จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,376



“คึ่ก... ทำไมพายุทรายต้องมาตอนนี้ด้วย…?”


“อย่าไปสนใจ ไล่ล่าเจ้านั่นต่อ ในเมื่อพบตัวแล้วก็อย่าปล่อยให้หลุดมือ”


“วันนี้เราจะฆ่ามันให้ได้”


โดโปสีน้ำเงินเข้มพัดกระพือแผ่วเบา


พายุทราบโหมกระหน่ำได้พัดผ่านกลุ่มยังบันในทะเลทรายจนสูญเสียทัศนวิสัย แต่ฝีเท้าของพวกมันกลับยิ่งเร็วขึ้น


ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งยังบันได้ ต่อให้ถูกภัยธรรมชาติถาโถมก็ตาม


‘เจ้านั่นคิดจริงหรือว่าจะหนีเราไปได้?’


ยังบัน เยอึม


มือขวาของมีร์ที่เป็นผู้พิทักษ์ ‘ดาบหนักมังกรคราม’ แห่งอาณาจักรคายา


ในความเป็นจริง เธอคิดว่านี่เป็นงานง่ายๆ เพราะแม้แต่ ‘กริดคนนั้น’ ก็ยังไม่กล้าบุกคายาหากมีร์คอยเฝ้าดาบหนักมังกรคราม


ระหว่างที่ใช้ชีวิตในคายา เยอึมจึงต้องการฝึกฝนวิชากับมีร์และศึกษาหาความรู้ให้มาก


จนกระทั่งครึ่งปีก่อน มนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ใช่กริดลอบแฝงตัวเข้ามาในคายา


อริยดาบครอเกล


ในตอนแรก การเคลื่อนไหวของครอเกลเป็นไปอย่างลับๆ


เป้าหมายที่แท้จริงดูเหมือนจะเป็นเทคนิคลับที่อริยดาบรุ่นก่อน – มุลเลอร์ทิ้งไว้ให้


แต่แล้ววันหนึ่ง ครอเกลเริ่มลงมือยังบันอย่างโฉ่งฉ่าง


ยังบันถูกฆ่าตายไปแล้วสามคน


แม้จะไม่ใช่กลุ่มที่ถอด ‘คัด’ และไม่สามารถสั่งสมศรัทธาของมนุษย์ แต่ก็ยังถือเป็นตัวตนอันสูงส่งซึ่งมีเลือดของเทพไหลเวียนในร่างกายอยู่ครึ่งหนึ่ง


กระนั้นกลับถูกมนุษย์เพียงคนเดียวสังหาร


เยอึมไม่คิดจะให้อภัยครอเกล


“…?!”


เป็นเพราะเธอกำลังโกรธชั่ววูบ?


ขณะเยอึมกำลังวิ่งฝ่าพายุทรายด้วยความเร็วสูง เธอสังเกตเห็นว่ายังบันคนหนึ่งในกลุ่มหายตัวไป


“หยุด!”


“…!”


เสียงตะโกนแหลมเล็กของเยอึมหยุดการเคลื่อนไหวของทุกคน


“อึ่ก!”


พายุทรายยิ่งทวีความรุนแรงเมื่อทุกคนหยุดวิ่ง


ยังบันหลายคนถูกผลักถอยหลังสองสามก้าว ก่อนจะทรงตัวได้อย่างเต็มกลืน


เมื่อระยะห่างของแต่ละคนแคบลง พวกมันเพิ่งตระหนักได้ว่า พายุทรายเพิ่มความเข้มข้นจนแทบจะมองไม่เห็นพวกพ้องด้านข้าง


“ดาบยอล*หายไป…” (ดา – บยอล)


“…?!”


เหล่ายังต่างพากันตกตะลึงกับคำพูดของเยอึม แต่ละคนรีบเพ่งสมาธิ


ทันใดนั้น พวกมันเพิ่งรู้ตัวเมื่อสายว่าจำนวนคนที่เคยมีสี่ ปัจจุบันเหลืองเพียงสาม


“ถูกพายุกลืนเข้าไปและพัดกระเด็น?”


“ไม่มีทาง คงแค่หลงมากกว่า”


“ไม่ใช่…”


เยอึมมองกลับไปทางด้านหลังที่กลุ่มของตนเพิ่งวิ่งผ่าน


แม้จะมองไม่เห็นอะไรเลย แต่สัมผัสอันเฉียบแหลมสามารถตรวจพบบางสิ่ง


“เขาถูกล่า”


“อะไรนะ…?”


“อริยดาบอยู่แถวนี้”


“…”


ท่ามกลางพายุทรายที่ยิ่งทวีความเกรี้ยวกราดในทุกวินาที ดาบยอลและครอเกลคงต่อสู้กันภายในนั้น


กลิ่นเลือดจางๆ ที่ปลายจมูกของเธอคงมาจากดาบยอล


อริยดาบเปิดฉากด้วยการซุ่มโจมตี


“เหลวไหล! เยอึม เธอไม่ควรใช้คำว่า ‘ถูกล่า’ ”


ยังบันคนอื่นพยายามโต้แย้ง


คำว่าถูกล่าฟังดูเหมือนกับ ครอเกลรู้ล่วงหน้าว่าที่นี่จะมีพายุทราย จึงล่อทุกคนมา


ไม่มีนักดาบคนไหนสามารถทำนายสภาพอากาศล่วงหน้าได้


หรือต่อให้พยากรณ์ล่วงหน้าได้เหมือนนักพรต แต่ครอเกลก็ไม่มีทางสำแดงฝีมือได้เต็มที่ท่ามกลางพายุทราย ขนาดพวกมันที่มีประสาทสัมผัสและสายตาที่ดีกว่ามนุษย์ ก็ยังแทบจะมองไม่เห็นข้างหน้าตัวเอง


“อึก…?”


หนึ่งในยังบันที่ไม่อยากยอมรับ ลมหายใจเกิดติดขัดกะทันหัน


ลิ้นของมันสัมผัสได้ถึงรสเหล็ก ในปากมีของเหลวหนืดๆ อุ่นๆ


“อุ…”


สีหน้าของยังบันพลันดำมืดขณะพยายามพยุงร่างกายพร้อมกับคว้าสิ่งที่คิดอยู่ในคอ


สิ่งนั้นคือดาบ


คมดาบเย็นเยียบที่แทงทะลุลำคอ


“…แกนะแก!”


ยังบันค่อนข้างหนังเหนียว


ถึงจะถูกแทงเข้าที่หัวใจ แต่อย่างมากก็จะชะงักไปเล็กน้อย


มันกระชากดาบออกจากคอตัวเอง โลหิตแดงเข้มพรั่งพรูออกจากบาดแผลราวกับน้ำพุ


ยังบันที่ยังไม่ตายรีบปลดกระบี่อ่อนที่สวมอยู่ตรงเอวต่างเข็มขัด จากนั้นก็ตวัดตอบโต้กลับไป


ทว่า พายุทรายที่โหมกระหน่ำมีอิทธิพลต่อกระบี่อ่อนอย่างมาก


กระบี่อ่อนของยังบันอาจพลิกแพลงได้หลากหลาย ยากจะคาดเดา แต่ข้อเสียคือมีมวลน้อย


กระบี่อ่อนในมือยังบันถูกกระแสลมหักเหวิถีการโจมตีจนบิดเบี้ยว


ในวินาทีนี้ ยังบันเพิ่งตระหนักได้เมื่อสาย


เหตุใดนักดาบที่ทำตัวเป็นตุ่นคนนั้นถึงเลือก ‘ล่า’ กลางพายุทราย


“อสนีบาต”


ปราณดาบควบแน่นจนกลายเป็นสายฟ้า


ฉากตรงหน้าบ่งบอกว่า อีกฝ่ายเตรียมจะเร่งความเร็วถึงขีดสุด


นักล่าในพายุทราย – อริยดาบครอเกลเสริมความว่องไวให้ร่างกายพร้อมกับคอมโบดาบต่อไปทันที


“ดาบคลั่ง”


เสียงระเบิดคำรามดังสนั่น


ในวินาทีเดียวกัน ครอเกลแปรสภาพเป็นสายฟ้า ทะลวงผ่านพายุทรายและร่างกายยังบันในคราวเดียว


“แค่ก…!”


เสียงระเบิดยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง


และทุกครั้ง ครอเกลจะหายไปจากการมองเห็นของยังบัน ก่อนจะโผล่ออกมาทางด้านหลังหรือด้านข้างและใช้คมดาบแทงใส่เหล่ายังบัน


“…!”


ยังบันลืมกระทั่งการส่งเสียงร้อง


ครอเกลปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับเสียบร่างที่ยับเยินของยังบันตนหนึ่ง


เมื่ออริยดาบชักดาบกลับและสะบัดเลือดทิ้ง เศษฝุ่นที่คละคลุ้งท่ามกลางพายุทรายพลันเกิดระเบิดรุนแรง


อาศัยหลักวิทยาศาสตร์ ฝุ่นผงสามารถระเบิดได้ด้วยความร้อนที่มากพอ


สายฟ้านามว่าครอเกลคือตัวจุดประกายความร้อนดังกล่าว


ฉากการระเบิดอย่างต่อเนื่อง ดูคล้ายกับมหาจอมเวทกำลังสำแดงอิทธิฤทธิ์


ระเบิดดังกล่าวรุนแรงจนทำให้ห้วงมิติภายในพายุทรายเกิดการบิดเบี้ยว


“…!!”


เยอึมที่ยิ่งกระวนกระวายเมื่อตระหนักว่ามีคนหายไปเพิ่ม รีบกระโจนขึ้นไปในอากาศ


แต่ยังไม่ทันจะได้เห็นสิ่งใด ร่างกายถูกพายุทรายถล่มใส่พร้อมกับวังวนระเบิด


ยังไม่ทันจะหนีพ้นจากพายุ เยอึมถูกระเบิดเล่นงานเข้าอย่างจัง


แรงระเบิดหนักหน่วงจนเสื้อผ้าฉีกขาด ผิวหนังไหม้เกรียม กระดูกหักหลายจุด


แต่เยอึมมิได้ร้องครวญคราง เพียงกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดและโทสะที่กำลังเดือดพล่าน


ดวงตาเพ่งมองพายุทรายรอบตัวที่เริ่มกระจัดกระจายเพราะแรงระเบิด


เธอเห็นชายสวมโดโปมังกรทอง


สีหน้าของเยอึมเคยความเกลียดชังและเคียดแค้นเมื่อชายคนดังกล่าว ใช้ดาบแทงใส่หน้าอกครึ่งเทพที่เป็นพวกพ้องของเธอ


เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ชายคนนี้ยังขาดหัวใจและร่างกายที่แข็งแกร่ง


แต่ปัจจุบันกลับเติมเต็มจุดอ่อนทั้งสองได้อย่างน่าฉงน


แข็งแกร่งมากพอที่จะสร้างความโกลาหลในครั้งนี้


“เจ้า! อย่าหนีไปไหนนะ!”


เยอึมพุ่งตัวออกจากวังวนระเบิดที่ยังคงดังต่อเนื่อง


“คงไม่ได้… แม่ของฉันเรียกแล้ว”


“…?!”


พ่นข้ออ้างเหลวไหลจบ ครอเกลหันหลังกลับ


“หยุดนะ! ข้าบอกให้หยุด!! ไอ้… ไอ้หนูท่อสกปรก!”


เยอึมเคลือบแคลงในสิ่งที่ได้ยินอยู่สักพัก ก่อนจะได้สติและพ่นคำสบถ


แต่ก็เปล่าประโยชน์


ท่ามกลางพายุทราย ครอเกลหายตัวไปอย่างสมบูรณ์


หากคิดจะหาชายที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางทะเลทรายอันกว้างใหญ่แห่งนี้ เธอต้องใช้เวลาอีกหลายวัน


***


ณ หุบเขาทางตอนเหนือของทะเลทราย


ด้วยความช่วยเหลือจาก ‘อ่านใจขั้นสูง’ ครอเกลเอาตัวรอดออกจากพายุทรายและเริ่มพันแผล


ระหว่างการลอบโจมตีใส่ยังบันที่ชื่อดาบยอล มันถูกอีกฝ่ายแทงสวนกลับเข้าจุดสำคัญ เกิดเป็นแผลลึกที่ไม่สามารถสมานได้ด้วยการดื่มโพชั่น ต้องหยุดพักและทำแผลให้เรียบร้อยเสียก่อน


“ยังทำได้ไม่ดี…”


ตนยังบกพร่องอยู่มาก


นับตั้งแต่ถูกดาบยอลสวนกลับ ค่าเรี่ยวแรงเริ่มลดลงเร็วกว่าที่คำนวณ


เป้าหมายเดิมของครอเกลคือการสังหารยังบันทั้งสามยกเว้นเยอึม


แต่เนื่องด้วยเหตุไม่คาดฝัน ครอเกลจำใจต้องหยุดที่สองคน


มันใช้แรงเฮือกสุดท้ายตัดคอยังบันคนที่สองสำเร็จ


‘ขนาดว่าเราอาศัยความได้เปรียบจากพายุทราย…’


โอกาสหนึ่งครั้งต่อเดือน


ไม่สิ โอกาสที่อาจจะไม่มีอีกแล้ว ครอเกลทำพลาดไปอย่างน่าเสียดาย


‘นี่คือราคาของการเพิกเฉยต่อเทคนิคลับมุลเลอร์?’


ครอเกลครอบครองเทคนิคลับมุลเลอร์หลายเล่มแล้ว แต่ยังไม่ได้เปิดอ่าน


ใครต่อใครอาจมองว่าโง่ แต่เป้าหมายของมันชัดเจน


โลกนี้ต้องรู้จักตนในนามอริยดาบครอเกล หาใช่ผู้สืบทอดมุลเลอร์


คนเล่นเกมย่อมต้องมีความรู้สึกนี้


ความรู้สึกอยากสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่


ครอเกลตั้งเป้าจะสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้เทียบเท่ามุลเลอร์เป็นอย่างน้อย


มีเพียงวิธีเท่านั้น จึงจะยืนเคียงข้างกริดได้อย่างสมศักดิ์ศรี


‘…ไม่เป็นไร เรายังพัฒนาได้อีก’


ครอเกลค้นพบเทคนิคลับของมุลเลอร์ที่ซ่อนอยู่ในคายาแล้ว เรียกได้ว่าบรรลุวัตถุประสงค์หลักของการเดินทาง


แต่สาเหตุที่ยังไม่ไปไหนและคอยดักฆ่ายังบัน ก็เพื่อฝึกฝนพัฒนาฝีมือ


ครอเกลเริ่มตระหนักได้เมื่อครั้งที่ดวลกับเยอึมครั้งแรก ค่าสถานะ ‘อ่านใจขั้นสูง’ ของตนจะเพิ่มขึ้นเร็วมากในตอนที่สู้กับยังบัน เร็วกว่าการสู้กับ NPC หรือบอสพิเศษราวสองเท่า


ถึงจะเป็นคู่ต่อสู้ที่ยาก แต่ถ้ามีโอกาสก็ต้องลงมือ


ครอเกลเชื่อว่า ตนควรมุ่งเน้นการฝึกค่าสถานะ ‘อ่านใจ’ เป็นพิเศษ


โลกแห่งเหนือมนุษย์ - สภาวะที่สามารถคิดและลงมือทำได้ภายใน 0.1 วินาที


มุลเลอร์เคยกล่าวไว้ว่า วิธีเดียวที่จะลดการสิ้นเปลืองพลังใจและเรี่ยวแรงขณะใช้โลกแห่งเหนือมนุษย์ที่แท้จริง คือการขัดเกลา ‘อ่านใจ’ ให้เฉียบแหลม


จนกระทั่งถึงจุดที่สามารถควบคุมได้สมบูรณ์แบบ


ในฐานะคลาสที่แข็งแกร่งที่สุดของซาทิสฟาย อริยดาบคือคลาสเดียวที่สามารถควบคุมโลกแห่งเหนือมนุษย์ที่แท้จริงได้อย่างสมบูรณ์


โดยทั่วแล้ว เหนือมนุษย์ระดับสูงที่ครอบครอง ‘โลกแห่งเหนือมนุษย์ที่แท้จริง’ จะต้องรับภาระหนักขณะใช้งาน แต่อริยดาบสามารถอดทนได้ดีกว่าคนอื่น


คำพูดของมุลเลอร์ที่เขียนไว้ในภารกิจประจำคลาส ย่อมต้องเป็นข้อเท็จจริงอย่างไม่ต้องสงสัย


“…”


หลังจากบาดแผลหายเป็นปรกติ ขณะครอเกลเลิกนั่งสมาธิและกำลังลุกขึ้นยืน


> ล่ายังบันจนติดใจแล้วรึไง? ข้อความโลกที่ว่าตัวเองฆ่าครึ่งเทพ นายคิดจะส่งอีกกี่ครั้ง?


ข้อความเสียง


สำหรับครอเกล นี่เป็นเสียงที่ฟังแล้วรื่นหูเสมอ


> ฉันแค่ทำในสิ่งที่ต้องทำ


> น่าทึ่งมาก… ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?


เป็นเสียงของกริด


ครอเกลตอบกลับทันที


> ยังอยู่ที่คายา


> หืม? ฉันเองก็มาที่คายาเพราะอยากเห็นบางอย่างเหมือนกัน


> …


ครอเกลเงียบไปครู่หนึ่ง


ในวินาทีที่กริดเอ่ยคำว่า ‘อยากเห็นบางอย่าง’ ครอเกลนึกถึงวีรกรรมการปลดปล่อยเทพผู้พิทักษ์สี่ทิศของอีกฝ่าย ภายในใจเริ่มสัมผัสถึงลางร้ายบางอย่าง


อาวุธที่ถูกผนึกอยู่ในคายา ดาบหนักมังกรคราม – ชื่อของหนึ่งในสี่ศาสตราเทพกำลังดังก้องในใจครอเกล


> พวกเราไม่ได้เจอกันนานแล้ว ไว้ฉันจะติดต่อไปหาถ้าถึงคายา


> …ตกลง ไว้เจอกันวันหลัง ตอนนี้ฉันไม่ว่าง


> เดี๋ยว! ฉันจะถึงแล้ว… หือ?


กริดพลันงุนงงเมื่อหน้าต่างแจ้งเตือนระบุว่า ‘เป้าหมายของข้อความเสียงไม่มีตัวตน’


ครอเกลไม่ได้โกหกเยอึม แม่ของมันเรียกหาจริงๆ


ครอเกลยังไม่ลืมคำพูดของแม่เมื่อคืนที่บอกว่า เธออยากกินต๊อกบกกีหลังจากไม่ได้กินมานาน


ปัจจุบันเป็นช่วงเช้าของสหรัฐอเมริกา เพื่อแม่ที่กำลังจะตื่น และเพื่อป้องกันไม่ให้ต่อมรับรสของตนถูกทำลาย ครอเกลต้องลงมือทำต๊อกบกกีด้วยตัวเอง


‘มีร์… กริดต้องลองสู้กับมีร์แน่ ไม่ว่าเราจะบรรยายความน่ากลัวของอีกฝ่ายมากแค่ไหนก็ตาม’


ถึงจะแพ้ แต่ก็ขอลองสักตั้ง


เฉกเช่นครอเกล กริดเป็นพวกกระหายการดวลกับศัตรูที่เก่งกว่าตัวเอง


อัจฉริยะมักมีความบ้าบิ่นเหมือนกันเสมอ


ทั้งคู่ไม่เคยกลัวความล้มเหลว


ถ้าอย่างนั้น ครอเกลควรช่วยกริดหรือไม่ ทั้งที่ตัวเองอาจต้องตายตามกันไป


แน่นอนอยู่แล้ว


‘เราจะช่วย’


ครอเกลหัวเราะขณะเริ่มลงมือทำแป้งต๊อก


***


‘เวลาการเชื่อมต่อของเขาถึงขีดจำกัด?’


คงไม่ได้จงใจหลบหน้าตน เพราะไม่อยากเสียเวลามาหาตนหรอกใช่ไหม


กริดตั้งคำถามกับพฤติกรรมของครอเกลที่ล็อกเอาต์กะทันหันระหว่างสนทนา


เมื่อหลายเดือนก่อน ทั้งสองโต้เถียงกันเล็กน้อย


กริดบอกว่าอยากสู้กับครอเกลในงานแข่งนานาชาติ แต่ครอเกลตอบว่า ยังไงตนก็แพ้อยู่แล้ว เสียเวลาเปล่า


กริดไม่เห็นด้วยกับการยอมแพ้โดยที่ไม่ได้สู้ แต่ก็เห็นด้วยที่การเข้าร่วมงานแข่งนานาชาติเป็นเรื่องเสียเวลา


ของรางวัลงานแข่งไม่เปลี่ยนไปเลยนับตั้งแต่อดีต รางวัลอันดับหนึ่งยังคงเป็นการเลือกระหว่างวัสดุเกรดเลเจนดารี หรือไม่ก็ลมหายใจของเทพผู้พิทักษ์


สำหรับครอเกล รางวัลดังกล่าวไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย ไม่เหมือนกับกริดที่ยังสามารถนำลมหายใจไปผลิตไอเท็ม


และสำหรับบางคน งานแข่งนานาชาติอาจหมายถึงรายงานทำเงินจากสปอนเซอร์ แต่ความร่ำรวยเล็กๆ น้อยๆ ตรงนี้ไม่ดึงดูดให้ครอเกลเกิดความสนใจ


มันคือเป็นหนึ่งในแรงเกอร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของโลกอยู่แล้ว


‘ถ้างานแข่งนานาชาติเพิ่มของรางวัลให้ก็คงดี’


แต่ไม่น่าจะเพิ่ม


เพราะถ้าหากเพิ่มของรางวัลให้สูงขึ้น ท็อปแรงเกอร์อย่างกริดและครอเกลก็จะยิ่งผูกขาดซาทิสฟายมากกว่าเดิมจนคนข้างหลังตามไม่ทัน


ปล่อยไว้แบบนี้ดีแล้ว แรงเกอร์ระดับกลางอีกมากมายบนโลกจะได้มีส่วนร่วมกับงานแข่งประจำปี


‘…คงต้องปล่อยวางจากงานแข่ง’


สำหรับกริด งานแข่งที่ไม่มีครอเกลนั้นไม่มีความหมาย


หน้าที่กอบโกยลมหายใจเทพผู้พิทักษ์จะตกเป็นของเหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์


กริดส่งอีเมลตอบปฏิเสธการเข้าร่วม จากนั้นก็เร่งฝีเท้า


อีกไม่นานก็จะถึงอาณาจักรคายา


‘ถ้าอย่างนั้น… คงต้องสำรวจลาดเลาจนกว่าครอเกลจะกลับมา’


ในช่วงสองเดือนหลัง ชายหนุ่มมุ่งเน้นไปที่การเก็บเลเวลและรวบรวมข้อมูลของมีร์


บทสรุปก็คือ มีร์จะเป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่กริดเคยเผชิญ


ด้วยความสัตย์จริง กริดค่อนข้างหวั่นเกรงที่จะต่อสู้ตามลำพัง ขณะเดียวกัน มีร์ก็เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งจนชายหนุ่มไม่กล้าอัญเชิญอัศวินออกมาเสี่ยง


กริด ผู้มาเยือนทวีปตะวันออกโดยหวังจะปลดผนึกมังกรครามและเพิ่มพลังให้ตัวเอง กำลังวางแผนที่จะร่วมสู้กับครอเกล


แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคำถามว่า


พวกตนจะเอาชนะมีร์ได้จริงหรือ


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,858
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

  1. สนุกมากกกก จะสู้ไหวไหมนะ ขนาดยังบันยังกลัใมีร์ขนาดนี้ แพ็กม่ายังไม่ร้ว่าเอาลงหรือเปล่า

    ReplyDelete
    Replies
    1. มูเลอร์ยังเอาไม่ลงเลย ในช่วงเวลานึง

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00