จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,410



‘พวกมันตามมาถูกได้ยังไง?’


นี่คือคำถามที่ผุดขึ้นในใจกริดขณะเห็นสาวกเทพสงครามบุกเข้ามาในภัตตาคารของปราสาท


เพิ่งผ่านไปยี่สิบนาทีหลังจากกริดพาซิกเฟรคเตอร์ออกจากป่าเข้ามาในปราสาทไบรัน แต่สาวกเทพสงครามกลับจู่โจมได้อย่างแม่นยำราวกับดักรออยู่หลายวัน


จนชายหนุ่มเริ่มสงสัยว่า ในปราสาทอาจมีสายลับ


แต่เพียงไม่นานก็ฉุกคิดได้ว่า ซิกเฟรคเตอร์เคยพูดเรื่องเหลวไหลบางอย่างทิ้งไว้


จุดเกิดของผู้พิทักษ์พงไพรปลอดภัยเนื่องจากกริดสั่งให้ลอร์ดทำลายเทวรูปเทพสงคราม


แน่นอน เป็นธรรมดาที่กริดซึ่งไม่เคยออกคำสั่งแบบนั้นจะสับสน


ย้อนกลับไปในตอนนั้น บทสนทนาสั้นเกินไป สั้นจนชายหนุ่มมิอาจเข้าใจแก่นสาร


แต่ตอนนี้ มันเริ่มทราบถึงความจริงเบื้องหลังคำพูดซิกเฟรคเตอร์แล้ว


‘เขาจงใจล่อพวกมันเข้ามาหา’


ซิกเฟรคเตอร์ครุ่นคิดอย่างมั่นใจ


กริดที่สร้างเขตปลอดภัยในป่าด้วยการทำลายเทวรูปเทพสงคราม ย่อมไม่ปล่อยให้เทพสงครามจับตามองได้สะดวก


แต่การที่กริดกล้าย้ายซิกเฟรคเตอร์เข้ามาในปราสาทซึ่งต้องผ่านหูตาเทพสงครามระหว่างทาง แปลว่าเทพโอเวอร์เกียร์ต้องการเปิดศึกกับกองทัพสาวกเทพสงครามรอบๆ


‘ตัดสินใจได้ฉับไว แนวแน่ และกล้าหาญ… สมแล้วที่ผู้คนต่างพากันเคารพศรัทธา’


ปัจจัยเหล่านี้คือสาเหตุที่ซิกเฟรคเตอร์อยากได้ตัวกริดมาตั้งแต่ฮวนเดอร์ยังเป็นจักรพรรดิ


แกรนมาสเตอร์ชื่นชมกริดมาก ถึงขั้นอยากให้รับตำแหน่งจักรพรรดิแทนคนเก่า นอกจากนั้นยังประเมินกริดไว้สูงเกินกว่าความจริงในอีกหลายๆ เรื่อง


ขณะคนทั้งสองกำลังคิดในใจ


‘กับดัก?’


แฮกักพลันสั่นสะท้านเมื่อสะเก็ดระเบิดของดาบโลหิตกระจัดกระจายไปทั่วร่าง


มันไม่ถูกโจมตีมานานแล้ว เนื่องจากมีประสาทสัมผัสทั้งหกที่เฉียบแหลม ความรู้สึกแสบร้อนบนร่างกายในวินาทีนี้จึงถือเป็นสิ่งแปลกใหม่


แฮกักหันไปยังทิศทางเสียงกริด


แม้การโจมตีเมื่อครู่จะโดนไม่เต็ม แต่อีกฝ่ายกลับยังสร้างดาบเลือดเล่มใหม่ขึ้นมาอย่างเยือกเย็น ฉากตรงหน้าได้ทำให้แฮกักเริ่มตื่นตัวและไม่ประมาท


ชายคนนี้…


ราชาของอาณาจักรที่ริอ่านตีตนเสมอเทพ


“เจ้าคือกริดสินะ ข้าได้ยินว่าเจ้าคือผู้สังหารลีจอง แต่ขอบอกอะไรไว้อย่าง…”


แฮกักเลิกยืนด้วยมือข้างเดียวซึ่งไม่มั่นคง หันมายืนตัวตรงตามปรกติ


กริดชิงพูดแทรก


“คึคึคึก… ลีจองอ่อนแอที่สุดในบรรดาพวกเรา แกอยากจะพูดแบบนั้นใช่ไหม?”


นี่คืออากัปกิริยาปรกติของลอเอลในยามที่ทหารลาดตระเวนไม่กลับมาจากภารกิจ


แฮกักชะงักคำพูด ทำได้เพียงปิดปากสนิท


“กะแล้วเชียว…”


ได้เห็นท่าทีตอบสนองดังกล่าว กริดเปิดใช้งาน ‘เคลื่อนที่อิสระ’ ทันที


บรรดาสาวกเทพสงครามต่างกรูเข้ามาขวาง


แต่ไหนแต่ไร พวกมันปรารถนาเพียงการได้บรรลุจุดสูงสุดของศิลปะการต่อสู้


แก่นแท้ยังไม่แปรเปลี่ยนแม้จะถูกเซราทุลหลอกใช้จนไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง


ด้วยเหตุนี้ ทักษะที่พวกมันใช้จึงล้วนเป็นศาสตร์ขั้นสูง เต็มไปด้วยความซับซ้อนและยากจะฝึกให้ชำนาญ


กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกมันจะไม่ใช้การโจมตีอ่อนหัดอย่างทักษะล็อกเป้า


แสงจันทร์สาดส่องเข้าจากกำแพงที่พังทลาย


หมัด เท้า และศาสตราวุธจำนวนมากของสาวก เคลื่อนไหวท่ามกลางแสงสีนวลจนดูคล้ายกับคลื่นกระเพื่อม


ทุกการโจมตีสอดประสานอย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบ แต่น่าเสียดายที่มิอาจแตะต้องตัวกริดซึ่งพุ่งผ่านไปในสภาพผ้าคลุมพัดกระพือ


ผลของทักษะ ‘เคลื่อนที่อิสระ’ จะหลบหลีกทุกการโจมตีที่ไม่ล็อกเป้า ไม่มีใครแหกกฎของสิ่งนี้ได้


‘1.2 วินาที’


กริดคำนวณเวลาที่เหลืออยู่ของดาบโลหิตในสภาพรวมร่างกับเครื่องยิงพลังเวท


จากนั้น ชายหนุ่มปลดปล่อยวิชาดาบผสานสี่ชนิด


เปิดฉากด้วย ‘ร่ายรำสังหาร’ ถึงแฮกักจะหลบได้ แต่ก็อยู่ในขอบเขตที่กริดคำนวณไว้


แต่ในวินาทีนี้ ประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนานได้ร้องเตือนกริด


‘อีกฝ่ายเตรียมสวนกลับ’


คลื่นทำลายล้างถูกปลดปล่อยต่อจากร่ายรำสังหารทันที


แฮกักพบว่าตนมิอาจหลบหลีกการโจมตีนี้พ้น จึงเหยียดแขนขวาออกมา


มันไม่แม้แต่จะง้างกำปั้น เป็นการชกโดยที่ลดข้อศอกลงมาระดับเอวและปล่อยหมัดตรงกึ่งเสยขึ้น


ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนับว่าน่าทึ่ง


[ไม่มีการโจมตีใดที่ท่านมิอาจจำแนก]


ประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ถูกกระตุ้น


โดยทั่วไปแล้ว หมัดจะพุ่งได้เร็วและแรงหากมีการง้างไปด้านหลัง แต่หมัดตรงของแฮกักกลับพุ่งราวกับกระสุนปืนทั้งที่ข้ามขั้นตอนดังกล่าว


อย่างไรก็ตาม กริดไม่มีเวลาแม้แต่จะชื่นชม


ท่ามกลางทัศนวิสัยที่ทุกสิ่งดูเชื่องช้าไปหมด กริดหลบหมัดของแฮกักได้ง่ายดาย แต่หางตาเหลือบไปเห็นแฮกักใช้โซ่เบี่ยงทิศทางของดาบโลหิต


โซ่ดังกล่าวเชื่อมติดกับข้อมือทั้งสองข้างของแฮกัก ดาบโลหิตถูกกระแทกกลับเข้าหาลำตัวกริดทันที


นับเป็นท่าสวนกลับที่ว่องไวและสมบูรณ์แบบ


กริดยังคงไม่สั่นคลอน


ในฐานะที่รู้ล่วงหน้าว่าจะถูกสวนกลับ ชายหนุ่มเตรียมรับมือไว้แล้ว


หัตถ์เทวะบินเข้ามากระแทกดาบโลหิตกลับไปหาแฮกักอีกครั้ง


การตอบสนองในครั้งนี้เรียกได้ว่าไร้จุดบกพร่อง แต่น่าเสียดายที่ดาบโลหิตระเบิดออกก่อนที่จะเสียบเข้าไปในร่างศัตรู


แฮกักที่ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดอีกครั้ง รีบถอยกลับไปตั้งหลัก


‘เขายังควบคุมดาบเล่มนั้นได้ไม่สมบูรณ์’


ผลลัพธ์คงเปลี่ยนจากหน้าเป็นหลังมือหากดาบโลหิตไม่ระเบิด และโจมตีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยหนึ่งทักษะ


ขณะแฮกักมัวเสียเวลากับกริด ซิกเฟรคเตอร์ตรึงสาวกเทพสงครามห้าคนไว้กับตัว ส่วนเมอร์เซเดสฆ่าไปแล้วสาม


ขณะเดียวกัน หลังจากซีบาลฆ่าสาวกเทพสงครามซึ่งถูกซิกเฟรคเตอร์ใช้อักขระตรึงไว้ มันตะโกนกึกก้อง


“กริด! สั่งให้หน่วยซุ่มโจมตีลงมือได้แล้ว!”


ใช่แล้ว เฉกเช่นซิกเฟรคเตอร์ ซีบาลเชื่อว่ากริดเป็นคนวางแผนทั้งหมด


ย่อมต้องคิดเช่นนั้น เพราะคนระดับกริดคงไม่พาตนออกจากจุดปลอดภัยอย่างไรเหตุผล


‘มีหน่วยซุ่มโจมตี?’


แฮกักเริ่มตื่นตัว


มันสัมผัสถึงความแข็งแกร่งของกริดและซิกเฟรคเตอร์ได้ชัดเจน รวมถึงปราณดาบที่กระจัดกระจายโดยรอบ


คงแย่แน่ถ้ามีศัตรูเพิ่มเติมจากสามคนที่นับว่าค่อนข้างตึงมืออยู่แล้ว


ลำพังสามคนนี้ก็มากพอจะตรึงสาวกเทพสงครามที่ชำนาญ ‘แปดเคล็ดวิชา’ หลายสิบคนพร้อมกันได้อยู่หมัด


‘ต้องรีบปิดฉากโดยเร็ว’


แน่นั่นคงไม่ใช่เรื่องง่าย


แฮกักประเมินว่ากริดมีฝีมือสูสีกับตน แถมยังได้เปรียบกว่าเล็กน้อยด้วยฝ่ามือสีทองดำอีกสิบข้างที่ถืออาวุธนานาชนิด


‘ได้แต่หวังว่ากำลังเสริมของฝ่ายเรา จะมากกว่าจำนวนหน่วยซุ่มโจมตี’


ในกรณีเลวร้าย มันอาจต้องยืม ‘ปีก’ ออกมาใช้


แฮกักถูกฝังปีกเทวทูตสองคู่ไว้ในตัว การฝืนใช้ออกมาจะทำให้มันกลายเป็นเทวทูต หรือข้ารับใช้แห่งเทพสงคราม


เป็นมนต์ดำที่จะทำให้เกิดความทุกข์ทรมานแสนสาหัส สูญเสียความเป็นมนุษย์ชั่วคราว ไม่รู้สึกถึงตัวเอง แลกมากับการได้รับพลังเทวทูตในร่างมนุษย์


เพราะต้องไม่ลืมว่า เทวทูตกับโลกกึ่งกลางถือเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกัน


ในวินาทีที่ปีกงอกออกจากแผ่นหลัง จิตใจของมันจะดำดิ่ง ร่างกายไร้เรี่ยวแรง กระทั่งอายุขัยก็สั้นลง


‘ลีจองไม่ได้เรียนมนต์ดำชนิดนี้’


หมายความว่า กริดไม่รู้ไพ่ตายของตน


ขณะแฮกักประเมินสถานการณ์ สีหน้ากริดเริ่มดำมืด


‘เหตุการณ์จะยิ่งแย่ลงถ้าเราเตรียมหน่วยซุ่มโจมตีไว้จริงๆ’


ในตอนนี้ กริดภาวนาให้ทหารและอัศวินยังไม่กรูเข้ามาตรวจสอบความวุ่นวายที่เกิดขึ้น


สาวกเทพสงครามที่นี่ชำนาญเคล็ดวิชาลับอย่างน้อยแปดชนิด อัศวินและทหารไม่ใช่คู่มือแน่นอน


วิธีที่ดีที่สุดในการรับมือก็คือ ใช้ขุนพลที่มีฝีมือจำนวนน้อย… สี่คนตรงนี้นับว่าเพียงพอแล้ว… ทั้งเรา เมอร์เซเดส ซิกเฟรคเตอร์ และจักรกลเวทมนตร์… ไม่สิ และซีบาล… หากเป็นแบบนี้ต่อไป สาวกเทพสงครามจะถูกกวาดล้างไปเรื่อยๆ เป็นการเพิ่มเลเวลให้กับทุกคน และถ้าโชคเข้าข้างก็อาจได้รับเคล็ดวิชาเทพสงครามเป็นของแถม


“หน่วยซุ่มโจมตีอะไร? แค่พวกเราก็พอแล้ว”


ถูกต้อง หน่วยซุ่มโจมตีไม่มีอยู่จริงตั้งแต่แรกแล้ว


ขณะกริดกำลังยกนิ้วโป้งให้พวกพ้องพลางฉีกยิ้ม


หน้าต่างและกำแพงทุกฝั่งพังครืนในพริบตา สาวกเทพสงครามกลุ่มใหม่ทยอยเข้ามาเสริม


คราวนี้ไม่ต่ำกว่ายี่สิบคน จำนวนศัตรูเพิ่มขึ้นจากเมื่อครู่ราวสองเท่า


“แค่พวกเจ้าก็พอแล้ว? คึฮ่าฮ่า! อา… พวกเจ้าจะลองดูก็ได้!”


สิ้นเสียงตะโกนแฮกัก สาวกเทพสงครามกว่าสี่สิบคนต่างพุ่งเข้าหาซิกเฟรคเตอร์โดยพร้อมเพรียง


จุดประสงค์คือการกำจัด ‘ซิกแห่งเจ็ดมาร’ ตัวอันตรายที่เคยก่อกบฏ ต่อสวรรค์


เมอร์เซเดสพยายามขัดขวางสาวกด้วยโล่และการเหวี่ยงดาบ


สาวกหลายคนถูกฟันจนเอ็นร้อยหวายขาด แต่ก็ไม่มีใครสนใจเธอ ทั้งหมดพุ่งเป้าการโจมตีไปทางซิกเฟรคเตอร์อย่างไม่ลดละ


แกรนมาสเตอร์ถูกกดกันให้เป็นฝ่ายตั้งรับ และด้วยร่างกายที่อ่อนแอลงเนื่องจากเพิ่งตื่น กว่าเวทโบราณจะถูกปลดปล่อยก็ต้องใช้เวลาสักพัก ยากจะรับมือกับสาวกเทพสงครามที่พุ่งใส่จากทุกทิศทางได้ทันการ


กริดพยายามเข้าไปช่วย


“คิดจะไปไหน?”


แฮกักขวางทาง


กำปั้นแฮกักพุ่งตรงราวกับกระสุนปืนโดยไม่ต้องง้าง กริดไม่มีทางเลือกนอกจากเข้าสู่โลกแห่งเหนือมนุษย์ที่แท้จริง


ชายหนุ่มรีบหลบหลีกเมื่อสังเกตเห็นกล้ามเนื้อแขนขวาของอีกฝ่ายขยับมากกว่าแขนซ้าย


ดูเหมือนว่า การที่แฮกักชอบเดินไปไหนมาไหนด้วยแขนขวาจะไม่ได้ทำไปเพราะสนุก


สาเหตุที่สาวกเทพสงครามต้องปิดตา พันธนาการมือเป้า และคอยยืนด้วยมือข้างเดียว ทั้งหมดคือส่วนหนึ่งของการฝึก


เมื่อฝึกหนักอย่างสุดโต่ง ร่างกายจึงขยับได้เหนือขีดจำกัด


กริดเองก็ทราบเรื่องนี้ และยังเป็นเหตุผลที่ต้องทำในสิ่งถัดไป


กริ๊ก!


หลังจากห่างหายไปนาน ข้อมือทั้งสองข้างของกริดเป็นอิสระจากกุญแจมือลีจอง


[ท่านปลดกุญแจมือของลีจอง รัศมีการโจมตีเพิ่มขึ้น ความแม่นยำเพิ่มขึ้น พลังโจมตีของอาวุธกลับสู่ค่าปรกติ ทักษะที่ถูกผนึกไว้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง]


“คึคึก! คึฮ่าฮ่า!”


เมื่อแฮกักเห็นกริดถอดกุญแจมือ มันระเบิดเสียงหัวเราะคล้ายกับมองเป็นเรื่องไร้สาระ


ขณะเดียวกัน แฮกักปลดโซ่เหล็กที่รัดข้อมือตัวเองลงพื้น ส่งผลให้พื้นหินสั่นสะเทือน


นอกจากนั้นยังปลดตรวนข้อเท้า เมื่อทิ้งลงพื้น พื้นหินเกิดเป็นรูโหว่


“กุญแจมือลีจองหนักเพียงครึ่งเดียวของข้า”


ในที่สุด แฮกักถอดผ้าคาดตา


พัฒนาการสำหรับการฝึกถูกปลดออกจนหมด


เพียงพริบตา แฮกักหายตัวไปราวกับควัน


ในวินาทีที่กริดก้าวถอยหลัง ปลายเท้าแฮกักเตะเข้าที่ปลายจมูกกริด


[ท่านได้รับความเสียหาย 1,900 หน่วย]


เลือดกำเดาไหลซึมจากจมูกกริด


ชายหนุ่มสัมผัสได้ชัดเจน แฮกักแข็งแกร่งขึ้นจากเดิมหลายเท่า โดยเฉพาะความเร็ว


การโจมตีของอีกฝ่ายว่องไวจนแม้แต่โลกเหนือมนุษย์ที่แท้จริงก็ยากจะหลบพ้น


สิ่งเหล่านี้เกิดจากการบรรลุศิลปะการต่อสู้ขั้นสูงสุดผนวกกับอิสระในการเคลื่อนไหวร่างกาย


“สามยอดนักรบ… ไม่ได้มีแค่ชื่อสินะ”


กริดชมเชยจากก้นบึ้ง


แฮกักยักไหล่ตอบ แต่ก็มิได้ลดความหวาดระแวง


มันเคยประเมินว่าตนอาจต้องยอมแลกอายุขัยเพื่อกางปีกสู้กับกริด ดังนั้น มันจะไม่ประมาทศัตรู


“นภา”


วิชาดาบเดี่ยวที่แข็งแกร่งที่สุด พุ่งผ่านแสงจันทร์ในลักษณะคลื่นดาบ


จากนั้น กริดตรึงแฮกักด้วย ‘หน่วง’ พร้อมกับโผล่ด้านหลังและเปิดโหมด ‘มายา’ เพื่อแทง ‘สังหาร’ และฟัน ‘ทำลายล้าง’


แทบจะในวินาทีเดียวกัน ชายหนุ่มเสกกลีบดอกไม้สีฟ้าจำนวนมากกลางอากาศ ระดมยิงเข้าใส่อย่างดุดัน


ปิดท้ายด้วย ‘มังกร’ จนเลือดสีแดงสาดกระเซ็น


[เทพสวรรค์กำลังจดจ้องท่าน]


นภาคือวิชาดาบที่ประกาศให้ทุกคนทราบถึงท้องฟ้าผืนใหม่ ย่อมเป็นธรรมดาที่จะดึงดูดความสนใจเชิงลบจากเทพ


และยังเป็นสาเหตุที่กริดไม่ค่อยใช้งาน ‘นภา’ - วิชาดาบเดี่ยวที่แข็งแกร่งระดับวิชาดาบผสาน


แต่นั่นเป็นเรื่องสมัยอดีต กริดในปัจจุบันปราศจากความลังเล


นับตั้งแต่เทพสวรรค์นำเฮ็กเซเทียไปกักขัง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกมันและกริดก็ถึงจุดที่มิอาจย้อนกลับ


การปะทะระหว่างชายหนุ่มและแฮกักกำลังดุเดือดถึงขีดสุด


กริดค่อยๆ เพิ่มความรุนแรงของวิชาดาบ ส่วนแฮกักตอบโต้ด้วยศิลปะการต่อสู้ชั้นสูงที่ฝึกฝนมายาวนาน


คลื่นกระแทกที่แฮกักยิงออกจากหมัดพลาดเป้ากริดไปเล็กน้อย ปะทะเข้ากับยอดแหลมปราสาทด้านหลังและสลายไป


ขณะหัตถ์เทวะถูกแฮกักรัวโจมตีจนชะงักและร่วงหล่นพื้นทีละข้าง ดาบในมือกริดฟันเข้าที่ต้นขาของแฮกัก


แต่มันก็ประสบความสำเร็จในการขัดขวางมิให้ชายหนุ่มรำดาบ พร้อมกับโน้มตัวเข้ามาใกล้


แฮกักคว้าคอเสื้อกริดและใช้เทคนิคเหวี่ยงให้กระเด็น ทว่า กริดใช้ชุนโปพุ่งกลับมาพร้อมกับฟาดดาบปะทะกับหมัดของแฮกัก เกิดเป็นคลื่นกระแทกแผ่ออกไปทั่วทั้งปราสาท


แฮกักที่ตั้งใจต่อสู้มาสักพัก จู่ๆ กลับระเบิดเสียงหัวเราะ


“คึฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่ใช่ว่าเจ้ามัวแต่สนใจข้าจนละเลยบางสิ่งไปหรือ?”


สนามรบเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด แน่นอนว่าต้องเป็นเลือดของซิกที่ถูกสาวกเทพสงครามสี่สิบคนรุมโจมตี


“มารลำดับหกกำลังจะตายในขณะที่เจ้ามัวสนใจข้า…”


ขณะแฮกักดื่มด่ำไปกับสถานการณ์ ดวงตาของมันเบิกโพลงกะทันหัน


สนามรบเงียบเกินไป ไม่มีสุ้มเสียงใดเลยนอกจากเสียงพูดของมันเอง


เมื่อพบว่ามีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล แฮกักรีบหันไปมองด้วยความตกตะลึง


สาวกทั้งหมดของมันกลายเป็นศพ


บนกองศพกว่าสี่สิบชีวิตมีชายผมสีเงินกำลังนั่งอย่างองอาจ


ฝั่งซ้ายของชายผมเงินเป็นเทวทูต ฝั่งขวาเป็นชาวนา


“อะไรกัน…?”


การรวมตัวสุดประหลาดเช่นนี้เกิดขึ้นได้ยังไง?


แฮกักผู้ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ เริ่มรู้สึกว่าตนเห็นภาพหลอนของเงาดำที่กำลังไหววูบอยู่รอบตัว


แต่เพียงไม่นาน มันมั่นใจว่านี่ไม่ใช่ภาพหลอน เพราะนักลอบสังหารสองคนได้ลงมือจู่โจมพร้อมกัน


กริดฉีกยิ้ม


“ระวังหน่วยซุ่มโจมตีไว้หน่อยก็ดีนะ”


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,903
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00