จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,406



กริดตระหนักถึงความสำคัญของการดวล จึงริเริ่มนำระบบ ‘ต่อสู้จัดอันดับ’ เข้ามาใช้กับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


ชายหนุ่มหวังว่าสมาชิกกิลด์และชาวเมืองโอเวอร์เกียร์จะขยันพัฒนาฝีมือ ศึกษาและเรียนรู้จากคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือใกล้เคียงกัน


กระแสตอบรับเป็นไปในเชิงบวก หลายฝ่ายให้ความสนใจ สมาชิกที่เข้าร่วมมีจำนวนเกินกว่าความคาดหมายกริดไปมาก


เนื่องจากมีระบบการ ‘เก็บคะแนน’ และ ‘จัดอันดับ’ หลายคนจึงอยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง


ต้องไม่ลืมว่า บรรดาเกมเมอร์ที่เล่นอย่างเอาจริงเอาจังมักชื่นชอบการจัดอันดับเป็นทุนเดิม


“ในกิลด์เรามีคนแข็งแกร่งเต็มไปหมด”


“หลายสิบคนเก่งถึงขั้นที่ว่า จะไม่แปลกใจเลยหากพวกเขาสร้างกิลด์ขึ้นเอง”


“แต่ผลการจัดอันดับค่อนข้างผิดคาด…”


หลังจากการแข่งจัดอันดับผ่านไปสองสัปดาห์ กลุ่มผู้นำล้วนมาจากอดีตสมาชิกเซดากาห์ รวมถึงยูร่าและคริส


แต่กลุ่มหัวตารางอย่างแท้จริงนั้นประกอบด้วยกริด บราฮัม ปิอาโร่ เมอร์เซเดส ซาลิเอล อัสโมเฟล และแค็ทซ์


“…?”


“…?”


ชื่ออื่นๆ อาจไม่น่าแปลกใจ แต่กับแค็ทซ์นั้นไม่ใช่


ถึงแค็ทซ์จะแข็งแกร่งและถูกจัดให้อยู่ในระดับท็อปของกิลด์โอเวอร์เกียร์มาตลอด แต่ก็ยังด้อยกว่ายูร่า จิสึกะ คริส และเฟคเกอร์อยู่ราวครึ่งก้าว


โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดวลตัวต่อตัว แค็ทซ์ถูกประเมินให้มีฝีมือต่ำกว่าเรกัสและป็อนเสียอีก


แต่ชายคนนั้นกลับมายืนท่ามกลางเหล่าผู้ส่งสารและอัศวินของกริด?


แค็ทซ์ยักไหล่ด้วยความพึงพอใจ มันชอบท่าทีตอบสนองขณะพวกพ้องได้เห็นผลการแข่ง


“เคยมีคนกล่าวไว้ไม่ใช่หรือ ‘พรสวรรค์ที่แท้จริงมักปิดไม่มิด’ หรืออะไรทำนองนั้น ฮุฮุ… ฉันคงปกปิดไม่ได้อีกแล้ว ถึงแม้จะไม่อยากให้ใครรู้ก็ตาม… ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ในแง่ของพื้นฐาน ตัวฉันเป็นถึงคลาสเกรดแอนเชียนคนแรกของโลก”


“คลาสแอนเชียน? คลาสบั๊กน่ะหรือ?”


ไม่เคยมีข้อความโลกแสดงว่าแค็ทซ์เปลี่ยนเป็นคลาสเกรดแอนเชียน


หลายฝ่ายจึงคาดกันว่า ข้อความจะเกิดขึ้นหลังจากบรรลุภารกิจประจำคลาสไปถึงจุดหนึ่ง


อย่างไรก็ตาม แค็ทซ์ไม่มีเบาะแสภาพวาดของเบริอาเช่เลยสักนิดเดียว ภารกิจประจำคลาสจึงขาดความคืบหน้า จนแค็ทซ์เลิกคาดหวังจะให้ข้อความโลกปรากฏขึ้นนานแล้ว


“บั๊ก… อีกไม่ช้าก็เร็วคงได้รู้กัน”


แค็ทซ์ยังคงภาคภูมิใจ แม้คนอื่นจะคิดว่าเป็นคลาสบั๊กและมองตนเป็นไอ้งั่ง


เหตุผลที่แค็ทซ์ยังคงปิดปากเงียบ (?) เรื่องคลาสของตนสู่สาธารณะ เป็นเพราะมันต้องการสร้างความโกลาหลไปทั่วโลกในวินาทีที่ความจริงถูกเปิดเผย และนั่นจะหมายถึงความอิ่มเอมใจเหนือพรรณนา


“ดูเหมือนว่า นักรบโลหิตจะเข้ากันได้ดีกับเผ่าแวมไพร์”


คริสเดินเข้ามาใกล้และกล่าวกับแค็ทซ์


คริสเคยเผชิญหน้ากับแค็ทซ์ในการแข่งและเสียคะแนนไปพอสมควร


อย่างไรก็ตาม มันมิได้ถือสาเรื่องที่อันดับของตนตกต่ำลง ดีเสียอีกที่พวกพ้องแข็งแกร่งขึ้น


ว่ากันตามตรง ผลลัพธ์ของแค็ทซ์ค่อนข้างเหนือความคาดหมาย แต่เมื่อพิจารณาว่าอีกฝ่ายคือแวมไพร์ คริสมองว่าก็สมเหตุสมผลดีแล้ว


ขอแค่ตนเอาชนะในการแข่งครั้งหน้าให้ได้ก็พอ ผลลัพธ์รวมจะได้กลายเป็น แข่งสิบชนะสอง


“ก็คงงั้น… คริส แล้วทำไมนายถึงไม่เปลี่ยนเผ่า?”


“ตอนนี้ยังไม่อยาก”


“ทำไม? นายจะแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าถ้ากลายเป็นออร์ค”


เอกลักษณ์ของออร์คคือการเพิ่มพละกำลัง พลังโจมตีกายภาพ และค่าความถึกทน


คริสคือผู้ใช้ดาบใหญ่ที่มีคลาสรองเป็นทรราช หากเปลี่ยนเป็นเผาออร์ค ศักยภาพจะเบ่งบานถึงขีดสุด


อย่างไรก็ตาม คริสไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนเป็นออร์คอยู่ในหัวเลย


สิ่งที่คอยปฏิเสธเรื่องนี้ก็คือ ‘รสนิยมด้านความงาม’


“ฉันไม่อยากเป็นมอนสเตอร์ตัวเขียว”


คุ้มแล้วหรือที่จะยอมอัปลักษณ์เพื่อแลกกับพลัง?


แบบนั้นน่าสมเพชเกินไป


ยิ่งถ้าเกิดไม่พอใจรูปร่างจนการเล่นเกมไม่สนุก เกรงว่าอีกไม่นานก็คงเลิกถาวร


ไม่ใช่แค่คริสที่คิดแบบนี้


สาเหตุที่คนส่วนใหญ่ชอบแวมไพร์ก็เพราะเป็นเผ่าที่สง่างาม


แน่นอน ไม่ได้หมายความว่าออร์คอัปลักษณ์ ยังมีอีกหลายคนที่ชื่นชอบลักษณะทางกายภาพของออร์ค แต่ไม่ใช่คริส


‘นี่คือเหตุผลที่ช่างทำหนังกำลังกอบโกยความร่ำรวย’


ช่างทำหนังโดดเด่นในด้านการเปลี่ยนรูปลักษณ์ไอเท็มโดยที่ยังรักษาประสิทธิภาพเดิมไว้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ เทคโนโลยีก้าวหน้าไปถึงจุดที่ช่างทำหนังสามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ตัวละคร


อาจเปลี่ยนโครงหน้าไม่ได้ แต่ได้ยินว่าสามารถเปลี่ยนตำแหน่งของอวัยวะบนใบหน้า นอกจากนั้นยังรวมถึงสีผิว ดวงตา และขนตามร่างกาย


เพียงเท่านี้ก็มาพอจะทำให้ตัวละครดูเหมือนใหม่


แค็ทซ์กำลังคิดอย่างจริงจังที่จะไปพบช่างทำหนัง


จริงอยู่ รูปลักษณ์ชุดเกราะของกริดนั้นประณีตไร้ที่ติ เพียงแต่มันต้องการชุดเกราะที่มีเปลวไฟพวยพุ่งและปีกสีขาว เป็นรสนิยมทางแฟชั่นมากกว่าความสง่างามของโลหะ


ขณะแค็ทซ์กำลังใช้ความคิด การต่อสู้จัดอันดับที่กำลังดำเนินอยู่ก็ได้ข้อสรุป


เป็นศึกระหว่างดาเมี่ยนและจิสึกะ


ผลลัพธ์คือชัยชนะของจิสึกะ


แม้ดาเมี่ยนจะได้รับดาบจากกริดจนฝีมือกลับไปแข็งแกร่งใกล้เคียงของเดิม แต่ก็ยังถูกจิสึกะไล่ยิงอยู่ฝ่ายเดียว


“จิสึกะทำคะแนนไปแล้ว 2,567 แต้ม… เธอแข็งแกร่งขึ้นมากหลังจากกลายเป็นอริยศร”


ทั้งมุมมองและระยะยิงที่กว้างกว่าคนทั่วไป ทั้งความสามารถในการซุ่มยิงโดยไม่เปิดเผยตำแหน่ง ทั้งความสามารถในการหักเหวิถีของลูกศรกลางคัน รวมไปถึงความคล่องตัวและทักษะยิงรัวซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระยะประชิด


จิสึกะที่กลายเป็นอริยศร สามารถสำแดงความอันตรายในทุกระยะโจมตี


เรียกได้ว่าแทบจะไร้ที่ติ ทุกคนเชื่อว่าเธอจะไปยืนบนจุดสูงสุดอีกครั้งหากฟื้นฟูเลเวลกลับมาเท่าเดิม


‘แต่ในทางกลับกัน เลเวลของเราไม่ถูกรีเซต’


อย่างที่คิด คลาสแอนเชียนพิเศษกว่าใคร…


แค็ทซ์หัวเราะขณะรู้สึกว่าตัวเองเป็นราวกับพระเอกในนิยายบนเว็บดัง


แต่จากนั้นก็ต้องเอียงคอสงสัย เนื่องจากกริดที่เคยนั่งรออยู่ในห้องเตรียมแข่ง เดินไปหาจิสึกะพร้อมกับพูดคุยโดยออกมือออกเท้ามากผิดปรกติ แถมใบหน้าก็ยังแดงระเรื่อ ประหนึ่งกำลังคันแต่เกาไม่ได้


แค็ทซ์ถามด้วยความสงสัย


“กริดเป็นอะไร? ทำไมถึงทำท่าทางแบบนั้น?”


“แวนเนอร์บอกว่ากริดกำลังตกหลุมรักจิสึกะ”


“แวนเนอร์?”


ถ้าอย่างนั้นก็เชื่อไม่ได้


แค็ทซ์ส่ายหน้าพลางเดินเข้าไปในห้องดวล


อันที่จริง สิ่งนี้คือ ‘ดันเจี้ยน’ ที่สวาปามจกบัลเผ็ดสร้างขึ้นโดยเฉพาะ


ปัจจุบันยังมีเพียงสองดันเจี้ยน โดยแต่ละดันเจี้ยนจะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ช่วยให้สมาชิกกิลด์คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย


สวาปามจกบัลเผ็ดอ้างว่าทำไปเพราะอยากให้อลิซาเบธมีตำแหน่งสูงๆ ในกิลด์ แต่ทุกคนต่างมองออกว่าเป็นเพียงข้ออ้าง


ภายนอกอาจดูเย็นชา แต่สวาปามจกบัลเผ็ดคอยอำนวยความสะดวกให้กิลด์โอเวอร์เกียร์มากมาย เป็นความกระตือรือร้นเกินกว่าจะทำเพื่อช่วยหลานสาวเพียงอย่างเดียว


‘เราเข้าใจความรู้สึกนั้น’


โอเวอร์เกียร์คือกิลด์ที่สร้างโดยกลุ่มคนอัจฉริยะ ส่งผลให้ผู้เล่นพรสวรรค์ที่ฝันอยากจะยิ่งใหญ่ สมัครเข้าร่วมไม่ขาดสาย


บรรยากาศภายในกิลด์จึงเต็มไปด้วยพลังงานและความมุ่งมั่น ยากจะหาคนเกียจคร้าน และนั่นกระตุ้นให้คนเก่าๆ มีชีวิตชีวา


สวาปามจกบัลเผ็ดเองก็กระตือรือร้นมากขึ้น ถึงขั้นยอมสลัดความแค้นในเรื่องที่กริดเคยทำลายบลัดคาร์นิวัล


หลักฐานพิสูจน์ก็คือ ดันเจี้ยนระดับสูงสุดที่มันสร้างมีลักษณะคล้ายโรงตีเหล็กของกริด


เฉกเช่นสมาชิกคนอื่น สวาปามจกบัลเผ็ดเองก็เคารพในตัวกริดมาก


“แค็ทซ์ นายมีคะแนนสามพันกว่าก็จริง แต่มันจะลดลงหลังจากสู้กับฉัน… เตรียมใจไว้ให้ดี”


“คนเดียวที่สามารถพูดคำนั้นได้คือกริด”


“คึฮ่าฮ่า! ไม่ลองก็ไม่รู้หรอกน่า! หอกคลื่นเสียง!”


การแข่งจัดอันดับนั้นไม่มีรางวัลหรือเกียรติยศ ทั้งคะแนนและอันดับเป็นเพียงเรื่องภายในกิลด์โอเวอร์เกียร์


อย่างไรก็ตาม การได้สู้กับผู้เล่นฝีมือใกล้เคียงกันคือสิ่งที่ดี


สำหรับบางคนที่ไม่เคยได้ดวลกับคนฝีมือทัดเทียม จุดอ่อนของตนจะถูกเผยออกมาให้เห็น นี่คือช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ไปพร้อมกับได้รับความตื่นเต้นและสนุกสนาน


เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมการแข่งจัดอันดับถึงสำคัญ


สังเวียนแห่งนี้เป็นราวกับสายฝนแสนสดชื่นที่โปรยปรายใส่ชาวโอเวอร์เกียร์ผู้เบื่อหน่ายการเก็บเลเวล


เจ้าของจิตวิญญาณนักสู้เต็มเปี่ยมอย่างเรกัสและทูน สามารถแข่งได้นานสามวันเต็มโดยไม่ไปทำอย่างอื่น


***


“บัดซบ!”


ซีบาลคือผู้เล่นมากประสบการณ์ เคยสูสีกับครอเกลในช่วงแรกที่เกมเปิดตัว


มันมีประสบการณ์ค่อนข้างหลากหลาย และรู้วิธีจัดการกับปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ


ยกตัวอย่างเช่น ซีบาลชำนาญด้านการไล่ล่าและหลบหนีศัตรู เพราะเคยทำภารกิจมากมายในทำนองเดียวกัน


ซีบาลมั่นใจว่าตนสามารถสลัดหนีสาวกเทพสงครามได้ไม่ยาก


ขณะค้นหาแหล่งกบดานใหม่ให้แกรนมาสเตอร์ มันจะลบร่องรอยทั้งหมดอย่างรอบคอบ


หลังจากกำหนดเป้าหมายได้ ซีบาลจะเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง และยังมีการเปลี่ยนที่ซ่อนบ่อยครั้ง


ทว่า ผ่านไปเพียงสิบวัน สาวกเทพสงครามไล่ตามมาถูกทางอีกครั้ง


‘ทำไมเราถึงถูกหาพบง่ายแบบนี้?’


ถึงจุดที่ซีบาลสงสัยว่า ใครสักคนในหมู่อัศวินอาจเป็นสายลับ


อย่างไรก็ตาม อัศวินสีชาดรุ่นใหม่ทุกคนล้วนจงรักภักดีต่อแกรนมาสเตอร์จากก้นบึ้ง


เป็นพวกมันต่างหากที่ต้องสงสัยซีบาล


“จะเอายังไงต่อ?”


ซีบาลมีคลาสเป็นนักขับโบราณ สามารถขับขี่ยานพาหนะได้ทุกรูปแบบ


ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มี ทุกสิ่งที่ซีบาลขับขี่จะถูกดึงศักยภาพออกมาจนถึงขีดจำกัด


และนี่คือเหตุผลที่อัศวินสีชาดกำลังหายใจหอบขณะพยายามไล่ตามรถม้าของซีบาล


ซีบาลขับรถม้าของแกรนมาสเตอร์ผ่านผืนป่าด้วยความเร็วสูง อัศวินสีชาดที่ไล่ตามมาจึงแทบจะถึงขีดจำกัด


“พวกเราจะวิ่งต่อไป ห้ามหยุดเด็ดขาด!”


“แต่เรากำลังจะเข้าเขตจักรวรรดิ”


“เราจะปะปนไปกับทหารของจักรวรรดิเพื่อหลบหนี”


“ตกลง…”


แม้อัศวินจะเหนือล้าและอ่อนเพลีย แต่ทุกคนก็ยังเชื่อใจซีบาล


ทั้งที่แหล่งกบดานถูกหาพบหลายต่อหลายครั้ง แต่ซีบาลก็พยายามเชื่อใจคนเหล่านี้


เหนือสิ่งอื่นใด แกรนมาสเตอร์บอกให้ทุกคนทำตามคำสั่งซีบาล จงเชื่อและติดตามจนถึงที่สุด


“ย่าห์! แฮ่ก…?”


ซีบาลที่เตรียมเร่งความเร็วรถม้า พลันสะดุ้งและรีบห้ามม้าทันที


สาวกเทพสงครามสามคนกำลังขวางทางอยู่ด้านหน้า ราวกับพวกมันเดาได้แต่แรกว่าจะหนีมาทางนี้


“ไอ้พวกนี้มีกล้องวงจรปิดรึไง? ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้…”


ซีบาลอดไม่ได้ที่จะสบถอย่างหัวเสีย เนื่องจากไม่เข้าใจสถานการณ์เลยสักนิด


มันไม่เคยทำพลาดในขั้นตอนการหลบหนี ทุกร่องรอยถูกลบออกอย่างรอบคอบ ตบตาผู้คนและสร้างหลักฐานปลอม


เช่นนั้นแล้ว ทำไมอีกฝ่ายถึงยังตามมาถูก?


‘ทั้งที่ไอ้พวกเวรนี่ปิดตาอยู่…’


ซีบาลหงุดหงิดเพราะเริ่มเชื่อว่า นี่อาจเป็นความช่วยเหลือจากระบบ ประหนึ่งตนกำลังถูกละเมิดเสรีภาพ


ตัวมันที่เกิดและโตในสหรัฐอเมริกา ประเทศแห่งเสรีภาพ ย่อมไม่พึงพอใจกับสิ่งเหล่านี้


‘แต่อีกฝ่ายมีแค่สามคน… ยังสู้ไหว’


ถึงจะเป็นสาวกเทพสงครามที่ครอบครองเคล็ดวิชาลับแปดชนิด และถือว่ามีฝีมือเก่งกาจ แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไรเดอร์ส แถมฝั่งตนยังมีอัศวินสีชาดใหม่ฝีมือดีอีกเก้าคน


“ฝ่าออกไป! ฆ่าพวกมันให้หมด!”


มองในแง่บวก สาวกเทพสงครามเหล่านี้มีโอกาสดรอปเคล็ดวิชาลับเทพสงคราม สิ่งที่คนทั่วโลกปรารถนาและมิอาจหาซื้อได้ด้วยเงินทอง


แต่เมื่อซีบาลลงจากรถม้า หัวใจมันแทบหยุดเต้น


สาวกเทพสงครามอีกหลายสิบค่อยๆ ย่างกรายเข้ามาอย่างเชื่องช้า


“…จบสิ้นแล้ว”


นี่คือครั้งแรกนับตั้งแต่สู้กับกริด ที่ซีบาลรู้สึกสิ้นหวังและอับจนหนทาง


ใช่แล้ว ในสถานการณ์ปัจจุบัน ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือการตายอย่างไม่ทรมาน


ขณะซีบาลเตรียมอัญเชิญไรเดอร์สและต่อสู้แลกชีวิต


“พวกเราจะเปิดทางให้… รีบหนีไป”


“หมายความว่ายังไง? แล้วพวกนาย…?”


“ขอร้องล่ะ ช่วยท่านซิกเฟรคเตอร์ให้ได้…”


ซิกเฟรคเตอร์เคยช่วยเหลือพวกมันสมัยยังเป็นอัศวินเร่ร่อน คอยชี้แนะและบ่มเพาะพรสวรรค์ที่พวกมันไม่เคยรู้ว่ามี คอยมอบความแข็งแกร่งที่พวกมันปรารถนามาทั้งชีวิต


ทุกคนยินยอมสละชีวิตในภารกิจที่ยิ่งใหญ่อย่างการกำจัดเทพโสมม


“ถึงจะฟังดูแปลกหู แต่พวกเราเชื่อในตัวนาย…”


ทันใดนั้น ศีรษะของอัศวินที่กำลังยิ้ม หลุดออกจากบ่าและหล่นลงพื้น


“…”


ซีบาลยืนตัวแข็งทื่อ


อัศวินที่เพิ่งหายใจเคียงข้างกันจนถึงเมื่อครู่


ฉากศีรษะของพวกพ้องหลุดออกจากบ่า โลหิตพวยพุ่ง และร่างกายล้มทรุดลง


มันไม่เคยจินตนาการถึงมาก่อน


“ข้าได้ยินว่าเจ้าเคยร่วมมือกับคนที่ฆ่าลีจอง… มีระดับแค่นี้เองหรือ ลีจองช่างน่าสมเพช”


เสียงดังมาจากด้านบน ซีบาลจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง


มันเห็นชายคนหนึ่งกำลังยืนบนกิ่งไม้บางๆ ด้วยเท้าข้างเดียว


ชื่อเหนือศีรษะเขียนไว้ว่า <สามยอดนักรบ แฮกัก>


“ไม่ต้องถึงมือข้า”


แฮกักไม่สนใจซีบาลแม้แต่น้อย


เพียงมันส่งสัญญาณ สาวกเทพสงครามหลายสิบคนรีบปรี่เข้ามาล้อมรถม้า


แกรนมาสเตอร์กำลังหลับอยู่ด้านใน ไม่มีการป้องกันตัวแม้แต่น้อย และหมดโอกาสช่วยเหลือโดยสิ้นเชิง


ทั้งที่รู้แบบนั้น แต่ซีบาลก็ยังเลือกจะสู้


มันเรียกไรเดอร์สและขึ้นขับ พร้อมกับนำมือข้างหนึ่งลากรถม้า


ซีบาลทราบดีว่าแกรนมาสเตอร์สำคัญต่อโลกเพียงใด


ขณะเดียวกันก็ไม่อยากละทิ้งพวกพ้องที่ร่วมสู้ด้วยกันมานานหลายเดือน


มันขอทำทุกสิ่งจนถึงที่สุด เท่าที่ตัวเองจะแบกรับไหว


ผ่านมาแล้วเจ็ดปีหลังจากซาทิสฟายเปิดตัว


นี่คือครั้งแรกที่ดวงตาของซีบาลกลายเป็นสีแดง


[ดวงวิญญาณของมารลำดับหนึ่ง เจค กำลังเฝ้ามองท่าน]


[ท่านได้รับทักษะติดตัวลับ ‘เทพคุ้มครอง’ หลังจากบรรลุเงื่อนไขพิเศษ]


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,899
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

  1. ได้เวลาขับกันดั้มมมม

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00