จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,407
ปัจจุบัน โลกถูกสร้างใหม่มาแล้วกี่ครั้ง?
แม้แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำลายและสร้างโลกก็ยังไม่ทราบคำตอบแน่ชัด
สำหรับพวกมัน โลกในปัจจุบันเปรียบได้กับปราสาททรายที่พังลงได้ทุกเมื่อ ไม่มีใครอยากเปลืองสมองจำ
แต่สำหรับบางคน โลกในปัจจุบันคือทุกสิ่งทุกอย่าง
เช่นเดียวกับซิกเฟรคเตอร์
มันต่อสู้ด้วยแนวคิดที่ว่า สิ่งมีค่าทั้งหมดรอบๆ ตัวจะถือกำเนิดและตายไปพร้อมกับโลกใบปัจจุบัน
ซิกเฟรคเตอร์รวบรวมพลังใจ รวบรวมพวกพ้องเพื่อก่อกบฏและทำสงครามกับเทพ
แต่ท้ายที่สุด มันกลับมิอาจเข้าร่วมสงคราม
ในระหว่างที่ซิกเฟรคเตอร์ถูกคำสาปเกียจคร้านเล่นงานและเอาแต่หลับใหล โลกคงใกล้ถูกทำลายเต็มที
ไม่สิ บางทีอาจถูกทำลายไปแล้ว
“…”
ทุกครั้งที่ถูกคำสาปเล่นงานจนพลังใจห่อเหี่ยว มันจะฝันแบบเดิมเสมอ
พวกพ้องที่ถูกผนึกในช่องว่างระหว่างโลก จะส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
แต่เมื่อหันมาเห็นซิกเฟรคเตอร์ ทุกคนจะปิดปากเงียบและส่งรอยยิ้ม ราวกับจะบอกว่าไม่ต้องห่วงทางนี้ ไม่มีใครตำหนิซิก
ภาพดังกล่าวสร้างความอึดอัดใจและรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม
ซิกเฟรคเตอร์เกลียดชังตัวเอง เกลียดชังคำสาป เป็นห้วงอารมณ์ที่เกิดขึ้นไม่สิ้นสุด
มันหลั่งน้ำตาเช่นทุกครั้งเมื่อได้ยินเสียงที่ไม่ได้ยินมาแสนนาน
“ในที่สุด พวกเราก็ได้พบกันอีก”
เจค
ผู้ได้รับพรจากเทพแห่งโชค
วีรบุรุษผู้ใช้ความโชคดีเพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยซึ่งนำพาไปสู่ความตาย
เจคคอยช่วยชีวิตพวกพ้องหลายครั้งขณะลงไปล่าอสูรในนรก
ชายผู้เงียบงันนานนับพันปี กล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส
“เจ้ามีพวกพ้องที่ยอดเยี่ยม ซิก… เจ้าโชคดีมาก”
***
“เจค…!”
มันสะดุ้งตื่นจากภวังค์ขณะพยายามคว้าตัวเจคที่ถูกดูดกลับเข้าไปในช่องว่าง
แผ่นหลังสัมผัสได้ถึงความเย็นของโลหะ
เราหลับไปนานแค่ไหน?
ซิกเฟรคเตอร์ที่ตกตะลึงรีบแหงนหน้าสำรวจสภาพแวดล้อม
มันกำลังเคลื่อนที่
ไม่สิ มันอยู่บนบางสิ่งซึ่งกำลังเคลื่อนที่
สิ่งนี้สูงพอจะช่วยให้เห็นทัศนียภาพรอบตัว ภูเขาเรียงราย ต้นไม้น้อยใหญ่
เนื่องจากถูกสาปให้ต้องนอนเป็นเวลานาน กล้ามเนื้อที่เสื่อมสภาพจึงทำงานได้ไม่สมบูรณ์
ไม่ว่าจะฝึกฝนมากแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์ ร่างกายที่เกียจคร้านจะมิอาจแสดงสมรรถภาพได้เต็มที่
ขณะซิกเฟรคเตอร์ลุกขึ้นอย่างยากลำบากและเพ่งสายตา ใบหน้าของยักษ์เหล็กหันกลับมามอง
สิ่งประดิษฐ์จากยุคสมัยโบราณที่ทำให้มันนึกถึงช่วงเวลาเก่าๆ
จักรกลเวทมนตร์
“หลับสบายไหม?”
เสียงของซีบาลดังมาจากไรเดอร์ส
ต้องขอบคุณที่ยังเหลือเรี่ยวแรง ซีบาลจึงซ่อนความเหนื่อยล้าในเนื้อเสียง
อัศวินที่เหลือตายหมดแล้ว?
ซิกเฟรคเตอร์เสียใจจากก้นบึ้ง
มันสาบานกับตัวเอง ตนต้องกำจัดเทพโสมมให้ได้ นักรบกล้าหาญเหล่านี้จะได้ไม่ต้องตายเปล่า
“อา…”
ซิกเฟรคเตอร์ตอบอย่างเยือกเย็นและสงบนิ่ง
มันควบคุมสีหน้าให้แน่วแน่ คอยข่มอารมณ์ เพราะนี่คือวิธีเดียวที่จะยึดเหนี่ยวจิตใจบนโลกอันบ้าคลั่ง
อักขระโบราณโผล่ขึ้นจากความว่างเปล่ารอบตัวซิกเฟรคเตอร์ ก่อนจะสร้างเส้นทางที่คล้ายกับห้วงอวกาศตรงหน้าไรเดอร์ส
นี่คือเวทมนตร์ชนิดเดียวกับที่มันใช้เพื่อขึ้นไปเยือนอาณาจักรฮวาน
ไรเดอร์สพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงจนกระทั่งลับสายตา
ผ่านไปสักพัก
“…คลาดสายตาจนได้”
หนึ่งในสามยอดนักรบ แฮกัก
มันส่ายหน้าหลังจากมาถึงจุดเกิดเหตุ
แฮกักย่อมไม่พอใจ เพราะมันเพิ่งปล่อยให้ปลาที่เกือบจับได้ หลุดมือและว่ายหายไปในทะเล
อย่างไรก็ตาม แฮกักหาได้รู้สึกอับอาย ความผิดพลาดในครั้งนี้มิได้เกิดขึ้นเพราะฝ่ายตนไร้ฝีมือ
การเร่งความเร็วในชั่วพริบตาของจักรกลเวทมนตร์ได้สร้างความรู้สึก ‘ไม่มีวันตามทัน’ ให้กับฝ่ายมัน
สิ่งนี้ไม่เหมือนชุนโปที่สามารถเคลื่อนที่พริบตาได้ในระยะทางหนึ่ง
การหลบหนีของหุ่นยักษ์ คล้ายกับพวกมันไม่สามารถย่นระยะทางไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน
เมื่อเข้าใกล้ถึงระยะหนึ่ง พวกมันจะเผชิญกับความโชคร้ายอย่างไม่มีเหตุผล ทำให้การไล่ล่าต้องเสียจังหวะ
คล้ายกับมีพลังงานที่ยิ่งใหญ่คอยแทรกแซง
เดาได้ไม่ยากว่า นี่คือพลังของหนึ่งในเจ็ดมารที่เทพสงครามเคยเอ่ยถึง
‘ถ้าใช้พลังแบบนั้น จะไล่ไม่ทันก็ไม่แปลก’
อย่างไรก็ตาม พลังดังกล่าวคงใช้งานได้ไม่บ่อย ในอีกไม่ช้า พวกคนคงไล่ตามทัน และหนนี้จะไม่ปล่อยให้หลุดมือ
แฮกักสั่งสาวกที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“กระจายตัวออกไป รอฟังวิวรณ์จากพระองค์”
เทพสงครามเซราทุลคือเทพที่ยิ่งใหญ่
หนึ่งในสิ่งที่มนุษย์มักวิงวอนขอจากเทพคือ ‘พลัง’ ทำให้บนโลกเต็มไปด้วยผู้ศรัทธาในพลังอำนาจ
มีวิหารและวัดหลายแห่งบนทวีปที่สักการะเทพสงครามโดยเฉพาะ และทั้งหมดคอยเป็นหูเป็นตาให้เซราทุล
ขณะที่สาวกกำลังกระจายตัวในตำแหน่งใกล้กับเหยื่อ เมื่อวิวรณ์จากเทพสงครามถูกส่งมาถึง พวกมันจะทำการล้อมจับซิกเฟรคเตอร์อย่างง่ายดาย
ขณะเดียวกัน ในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ ด้านนอกเมืองเล็กๆ นามว่าไบรัน
“ชนะแล้ว! เราทำได้!”
ผู้พิทักษ์พงไพร
แม้แต่ ‘ผู้พิทักษ์พงไพรร่างจริง’ ก็ยังถูกสังหารโดยองค์ชายลอร์ด
เด็กหนุ่มกำลังกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข
สิ่งที่น่าตกใจก็คือ สภาพศพขนาดมหึมาด้านข้างที่อยู่ในสภาพยับเยิน
ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเกิดจากฝีมือของเด็กคนหนึ่ง
‘ฆ่าผู้พิทักษ์พงไพรร่างจริงได้ภายในสิบนาที…’
เฟคเกอร์ที่กำลังซ่อนตัว เฝ้ามองลอร์ดด้วยสายตาตกตะลึง
แม้ว่าผืนป่าแห่งนี้จะเป็นจุดเก็บเลเวลที่ไม่มีใครสนใจ แต่ผู้พิทักษ์พงไพรร่างจริงที่ลอร์ดเพิ่งฆ่าไป ถือเป็นบอสดุร้ายซึ่งมีวัฏจักรการเกิดนานนับเดือน
สมัยเฟคเกอร์ยังเก็บเลเวลอยู่ที่นี่ กิลด์เซดากาห์จนปัญญาจะล่า ต่อให้ใช้สมาชิกทุกคนในกิลด์เข้ารุมก็ตาม
แต่เด็กชายลอร์ดคนเดียวกลับโค่นผู้พิทักษ์พรไพรร่างจริงได้ภายในสิบนาที
แน่นอน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะลอร์ดมีทักษะหลากหลายประเภท สามารถรับมือได้ทุกสถานการณ์ แต่อีกหนึ่งส่วนที่สำคัญคือไอเท็มจากฝีมือกริด
อาวุธที่จะเพิ่มความเสียหายขึ้นเรื่อยๆ หากโจมตีซ้ำเป้าหมายเดิม
ชุดเกราะที่เพิ่มค่าต้านทานการโจมตีทุกรูปแบบ
ผ้าคลุมที่สามารถสลาย ‘ความสนใจ’ ของบอสได้ในบางครั้ง
เกราะไหล่เสือขาวและรองเท้ามังกรครามที่กริดโปรดปราน
ตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมา กริดคอยครุ่นคิดเกี่ยวกับของขวัญที่จะมอบให้ลอร์ด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ชายคนนี้รักลูกของตัวเองมากแค่ไหน
“โอริชาลคั่มสีน้ำเงินเต็มไปหมด! ท่านพ่อต้องดีใจแน่!”
ถึงเวลามอบของขวัญคืนให้ผู้เป็นบิดาบ้างแล้ว?
การได้เห็นลอร์ดฉีกยิ้มกว้าง ช่วยให้เฟคเกอร์อิ่มเอมใจ
ขณะเด็กชายกำลังก้มเก็บไอเท็มดรอป
“นี่มัน…?”
“…?”
เฟคเกอร์เอียงคอสงสัย
ลอร์ดกำลังสนใจรูปปั้นหินแกะสลักขนาดเล็ก
สิ่งนี้อยู่ในป่ามานาน เฟคเกอร์เคยเห็นผ่านตาก็หลายครั้ง แต่ไม่เคยสนใจ เพราะรูปปั้นนิรนามมักเป็นฉากหลังของเกมและสามารถพบได้ทั่วไป
แต่ลอร์ดกลับคิดต่าง
“เราถูกสอนมาว่า อย่าดูถูกความเชื่อของคนอื่น… แต่ที่นี่คืออาณาจักรโอเวอร์เกียร์”
ลอร์ดพึมพำขณะเหยียบทำลายรูปปั้น
ในสายตาเฟคเกอร์ พฤติกรรมของลอร์ดคือสิ่งที่ถูกต้อง
อาณาจักรโอเวอร์เกียร์คืออาณาจักรของกริด มีกริดเป็นเทพให้ศรัทธา
ในอนาคต ไม่มีเหตุผลใดที่ต้องปล่อยให้พลเมืองนับถือเทพองค์อื่นนอกจากกริด
หรืออย่างน้อยที่สุด ชาวโอเวอร์เกียร์ต้องนับถือศาสนากริด
‘…ต้องสั่งให้หน่วยเงากระจายตัวออกไปทำลายรูปปั้นทิ้ง’
จากสิ่งที่กริดเล่า และจากสิ่งที่เฟคเกอร์ได้เห็นจากเหตุการณ์ซาลิเอล เทพมิได้บริสุทธิ์ผุดผ่องเสมอไป
อย่างไรก็ตาม เทพธิดารีเบคก้าถือเป็นกรณีพิเศษ เธอมีพลังอำนาจยิ่งใหญ่บนทวีป การทำลายรูปปั้นไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม
แต่กับศาสนาอื่น วิธีนี้สมเหตุสมผลแล้ว
คิดเช่นนั้น เฟคเกอร์โยนมีดสั้นออกไปทำลายรูปปั้นที่นอนอยู่ในพุ่มไม้
ขณะเดียวกัน
“…?”
มันแหงนหน้าขึ้นและพบว่า ท้องฟ้ายามกลางวันแสกๆ กลับกำลังเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ
ความตึงเครียดเข้าครอบงำลันเทียร์คนปัจจุบันทันที
***
[มีข่าวลือว่า ผู้คนหลั่งไหลไปสักการบูชาเทวรูปของท่านอย่างไม่ขาดสาย!]
[เทวรูปหินของเทพโอเวอร์กริด กลายเป็นเลเวล 9!]
[ตลอดหนึ่งเดือนถัดไป ค่าความชำนาญจะเพิ่มขึ้น 30% โอกาสสร้างไอเท็มเกรดสูงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย]
[ตลอดหนึ่งเดือนถัดไป ค่าพละกำลัง ความอดทน สติปัญญา และความว่องไวจะเพิ่มขึ้นอย่างละ 19% นอกจากนั้น พลังทำลายของทักษะประเภทวิชาดาบจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ลดระยะเวลาในการร่ายและระยะหน่วง]
การรอคอยอันเนิ่นนาน ในที่สุดก็ถึงจุดสิ้นสุด
เป็นไปตามที่คาด เทวรูปใหม่เลเวล 9 มอบโบนัสทัดเทียมกับรูปปั้นหินเก่าเลเวล 15
‘การเพิ่มเลเวลเทวรูปไม่ใช่เรื่องง่าย…’
ปัจจุบัน จำนวนประชากรของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์คือสองร้อยล้านคน และกว่าสองในสามเป็นผู้เล่น
อย่างไรก็ตาม ทั้งที่หลายคนเดินทางไปทำภารกิจประจำสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง แต่ความเร็วในการอัปเลเวลก็ยังเทียบไม่ได้กับสมัยรูปปั้นราชาวีรบุรุษ
คล้ายกับว่า เมื่อรูปปั้นราชาวีรบุรุษพัฒนาเป็นเทวรูปเทพโอเวอร์เกียร์ ค่าประสบการณ์ต่อเลเวลจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า
‘แต่ก็เข้าใจได้ เพราะโบนัสจากเทวรูปก็เพิ่มขึ้นจากเดิม’
อย่างไรก็ตาม ปัญหาในตอนนี้มิใช่เลเวลของเทวรูป หากแต่เป็นค่าสถานะ ‘บัญชา’
ค่าบัญชาของกริดไม่เพิ่มขึ้นเลย
‘ทำไมกัน…’
ผ่านมาแล้วสิบเก้าวันนับตั้งแต่เผ่าแวมไพร์ถูกปลดล็อก
ผู้เล่นที่ย้ายมาเป็นแวมไพร์มีมากถึงยี่สิบล้าน หมายความว่ามีคนยี่สิบล้านคนคอยทำภารกิจ ‘ประกาศิตราชาโลหิต’ ในทุกสัปดาห์
แล้วเหตุใดค่า ‘บัญชา’ ถึงยังไม่เพิ่ม?
‘อย่าบอกนะว่า ค่านี้จะเพิ่มขึ้นหนึ่งแต้มต่อการเคลียร์ภารกิจหนึ่งร้อยล้านครั้ง?’
ไม่มีทาง
ทว่า หากประสิทธิภาพของค่า ‘บัญชา’ ยอดเยี่ยมตามที่คิด กริดสามารถกัดฟันทนกับเรื่องนี้
ไม่สำคัญว่าค่าบัญชาจะเพิ่มขึ้นหนึ่งแต้มต่อหนึ่งล้านภารกิจ เพราะถ้าพิจารณาจากแนวโน้มประชากรแวมไพร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในอนาคต หนึ่งร้อยล้านครั้งสามารถเกิดขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์
‘หรือจะเป็นหนึ่งแต้มต่อหนึ่งพันล้าน? แบบนั้นแย่แน่’
บ้าจริง… เราต้องกลายเป็นทาสของ SA กรุปอีกแล้ว
‘เฮ่อ… ช่างมัน’
กริดต้องการค่า ‘บัญชา’ ก็เพื่อเร่งความเร็วในการสร้างดาบเลือด รวมถึงเพิ่มระยะเวลาบัฟ
แต่ก็มีคำกล่าวที่ว่า ‘ถ้าไม่มีฟัน ก็ต้องใช้ชีวิตให้ได้ด้วยเหงือก’
หรือก็คือ ถ้าค่าบัญชาไม่เพิ่มขึ้นอีก สิ่งที่กริดควรทำคือการปรับปรุงอุปกรณ์ดึงด้าย
ในเมื่อบัฟค่าความชำนาญกลับมาแล้ว ถึงคราวกลับมาสร้างไอเท็มอีกครั้ง
‘คงต้องเร่งความเร็วในการดีดออก รวมถึงระบบช่วยเล็งด้าย… ต้องไปหาอลิซาเบธสินะ’
ใบหน้าของกริดเปี่ยมด้วยชีวิตชีวาขณะจุดไฟเตาหลอมเป็นครั้งแรกหลังจากห่างหายไปนาน
ในบางครั้ง การหยุดพักก็ช่วยเติมเต็มแรงบันดาลใจและแนวคิด
ระหว่างที่รอให้เทวรูปอัปเป็นเลเวลเก้า ชายหนุ่มผุดไอเดียใหม่มากมาย
นอกจากนั้นก็ยังมีวัสดุที่พวกพ้องส่งมาจากงานแข่งนานาชาติ
“มาเริ่มกันเลย”
ได้เวลาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว
Comments
Post a Comment