จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,403



『หลังจากเผ่าพันธุ์ใหม่อย่างแวมไพร์ถูกปลดล็อก ความสนใจของผู้คนก็เพิ่มขึ้นอย่างมากครับ คาดว่ามีผู้เล่นที่เปลี่ยนเป็นแวมไพร์มากเกินกว่าหนึ่งล้านคนในวันเดียว 』


『แตกต่างจากออร์คพอสมควรนะครับ ในตอนที่ออร์คถูกปลดล็อก ผู้คนไม่ได้ให้ความสนใจกับการเปลี่ยนเผ่ามากนัก แต่ละตัวละครสามารถเปลี่ยนเผ่าได้แค่สองครั้ง แต่ละเผ่าก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน จึงต้องใช้เวลานานชั่งน้ำหนักความคุ้มค่าอยู่นาน… แต่เมื่อแวมไพร์ถูกปลดล็อก ผู้คนจำนวนมากกลับตัดสินใจย้ายทันที ภายในหนึ่งวัน กลายเป็นเรื่องปรกติที่จะพบเห็นแวมไพร์ตามหมู่บ้านและจุดเก็บเลเวล… เหตุผลคืออะไรกันแน่ครับ? 』


『จุดเด่นของแวมไพร์ตรงใจผู้เล่นอย่างมากครับ เกมซาทิสฟายนั้นมีวิธีฟื้นฟูพลังชีวิตน้อยกว่าเกมอื่น ทักษะดูดเลือดจึงถือเป็นวิธีเอาตัวรอดที่ยอดเยี่ยม ผมคิดว่าผู้เล่นที่ได้เห็นพลังดูดเลือดอันน่าทึ่งของกริดและแค็ทซ์ซึ่งมีบทบาทเด่นในสงครามขนาดใหญ่ คงเกิดความหลงใหลในตัวแวมไพร์ครับ』


『แบบนั้นจะไม่อันตรายหรือครับ? หากสัมผัสกับแสงแดด ค่าสถานะทุกชนิดจะลดลงสามสิบเปอร์เซ็นต์ และทักษะบางชนิดจะถูกปิดใช้งาน... จุดอ่อนของแวมไพร์นับว่าร้ายแรงมาก นอกจากนั้นยังมีตัวตนลึกลับอย่างราชาโลหิตอยู่เบื้องหลัง ผู้เล่นที่กลายเป็นแวมไพร์โดยไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายตรงนี้ ผมถือว่าเป็นกลุ่มที่ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี... 』


ราชาโลหิต


ตัวตนลึกลับที่ปกครองแวมไพร์


ระบบไม่ได้บังคับให้จงรักภักดีต่อราชาโลหิต เพียงแต่ต้องทำด้วยหน้าที่ และค่อนข้างแน่นอนว่าจะถูกลงโทษหากละเลยภารกิจ


ดังนั้น ถ้าราชาโลหิตออกคำสั่งพิสดาร ความกระอักกระอ่วนคงเกิดขึ้นไปทั่วโลก


『แต่ไหนแต่ไร แวมไพร์คือเผ่าอสูร… ใช่แล้วครับ เป็นอสูร สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายที่ดื่มเลือดมนุษย์เป็นอาหาร หากผู้เล่นกลายเป็นแวมไพร์ สักวันอาจได้รับคำสั่งจากราชาโลหิตให้ล่ามนุษย์ 』


『และนั่นจะกลายเป็นชนวนสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์! 』


ผู้เชี่ยวชาญเริ่มแสดงความกังวล ส่วนผู้คนแสดงความเห็นใจ


ผู้เล่นเผ่าแวมไพร์ต่างกลืนน้ำลายขณะจินตนาการว่า ตนต้องทำตามคำสั่งของคนที่ไม่รู้จัก ต้องทำร้ายพวกพ้องและมิตรสหาย


แต่ถึงอย่างนั้น แวมไพร์ก็ยังเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าดึงดูด แม้จะคำนึงถึงอันตรายอย่างถี่ถ้วนก็ตาม


ต่อให้ไม่นับศักยภาพของเผ่าพันธุ์และเวทโลหิต ลำพังค่าสถานะพื้นฐานก็ถือว่าสูงมาก แทนที่จะโดดเด่นในด้านพละกำลังและความอดทนเหมือนออร์ค โดยแลกมากับค่าสติปัญญาที่ต่ำติดดิน ค่าสถานะโดยรวมของแวมไพร์ถือว่าสูงกว่าเกณฑ์และมีความสมดุล สอดคล้องกับวิธีการเล่นสมัยยังเป็นมนุษย์


แต่ก็ต้องแลกมากับจุดอ่อนที่ร้ายแรงอย่างการแพ้แสงแดด


อย่างไรก็ตาม พวกตนแค่หลบอยู่ในดันเจี้ยนหรือในบ้านในระหว่างวันก็พอ


และเหนือสิ่งอื่นใด รูปลักษณ์ของแวมไพร์นั้นยอดเยี่ยม


ผู้เล่นเปลี่ยนสายพันธุ์เป็นแวมไพร์ ใบหน้าจะถูกปรับให้งดงามกว่าตอนที่เป็นมนุษย์หลายเท่า


ผู้เชี่ยวชาญต่างออกมาเตือนให้ระวัง เนื่องจากแต่ละตัวละครสามารถเปลี่ยนสายพันธุ์ได้เพียงสองครั้งในชีวิต


แต่หลายคนก็ยังยืนกรานจะเลือกเล่นแวมไพร์ เพราะตัวเองยังเหลือโอกาสให้เปลี่ยนเผ่าอีกหนึ่งครั้ง


นอกจากนั้น ยังมีหลายคนที่เปลี่ยนเป็นออร์คไปแล้ว และยังเลือกจะมาเป็นแวมไพร์อีก ส่วนหนึ่งเพราะต้องการแข็งแกร่งไปพร้อมกับมีใบหน้าที่ดูดี


ไม่กังวลหรือ กับเรื่องที่ต้องเป็นหุ่นเชิดของราชาโลหิต?


แถมยังอาจกลายเป็นเบี้ยของราชาโลหิตและต้องโจมตีมนุษย์ด้วยกันเอง?


แล้วยังไง? แวมไพร์ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับมนุษย์ตั้งแต่แรกแล้ว…


ผู้เล่นที่เลือกแวมไพร์ต่างไม่สนใจความกังวลของผู้เชี่ยวชาญ และมักเถียงกลับไปด้วยคำว่า “คนที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงก็ต้องถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”


ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญต่างตำหนิพฤติกรรมของคนเหล่านี้ว่าเป็น “พวกรักสบายจนทำให้คนอื่นเดือดร้อน”


ท่ามกลางความกังวลของทุกฝ่าย


[มีประกาศิตจากราชาโลหิต]


ในที่สุด ช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึง


ราชาโลหิตเป็นใคร และมีจุดประสงค์อะไร?


เหตุใดแวมไพร์ทุกตนจึงต้องเชื่อฟังราชาโลหิต?


ท่ามกลางคำถามและความกังวล ผู้เล่นแวมไพร์ตัดสินใจเปิดอ่านรายละเอียดประกาศิตราชาโลหิต


หลายฝ่ายเชื่อว่า เนื้อหาของภารกิจจากราชาโลหิต อาจมอบเบาะแสให้สาวไปถึงตัวอีกฝ่าย


<ประกาศิตราชาโลหิต>

ระดับความยาก : B

มอนสเตอร์ ‘หนอนยักษ์’ ในทะเลทรายเรย์ดันมักบุกรุกเมืองแวมไพร์ผ่านทางใต้ดิน

จงล่าหนอนยักษ์เพื่อช่วยปกป้องเมือง

เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : ฆ่าหนอนยักษ์ 50 ตัวภายในหนึ่งสัปดาห์ (0/50)

รางวัลสำเร็จภารกิจ :

- ค่า EXP เพิ่มขึ้น 0.4%

- ค่าความชำนาญเวทโลหิตเพิ่มขึ้น

- มันฝรั่งโลหิต 10 ผล


<ประกาศิตราชาโลหิต>

ระดับความยาก : C

ช่องนี้กำลังลือกันว่า มีมอนสเตอร์ออกล่านักเดินทางที่โอเอซิสกลางทะเลทราย

จงกวาดล้างโอเอซิส คอยดูแลความปลอดภัยให้นักเดินทาง และคืนชีวิตชีวาให้กับเมือง

เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : กวาดล้างโอเอซิสสามแห่งภายในหนึ่งสัปดาห์ (0/3)

รางวัลสำเร็จภารกิจ :

- ค่า EXP เพิ่มขึ้น 0.3%

- ค่าความชำนาญเวทโลหิตเพิ่มขึ้น

- มันฝรั่งโลหิต 10 ผล


<ประกาศิตราชาโลหิต>

ระดับความยาก : E

เป็นที่ทราบกันดีว่า แวมไพร์ต้องกินเลือดมนุษย์หรือมอนสเตอร์เพื่อประทังชีวิต แต่นั่นเป็นทัศนคติที่ล้าสมัย เนื่องจากมันฝรั่งโลหิตที่ปลูกในเมืองแวมไพร์ ก็สามารถดับความกระหายได้ไม่ต่างกัน

จงช่วยชาวนาในเมืองเก็บเกี่ยวมันฝรั่งโลหิต

เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ : เก็บเกี่ยวมันฝรั่งเลือด 100 ผลในหนึ่งสัปดาห์ (0/100)

รางวัลสำเร็จภารกิจ :

- ค่า EXP เพิ่มขึ้น 0.3%

- ค่าความชำนาญเวทโลหิตเพิ่มขึ้น

- มันฝรั่งโลหิต 10 ผล


“…ก็ธรรมดาไม่ใช่หรือ?”


เนื้อหาของประกาศิตราชาโลหิตที่แสดงต่อหน้าผู้เล่นแวมไพร์ทุกคน ส่วนมากมักคล้ายคลึงกัน


เป็นภารกิจที่ช่วยเสริมความมั่นคงให้กับทะเลทรายเรย์ดัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองแวมไพร์


หรือบางภารกิจก็เป็นการช่วยเหลือด้านการเกษตร


ไม่ว่าจะดูยังไงก็เป็นแค่ภารกิจแสนธรรมดา


ธรรมดาจนใครหลายคนเริ่มกังวล


“…ฆ่ามอนสเตอร์ที่จ้องทำร้ายนักเดินทาง? นี่ไม่ใช่แค่ปรกติ แต่ใจดีเกินไปแล้ว”


“ราชาโลหิตเป็นใคร? พฤติกรรมไม่สอดคล้องกับชื่อเลยสักนิด...”


ผลลัพธ์อันไม่คาดฝันช่วยทำให้ทุกคนเบาใจ


แน่นอน บางคนหงุดหงิด แต่ก็ยังดีกว่าการต้องเข่นฆ่ามนุษย์จนเกิดเป็นศึกระหว่างเผ่าพันธุ์


จนกระทั่งผ่านไปสักพัก ผู้คนเลิกพูดถึงเนื้อหาของภารกิจ แต่หันไปสนใจกับรางวัลแทน


สิ่งที่ตายตัวคือค่า EXP


ขึ้นอยู่กับความยากของภารกิจ รางวัลขั้นต่ำคือ 0.1% และสูงที่สุดคือ 0.5%


เป็นรางวัลที่แทบไม่มีค่าในช่วยเลเวลต่ำซึ่งฆ่ามอนสเตอร์แค่ไม่กี่ตัวก็ได้แล้ว


แต่สำหรับผู้เล่นเลเวลสูง รางวัลนี้จะมีค่ามากกว่าหนึ่งพันทองคำเสียอีก


ในกรณีของผู้เล่นชั้นแนวหน้า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่ประกาศิตราชาโลหิตเป็นภารกิจรายสัปดาห์ มิใช่รายวัน


หนึ่งในนั้นคือแค็ทซ์


“ความยากของภารกิจเป็นแบบสุ่ม?”


มันได้รับภารกิจที่มีระดับความยาก F รางวัล EXP จึงแค่ 0.1%


แค็ทซ์ค่อนข้างผิดหวัง แต่ก็พยายามปลอบใจตัวเองและมองในแง่ดี


ถึงอย่างนั้น มันอดประหลาดใจไม่ได้


คลาสลับเกรดอีปิกถูกยกระดับเป็นเกรดแอนเชียนในชั่วข้ามคืน


แค็ทซ์รู้สึกเหมือนกับความฝัน มากกว่าจะเป็นเรื่องจริง


แต่ไหนแต่ไร มันมักตำหนิตัวเองในอดีตที่เป็นไอ้งั่ง ลงทุนซื้อสมุดเปลี่ยนคลาสเกรดอีปิกในราคาสูงถึงสองพันล้านวอน


แต่ปัจจุบัน สมุดราคาสองพันล้านวอนได้กลายเป็นหนึ่งหมื่นล้านวอนเรียบร้อยแล้ว


การเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกอย่างกะทันหัน ทำให้เชื่อได้ยากว่านี่คือความจริง


“คุคุก… คึคึคึก!”


ขณะโปรยเลือดของมอนสเตอร์ลงบนทุ่งมันฝรั่งโลหิต แค็ทซ์ระเบิดเสียงหัวเราะ


‘ใช่แล้ว คลาสนักรบโลหิตแตกต่างจากคลาสเกรดอีปิกอื่นๆ '


เกรดอาจเป็นแค่อีปิก แต่ประสิทธิภาพนั้นใกล้เคียงกับการเกรดยูนีค


แค็ทซ์ประเมินว่าตนไม่ได้ด้อยกว่าคลาส ‘นักล่าวิญญาณ’ ของซิวรอนสักเท่าไร


จุดอ่อนใหญ่เพียงข้อเดียวก็คือ มันไม่สามารถสร้างเลือดด้วยมานา ต้องใช้เลือดของตัวเองหรือเลือดคนอื่นเป็นสื่อกลางในการกระตุ้นเวทมนตร์


แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว มันสามารถใช้พลังเวทหรือมานาเพื่อสร้างเลือด จากนั้นก็ใช้พลังของคลาสเพื่อควบคุมเลือด


แค็ทซ์จะทรงพลังได้โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในสนามรบ


ฝีมือจะไม่ถูกจำกัดอยู่แค่ในสมรภูมิใหญ่ แต่รวมไปถึงทุกๆ พื้นที่บนโลก


กลายเป็นบุคคลที่เก่งที่สุดในโลกอย่างไร้ข้อกังวล


ไม่สิ… เก่งที่สุดคงไม่ได้ เพราะโลกนี้ยังมีกริด เอาเป็นว่า… หนึ่งในสามก็แล้วกัน


‘นอกจากครอเกล ยังมีเฟคเกอร์กับยูร่า… แต่คลาสของเราคือเกรดแอนเชียน ยังมีโอกาสเหนือกว่าพวกเขา’


แค็ทซ์ยิ้มเมื่อจินตนาการว่า ตนสามารถเป็นพลังให้กริดในอนาคต ได้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับอีกฝ่ายอย่างสมศักดิ์ศรี


แต่ไม่นาน มันผุดคำถามใหม่ในใจ


‘แล้วทำไมถึงไม่มีข้อความโลก?’


แค็ทซ์ชื่นชอบความโดดเด่น


ในช่วงแรกของเกม มันมักยืนอวดอาวุธในจัตุรัสใจกลางเมือง


ทั้งที่ตนคือคนแรกที่ได้รับคลาสแอนเชียน แต่ทำไมข่าวนี้ถือไม่ถูกป่าวประกาศ?


สิ่งนี้ทำให้แค็ทซ์ไม่พอใจ


‘ถ้าลองคิดดูให้ดี…’


คลาสเกรดเลเจนดารีบางส่วน รวมถึงกริด ก็ไม่ประกาศข้อความโลกทันทีที่เปลี่ยนคลาส


‘ยังมีเงื่อนไขอื่น?’


มันต้องหาเงื่อนไขดังกล่าวให้พบโดยเร็ว คนทั่วโลกจะได้ทราบว่า ตนกลายเป็นคลาสเกรดแอนเชียนคนแรกแล้ว


[ท่านสำเร็จภารกิจ <โปรยเลือดลงบนทุ่งมันฝรั่งโลหิต>]


[ท่านบรรลุ <ประกาศิตราชาโลหิต>]


[รางวัลสำเร็จภารกิจ…]


“…”


ทั้งที่เป็นคลาสระดับโบราณคนแรก แต่กลับต้องทำงานกรรมกรอย่างโปรยเลือดลงบนสวนมันฝรั่ง?


แม้แค็ทซ์จะอับอาย แต่สำหรับมัน ค่าประสบการณ์ 0.1% นั้นช่างหอมหวาน


‘หลังจากนี้ ถึงเวลาทำภารกิจประจำคลาส’


ภารกิจระบุให้ตามหาภาพวาดของเบริอาเช่


มันไม่รู้ว่าทำไมจอมอสูรถึงวาดรูป นั่นจึงเป็นเรื่องยากที่จะสืบหาเบาะแส


แต่ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใด ตนต้องดิ้นรนให้สำเร็จ


ขณะแค็ทซ์เดินออกจากสวนมันฝรั่งด้วยสีหน้ากังวล


“นาย…?”


มันได้ยินเสียงที่ที่คุ้นเคย ภายในใจเริ่มรู้สึกถึงลางไม่ดี


“นึกว่าใคร… ที่แท้ก็เป็นไอ้โง่แค็ทซ์ ชายผู้ไม่มีปัญญาทำอะไรเลยถ้าไม่มีเลือด”


“ซิวรอน”


นักล่าวิญญาณ


แม้จะเคยพ่ายแพ้ให้กับกริดและกิลด์โอเวอร์เกียร์หลายครั้ง แต่ซิวรอนก็ยังเป็นหนึ่งในแรงเกอร์ที่ทรงพลังของซาทิสฟาย มักถูกโหวตให้เป็นบุคคลที่ไม่ควรเผชิญหน้าในสนามรบ


“ศัตรูมักโคจรมาพบกันบนสะพานแคบเสมอ… แค็ทซ์ นายเองก็เป็นแวมไพร์เหมือนกันสินะ”


“ศัตรู? ฉันไปเป็นศัตรูของนายตอนไหน?”


“นี่นาย… ลืมพฤติกรรมขี้ขลาดอย่างการตั้งค่าหัวให้ฉันไปแล้วหรือ?”


ซิวรอนซึ่งเคยเป็นเหยื่ออำนาจเงินของแค็ทซ์ ยังเจ็บแค้นมาจนถึงทุกวันนี้


ทว่า ทั้งที่ตนไม่เคยลืม แต่อีกฝ่ายกลับจำอะไรไม่ได้เลย


“เคยมีเรื่องแบบนั้นด้วยหรือ?”


“เฮ่อะ! ช่างมัน! มาดวลกัน!”


ซิวรอน นักล่าวิญญาณ มีพลังในการช่วงชิงวิญญาณคนตายมาโจมตี


เฉกเช่นนักรบโลหิตของแค็ทซ์ ซิวรอนแข็งแกร่งมากสมรภูมินองเลือด และยังมีประสิทธิภาพพื้นฐานสูงกว่านักล่าโลหิต


แม้ว่าศัตรูจะยังไม่ตาย แต่มันก็มีทักษะในเชิงต่อสู้ที่หลากหลาย เช่นการแทรกแซงวิญญาณและทำให้ศัตรูชะงัก


ซิวรอนเก็บเคียวสั้นที่ซื้อมาเพื่อเก็บเกี่ยวมันฝรั่งโลหิตโดยเฉพาะ จากนั้นก็ชักดาบ


มันรู้จุดอ่อนของแค็ทซ์เป็นอย่างดี ขอเพียงตนไม่เลือดออก ชัยชนะก็อยู่แค่เอื้อม


“ถ้าไม่มีศพ นายก็แค่นักรบกระจอก!”


ซิวรอนคำรามอย่างมั่นใจพลางเตรียมใช้งานทักษะแทรกแซงวิญญาณ


“พายุโลหิต”


“…?!”


บ่อเลือดผุดขึ้นจากความว่างเปล่าใกล้กับซิวรอน ก่อนจะก่อตัวเป็นพายุหมุน


สิ่งนี้ไม่ใช่เวทโลหิต เพราะผู้เล่นที่เพิ่งเปลี่ยนเป็นแวมไพร์จะยังไม่สามารถเรียนรู้เวทโลหิตขั้นสูง


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ นี่คือทักษะของนักรบโลหิต


‘ทั้งที่ไม่มีเลือดสักหยด… มันใช้พลังได้ยังไง?’


ซิวรอนประหลาดใจกับผลลัพธ์อันเหนือความคาดหมาย


ทันใดนั้น มันฉุกคิดบางสิ่งได้ จึงกล่าวกับแค็ทซ์ด้วยน้ำเสียงชื่นชม


“เข้าใจแล้ว… ใช้เลือดจากมันฝรั่งโลหิตสินะ? คึคึคึก… ถึงจะเป็นศัตรู แต่ฉันก็ขอยอมรับในสติปัญญา”


“เปล่า… ฉันใช้มานา”


“เฮ่อะ! คิดจะโกหกเพื่อให้ทางนี้ยอมแพ้สินะ? ฉันไม่ได้ปอดแหกเหมือนกับนายที่ใช้เงินสกปรกฆ่าคนอื่น!”


“ในตอนนี้ ไม่สำคัญอีกแล้วว่าสนามรบจะเป็นที่ไหน ฉันคือผู้เล่นคลาสแอนเชียนคนแรกของโลก ทุกที่จึงกลายเป็นสนามรบ”


“…”


ซิวรอนเผยความสมเพชในแววตา


คลาสเกรดแอนเชียน?


ซิวรอนเชื่อว่า แค็ทซ์แค่ต้องการบลัฟด้วยการโม้คลาสที่ไม่มีจริงขึ้นมา


ในเวลาเดียวกัน


“…เป็นอย่างที่คิด”


กริดถือดาบเลือดที่สร้างด้วยพลัง ‘ดาบโลหิต’ พลางกวัดแกว่งประหนึ่งอาวุธ


ชายหนุ่มนำใบดาบไปเชื่อมกับอุปกรณ์ดึงที่ด้ามจับ ส่งผลให้ ‘เวทมนตร์’ กลายมาเป็นไอเท็มชนิดหนึ่ง


สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เพราะเวทมนตร์ดังกล่าวอาศัยการก่อตัวของเลือดจริงๆ


ประตูแห่งความเป็นไปไม่สิ้นสุด บัดนี้ถูกเปิดออกแล้ว


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,895
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00