    วาบ


    กริดขนลุกไปทั้งร่าง

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,293

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. โฮะๆี้ แทนที่จะหนีไปแต่กลับวิ่งเข้ามาหากริดผู้นี้เองเลยงั้นหรือ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ร่างโคลน:ถ้าฉันไม่เข้าไปใกล้ๆก็แล้วฉันจะอัดนายได้ยังไง

      Delete
    2. โฮ้ ถ้างั้นก็เชินแกเข้ามาได้เท่าที่ต้องการเลย

      Delete
    3. พวกหล่อนหยุดเบียวเดี๋ยวนี้....

      Delete
    4. กริด : muda muda muda muda muda muda muda muda muda
      ร่างโคลน : Ora Ora Ora Ora Ora Ora Ora Ora Ora Ora Ora Ora

      Delete
  2. บาเอลส่งร่างโคลนมาแล้ว

    ReplyDelete
  3. เป็นข่าวอีกแน่ๆ
    มีคนเห็นกริด(ร่างโคลน)​ทำนู้นนี้นั่น

    ReplyDelete
  4. กริด:ZA WARUDO!!(คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร)
    กริด:ROAD ROLLER DA!!(บัญชาแห่งเทพล้างระยะหน่วงท่าคลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร)
    ร่างโคลน:THE WORLD!!(เนตร*****)

    ReplyDelete
  5. ร่างโคลนก็น่าสงสารอยู่นะ ถ้าอ่านไปจนถึงตอนที่จบบทฆ่าร่าโคลนอ่ะ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00