จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,363



บรรยากาศกำลังสงบสุขสุดขีด


แหงนหน้ามองท้องฟ้ากระจ่างใส่ที่ปราศจากปุยเมฆ สงครามและความเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อคืนราวกับเป็นเพียงความฝัน


“ยอมรับไม่ได้!”


“…”


กริดที่กำลังครุ่นคิดหลายสิ่ง ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังจากด้านนอกจนต้องหันไปมอง


นักบวชรีเบคก้ากำลังตะเบ็งเสียง


“คิดจะปิดวิหาร? ไม่เห็นเข้าใจเลยสักนิด!”


ในกรุงไรนฮาร์ทมีวิหารรีเบคก้าทั้งสิ้นสามแห่ง


การจะสร้างวิหารรีเบคก้าแต่ละแห่งต้องผ่านเงื่อนไขที่เข้มงวดจากวาติกัน ไม่ใช่จู่ๆ นึกอยากสร้างก็ทำได้เลย


“ในวินาทีที่พระองค์ถูกอัญเชิญลงมาสถิต ณ ที่แห่งนี้และมีผู้คนมากมายเดินทางมาสักการบูชา ทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นส่วนหนึ่งของเทพธิดาโดยชอบธรรมทันที! ทุกสิ่งในวิหารโดยไม่มีข้อยกเว้น! แม้กระทั่งวัชพืชที่เติบโตภายในวิหารก็ถือเป็นสมบัติของพระองค์! อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ใช้สิทธิ์ใดมาสั่งปิด?”


“การช่วงชิงดินแดนของเทพธิดากลับคืนนั้นไม่ต่างอะไรกับกบฏ พวกท่านจะถูกตัดสิทธิ์จากการเป็นอัครสาวก!”


“…เห? เป็นพระราชโองการจากราชาโอเวอร์เกียร์โดยตรง? เฮ่อะ! ฝ่าบาทคงถูกพวกนอกรีตเป่าหูเป็นแน่! หากพวกท่านไม่รีบนำฝ่าบาทกลับไปยังเส้นทางที่ถูกต้อง อีกไม่นานก็ต้องถูกเทพธิดาลงทัณฑ์!”


เกิดท่าทีต่อต้านจากนักบวชทั้งสามวิหารทันที


พวกมันมองว่า ความพยายามในการปิดวิหารรีเบคก้าของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เป็นพฤติกรรมที่เหลวไหลสิ้นดี


ย้อนกลับไปเมื่อวาน นักบวชสิบห้าคนของโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์ที่เคยเป็นอาวุโสของโบสถ์รีเบคก้ามาก่อน พยายามบอกเล่าความจริงกับพวกมัน


“เทพธิดารีเบคก้าพยายามทำร้ายมนุษย์เพื่อปกปิดบาปของเทพ รีเบคก้ามิใช่เทพธิดาแห่งความเมตตาอย่างที่พวกเราเข้าใจ”


“เหล่าทวยเทพพยายามฆ่าพวกเราเพื่อปิดปากเรื่องที่เคยขับไล่อัครเทวทูตซาลิเอลลงไปยังขุมนรกจนกลายเป็นจอมอสูร ธาตุแท้ของพวกมันแตกต่างจากเทพที่เราเคยเชื่อมาตลอด! ทั้งที่พวกเราคอยสวดภาวนาถึงเทพเหล่านั้นทุกวัน แต่สิ่งที่ได้รับกลับมิใช่คำอวยพรหรือการลงมาโปรด แต่เป็นความรุนแรงและหลอกลวง แล้วจะให้เชื่อในตัวเทพเหล่านั้นได้ยังไง?”


“เทพโอเวอร์เกียร์ช่วยชีวิตอัครเทวทูตซาลิเอล ผู้ถูกเทพสาปให้อยู่ในร่างอสูรและกำลังจะตาย นอกจากนั้นยังช่วยชีวิตมนุษย์นับหมื่นที่เกือบถูกฆ่าล้างบางหลังจากได้ประจักษ์ข้อเท็จจริง…”


“นับแต่นี้ไป พวกเราต้องหันมารับใช้เทพโอเวอร์เกียร์”


เหล่าอาวุโสพยายามโน้มน้าวนักบวชรีเบคก้า


คนกลุ่มนี้เคยมีอิทธิพลอย่างมากต่อโบสถ์ นักบวชของวิหารจึงยอมรับฟัง


ทว่า หลังจากผ่านไปไม่นาน แต่ละคนเริ่มส่ายหน้าพร้อมกับอุดหู


จากมุมมองของผู้ที่มิได้ประจักษ์ความจริงด้วยตาตัวเอง พวกมันคิดเป็นอื่นไปมิได้นอกจากอาวุโสเหล่านี้ถูกจอมอสูรล้างสมองเรียบร้อย


“อ๊า! นักบวชที่มีศรัทธาไม่แรงกล้ามากพอเริ่มถูกพวกอสูรเป่าหูแล้ว!”


“ไม่เพียงราชาโอเวอร์เกียร์จะหันหลังให้พระองค์ แต่ยังเป็นคนบาปที่บังอาจสถาปนาตนเป็นเทพ! อีกไม่นานที่นี่จะกลายเป็นรังอสูรและถูกใช้เป็นฐานบัญชาการในการยึดครองโลก!”


“เฮ่อ… เหล่าอาวุโสที่ควรนำพาราชาโอเวอร์เกียร์กลับไปบนเส้นทางที่ถูกต้อง ดันถูกล้างสมองเองเสียได้…”


นักบวชรีเบคก้าต่างพากันใจสลาย


มีจำนวนไม่น้อยส่งเสียงคร่ำครวญพลางทุบพื้น


เป็นข่าวที่น่าตกตะลึงและน่าเศร้าอย่างมากเมื่อ อาวุโสและนักบวชนับร้อยคนที่เดินทางไปปราบจอมอสูร ตัดสินใจเปลี่ยนความศรัทธาจากเทพธิดามาเป็นราชาโอเวอร์เกียร์ในชั่วข้ามคืน และเลวร้ายถึงขั้นที่สถาปนาเป็นเทพ


กลุ่มที่ยังคงศรัทธาแรงกล้าต่างยกสองมือกุมหัวเมื่อเริ่มตระหนักว่า อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ส่งทหารมาล้อมวิหารเพื่อขับไล่พวกตนออกไป


“เข้าใจแล้ว… ในเมื่อเปล่าประโยชน์ที่จะโน้มน้าว พวกเราไปเองก็ได้”


“เห็นแก่ความรู้สึกเก่าๆ ที่เคยอยู่ร่วมกันมา… ข้าขอเตือนไว้ว่า พวกท่านพึงระวังชะตากรรมของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ให้ดี เทพบนสวรรค์ไม่มีทางนิ่งนอนใจในเรื่องที่ราชาโอเวอร์เกียร์สถาปนาตัวเองเป็นเทพแน่!”


“นอกจากนั้น ทั่วทั้งอาณาจักรเริ่มเกิดความวุ่นวายแล้ว ภาคเหนือถูกโรคระบาดเล่นงาน ภาคตะวันตกเต็มไปด้วยฝูงตั๊กแตน ภาคกลางมีพายุไต้ฝุ่นพัดผ่าน และภาคใต้เผชิญวิกฤติอุทกภัย”


“ตาบอดกันหมดแล้วรึไง! เห็นได้ชัดว่านี่คือการลงทัณฑ์จากสวรรค์! อาวุโสอย่างพวกท่านต้องรีบได้สติและนำพาราชาโอเวอร์เกียร์กลับมาบนเส้นทางที่ถูกต้องต่างหาก!”


“...ใครว่าล่ะ ภัยพิบัติจบลงภายในครึ่งวันเท่านั้น โรคระบาดทางภาคเหนือถูกนักบุญหญิงรูบี้ขจัดปัดเป่า พายุไต้ฝุ่นทางภาคกลางถูกสยบโดยท่าบราฮัมและยูเฟอมิน่า อุทกภัยทางภาคใต้ถูกรับมือโดยท่านมาซงและเผ่าวารี ส่วนฝูงตั๊กแตนก็ถูกท่านปิอาโร่และกองทัพชาวนากำราบอย่างราบคาบ”


“…?”


“นอกจากนั้น พวกเจ้าไม่นึกสงสัยกันบ้างหรือ ว่าทำไมกรุงไรนฮาร์ทถึงยังสงบสุขอยู่ได้ทั้งที่พายุไต้ฝุ่นพัดผ่านภาคกลาง? ลองมองขึ้นไปบนฟ้าสิ ท่านอัครเทวทูตซาลิเอล ผู้ส่งสารแห่งเทพโอเวอร์เกียร์ คอยอวยพรและโอบอุ้มกรุงไรนฮาร์ทไว้”


“…”


“แม้แต่เทพบนสวรรค์ก็ยังมิอาจลงทัณฑ์เทพโอเวอร์เกียร์และอาณาจักร… ลองคิดดูให้ดี หากฝ่าบาทไม่มีบุญญาธิการเพียบพร้อม จะสามารถต้านทานการลงทัณฑ์จากสวรรค์ได้อย่างไร”


“…”


สาวกรีเบคก้าไม่คิดกล่าวสิ่งใดต่อ


พวกมันกังวลว่า ตนอาจถูกล้างสมองไปด้วยหากคุยกันนานกว่านี้


“…ความเมตตากรุณาและการอวยพรจากเทพธิดาจะไม่มีวันตกถึงผืนแผ่นดินโอเวอร์เกียร์อีกต่อไป”


สาวกรีเบคก้าทิ้งท้ายพร้อมกับเดินทางออกจากวิหารและเมืองหลวง


“เคลื่อนย้ายรูปปั้นเทพธิดาออกไป”


ดาเมี่ยนและอดีตอาวุโสเริ่มลงมือทำงานอย่างแข็งขัน


อันดับแรก พวกมันถอนรูปปั้นและสัญลักษณ์ของเทพธิดาทิ้งทั้งหมด จากนั้นก็แกะสลักรูปปั้นและสัญลักษณ์ของกริดลงไปในวิหารที่ว่างเปล่า ผู้คนจะได้สักการะกริดโดยที่ไม่ต้องถ่อไปถึงหอเกียรติยศ


กริดมีสีหน้ามืดมนขณะเฝ้ามองเหตุการณ์อย่างเงียบงัน


ชายหนุ่มได้แต่นึกสงสัยว่า การประกาศตัวเป็นศัตรูกับโบสถ์รีเบคก้าคือทางเลือกที่ถูกต้องแน่หรือ


ดาเมี่ยนที่อ่านความคิดออก แสดงความเห็น


“นายอาจไม่ทราบ… แต่ความสัมพันธ์ของโบสถ์รีเบคก้าและโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์ จบลงตั้งแต่วินาทีที่อิสซาเบลและเหล่าอาวุโสเริ่มเอนเอียง”


“ดาเมี่ยน นายก็รู้ว่าฉันมีความสัมพันธ์อันดีกับโบสถ์รีเบคก้ามานานกว่าสิบปี หากมีโอกาสได้เปิดอกคุยกัน บางทีพวกเขาอาจยอมเปลี่ยนใจ”


สาวกรีเบคก้าในอาณาจักรส่วนใหญ่ยกย่องชื่นชมกริดไม่ต่างจากอาวุโสและบุตรีทั้งสาม กริดมองว่า ถ้าตนได้คุยกับอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา โอกาสที่จะโน้มน้าวสำเร็จก็ไม่เป็นศูนย์”


ดาเมี่ยนส่ายหน้า


“ไม่มีทาง… แม้แต่บรรดาอาวุโสที่กลายเป็นสาวกของนายในตอนนี้ พวกเขาจะไม่เปลี่ยนความเชื่อหากไม่ได้ประจักษ์ความจริงด้วยตาตัวเอง… ถึงนายจะมีซาลิเอลที่ได้ปีกเทวทูตคืนมา ช่วยเป็นพยานปากสำคัญ แต่ซาลิเอลก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นฝ่ายมารอยู่ดี… การเปลี่ยนความเชื่อที่มีมาตลอดชีวิต ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ด้วยการพูดคุยเพียงอย่างเดียว”


“…”


ไม่มีคำใดของดาเมี่ยนที่ผิด


นักบวชไม่มีทางเปลี่ยนศาสนาเพียงเพราะถูกโน้มน้าว


“โบสถ์รีเบคก้ากำลังจะแต่งตั้งสันตะปาปากับอาวุโสใหม่ในอีกไม่ช้า คงเสี่ยงเกินไปหากจะปล่อยให้อยู่ข้างกายพวกเรา เพราะไม่มีทางคาดเดาได้เลยว่า เทพธิดาจะมอบวิวรณ์แบบไหนให้พวกเขาบ้าง… ดังนั้น เราทำถูกแล้วที่ตัดความสัมพันธ์กันตั้งแต่เนิ่นๆ”


“อา… นั่นสินะ”


การระดมทุบค้อนและบดเลื่อยของช่างฝีมือจำนวนมาก กำลังเปลี่ยนวิหารเดิมให้กลายเป็นรูปโฉมใหม่ สถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของรีเบคก้าถูกลบออก แทนที่ลงไปด้วยสถาปัตยกรรมของเทพโอเวอร์เกียร์


มาถึงตรงนี้ กริดไม่มีทางเลือกนอกจากเตรียมใจ


ชายหนุ่มหลีกเลี่ยงการเป็นศัตรูกับเทพสวรรค์ไม่ได้อีกแล้ว


ในอนาคต อันตรายเหนือจินตนาการจะต้องมาเยือนแน่ ดังนั้น พลังอันยิ่งใหญ่คือสิ่งที่จำเป็นสำหรับการรับมือ ยิ่งมีมากเท่าไรก็ยิ่งดี


‘ยกตัวอย่างเช่น…’


กริดหวนนึกถึงบุคคลหนึ่งทันที


หนึ่งในมนุษย์เจ็ดคนแรกที่กล้าเปิดโปงบาปของเทพ


บุรุษผู้ทรยศเทพจนต้องเผชิญความทุกข์ตลอดชีวิตอันเป็นนิรันดร์


ร่างจุติของหนึ่งในเจ็ดนักบุญภัยพิบัติ


แกรนมาสเตอร์ ซิกเฟรคเตอร์


‘เขาเคยพยายามดึงเราไปเป็นพวก’


แกรนมาสเตอร์เชื่อว่า พลังของกริดจำเป็นต่อการรับมือเทพสวรรค์


ชายหนุ่มนึกสงสัยมาตลอดว่า เหตุใดซิกเฟรคเตอร์ถึงประเมินตนไว้สูงนัก ถึงขั้นที่ต้องนำตัวไปเป็นพวกให้ได้


กริดก็เริ่มเข้าใจหลังจากนำพาตัวเองมาถึงจุดที่อีกฝ่ายคาดหวัง


‘ถ้าเป็นซิกเฟรคเตอร์… เขาต้องยอมร่วมมือกับเราแน่’


แค่คิดก็ช่วยให้โล่งใจไปหลายเปลาะ


ความแข็งแกร่งของซิกเฟรคเตอร์ถือเป็นหนึ่งในระดับสุดยอดของทวีป เพียบพร้อมด้วยศักยภาพที่สามารถพัฒนาไปเป็นตัวตนที่เก่งที่สุดในโลก


นอกจากนั้น สาวกของซิกเฟรคเตอร์ ซีบาลและอัศวินสีชาดใหม่ ล้วนเป็นกลุ่มคนที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์


‘หากซีบาลเข้าร่วมกับเรา นั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการผลิตจักรกลเวทมนตร์’


ขณะกริดกำลังดำดิ่งอยู่ในความคิด คำถามหนึ่งผุดขึ้น


“ว่าแต่… ดาเมี่ยน คลาสของนายคืออัครทูตแห่งเทพธิดาไม่ใช่หรือ”


ถูกต้อง


สันตะปาปาเป็นเพียง ‘สถานะ’ ส่วนคลาสคืออัครทูตแห่งเทพธิดา


เช่นนั้นแล้ว สันตะปาปาแห่งโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์ยังสามารถดำรงคลาสอัครทูตแห่งเทพธิดาได้หรือ


ดาเมี่ยนเกาแก้มด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน


“ฉันเสียมันไปแล้วเมื่อวาน”


“แล้วหลังจากนั้น?”


อัครทูตแห่งเทพธิดาคือคลาสลับเกรดยูนีค


ดาเมี่ยนอธิบายต่อกริดที่กำลังสงสัย


“คลาสของฉันเปลี่ยนเป็นพาลาดินแห่งโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์… และไม่ใช่แค่ฉัน แต่อดีตสาวกรีเบคก้าทั้งหมดถูกเปลี่ยนคลาสเป็นพาลาดินหรือไม่ก็นักบวชโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์”


“งั้นหรือ…”


โชคดีที่ยังมีคลาสรองรับ


แต่การเสียคลาสเกรดยูนีคของดาเมี่ยนถือเป็นเรื่องน่าเจ็บปวด


ดูเหมือนว่า… เราต้องหาทางมอบคลาสลับใหม่ให้ดาเมี่ยน…


‘คงต้องปรึกษาเฟคเกอร์กับสกังค์’


หลังจากตัดสินใจได้ กริดผุดอีกหนึ่งความสงสัย


“แล้วพาลาดินกับนักบวชเทพโอเวอร์เกียร์มีพลังแบบไหน”


คงหนีไม่พ้นการบัฟและเสริมแกร่งไอเท็มกระมัง


ถ้ามีเวทฮีลด้วยก็จะดีมาก…


ขณะกริดแสดงสีหน้าคาดหวัง ดาเมี่ยนมอบคำตอบ


“เอ่อ… ไม่มีบัฟและฮีลเลย”


“…???”


แต่ไหนแต่ไร พาลาดินและนักบวชจะแบ่งออกเป็นสามประเภท


พาลาดินและนักบวชของโบสถ์รีเบคก้า โดมิเนี่ยน และยูดาห์


โบสถ์โดมิเนี่ยนเชี่ยวชาญการบัฟเดี่ยว โดยเฉพาะด้านพลังโจมตี


โบสถ์ยูดาห์ขึ้นชื่อด้านพลังป้องกันและเชี่ยวชาญการบัฟกลุ่ม


โบสถ์รีเบคก้าจะมีบัฟน้อยกว่าสองโบสถ์แรก แต่เวทฮีลของพวกเขาช่วยรักษาชีวิตผู้คนมานักต่อนัก


“ทั้งอาวุโสและฉันต่างมีเลเวลสูงกว่าสามร้อย หรือกล่าวได้ว่า พวกเราทุกคนผ่านการพัฒนาคลาสระดับสาม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีบัฟหรือฮีล”


“แล้วมีอะไรมาแทน?”


“ทักษะติดตัวที่ช่วยลดเงื่อนไขการสวมใส่อุปกรณ์ รวมไปถึงท่ารำดาบของเทพโอเวอร์เกียร์…”


ความคาดหวังของกริดพลันถูกขยำจนยู่ยี่ยิ่งกว่าก้อนกระดาษ


ในอนาคต หากต้องการเพิ่มจำนวนสาวก หลักสำคัญคือการชูจุดเด่นของคลาสพาลาดินและนักบวช ทว่า พาลาดินและนักบวชของเทพโอเวอร์เกียร์กลับมิอาจใช้บัฟและฮีล ไม่มีข้อดีให้นำไปแข่งขันกับโบสถ์อื่นได้เลย


‘เราสามารถโน้มน้าว NPC ผ่านการพูดคุย แต่กับผู้เล่นคงหมดหวัง’


แบบนี้แย่แน่


กริดนำสองมือกุมหัว


ชายหนุ่มกำลังมองข้ามแก่นสำคัญของท่ารำดาบ


แรกเริ่มเดิมที ท่ารำดาบมีไว้ใช้ประกอบพิธีกรรมสำคัญ ส่วนมากมักเป็นการสวดส่งวิญญาณหรือพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับเทพ


ยกตัวอย่างเช่น เหนือมนุษย์สามารถเพิ่มพลังเหนือมนุษย์ได้ด้วยการหมกมุ่นอย่างแรงกล้า กล่าวอีกนัยหนึ่ง พาลาดินของโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ขณะรำดาบขอพรจากเทพโอเวอร์เกียร์ โดยพลังที่เพิ่มขึ้นจะแปรผันตรงกับความแข็งแกร่งของกริดในขณะนั้น


แน่นอน ปัจจุบันยังไม่มีใครตระหนักถึงหลักการดังกล่าว


“ดาเมี่ยน… รีบหาคลาสใหม่มาเปลี่ยน”


“…ตกลง”


และในวันนี้ โบสถ์รีเบคก้า ยูดาห์ และโดมิเนี่ยนต่างประกาศตัวเป็นศัตรูกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


เมื่อทราบว่าโบสถ์รีเบคก้ายังขาดผู้ถือครองปฐมดาบศักดิ์สิทธิ์ ผู้เล่นจำนวนมากตัดสินใจย้ายศาสนาโดยหวังจะโชคดีแบบดาเมี่ยนในอดีต


แต่กลับกัน แทบไม่มีใครสนใจโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์


ทุกคนรู้สึกผิดต่อกริด แต่พวกเขามีทางเลือกด้วยหรือ? ในเมื่อพาลาดินและนักบวชของโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์ถูกประเมินให้เป็นคลาสสุดห่วย


‘เหนือสิ่งอื่นใด เรายังไม่มีพลังอวยพรผู้เล่น… แตกต่างจากเทพตนอื่น’


แต่กระนั้นก็ไม่เลวนัก


ตนยังมีซิกเฟรคเตอร์กับซาลิเอล และเชื่อว่าจะโน้มน้าวเนเฟลิน่าสำเร็จ


ก่อนอื่น กริดมีภารกิจต้องแวะไปพบมังกรจอมเขมือบ จากนั้นก็ตระเวนพาชิมอาหารรอบๆ ทวีป


“ไม่รู้ว่าเพราะเธอโตขึ้นรึเปล่า… แต่พักนี้เนเฟลิน่านอนนานกว่าปรกติ”


“อา… นอนแต่ละรอบกินเวลาไม่ต่ำกว่าสองสัปดาห์”


“ไม่ต้องห่วง ถ้าเธอตื่นเมื่อไร ฉันจะติดต่อไปหาทันที”


“ขอบใจมาก… ฉันรู้ว่าช่วงนี้นายต้องทำงานหนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ขอรบกวนเรื่องนี้ด้วย”


“สบายใจได้ นี่เป็นหน้าที่ของฉัน”


เฉกเช่นทุกครั้ง กริดล็อกเอาต์หลังจากฝากฝังลอเอลเสร็จ


ชายหนุ่มต้องการพักผ่อนให้เพียงพอก่อนจะแวะไปพบมังกรจอมเขมือบ


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,841
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared

Comments

  1. นักบวชไม่มีบัฟกับฮีลนี้เล่นโคตรยากนะ 5555 จะสายบู๊ก็ไม่ใช่จะสนับสนุนก็ไม่ได้อีก

    ReplyDelete
  2. นักบวชที่จะเก่งขึ้นหลังรำดาบ บวงสรวงเทพโอเวอร์เกียร์ น่าสนใจดีแฮะ 5555

    ReplyDelete
  3. ดูเหมือนโคตรจะเพี้ยนอ่ะ แต่พอนานๆไปอาจก็อตก็ได้ 555+

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00