จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,404



ในซาทิสฟาย ระบบเกมจะมอบอิสระให้ผู้เล่นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการโจมตี


หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้สิ่งของรอบตัว


ไม่ว่าจะก้อนหินใต้ฝ่าเท้า เก้าอี้ที่เพิ่งนั่ง เครื่องมือบนโต๊ะ หรือแม้กระทั่งโต๊ะ


ผู้เล่นมีสิทธิ์จับต้องวัตถุเกือบทุกชนิดบนโลก และใช้งานมันดุจดังอุปกรณ์หรืออาวุธ


อาจกล่าวได้ว่า ผู้เล่นสามารถโจมตีเป้าหมายได้ด้วยทุกสิ่งที่กำลังถือในมือ


อย่างไรก็ตาม ความเสียหายจะขึ้นอยู่กับค่าพละกำลังของผู้เล่นเป็นหลัก เนื่องจากสิ่งของดังกล่าวไม่ใช่อาวุธที่มีพลังโจมตีแยกต่างหาก


ขึ้นอยู่กับรูปร่างและมวล วัตถุดังกล่าวจะมีค่าพลังโจมตีอย่างน้อย 1% และสูงสุด 30% ของค่าพละกำลัง


กล่าวอีกนัยหนึ่ง การโจมตีด้วยสิ่งของนั้นแทบไม่มีประโยชน์ สู้หมัดเปล่ายังไม่ได้


ปัจจุบัน กริดที่มีเลเวล 440 มีค่าพละกำลังสูงกว่า 4,400 หน่วย แต่หากหยิบสิ่งของมาใช้แทนอาวุธ พลังโจมตีพื้นฐานจะมีได้ไม่เกิน 1,400 หน่วย (บวกกับพลังโจมตีจากการตื่นของค่าสถานะระดับสี่ที่ 0.8 หน่วยต่อหนึ่งค่าพละกำลัง)


ทว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าวัตถุชิ้นนั้นมีพลังโจมตีแนบมาด้วยจำนวนหนึ่ง?


ยกตัวอย่างเช่น หากถือมีดสั้นที่เพิ่งใช้หั่นเนื้อ มีดเล่มดังกล่าวจะถูกระบบมองว่าเป็นอาวุธ และจะมีพลังโจมตีเท่ากับค่าพละกำลัง 100% ของผู้สวมใส่


กริดเริ่มทดลองจากหลักการนี้


ดาบโลหิต


ดาบที่สร้างจากเวทมนตร์และเลือดของผู้สวม หรือไม่ก็เลือดคนอื่น


สามารถโจมตีเป็นวงกว้าง แต่จะแตกละเอียดหลังจากโจมตีเสร็จ


พิจารณาจากจุดดังกล่าว ในเมื่อรูปทรงของวัตถุเป็นดาบ สิ่งนี้จึงถูกระบบมองว่าเป็นอาวุธ


เมื่ออ้างอิงจากตัวคูณความแรงทักษะ ดาบเวทมนตร์จะมีพลังโจมตี 300% จากค่าพลังโจมตีของกริดและ 200% จากค่าพลังเวท


หากดาบเล่มนี้สามารถสวมใส่ได้ หมายความว่า กริดจะได้ครอบครองอาวุธซึ่งมีพลังโจมตีกายภาพอย่างน้อย 24,585 หน่วย (อ้างอิงจาก <+4 ดาบอสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมฯ >) และพลังโจมตีเวทมนตร์ 12,338 หน่วย


อาศัยสมมติฐานข้างต้น กริดลองถือดาบเลือดไว้ในมือ


อย่างไรก็ตาม ดาบเลือดเกิดจากการรวมตัวของเลือด ในทางปฏิบัติจึงไม่สามารถถือได้เนื่องจาก ‘ด้ามจับจะละลายเมื่อถูกลมพัด’


ด้วยเหตุนี้ กริดลองนำอุปกรณ์ดึงด้ายมาใช้งานควบคู่กัน


ดาบเลือดสามารถคงสภาพไว้ได้เมื่อเชื่อมติดกับอุปกรณ์ดึงด้าย คล้ายกับดาบมีเสถียรภาพมากขึ้นเมื่อมีภาชนะคอยรองรับ


จากนั้น กริดใช้มือถือด้ามจับ แทนการจับด้ามของดาบโลหิตโดยตรง


และผลลัพธ์ก็คือ


[ท่านสวมใส่ <ดาบเลือดของราชาโลหิต>]


“…!”


กริดประสบความสำเร็จในการทำให้ดาบเลือดกลายเป็นอาวุธ


กุญแจสำคัญก็คือ ‘อุปกรณ์ช่วยดึง’ ที่ผนวกกับคุณสมบัติพิเศษของคลาสอย่าง ‘สวมใส่ไอเท็มได้ทุกชนิด’ ส่งผลให้ดาบที่มีพลังโจมตีเหนือกว่าดาบสั้นเฮ็กเซเทียถือกำเนิด


วาบ


กริดพลันขนลุก


มันสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่ปะทุจากฝ่ามือขณะจับดาบ


แต่เมื่อลองกวัดแกว่งด้วยรอยยิ้มยินดีปรีดา


[<ดาบเลือดของราชาโลหิต> ถูกทำลายและหายไป]


[ค่าความคงทนของ <อุปกรณ์ช่วยดึง> ลดลงอย่างมาก จำเป็นต้องได้รับการซ่อมแซมเร่งด่วน]


“คึ่ก…!”


ล้มเหลว


ต้องใช้เวลานานถึง 2.9 วินาทีในการสร้างดาบเลือดและผสานเข้ากับอุปกรณ์ช่วยดึง


และทันทีที่แกว่งดาบ ช่วงเวลาการคงรูปดาบ ‘สามวินาที’ ได้หมดลง


มีปัญหาใหญ่อยู่สองข้อ


ข้อแรก เฉกเช่นเวทโลหิตชนิดอื่น <ดาบโลหิต> มีประโยชน์เพราะมันจับต้องได้และสวยงาม จึงต้องใช้เวลาสักพักในการก่อตัวเป็นรูปทรง


ข้อที่สอง รูปร่างของดาบค่อนข้างคลุมเครือ


‘หรือควรทำให้ด้ามจับมองเห็นได้ง่ายกว่านี้?’


เพื่อจะทำให้อุปกรณ์ช่วยดึงกลายเป็นด้ามจับ กริดต้องสร้างมันในฐานะ ‘ปลอกของด้ามดาบโลหิต’


หมายความว่า ไม่ใช่การสร้างด้ามขึ้นมาเพื่อรองรับ ‘ใบดาบ’ เพราะถ้าดาบโลหิตไม่มีด้ามของตัวเอง พลังโจมตีจะลดลงมากเนื่องจากเสียสมดุลและแรงยึดเหนี่ยว หรือก็คือ การทำแบบนั้นจะไม่เกิดประโยชน์


“เสมือนเทพ ดาบโลหิต”


[ระยะหน่วงของ ‘ดาบโลหิต’ ถูกลบล้างด้วยผลของทักษะ ‘เสมือนเทพ’]


“ดาบโลหิต”


หลังจากซ่อมแซมอุปกรณ์ช่วยดึง กริดสร้างดาบเลือดอีกครั้ง


ดาบเล่มนี้มีรูปทรงคมชัด มีสีแดงสว่างกะพริบตลอดเวลา เลือดไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง แต่ยังยากจะระบุตำแหน่งด้ามจับเนื่องจากถูกรายล้อมด้วยหมอกเลือดหนา มอบบรรยากาศชั่วร้ายราวกับดาบของอสูร


กริดรีบนำด้ามของดาบเลือดมาเสียบลงในอุปกรณ์ช่วยดึง


คราวนี้ใช้เวลาสามวินาทีถ้วน นานกว่าครั้งแรกเล็กน้อย และดาบถูกทำลายทันทีที่ผสานกับด้ามเสร็จ


“เสมือนเทพ ดาบโลหิต”


ชายหนุ่มซ่อมแซมอุปกรณ์ช่วยดึงและทดลองอีกครั้ง


สำหรับคราวนี้ กริดลดความคมชัดของดาบลงจากเดิม


ส่งผลให้ใช้เวลาแค่ 2.3 วินาทีในการผสานเข้ากับอุปกรณ์ช่วยดึง


แต่การทดลองครั้งถัดๆ ไปกลับใช้เวลา 2.4 วินาที 2.8 วินาที และ 2.7 วินาทีตามลำดับ


“…ขึ้นอยู่กับดวงสินะ”


ปริมาณหมอกที่รายล้อมดาบเลือดจะแตกต่างกันไปทุกครั้ง ส่งผลให้ไม่สามารถย่นเวลาได้ด้วยการฝึกฝนหรือประสบการณ์


หากหมอกค่อนข้างจาง กริดสามารถมองเห็นด้ามจับได้เร็ว แต่ถ้าหมอกหนาก็จะใช้เวลานานขึ้น


แม้จะต่างกันแค่ 0.1 ถึง 0.5 วินาที แต่ระยะเวลาเพียงเท่านี้ถือว่ามีค่ามาก


‘ถ้าดาบก่อตัวเป็นรูปร่างได้เร็วกว่านี้สัก 0.5 วินาทีก็คงดี’


ในทางอุดมคติ กริดควรสร้างดาบเลือดและเชื่อมติดกับอุปกรณ์ดึงด้ายให้เสร็จภายในสองวินาที เพื่อให้มีเวลามากพอสำหรับใช้ทักษะโจมตีถัดไป แต่ลำพังการก่อตัวเป็นรูปทรงดาบก็ต้องใช้เวลามากถึง 1.8 วินาที จึงทำทั้งหมดให้เสร็จภายในสองนาทีได้ยาก


‘คงต้องรอให้ค่าสถานะบัญชาสูงกว่านี้’


การโจมตีในฝันของกริดก็คือ สร้างดาบที่เลือดที่มีพลังโจมตีอันล้นเหลือ ผสานเข้ากับด้ามจับเพื่อให้ระบบมองว่าเป็นอาวุธ จากนั้นก็ใช้ทักษะที่โจมตีได้หนักหน่วงเล่นงานศัตรู ปิดท้ายด้วยการปล่อยให้ดาบระเบิดและสร้างความเสียหายเพิ่มเติม


ปัจจุบัน กริดสามารถสร้างดาบโลหิตได้เจ็ดครั้งด้วย ‘เสมือนเทพ’ และนำมาผสานกับอุปกรณ์ช่วยดึงทั้งเจ็ดอันที่สร้างเตรียมไว้


หากได้ถือดาบเลือดในฐานะอาวุธ การโจมตีด้วย ‘ดาบผสานห้าชนิด’ หรือ ‘สายฝนยุทธภัณฑ์’ จะเกิดเป็นพลังทำลายในระดับมหาศาล มากพอจะทำให้จอมอสูรหลักเดียวถึงกับสะดุ้ง


นั่นคือคอมโบในฝัน


เพื่อให้ไปถึงจุดนั้น กริดจำเป็นต้องมีค่า ‘บัญชา’ มากกว่าปัจจุบัน ความเร็วในการก่อรูปร่างดาบจะได้เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการยืดระยะเวลาการคงอยู่ของดาบ และนั่นจะเป็นการใช้ประโยชน์สูงสุดจากดาบเลือด


ชายหนุ่มตรวจสอบค่าบัญชา


วันนี้วนถึงรอบกำหนดแจกจ่าย ‘ประกาศิตราชาโลหิต’ อีกครั้ง แต่ค่าบัญชากลับยังไม่เพิ่มขึ้นเลย


เกมบัดซบ… ไม่เคยให้อะไรมาง่ายๆ …


“ชิ… ไม่มีทางเลือก… เวลาคือสิ่งเดียวที่จะช่วยเยียวยา”


ถ้าค่าสถานะ ‘บัญชา’ เพิ่มขึ้นถึงจุดที่ต้องการเมื่อใด กริดเชื่อว่าตนจะไม่แพ้ใครง่ายๆ หากมีโอกาสได้ใช้ดาบโลหิตอย่างเต็มที่


ขณะจินตนาการความแข็งแกร่งในอนาคตอย่างปลาบปลื้ม คำถามหนึ่งผุดขึ้นในใจ


‘นั่นแปลว่าตอนนี้… เราอ่อนแอ?’


เท่าที่จำได้ มันไม่เคยชนะศัตรูตามลำพังได้เลยนับตั้งแต่ปราบจอมอสูรลำดับ 17 โบทิส


‘ความแข็งแกร่งเป็นเพียงภาพลวงตา?’


เหงื่อเย็นๆ เริ่มผุดขึ้นบนแผ่นหลังขณะกริดนึกทบทวนความทรงจำเก่า


การล่าดราเชี่ยน (อดีตของซาลิเอล) สำเร็จลงได้ด้วยผู้คนหมู่มาก


มันถูกมีร์ซัดจนหมดสภาพ ทั้งที่ช่วยกันรุมกับครอเกล


มันเอาชนะเลอราเฆ่ได้ก็จริง แต่นั่นเพราะอีกฝ่ายกำหนดเงื่อนไข


กว่ามันจะปราบครูชาได้ ก็ยังต้องรอร่วมมือกับเลอราเฆ่


มันเผชิญหน้ากับแมรีโรสที่แข็งแกร่งราวกับเทพ


กริดจำไม่ได้แล้วว่า ตัวเองชนะแบบเท่ๆ ครั้งสุดท้ายตอนไหน


นี่มัน… สมเหตุสมผลแล้วหรือ?


กริดเริ่มพบว่าตัวเองย่ำอยู่กับที่ในขณะศัตรูพัฒนาอย่างก้าวกระโดด


ความมั่นใจในตัวเองเริ่มหดหาย


ถึงขั้นต้องกลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้งว่า ตนคู่ควรกับการเป็นเทพที่ผู้คนยกย่องแล้วจริงหรือ


“เฮ่อ…”


คงเป็นเพราะไม่ค่อยได้สร้างไอเท็มใหม่มาสักพัก ส่งผลให้ไม่มีพัฒนาการในด้านพลังและความหลากหลาย


แต่สำหรับปัจจุบัน การผลิตไอเท็มใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้ว่า ทางเลือกที่ฉลาดกว่าก็คือ เก็บแร่และวัสดุต่างๆ ไว้ใช้ผลิตไอเท็มในตอนที่เลเวลของรูปปั้นสูงกว่านี้


‘คงต้องรอไปอีกหนึ่งถึงสองสัปดาห์ รูปปั้นถึงจะเลเวลอัป’


ต้องอยู่ในสภาพสมเพชตัวเองไปอีกสองสัปดาห์เชียวหรือ?


ด้วยความสัตย์จริง ความกังวลของกริดนับว่าเหลวไหล


ดราเชี่ยน มีร์ เลอราเฆ่ ครูชา และแมรีโรส


ตัวตนเหล่านี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ผู้เล่นเอาชนะตามลำพังแต่แรกแล้ว


แต่ชายหนุ่มมองในมุมต่าง


สำหรับศัตรูรายอื่นอาจยังพอเข้าใจได้ แต่กับครูชา อย่างน้อยตนก็ควรจัดการอสูรตัวนี้ได้ตามลำพัง


ครูชาเป็นแค่ลูกน้องบาร์บาทอส จอมอสูรลำดับแปด


บาร์บาทอสอาจเป็นอุปสรรคที่กริดยังมีอาจก้าวข้ามได้ในเร็ววัน แต่ครูชาเป็นเพียงลูกน้อง ถึงจะได้รับการยิงสนับสนุนจากบาร์บาทอส แต่ระดับตนก็ควรปราบได้อย่างไม่ยากเย็น


การที่ฆ่าครูชาด้วยตัวเองไม่สำเร็จ กริดเกิดความหงุดหงิดพอสมควร


‘บาร์บาทอสมีลูกน้องมากมาย พวกมันคงช่วยเป็นหูเป็นตาให้’


ปัจจุบัน กริดและบาร์บาทอสกลายเป็นศัตรูกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะถูกซุ่มยิงแบบงงๆ ขณะลงไปในนรก


ในเมื่อเป็นแบบนั้น ตนก็ควรปราบลูกน้องบาร์บาทอสให้ได้เป็นอย่างน้อย


กริดที่ได้ข้อสรุปให้ตัวเอง อันดับแรก มันต้องการสำรวจตัวเอง


‘ตอนนี้เราอยู่ในระดับไหน’


ชายหนุ่มต้องการคำยืนยัน แต่ด้วยวิธีใด?


‘สู้กับเฮลกาโอที่จะปรากฏตัวรอบถัดไป? คงไม่ได้ประโยชน์ เราคาดเดาพฤติกรรมของอีกฝ่ายได้แล้ว’


หากหวังจะทราบระดับฝีมือในปัจจุบัน ตนต้องสู้กับใคร?


กริดที่กำลังกังวล ดวงตาเริ่มลุกวาวขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง


แสงสีขาวบริสุทธิ์กำลังสว่างไสวไปทุกทิศ


แรงระเบิดมหาศาลทำให้ภูเขาลูกหนึ่งเริ่มถล่มลง


ไม่ใช่ฝีมือใครนอกจากบราฮัม ผู้กำลังหลอมเวทมนตร์เข้าไปในละโมบ


หัวใจกริดเริ่มเต้นแรง


อีกฝ่ายแข็งแกร่งพอจะฆ่าครูชาได้ง่ายๆ โดยไม่สนใจการซุ่มโจมตีของบาร์บาทอส


เช่นนั้นแล้ว ตนจะไปได้ไกลแค่ไหนในการดวลกับมหาจอมเวทในตำนาน?


กริดอยากรู้คำตอบ ขณะเดียวกันก็เชื่อว่านี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่สูญเปล่า เพราะอย่างน้อยก็ได้ทำความเข้าใจพลังของพวกพ้อง


“ชุนโป”


กริดย้ายตำแหน่งตัวเองไปยังภูเขาที่เพิ่งถล่มลงมาครึ่งหนึ่ง


“…ถึงเวลาที่อยากดวลกับฉันแล้วหรือ”


กระจกตาสีแดงของบราฮัม กำลังสะท้อนภาพกริด


สีหน้าของมันขึงขังขณะแหงนมองราชาโอเวอร์เกียร์ที่ปรากฏกายบนท้องฟ้า


รอยยิ้มของบราฮัมมิได้เจือความโอหัง เพราะในระยะหลัง มันเริ่มตระหนักถึงความอ่อนแอของตัวเองไม่ต่างกัน


บราฮัมกำลังอยากวัดฝีมือ ย่อมเกิดความยินดีเมื่อกริดเป็นฝ่ายมาหาด้วยจิตใจที่แน่วแน่


ชายหนุ่มครุ่นคิดสักพัก


“นายอยากดวลไหม?”


“ฉันไม่เคยหนีการต่อสู้ ไม่แม้แต่ครั้งเดียวในชีวิตนี้”


“ทราวก้า…?”


ยังไม่ทันจะพูดจบ บราฮัมชิงลงมือก่อน


ห่าฝนอัคคีพุ่งขึ้นฟ้าในทิศทางที่กริดลอยอยู่


แม้จะฟันทิ้งได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าประกายไฟเหล่านี้จะสิ้นสุดลง


กริดอาบร่างกายตัวเองด้วยสายฟ้าและพุ่งเข้าหา บราฮัมหลบอย่างง่ายดายด้วยเทเลพอร์ตและทิ้งเป้าลวงไว้เป็นจำนวนมาก


ในการเผชิญหน้ากับเหนือมนุษย์ที่มีประสาทสัมผัสเฉียบแหลม หนึ่งในเวทมนตร์ที่ดีที่สุดคือเป้าลวง


ชายหนุ่มที่มองเห็นเป้าลวงหลายสิบตำแหน่ง บังเกิดความสับสนฉับพลัน แต่นั่นก็มิได้ทำให้ลนลาน กริดตอบสนองอย่างใจเย็นด้วยท่ารำดาบที่แผ่พลังปราณออกไปทุกทิศทาง


ขณะเดียวกัน หัตถ์เทวะกำลังคอยปัดป้องระเบิดวารีที่บราฮัมกระหน่ำยิง


แน่นอน บราฮัมลงมือได้เร็วกว่าปฏิกิริยาตอบโต้ของกริด เศษดินและกรวดจากภูเขาถล่มเริ่มพุ่งเข้ามารวมกันที่ปลายเท้าชายหนุ่ม


ฉากการเรียงตัวกันของชั้นดินที่ราวกับจะปกปิดผืนฟ้าช่างน่าตื่นตาตื่นใจ


ระเบิดวารีแตกตัวออกและไหลลงไปรวมกันด้านล่าง ผสมผสานเข้ากับแนวเศษดินจนกลายเป็นโคลน


คลื่นโคลนจำนวนมากที่กำลังรายล้อมกริด ส่งผลให้ทัศนวิสัยถูกปิดกั้นหลายส่วน ประสิทธิภาพในการต่อสู้ลดลงกว่าครึ่ง


ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง


มันโล่งใจที่บราฮัมยังอยู่ในสภาพดี ขณะเดียวกันมีความสุขที่ตัวเองคิดหาวิธีตอบโต้ได้ทันเวลา


‘เทพธรณี’


ผืนโคลนแผ่นใหญ่ที่คอยบดบังการมองเห็น เริ่มละลายและสาดลงจากท้องฟ้าตรงไปทางบราฮัม


บราฮัมจ้องมองสักพักก่อนจะสลายทิ้งอย่างง่ายดาย จากนั้นก็สร้างก้อนแสงนับร้อยที่สองฝั่งซ้ายขวา


กองทัพศรเวท


“อะ… อ๊าาาา…”


ขณะเฝ้ามองการปะทะระหว่างดาบและเวทมนตร์ด้านนอก นายกเทศมนตรีแร็บบิตทรุดตัวลงอย่างห่อเหี่ยวบนเก้าอี้ในห้องทำงาน


______________

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,895

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ




Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00