จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 899



    กริดยังคงจำบททดสอบของหมู่เกาะเบเฮ็นหมายเลข 41 ได้ดี ภารกิจสุดพิสดารที่ต้องสู้กับร่างโคลนของตัวเอง


    ‘ร่างโคลน…’


    ในครั้งนั้น ร่างโคลนได้คัดลอกข้อมูลตัวละครกริดอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นค่าสถานะ ไอเท็ม รวมถึงทักษะทุกชนิด


    ร่างโคลนมีวิชาดาบแพ็กม่าเหมือนกริด แต่สามารถผสานวิชาได้มากกว่า รวมถึงต่อสู้อย่างช่ำชองและเก่งกาจกว่ากริดมาก


    ร่างโคลนมีหัตถ์เทวะและใช้มันได้อย่างชาญฉลาดจนกริดต้องทึ่ง


    ไม่เหมือนกับกริดที่เป็นเพียงมนุษย์ผู้เล่น ร่างโคลนมีมันสมองควบคุมระดับ NPC พิเศษซึ่งสามารถสั่งการหัตถ์เทวะอย่างไร้ที่ติ


    แต่ด้วยลูกไม้พิเศษ กริดเอาชนะมาได้แบบหืดจับ


    ‘ร่างโคลนมีหัตถ์เทวะ เราอาจได้รับพาเฟรเนี่ยมเพิ่มหากมันดรอปหัตถ์เทวะ’


    ชายหนุ่มได้ข้อสรุป


    อันที่จริง กริดลืมเลือนเรื่องราวของร่างโคลนบนเกาะ 41 ไปหมดแล้ว จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ยูร่าได้แจ้งข้อมูลว่า ภายในขุมนรกมีร่างโคลนของกริดอาศัยอยู่ รูปลักษณ์ของมันเหมือนกับกริดในโหมดร่างมืด


    …แถมกำลังมองหากริดเพื่อกำจัดทิ้ง


    ชายหนุ่มเริ่มจดจำได้เลือนราง ขณะตนเสียชีวิตในโหมดร่างมืด ตัวละครจะถูกส่งไปยังขุมนรกชั่วคราวจนกว่าร่างมืดจะหมดลง


    ‘สาเหตุที่บีเลียลตกใจหลังจากเห็นเรา คงเป็นเพราะเจ้าร่างโคลนสินะ’


    เดิมที เมื่อบัฟร่างมืดหมด ตัวละครต้องถูกส่งออกจากขุมนรกกลับสู่โลกกึ่งกลางทันที


    ทว่า ร่างโคลนกริดกลับอาศัยอยู่ในขุมนรกมาโดยตลอด


    ‘เพราะอะไรกัน?’


    กริดไม่ได้คำตอบแม้จะครุ่นคิดอยู่นาน


    ในทางทฤษฎี คงเป็นการยากจะให้กริดเข้าใจระบบของซาทิสฟายอย่างครบถ้วน เขาจึงตัดสินใจเลิกหาคำตอบจากมัน เปลี่ยนเป็นคิดหาวิธีรับมือสถานการณ์ปัจจุบันแทน


    “หืม…”


    กริดเคาะโต๊ะครุ่นคิด


    เพราะความโลภที่ต้องการเก็บค้อนท้าทายเทพและใบดาบท้าทายเทพไว้ กริดจึงเกิดแผนคิดชิงพาเฟรเนี่ยมจากร่างโคลนในขุมนรกโดยเร็วที่สุด


    ‘บางที หัตถ์เทวะอาจไม่ดรอปหลังจากที่มันตาย’


    แต่กริดไม่มีทางเลือกอื่น เขาต้องการหัตถ์เทวะจากร่างโคลนมาก ระบุให้ชัดคือ กริดต้องการพาเฟรเนี่ยมที่ใช้สร้างหัตถ์เทวะ


    ชายหนุ่มประเมินว่า คงไม่เสียหายนักหากลองเสี่ยงจัดการกับร่างโคลน


    แต่ปัญหายังไม่หมด


    ‘เราจะลงไปยังขุมนรกยังไง…’


    ในอดีต กริดเคยพ่ายแพ้ร่างโคลนนับครั้งไม่ถ้วน ร่างโคลนคือกริดที่มีไอเท็มและทักษะยอดเยี่ยม แต่ฝีมือควบคุมและมันสมองเป็นของ NPC พิเศษ


    ด้วยความสัตย์จริง ในสมัยนั้น กริดประเมินให้ร่างโคลนแข็งแกร่งกว่าตนมาก แต่เขาก็เอาชนะมันได้ในภายหลังด้วยทักษะ ‘ออกแบบไอเท็ม’


    ในครั้งนั้น เขาสร้าง ‘พลองมั่วซั่ว’ ซึ่งจะสุ่มติดบัฟและดีบัฟแก่เป้าหมาย เป็นการพึ่งพาโชคชะตาอย่างแท้จริง


    ‘เราแข็งแกร่งขึ้นมากในหลายปีหลัง’


    เลเวลทักษะของตนสูงกว่าร่างโคลนมาก แถมยังมีพลัง ‘บัญชาแห่งเทพ’ สมญานาม ‘กษัตริย์คนแรก’ และ ‘ราชาวีรบุรุษ’ รวมถึงการปราบบอสสุดโหดมากมาย เช่นบีเลียลและอัสทารอธ จนได้รับพลังสลักในอักขระความมืด


    ไม่เพียงเท่านั้น กริดยังได้รับพรจากเทพธิดาและเหตุการณ์พิเศษเมื่อครั้งสร้างไอเท็มเกรดมิธครบสามชิ้นและหกชิ้น


    กริดไม่เหมือนกับสมัยท้าทายบททดสอบหมู่เกาะเบเฮ็นหมายเลข 41 อีกแล้ว เขามั่นใจว่า หากได้เผชิญหน้าร่างโคลนตอนนี้ ตนสามารถกำราบมันได้ง่ายดาย


    ‘ต่อให้ใช้มือเดียวยังชนะ’


    แต่ความมั่นใจคงอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้น


    ‘…เดี๋ยวก่อน’


    หากจำไม่ผิด ยูร่าได้เล่าว่า เธอถูกสังหารในดาบเดียวใช่ไหม? ร่างโคลนเก่าแก่จากหลายปีก่อนจะสังหารนักล่าอสูรในทักษะเดียวได้ยังไง?


    ‘จริงสิ…’


    และหากจำไม่ผิด ร่างโคลนเก่าแก่จากหลายปีก่อนกลายเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงของจอมอสูรบีเลียลด้วยสินะ…


    ‘หรือว่า…’


    กริดเริ่มมั่นใจ ร่างโคลนของตนได้พัฒนาจากสมัยอดีตมาก


    ‘บางที ในกรณีเลวร้ายที่สุด…’


    ร่างโคลนอาจมีเงื่อนไขได้รับพลังเดียวกับกริด เช่นเมื่อกริดได้รับบัญชาแห่งเทพ ร่างโคลนก็จะครอบครองบัญชาแห่งเทพไปด้วย สิ่งนี้รวมถึงปราณต่อสู้ของราชาวีรบุรุษ


    มีโอกาสเกิดขึ้นได้มาก เมื่อประเมินจากธรรมชาติของร่างโคลนที่คัดลอกรูปลักษณ์และพลังของกริดได้ทุกกระเบียดนิ้ว


    ‘ถึงอย่างนั้น เราก็ยังมีโอกาสชนะ’


    กริดไม่สั่นกลัว ต่อให้ร่างโคลนแข็งแกร่งกว่าตนมากก็ตาม


    เขามั่นใจในไพ่ตายที่มี


    ‘เรายังมีพลองมั่วซั่ว ดังนั้นไม่ต้องคิดให้ปวดหัว’


    กริดยังเหลือแผนสำรองคือการพึ่งพาโชคชะตา เขาไม่ใช่ไอ้งั่งคนเดิมที่บุกตะลุยโดยไม่คิดหน้าหลัง ปัจจุบัน ชายหนุ่มกำลังขบคิดหาทางออกอย่างสุขุม


    คงไม่ฉลาดนัก หากมัวคิดหาวิธีรับมือกับศัตรูที่เขาไม่มีข้อมูลมากพอ มันคือการสูญเวลาโดยเปล่าประโยชน์


    “ดีล่ะ…”


    เมื่อกริดตัดสินใจได้ เขาลุกขึ้นจากที่นั่ง


    ตนต้องลงไปในนรกเพื่อกำราบร่างโคลนเดี๋ยวนี้


    >> ยูร่า พาฉันไปนรกหน่อย


    ยูร่าผงะเล็กน้อยเมื่อได้รับข้อความเสียงไม่คาดฝันจากกริด


    >> นายคิดจะสู้กับร่างโคลนงั้นหรือ?


    >> ใช่ ฉันปล่อยมันไว้ไม่ได้ ถึงเวลาต้องเก็บกวาดขี้หมาแล้ว


    ความร้อนรนนี้ มิใช่เพราะกริดกระหายพาเฟรเนี่ยมเพียงอย่างเดียว แต่ร่างโคลนคือสิ่งมีชีวิตที่มีต้นแบบจากกริด หากปล่อยไว้นานกว่านี้ มันอาจพัฒนาพลังจนยากจะรับมือไหว


    …และอาจนำพาไปสู่เหตุการณ์ด้านลบแก่อาณาจักร


    ด้วยเหตุนี้ กริดจึงต้องเร่งล่าทำลายร่างโคลนโดยด่วน


    มันอาจมีชีวิตอยู่ได้นานเพราะกริดไม่เคยทราบถึงตัวตนมาก่อน แต่เมื่อทราบแล้ว เขาต้องเร่งมือทำลายมัน


    >> …


    ยูร่านิ่งเงียบไปพักใหญ่ แต่มิใช่เพราะเธอชื่นชมในการตัดสินใจอันแน่วแน่ของกริด


    ‘ขี้หมา…’


    ยูร่าถูกยกย่องให้เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของโลก ผู้คนมากมายจึงพยายามวางตัวให้ดูดีต่อหน้าเธอ ทุกคนจะมีท่าทีสุขุมและเคร่งขรึมโดยไม่เผยความน่ารังเกียจให้เห็น


    แต่กริดกลับตรงข้าม เขากล้าสบถว่า ‘ขี้หมา’ ใส่เธอโดยไม่เคอะเขิน หมายความว่า เขามองเธอเป็นเพียง ‘เพื่อนสนิท’ คนหนึ่งเท่านั้น มิใช่เพศตรงข้ามอย่างที่เธอต้องการ


    “เฮ่อ…”


    >> ยูร่า เธอยุ่งอยู่หรือ? ทำไมถึงไม่ตอบฉัน? อ๊ะ…! หรือว่าเธอพาเพื่อนลงนรกไปด้วยไม่ได้?


    >> …พาไปได้อีกสองคน ทั้งหมดสามคน รวมฉันด้วย


    >> สามคน?


    กริดพลันชะงัก


    เขาประกาศกร้าวว่าจะเก็บกวาดขี้หมาก็จริง แต่คงเป็นการโกหกหากบอกว่ากริดไม่รู้สึกหวาดกลัวร่างโคลน เพราะหากร่างโคลนเกิดแข็งแกร่งกว่าที่คิด กริดคงได้สูญค่าประสบการณ์และไอเท็มโดยไม่จำเป็น


    ดังนั้น ราชาโอเวอร์เกียร์ผู้ยิ่งใหญ่จึงเตรียมหาพวกรุมกระทืบร่างโคลนให้มากที่สุด


    คำตอบจากยูร่าทำให้แผนการของกริดเริ่มติดขัด แต่ทันใดนั้น ชื่อของผู้เล่นคนหนึ่งผุดขึ้นในหัว


    >> ถ้าได้แค่คนเดียว เอาเป็นยูเฟอมิน่าก็แล้วกัน


    บุคคลเดียวในโลกที่กริดประเมินให้แข็งแกร่งกว่าตัวเอง


    นักคัดลอก ยูเฟอมิน่า


    ยูร่าเห็นด้วยทันที


    >> เป็นความคิดที่ดี พวกเราพึ่งพาเธอได้แน่


    ไม่เหมือนกริดที่หวาดกลัวยูเฟอมิน่าจนอุจจาระขึ้นสมอง ยูร่าสามารถพิจารณาพลังของนักคัดลอกอย่างใจเย็น ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังยกย่องให้ยูเฟอมิน่าคือผู้เล่นที่แข็งแกร่งระดับแถวหน้าของโลก


    ยูร่าย่อมทราบ ยูเฟอมิน่าสามารถคัดลอกทักษะทรงพลังได้มากมาย แถมปัจจุบันยังครอบครองพลังเวทมนตร์ของมูมัดที่ราวกับช่วยติดปีก


    ‘ถ้าพวกเราสามคนร่วมมือ ร่างโคลนไม่มีทางเอาชนะได้แน่…’


    ยูร่าได้ดูวิดีโอการดวลระหว่าง กริด vs ดาเมี่ยน ที่ทางช่อง OGC นำมาฉายซ้ำในภายหลังแล้ว


    ทั่วโลกต่างทึ่งที่กริดสามารถกำราบดาเมี่ยนได้ง่ายดาย แต่ยูร่าก็ทราบดี กริดยังไม่ได้เอาจริงแม้แต่น้อย


    ‘เป็นแบบนี้มาตั้งแต่งานแข่งครั้งที่สาม’


    เขาไม่เคยสำแดงพลังที่แท้จริงให้สาธารณชนได้เห็น ไม่เคยต้องเอาจริงกับผู้เล่นด้วยกันเอง ไม่เว้นแม้กระทั่งเมื่อดวลกับอริยดาบครอเกลในนัดชิงชนะเลิศ


    ด้วยเหตุนี้ ยูร่าจึงมั่นใจ ถ้ากริดและยูเฟอมิน่าที่แข็งแกร่งแบบมีเงื่อนไขร่วมมือกัน ร่างโคลนไม่มีทางเอาชนะปาร์ตี้นี้ได้แน่


    แต่ปัญหาก็คือ…


    >> ยูเฟอมิน่าตอบกลับนายรึเปล่า?


    >> …?


    ***


[มีข้อความเสียงถูกส่งมาถึง แต่ท่านไม่ได้ยิน]


    “…”


    ทักษะคัดลอกของยูเฟอมิน่ามิได้ครอบจักรวาลอย่างที่ทุกคนเข้าใจ


    ปัญหาที่เด่นชัดคือจำนวนครั้งในการคัดลอกต่อวัน แถมยัง หากกระหน่ำใช้เวทมนตร์เป็นจำนวนมากในช่วงเวลาสั้น เธอจะตกอยู่ในอาการอ่อนแรงเนื่องจากสูญเสียมานาปริมาณมาก


    ทักษะที่คัดลอกอาจแสดงผลได้ 100% จากความสามารถดั้งเดิมก็จริง แต่ในบางครั้งก็เกิดผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิด


    เฉกเช่นปัจจุบัน ทักษะพรางตัวระดับสูงสุดที่ยูเฟอมิน่าคัดลอกจากเฟคเกอร์ สิ่งนี้ต้องอาศัย ‘สมาธิ’ ในปริมาณมากเพื่อรักษาสภาพล่องหนไว้ ส่งผลให้ระบบบางอย่างของตัวละครถูกปิดกั้นชั่วคราว เช่น การเคลื่อนที่ ร่ายมนตร์ รวมถึงระบบส่งข้อความเสียง


    สิ่งนี้เป็นผลข้างเคียงจากการฝืนให้จอมเวทอยู่ในสภาพพรางตัว หากเป็นนักลอบสังหารตัวจริง ร่างกายพวกเขาจะเคยชินและปรับสภาพกับสภาวะล่องหนได้ดีเยี่ยม สามารถเคลื่อนที่ ร่ายมนตร์ และส่งข้อความเสียงได้ตามปรกติ


    “…”


    กระนั้น ยูเฟอมิน่ายังคงสุขุม


    นับตั้งแต่กลายเป็นนักคัดลอก เธอเคยเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝันจากผลข้างเคียงนับครั้งไม่ถ้วน สิ่งนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่


    ยูเฟอมิน่ายอมรับชะตากรรมถูกตัดขาดการสื่อสาร เธอกัดฟันรักษาสภาพลองหนไว้


[มีข้อความเสียงถูกส่งมาถึง แต่ท่านไม่ได้ยิน]


    เธอเมินเฉยข้อความระบบที่แสดงซ้ำแล้วซ้ำเล่า มิได้แสดงท่าทีสงสัยว่าใครเป็นผู้กระหน่ำส่งข้อความอย่างต่อเนื่อง


    กลับกัน ยูเฟอนิม่ากำลังเพ่งสมาธิกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า


    “คิคิก…คิคิก!”


    เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นเป็นหนที่สามแล้ว


    ด้วยเหตุผลบางประการ แอ็กนัสกำลังตามหาช่างทำอัญมณีชื่อดังในทุกอาณาจักร


    แต่ทุกครั้งที่ไปถึง ช่างอัญมณีเหล่านั้นจะถูกฆ่าไปก่อนแล้ว และแอ็กนัสจะกลายเป็นฆาตกรในสายตาทหารองครักษ์ที่มาถึงจุดเกิดเหตุช้า


    “อ…อึ๋ย!”


    ทหารองครักษ์คนสุดท้ายที่เหลือรอด เขาโยนหอกทิ้งพลางยกมือขึ้นยอมจำนน


    แต่แอ็กนัสมิได้มอบความปรานี มันใช้ดาบแทงใส่หัวใจทหารหนุ่มโดยไม่กะพริบตา


    “…คิก!”


    หลังจากหนีเข้าตรอกลึกที่มืดและแคบ แอ็กนัสชะงักฝีเท้าเมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครตามมา


    “…ลู…น่า ลูน่า…”


    โงนเงน…


    โงนเงน…


    ร่างกายและจิตใจของมันกำลังอ่อนล้าสุดขีด ดวงตาเหม่อลอยไร้วิญญาณ


    แอ็กนัสหมดสภาพอย่างแท้จริง ริมฝีปากส่งเสียงพะงาบชื่อหนึ่งตลอดเวลา


    ยูเฟอมิน่ารู้จักชื่อเล่นนี้ดี


    ‘ลูน่าคือแคโรไลน์’


    ยูเฟอมิน่าเป็นแรงเกอร์ปกปิดตัวตนที่ไม่มีชื่อบนทำเนียบอันดับโลก แต่เครือข่ายข้อมูลของเธอยอดเยี่ยมจนใครหลายคนต้องคาดไม่ถึง สิ่งนี้คือเบื้องหลังที่ผลักดันให้ยูเฟอมิน่าเป็นผู้เล่นระดับท็อปของซาทิสฟายนับตั้งแต่เกมเปิดตัว


    เธอย่อมไม่พลาดการศึกษาทุกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแอ็กนัส—เป้าหมายคนสำคัญที่เธอต้องเอาชนะเพื่อผ่านภารกิจเปลี่ยนคลาส


    เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า จิตใจของเธอเริ่มเจ็บแปลบ


    ‘ทำไมกัน?’


    เหตุใดหมอนี่ถึงพยายามนำคนรักที่ตายไปแล้วในความจริง ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในซาทิสฟาย?


    ยูเฟอมิน่ารู้สึกเศร้าใจเมื่อได้เห็นสภาพแสนสมเพชของแอ็กนัส เธอสัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่แผ่จาก ‘หน้ากากชายเสียสติ’ ซึ่งแอ็กนัสสวมใส่เพื่อหลีกหนีความทุกข์ระทม


    หากมองผิวเผิน แอ็กนัสจะน่ากลัวราวกับสัตว์ป่าที่แยกเขี้ยวขู่คำราม แต่ความจริงกลับอ่อนไหวและบอบบางยิ่งกว่าใคร


    “ลู…น่า”


    ตุ้บ…


    มันออกเดินทางอย่างยาวนานโดยไม่ได้หยุดพักผ่อน


    ในสภาพสิ้นหวัง แอ็กนัสต้องสู้กับศัตรูจำนวนนับไม่ถ้วน จนกระทั่งร่างกายดำเนินมาถึงขีดจำกัด


    เฉกเช่นปราสาททรายที่เกิดมาเพื่อถูกน้ำทะเลกัดเซาะ แอ็กนัสล้มตัวลงนอนกับพื้นหินอย่างสิ้นสภาพ


    ณ ตรอกแคบอันมืดมิด หญิงสาวผมบลอนด์ทองผู้หนึ่งย่างกรายเข้าใกล้แอ็กนัสอย่างเงียบงัน เธอไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนักคัดลอก ยูเฟอมิน่า หญิงสาวที่ไม่คิดเป็นเพียงผู้เฝ้ามองอีกต่อไป


    “นี่เธอ…”


    แก้มแอ็กนัสกำลังแนบติดกับพื้นหินแสนเย็นยะเยือก นัยน์ตาทองของมันเริ่มสั่นระริกเมื่อได้เห็นใบหน้าหญิงสาวที่เดินเข้าใกล้อย่างชัดเจน


    เธอรู้สึกเศร้าใจกับภาพตรงหน้า ภาพของสัตว์ป่าดุร้ายที่กำลังบาดเจ็บหนักและหวาดระแวงสุดขีด

    

    ยูเฟอมิน่าอมยิ้มขื่นขมพลางยื่นแขนเรียวเล็กออกไปหาแอ็กนัส


    “นายอยากเจียระไนอัญมณีก้อนนั้นใช่ไหม?”


    “…”


    “ฉันจะช่วยหาคนเจียระไน แต่นายต้องสัญญาว่าจะปลดปล่อยมูมัดให้เป็นอิสระ”


    “…ทำไมเธอถึง”


    โลกของมันมีเพียงความสิ้นหวังและหดหู่อยู่เสมอ แต่ยามนี้ ผู้มีพระคุณกลับปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าอย่างไม่คาดฝัน


    สายตาของแอ็กนัสเริ่มพร่ามัว


    หัวใจยูเฟอมิน่าถูกสั่นคลอนเมื่อได้เห็นหยดน้ำใสไหลรินจากดวงตาชายผู้เปรียบดั่งสัตว์ป่า แอ็กนัสฝืนกลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถ


    “ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ ฉันทำแบบนี้เพราะอยากทำ”

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,292

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. สงสารแอ็กนัส
    ขอบคุณ​มาก​ครับ​

    ReplyDelete
  2. หวังว่าคงจบสวยนะ แอ็กนัสได้อยู่กับคนรัก ยูเฟอมิน่าได้ปลดปล่อยมูมัดแล้วกลายเป็น คลาสระดับตำนาน(เติบโต)

    ReplyDelete
  3. ชอบแอ็กนัสนะ ชีวิตแกสุดจริงๆ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00