จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,376
“คึ่ก... ทำไมพายุทรายต้องมาตอนนี้ด้วย…?”
“อย่าไปสนใจ ไล่ล่าเจ้านั่นต่อ ในเมื่อพบตัวแล้วก็อย่าปล่อยให้หลุดมือ”
“วันนี้เราจะฆ่ามันให้ได้”
โดโปสีน้ำเงินเข้มพัดกระพือแผ่วเบา
พายุทราบโหมกระหน่ำได้พัดผ่านกลุ่มยังบันในทะเลทรายจนสูญเสียทัศนวิสัย แต่ฝีเท้าของพวกมันกลับยิ่งเร็วขึ้น
ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งยังบันได้ ต่อให้ถูกภัยธรรมชาติถาโถมก็ตาม
‘เจ้านั่นคิดจริงหรือว่าจะหนีเราไปได้?’
ยังบัน เยอึม
มือขวาของมีร์ที่เป็นผู้พิทักษ์ ‘ดาบหนักมังกรคราม’ แห่งอาณาจักรคายา
ในความเป็นจริง เธอคิดว่านี่เป็นงานง่ายๆ เพราะแม้แต่ ‘กริดคนนั้น’ ก็ยังไม่กล้าบุกคายาหากมีร์คอยเฝ้าดาบหนักมังกรคราม
ระหว่างที่ใช้ชีวิตในคายา เยอึมจึงต้องการฝึกฝนวิชากับมีร์และศึกษาหาความรู้ให้มาก
จนกระทั่งครึ่งปีก่อน มนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ใช่กริดลอบแฝงตัวเข้ามาในคายา
อริยดาบครอเกล
ในตอนแรก การเคลื่อนไหวของครอเกลเป็นไปอย่างลับๆ
เป้าหมายที่แท้จริงดูเหมือนจะเป็นเทคนิคลับที่อริยดาบรุ่นก่อน – มุลเลอร์ทิ้งไว้ให้
แต่แล้ววันหนึ่ง ครอเกลเริ่มลงมือยังบันอย่างโฉ่งฉ่าง
ยังบันถูกฆ่าตายไปแล้วสามคน
แม้จะไม่ใช่กลุ่มที่ถอด ‘คัด’ และไม่สามารถสั่งสมศรัทธาของมนุษย์ แต่ก็ยังถือเป็นตัวตนอันสูงส่งซึ่งมีเลือดของเทพไหลเวียนในร่างกายอยู่ครึ่งหนึ่ง
กระนั้นกลับถูกมนุษย์เพียงคนเดียวสังหาร
เยอึมไม่คิดจะให้อภัยครอเกล
“…?!”
เป็นเพราะเธอกำลังโกรธชั่ววูบ?
ขณะเยอึมกำลังวิ่งฝ่าพายุทรายด้วยความเร็วสูง เธอสังเกตเห็นว่ายังบันคนหนึ่งในกลุ่มหายตัวไป
“หยุด!”
“…!”
เสียงตะโกนแหลมเล็กของเยอึมหยุดการเคลื่อนไหวของทุกคน
“อึ่ก!”
พายุทรายยิ่งทวีความรุนแรงเมื่อทุกคนหยุดวิ่ง
ยังบันหลายคนถูกผลักถอยหลังสองสามก้าว ก่อนจะทรงตัวได้อย่างเต็มกลืน
เมื่อระยะห่างของแต่ละคนแคบลง พวกมันเพิ่งตระหนักได้ว่า พายุทรายเพิ่มความเข้มข้นจนแทบจะมองไม่เห็นพวกพ้องด้านข้าง
“ดาบยอล*หายไป…” (ดา – บยอล)
“…?!”
เหล่ายังต่างพากันตกตะลึงกับคำพูดของเยอึม แต่ละคนรีบเพ่งสมาธิ
ทันใดนั้น พวกมันเพิ่งรู้ตัวเมื่อสายว่าจำนวนคนที่เคยมีสี่ ปัจจุบันเหลืองเพียงสาม
“ถูกพายุกลืนเข้าไปและพัดกระเด็น?”
“ไม่มีทาง คงแค่หลงมากกว่า”
“ไม่ใช่…”
เยอึมมองกลับไปทางด้านหลังที่กลุ่มของตนเพิ่งวิ่งผ่าน
แม้จะมองไม่เห็นอะไรเลย แต่สัมผัสอันเฉียบแหลมสามารถตรวจพบบางสิ่ง
“เขาถูกล่า”
“อะไรนะ…?”
“อริยดาบอยู่แถวนี้”
“…”
ท่ามกลางพายุทรายที่ยิ่งทวีความเกรี้ยวกราดในทุกวินาที ดาบยอลและครอเกลคงต่อสู้กันภายในนั้น
กลิ่นเลือดจางๆ ที่ปลายจมูกของเธอคงมาจากดาบยอล
อริยดาบเปิดฉากด้วยการซุ่มโจมตี
“เหลวไหล! เยอึม เธอไม่ควรใช้คำว่า ‘ถูกล่า’ ”
ยังบันคนอื่นพยายามโต้แย้ง
คำว่าถูกล่าฟังดูเหมือนกับ ครอเกลรู้ล่วงหน้าว่าที่นี่จะมีพายุทราย จึงล่อทุกคนมา
ไม่มีนักดาบคนไหนสามารถทำนายสภาพอากาศล่วงหน้าได้
หรือต่อให้พยากรณ์ล่วงหน้าได้เหมือนนักพรต แต่ครอเกลก็ไม่มีทางสำแดงฝีมือได้เต็มที่ท่ามกลางพายุทราย ขนาดพวกมันที่มีประสาทสัมผัสและสายตาที่ดีกว่ามนุษย์ ก็ยังแทบจะมองไม่เห็นข้างหน้าตัวเอง
“อึก…?”
หนึ่งในยังบันที่ไม่อยากยอมรับ ลมหายใจเกิดติดขัดกะทันหัน
ลิ้นของมันสัมผัสได้ถึงรสเหล็ก ในปากมีของเหลวหนืดๆ อุ่นๆ
“อุ…”
สีหน้าของยังบันพลันดำมืดขณะพยายามพยุงร่างกายพร้อมกับคว้าสิ่งที่คิดอยู่ในคอ
สิ่งนั้นคือดาบ
คมดาบเย็นเยียบที่แทงทะลุลำคอ
“…แกนะแก!”
ยังบันค่อนข้างหนังเหนียว
ถึงจะถูกแทงเข้าที่หัวใจ แต่อย่างมากก็จะชะงักไปเล็กน้อย
มันกระชากดาบออกจากคอตัวเอง โลหิตแดงเข้มพรั่งพรูออกจากบาดแผลราวกับน้ำพุ
ยังบันที่ยังไม่ตายรีบปลดกระบี่อ่อนที่สวมอยู่ตรงเอวต่างเข็มขัด จากนั้นก็ตวัดตอบโต้กลับไป
ทว่า พายุทรายที่โหมกระหน่ำมีอิทธิพลต่อกระบี่อ่อนอย่างมาก
กระบี่อ่อนของยังบันอาจพลิกแพลงได้หลากหลาย ยากจะคาดเดา แต่ข้อเสียคือมีมวลน้อย
กระบี่อ่อนในมือยังบันถูกกระแสลมหักเหวิถีการโจมตีจนบิดเบี้ยว
ในวินาทีนี้ ยังบันเพิ่งตระหนักได้เมื่อสาย
เหตุใดนักดาบที่ทำตัวเป็นตุ่นคนนั้นถึงเลือก ‘ล่า’ กลางพายุทราย
“อสนีบาต”
ปราณดาบควบแน่นจนกลายเป็นสายฟ้า
ฉากตรงหน้าบ่งบอกว่า อีกฝ่ายเตรียมจะเร่งความเร็วถึงขีดสุด
นักล่าในพายุทราย – อริยดาบครอเกลเสริมความว่องไวให้ร่างกายพร้อมกับคอมโบดาบต่อไปทันที
“ดาบคลั่ง”
เสียงระเบิดคำรามดังสนั่น
ในวินาทีเดียวกัน ครอเกลแปรสภาพเป็นสายฟ้า ทะลวงผ่านพายุทรายและร่างกายยังบันในคราวเดียว
“แค่ก…!”
เสียงระเบิดยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และทุกครั้ง ครอเกลจะหายไปจากการมองเห็นของยังบัน ก่อนจะโผล่ออกมาทางด้านหลังหรือด้านข้างและใช้คมดาบแทงใส่เหล่ายังบัน
“…!”
ยังบันลืมกระทั่งการส่งเสียงร้อง
ครอเกลปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับเสียบร่างที่ยับเยินของยังบันตนหนึ่ง
เมื่ออริยดาบชักดาบกลับและสะบัดเลือดทิ้ง เศษฝุ่นที่คละคลุ้งท่ามกลางพายุทรายพลันเกิดระเบิดรุนแรง
อาศัยหลักวิทยาศาสตร์ ฝุ่นผงสามารถระเบิดได้ด้วยความร้อนที่มากพอ
สายฟ้านามว่าครอเกลคือตัวจุดประกายความร้อนดังกล่าว
ฉากการระเบิดอย่างต่อเนื่อง ดูคล้ายกับมหาจอมเวทกำลังสำแดงอิทธิฤทธิ์
ระเบิดดังกล่าวรุนแรงจนทำให้ห้วงมิติภายในพายุทรายเกิดการบิดเบี้ยว
“…!!”
เยอึมที่ยิ่งกระวนกระวายเมื่อตระหนักว่ามีคนหายไปเพิ่ม รีบกระโจนขึ้นไปในอากาศ
แต่ยังไม่ทันจะได้เห็นสิ่งใด ร่างกายถูกพายุทรายถล่มใส่พร้อมกับวังวนระเบิด
ยังไม่ทันจะหนีพ้นจากพายุ เยอึมถูกระเบิดเล่นงานเข้าอย่างจัง
แรงระเบิดหนักหน่วงจนเสื้อผ้าฉีกขาด ผิวหนังไหม้เกรียม กระดูกหักหลายจุด
แต่เยอึมมิได้ร้องครวญคราง เพียงกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดและโทสะที่กำลังเดือดพล่าน
ดวงตาเพ่งมองพายุทรายรอบตัวที่เริ่มกระจัดกระจายเพราะแรงระเบิด
เธอเห็นชายสวมโดโปมังกรทอง
สีหน้าของเยอึมเคยความเกลียดชังและเคียดแค้นเมื่อชายคนดังกล่าว ใช้ดาบแทงใส่หน้าอกครึ่งเทพที่เป็นพวกพ้องของเธอ
เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ชายคนนี้ยังขาดหัวใจและร่างกายที่แข็งแกร่ง
แต่ปัจจุบันกลับเติมเต็มจุดอ่อนทั้งสองได้อย่างน่าฉงน
แข็งแกร่งมากพอที่จะสร้างความโกลาหลในครั้งนี้
“เจ้า! อย่าหนีไปไหนนะ!”
เยอึมพุ่งตัวออกจากวังวนระเบิดที่ยังคงดังต่อเนื่อง
“คงไม่ได้… แม่ของฉันเรียกแล้ว”
“…?!”
พ่นข้ออ้างเหลวไหลจบ ครอเกลหันหลังกลับ
“หยุดนะ! ข้าบอกให้หยุด!! ไอ้… ไอ้หนูท่อสกปรก!”
เยอึมเคลือบแคลงในสิ่งที่ได้ยินอยู่สักพัก ก่อนจะได้สติและพ่นคำสบถ
แต่ก็เปล่าประโยชน์
ท่ามกลางพายุทราย ครอเกลหายตัวไปอย่างสมบูรณ์
หากคิดจะหาชายที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางทะเลทรายอันกว้างใหญ่แห่งนี้ เธอต้องใช้เวลาอีกหลายวัน
***
ณ หุบเขาทางตอนเหนือของทะเลทราย
ด้วยความช่วยเหลือจาก ‘อ่านใจขั้นสูง’ ครอเกลเอาตัวรอดออกจากพายุทรายและเริ่มพันแผล
ระหว่างการลอบโจมตีใส่ยังบันที่ชื่อดาบยอล มันถูกอีกฝ่ายแทงสวนกลับเข้าจุดสำคัญ เกิดเป็นแผลลึกที่ไม่สามารถสมานได้ด้วยการดื่มโพชั่น ต้องหยุดพักและทำแผลให้เรียบร้อยเสียก่อน
“ยังทำได้ไม่ดี…”
ตนยังบกพร่องอยู่มาก
นับตั้งแต่ถูกดาบยอลสวนกลับ ค่าเรี่ยวแรงเริ่มลดลงเร็วกว่าที่คำนวณ
เป้าหมายเดิมของครอเกลคือการสังหารยังบันทั้งสามยกเว้นเยอึม
แต่เนื่องด้วยเหตุไม่คาดฝัน ครอเกลจำใจต้องหยุดที่สองคน
มันใช้แรงเฮือกสุดท้ายตัดคอยังบันคนที่สองสำเร็จ
‘ขนาดว่าเราอาศัยความได้เปรียบจากพายุทราย…’
โอกาสหนึ่งครั้งต่อเดือน
ไม่สิ โอกาสที่อาจจะไม่มีอีกแล้ว ครอเกลทำพลาดไปอย่างน่าเสียดาย
‘นี่คือราคาของการเพิกเฉยต่อเทคนิคลับมุลเลอร์?’
ครอเกลครอบครองเทคนิคลับมุลเลอร์หลายเล่มแล้ว แต่ยังไม่ได้เปิดอ่าน
ใครต่อใครอาจมองว่าโง่ แต่เป้าหมายของมันชัดเจน
โลกนี้ต้องรู้จักตนในนามอริยดาบครอเกล หาใช่ผู้สืบทอดมุลเลอร์
คนเล่นเกมย่อมต้องมีความรู้สึกนี้
ความรู้สึกอยากสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ครอเกลตั้งเป้าจะสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้เทียบเท่ามุลเลอร์เป็นอย่างน้อย
มีเพียงวิธีเท่านั้น จึงจะยืนเคียงข้างกริดได้อย่างสมศักดิ์ศรี
‘…ไม่เป็นไร เรายังพัฒนาได้อีก’
ครอเกลค้นพบเทคนิคลับของมุลเลอร์ที่ซ่อนอยู่ในคายาแล้ว เรียกได้ว่าบรรลุวัตถุประสงค์หลักของการเดินทาง
แต่สาเหตุที่ยังไม่ไปไหนและคอยดักฆ่ายังบัน ก็เพื่อฝึกฝนพัฒนาฝีมือ
ครอเกลเริ่มตระหนักได้เมื่อครั้งที่ดวลกับเยอึมครั้งแรก ค่าสถานะ ‘อ่านใจขั้นสูง’ ของตนจะเพิ่มขึ้นเร็วมากในตอนที่สู้กับยังบัน เร็วกว่าการสู้กับ NPC หรือบอสพิเศษราวสองเท่า
ถึงจะเป็นคู่ต่อสู้ที่ยาก แต่ถ้ามีโอกาสก็ต้องลงมือ
ครอเกลเชื่อว่า ตนควรมุ่งเน้นการฝึกค่าสถานะ ‘อ่านใจ’ เป็นพิเศษ
โลกแห่งเหนือมนุษย์ - สภาวะที่สามารถคิดและลงมือทำได้ภายใน 0.1 วินาที
มุลเลอร์เคยกล่าวไว้ว่า วิธีเดียวที่จะลดการสิ้นเปลืองพลังใจและเรี่ยวแรงขณะใช้โลกแห่งเหนือมนุษย์ที่แท้จริง คือการขัดเกลา ‘อ่านใจ’ ให้เฉียบแหลม
จนกระทั่งถึงจุดที่สามารถควบคุมได้สมบูรณ์แบบ
ในฐานะคลาสที่แข็งแกร่งที่สุดของซาทิสฟาย อริยดาบคือคลาสเดียวที่สามารถควบคุมโลกแห่งเหนือมนุษย์ที่แท้จริงได้อย่างสมบูรณ์
โดยทั่วแล้ว เหนือมนุษย์ระดับสูงที่ครอบครอง ‘โลกแห่งเหนือมนุษย์ที่แท้จริง’ จะต้องรับภาระหนักขณะใช้งาน แต่อริยดาบสามารถอดทนได้ดีกว่าคนอื่น
คำพูดของมุลเลอร์ที่เขียนไว้ในภารกิจประจำคลาส ย่อมต้องเป็นข้อเท็จจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
“…”
หลังจากบาดแผลหายเป็นปรกติ ขณะครอเกลเลิกนั่งสมาธิและกำลังลุกขึ้นยืน
> ล่ายังบันจนติดใจแล้วรึไง? ข้อความโลกที่ว่าตัวเองฆ่าครึ่งเทพ นายคิดจะส่งอีกกี่ครั้ง?
ข้อความเสียง
สำหรับครอเกล นี่เป็นเสียงที่ฟังแล้วรื่นหูเสมอ
> ฉันแค่ทำในสิ่งที่ต้องทำ
> น่าทึ่งมาก… ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?
เป็นเสียงของกริด
ครอเกลตอบกลับทันที
> ยังอยู่ที่คายา
> หืม? ฉันเองก็มาที่คายาเพราะอยากเห็นบางอย่างเหมือนกัน
> …
ครอเกลเงียบไปครู่หนึ่ง
ในวินาทีที่กริดเอ่ยคำว่า ‘อยากเห็นบางอย่าง’ ครอเกลนึกถึงวีรกรรมการปลดปล่อยเทพผู้พิทักษ์สี่ทิศของอีกฝ่าย ภายในใจเริ่มสัมผัสถึงลางร้ายบางอย่าง
อาวุธที่ถูกผนึกอยู่ในคายา ดาบหนักมังกรคราม – ชื่อของหนึ่งในสี่ศาสตราเทพกำลังดังก้องในใจครอเกล
> พวกเราไม่ได้เจอกันนานแล้ว ไว้ฉันจะติดต่อไปหาถ้าถึงคายา
> …ตกลง ไว้เจอกันวันหลัง ตอนนี้ฉันไม่ว่าง
> เดี๋ยว! ฉันจะถึงแล้ว… หือ?
กริดพลันงุนงงเมื่อหน้าต่างแจ้งเตือนระบุว่า ‘เป้าหมายของข้อความเสียงไม่มีตัวตน’
ครอเกลไม่ได้โกหกเยอึม แม่ของมันเรียกหาจริงๆ
ครอเกลยังไม่ลืมคำพูดของแม่เมื่อคืนที่บอกว่า เธออยากกินต๊อกบกกีหลังจากไม่ได้กินมานาน
ปัจจุบันเป็นช่วงเช้าของสหรัฐอเมริกา เพื่อแม่ที่กำลังจะตื่น และเพื่อป้องกันไม่ให้ต่อมรับรสของตนถูกทำลาย ครอเกลต้องลงมือทำต๊อกบกกีด้วยตัวเอง
‘มีร์… กริดต้องลองสู้กับมีร์แน่ ไม่ว่าเราจะบรรยายความน่ากลัวของอีกฝ่ายมากแค่ไหนก็ตาม’
ถึงจะแพ้ แต่ก็ขอลองสักตั้ง
เฉกเช่นครอเกล กริดเป็นพวกกระหายการดวลกับศัตรูที่เก่งกว่าตัวเอง
อัจฉริยะมักมีความบ้าบิ่นเหมือนกันเสมอ
ทั้งคู่ไม่เคยกลัวความล้มเหลว
ถ้าอย่างนั้น ครอเกลควรช่วยกริดหรือไม่ ทั้งที่ตัวเองอาจต้องตายตามกันไป
แน่นอนอยู่แล้ว
‘เราจะช่วย’
ครอเกลหัวเราะขณะเริ่มลงมือทำแป้งต๊อก
***
‘เวลาการเชื่อมต่อของเขาถึงขีดจำกัด?’
คงไม่ได้จงใจหลบหน้าตน เพราะไม่อยากเสียเวลามาหาตนหรอกใช่ไหม
กริดตั้งคำถามกับพฤติกรรมของครอเกลที่ล็อกเอาต์กะทันหันระหว่างสนทนา
เมื่อหลายเดือนก่อน ทั้งสองโต้เถียงกันเล็กน้อย
กริดบอกว่าอยากสู้กับครอเกลในงานแข่งนานาชาติ แต่ครอเกลตอบว่า ยังไงตนก็แพ้อยู่แล้ว เสียเวลาเปล่า
กริดไม่เห็นด้วยกับการยอมแพ้โดยที่ไม่ได้สู้ แต่ก็เห็นด้วยที่การเข้าร่วมงานแข่งนานาชาติเป็นเรื่องเสียเวลา
ของรางวัลงานแข่งไม่เปลี่ยนไปเลยนับตั้งแต่อดีต รางวัลอันดับหนึ่งยังคงเป็นการเลือกระหว่างวัสดุเกรดเลเจนดารี หรือไม่ก็ลมหายใจของเทพผู้พิทักษ์
สำหรับครอเกล รางวัลดังกล่าวไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย ไม่เหมือนกับกริดที่ยังสามารถนำลมหายใจไปผลิตไอเท็ม
และสำหรับบางคน งานแข่งนานาชาติอาจหมายถึงรายงานทำเงินจากสปอนเซอร์ แต่ความร่ำรวยเล็กๆ น้อยๆ ตรงนี้ไม่ดึงดูดให้ครอเกลเกิดความสนใจ
มันคือเป็นหนึ่งในแรงเกอร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของโลกอยู่แล้ว
‘ถ้างานแข่งนานาชาติเพิ่มของรางวัลให้ก็คงดี’
แต่ไม่น่าจะเพิ่ม
เพราะถ้าหากเพิ่มของรางวัลให้สูงขึ้น ท็อปแรงเกอร์อย่างกริดและครอเกลก็จะยิ่งผูกขาดซาทิสฟายมากกว่าเดิมจนคนข้างหลังตามไม่ทัน
ปล่อยไว้แบบนี้ดีแล้ว แรงเกอร์ระดับกลางอีกมากมายบนโลกจะได้มีส่วนร่วมกับงานแข่งประจำปี
‘…คงต้องปล่อยวางจากงานแข่ง’
สำหรับกริด งานแข่งที่ไม่มีครอเกลนั้นไม่มีความหมาย
หน้าที่กอบโกยลมหายใจเทพผู้พิทักษ์จะตกเป็นของเหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์
กริดส่งอีเมลตอบปฏิเสธการเข้าร่วม จากนั้นก็เร่งฝีเท้า
อีกไม่นานก็จะถึงอาณาจักรคายา
‘ถ้าอย่างนั้น… คงต้องสำรวจลาดเลาจนกว่าครอเกลจะกลับมา’
ในช่วงสองเดือนหลัง ชายหนุ่มมุ่งเน้นไปที่การเก็บเลเวลและรวบรวมข้อมูลของมีร์
บทสรุปก็คือ มีร์จะเป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่กริดเคยเผชิญ
ด้วยความสัตย์จริง กริดค่อนข้างหวั่นเกรงที่จะต่อสู้ตามลำพัง ขณะเดียวกัน มีร์ก็เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งจนชายหนุ่มไม่กล้าอัญเชิญอัศวินออกมาเสี่ยง
กริด ผู้มาเยือนทวีปตะวันออกโดยหวังจะปลดผนึกมังกรครามและเพิ่มพลังให้ตัวเอง กำลังวางแผนที่จะร่วมสู้กับครอเกล
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคำถามว่า
พวกตนจะเอาชนะมีร์ได้จริงหรือ
สนุกมากกกก จะสู้ไหวไหมนะ ขนาดยังบันยังกลัใมีร์ขนาดนี้ แพ็กม่ายังไม่ร้ว่าเอาลงหรือเปล่า
ReplyDeleteมูเลอร์ยังเอาไม่ลงเลย ในช่วงเวลานึง
Delete