จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,374



เหล็กแสงจันทร์


รางวัลของกริดมีมูลค่าค่อนข้างต่ำหากเทียบกับความยากของภารกิจ


ว่ากันตามตรง หากรู้แต่แรกว่าเหล็กแสงจันทร์ไม่สามารถหลอมรวมกับละโมบ (เหล็กมังกรคลั่ง) กริดคิดจะขอรางวัลเป็นเหล็กแสงจันทร์อย่างน้อยสามก้อน


ทว่า ภารกิจสิ้นสุดโดยสมบูรณ์แล้ว สายเกินกว่าจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขของรางวัล


ถึงจะขอเพิ่ม แต่อีกฝ่ายก็คงไม่ให้


‘เฮ่อ…’


ถึงจะพยายามปลอบใจตัวเอง แต่ก็ยากจะระงับความปวดร้าว


เหล็กแสงจันทร์หนึ่งก้องหนักแปดร้อยกรัม เมื่อถลุงแล้วจะเหลือหกร้อยกรัม


อาวุธโปรดของกริดคือดาบยาว แต่การสร้างดาบยาวจากโลหะหกร้อยกรัมถือเป็นเรื่องยาก มวลและจุดศูนย์ถ่วงของดาบจะต่ำเกินไปจนขาดสมดุล


กล่าวอีกนัยหนึ่ง แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างดาบยาวให้ออกมาอลังการ


‘นอกจากนั้น บราฮัมต้องเสียเวลาหลอมแยก…’


เนื่องจากเหล็กแสงจันทร์กับละโมบไม่สามารถรวมกันได้ บราฮัมต้องเสียเวลาหลอมเวทมนตร์แยกลงไปในเหล็กแสงจันทร์เป็นกรณีพิเศษ ขั้นตอนนี้ถือเป็นการสิ้นเปลืองเวลาโดยใช่เหตุ


อย่างไรก็ตาม กริดไม่มีทางเลือกนอกจากรบกวนบราฮัม


ชายหนุ่มรู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายอย่างมาก


“เฮ่อ…”


กริดครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะทำท่าจับดาบล่องหน


เป็นการจินตนาการภาพดาบสั้นที่มีรูปทรงใกล้เคียงดาบเฮ็กเซเทีย


‘ร่ายรำ · สังหาร · คลื่น’


ชายหนุ่มลงมือรำดาบจริงๆ โดยจินตนาการว่าตนกำลังถือดาบสั้น


ท่วงท่าเป็นไปอย่างงดงามและสมบูรณ์แบบ


เนื่องจากเคยทำซ้ำนับพันนับหมื่นครั้ง ร่างกายและจิตใจจึงหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง


ฉากตรงหน้างดงามชนิดที่ว่า ใครผ่านมาเห็นเป็นอันต้องหยุดมอง


มุมปากของลำดับสามแห่งหอคอย ลาร์ดวูล์ฟ กระตุกเล็กน้อย


‘ก้าวข้ามแพ็กม่าไปแล้ว…’


หมายถึงแพ็กม่าก่อนจะทำพันธสัญญากับบาเอล


ในสมัยนั้น แพ็กม่าไม่อยากทำผิดพลาดเหมือนกับยังบัน จึงตัดสินใจเดินบนเส้นทางแห่งการปกป้องผู้อ่อนแอ


หมั่นฝึกฝนและพัฒนาฝีมือโดยไม่สนใจวิธีการ จนกระทั่งก้าวขึ้นไปเป็นตำนานอันโด่งดัง


อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับกริด ทักษะการตีเหล็กและวิชาดาบของแพ็กม่าด้อยกว่าพอสมควร


นี่ไม่ใช่ความแตกต่างทางพรสวรรค์


จริงอยู่ กริดคู่ควรจะถูกเรียกว่าอัจฉริยะเมื่อสามารถก้าวข้ามแพ็กม่าที่เกิดมาในฐานะยังบัน


แต่ในความเป็นจริง หากนับเพียงพรสวรรค์ แพ็กม่ายังเหนือกว่ากริดหลายขุม


เหตุผลเดียวที่ทำให้กริดเหนือกว่าแพ็กม่า :


‘ความแตกต่างของคนที่ต่อสู้ตามลำพัง… กับคนที่มีพวกพ้อง’


หัวใจฟินิกซ์แดง กระดองเต่าดำ และเวทมนตร์ที่แข็งแกร่ง


ภายในตัวกริดมีพลังที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ฝังอยู่


เป็นสิ่งที่ไม่มีวันได้ครอบครอง หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่น


และยังเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่า กริดเลือกทางเดินไม่ผิด


ต่างจากแพ็กม่าที่ไม่ไว้ใจใครเลยและเลือกจะอยู่ตามลำพัง กริดมอบความเชื่อใจให้ผู้คน ส่งผลให้อีกฝ่ายตอบแทนกลับมาในรูปแบบต่างๆ


ตัวอย่างที่ชัดเจนคือลาร์ดวูล์ฟ


เมื่อกริดสร้างสัมพันธ์อันดี ลาร์ดวูล์ฟตอบแทนด้วยเหล็กแสงจันทร์


ขณะลำดับสามแห่งหอคอยกำลังชื่นชม กริดเริ่มวิเคราะห์ปัญหาของดาบสั้น


‘รัศมีการโจมตีแคบเกินไป ระยะสังหารของท่ารำดาบลดลง’


ทั้งร่ายรำและสังหารต่างมีระยะแสดงผลสั้นลงอย่างเห็นได้ชัด


เทียบกับดาบยาว กริดต้องขยับเข้าใกล้ศัตรูเพิ่มอีกหนึ่งถึงสองก้าว จึงจะโจมตีได้เข้าเป้า


แต่ชายหนุ่มไม่ชอบการต่อสู้ระยะประชิดมากนัก เพราะตนมีลูกเล่นระยะไกลให้เลือกใช้งานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเวทมนตร์หรือหัตถ์เทวะ การรักษาระยะห่างจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า


‘ไม่สิ… ในอนาคตอาจไม่ใช่แบบนั้น’


กริดเพิ่งเรียนท่าหมัดและท่าทุ่มของลีจอง


<ชกผสมผสาน> และ <พลิกโลกา>


ทั้งสองทักษะสามารถใช้งานในระยะประชิดเท่านั้น มีผลทำให้ศัตรูเกิดอาการชะงักและมึนงง


โดยเฉพาะท่าชกผสมผสาน หากใช้งานสำเร็จ ทักษะถัดไปสามารถปลดปล่อยได้ทันทีโดยไม่ต้องร่าย โดยเงื่อนไขกำกับไว้ว่า เป้าหมายต้องตกอยู่ในอาการชะงัก


แต่ถ้าบรรลุเงื่อนไขดังกล่าว กริดจะสร้างความเสียหายต่อวินาทีสูงมากในระยะประชิด


‘นั่นสินะ… หลังจากนี้ เราอาจต้องสู้ระยะประชิดบ่อยขึ้น’


และถ้าเป็นการต่อสู้แบบคลุกวงใน ประสิทธิภาพของดาบสั้นจะสูงกว่าดาบยาว ดังนั้น ควรทำความเคยชินกับอาวุธระยะสั้นไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ


หลังจากตัดสินใจ กริดพยายามขจัดความเสียหาย


ถัดมา ชายหนุ่มสาบานกับตัวเองว่า จะสร้างสุดยอดดาบสั้นด้วยเหล็กแสงจันทร์ ให้ออกมาใกล้เคียงกับดาบสั้นเฮ็กเซเทียมากที่สุด


‘แล้วสักวัน… เราจะต้อง…’


ต้องช่วยเฮ็กเซเทียออกจากคุกนิรันดร์


ถึงปัจจุบันจะยังเป็นไปไม่ได้ แต่นั่นคือเป้าหมายที่ชั่วชีวิตนี้ต้องทำให้สำเร็จ


กริดไม่มีวันหันหลังให้ผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะในยามที่อีกฝ่ายต้องทุกข์ทรมานเพราะช่วยเหลือตน


“ลาร์ดวูล์ฟ… ขอบคุณที่มอบมรดกแสนล้ำค่าของคนยักษ์ให้ผม… สัญญาว่าจะใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด”


กริดจ้องลาร์ดวูล์ฟด้วยสายตาแน่วแน่


ได้เห็นเช่นนั้น ลำดับสามแห่งหอคอยเผยสีหน้าประหลาดใจ


เฉกเช่น ‘ซาฮารัน’ ผู้ก่อตั้งจักรวรรดิ กริดคือบุคคลที่มีอำนาจมากพอจะปกครองทวีป


แต่สายตาของชายหนุ่มกลับปราศจากความทะเยอทะยาน


เป็นดวงตาที่อ่อนโยนจนทำให้ซาฮารันต้องละอายใจ


‘เพราะแบบนี้สินะ ฮายาเตะถึงชื่นชอบเขา…’


ลาร์ดวูล์ฟยิ้มพลางพยักหน้า


“อา… หวังว่าเหล็กแสงจันทร์จะเป็นประโยชน์กับเจ้า”


น้ำเสียงลาร์ดวูล์ฟแฝงความอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว หากพี่ชายของมัน ลำดับสองแห่งคอหอย ฟรอนซาลล์ มาเห็นเข้า คงทำหน้าประหลาดใจไม่น้อย


***


“ยินดีด้วยที่ได้กลายเป็นเทพ”


ณ ยอดหอคอย


ฮายาเตะที่ไม่ได้พบกันนาน ทักทายกริดด้วยรอยยิ้มเฉกเช่นทุกครั้ง


ชายหนุ่มเผยสีหน้าลำบากใจ


“สิ่งนี้ควรค่าแก่การยินดีจริงหรือ…”


กริดไม่อยากเป็นเทพ


ความปรารถนาอย่างแรงกล้าของผู้คนและซาลิเอลต่างหากที่ทำให้มันเป็น


“ผมกลัว…”


ในอดีต กริดเคยปฏิเสธการเป็นครึ่งเทพเพราะไม่ต้องการเป็นศัตรูกับเทพ


แต่ปัจจุบัน เมื่อกลายเป็นเทพไปแล้ว คงเลี่ยงชะตากรรมที่ต้องเป็นศัตรูกับเทพไม่ได้อีก


“ใครบางคนอาจผิดหวังในตัวผม…”


“ซือโหยว?”


ฮายาเตะรู้จักซือโหยว


นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะจากบรรดามนุษย์ทั้งหมด ซือโหยวให้ความสนใจกับฮายาเตะมากที่สุด


เทพสงครามผู้ปรารถนาความตาย ย่อมภาวนาให้ ‘ผู้สังหารเทพ’ ถือกำเนิดโดยเร็ว


“ครับ…”


“ดื่มชากันก่อน”


ฮายาเตะนั่งลงพร้อมกับรินชาอุ่นๆ ใส่แก้วกริด


กลิ่นหอมสดชื่นโชยเข้าไปในจมูกจนทำให้จิตใจปลอดโปร่ง


มองกริดดื่มชาสักพัก ฮายาเตะเริ่มเปิดปาก


“ข้าเข้าใจความกังวล แต่อย่าได้เสียใจที่ตัวเองกลายเป็นเทพ… เจ้ากลายเป็นเทพเพราะความปรารถนาอันแรงกล้าของมนุษย์ มิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะตัวเองต้องการ… ในเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นตามครรลองธรรมชาติ เจ้าแก้ไขอะไรได้หรือ? นอกจากนั้น ฝั่งที่ตัดสินใจว่าเจ้าเป็นศัตรูหรือไม่คือแอสการ์ด เรื่องนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของเจ้า… ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ที่ได้กลายเป็นเทพและเพิ่มศักยภาพในการรับมือ”


“…”


สมเหตุสมผล


แอสการ์ดเป็นศัตรูกับมนุษย์ก่อนที่กริดจะเป็นเทพ


ในไม่ช้าก็เร็ว กริดต้องเป็นศัตรูกับเทพอย่างเลี่ยงไม่ได้


การกลายเป็นเทพจึงไม่เกี่ยวกันเลยสักนิด


เป็นเรื่องดีเสียอีก ที่ผู้คนจำนวนมากหันมาศรัทธากริดเยี่ยงเทพ จนมีพลังมากพอจะต่อกรกับสวรรค์


“นอกจากนั้น… เจ้ายังมีโอกาสกลายเป็นผู้สังหารเทพ”


ดวงตากริดพลันเบิกโพลง


“เข้าใจแล้ว… ผมเป็นเทพแค่ในสถานะ”


“ถูกต้อง เผ่าพันธุ์ของเจ้ายังไม่ใช่เทพ… หากสั่งสมความปรารถนาของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง เจ้าจะกลายเป็นผู้สังหารเทพก่อนที่เผ่าพันธุ์จะเปลี่ยนเป็นเทพ ได้ครอบครองสุดยอดพลังพร้อมกับสถานะที่สูงส่ง… ไม่ต้องกังวลว่าซือโหยวจะไม่พอใจ”


“เข้าใจแล้วครับ…”


กริดหวนนึกถึงดวงตาอันโดดเดี่ยวของซือโหยวด้วยสีหน้าโล่งใจ


ไม่ว่ายังไงก็ต้องช่วยซือโหยวให้ได้ แม้นั่นจะเป็นการดับลมหายใจอีกฝ่ายก็ตาม


สำหรับกริด บุญคุณของซือโหยวมากมายเกินกว่าจะตอบแทนได้หมด


ฮายาเตะอมยิ้มหลังจากอ่านเจตนาชายหนุ่ม


“งดงามมาก…”


“เอ๋…?”


กริดพลันเคลือบแคลงในสิ่งที่ได้ยิน


เมื่อตระหนักว่าพรหมจรรย์ทางรูทวารของตนเริ่มไม่ปลอดภัย กริดรีบขยับเก้าอี้ถอยหลัง


ฮายาเตะกล่าวเสริม


“หมายถึงจิตใจของเจ้า”


“…ผมแค่ไม่ชอบติดหนี้ใคร”


จิตใจที่งดงาม


สำหรับกริดผู้ทำตัวเหลวแหลกมาครึ่งค่อนชีวิต นี่คือคำชมที่ยากจะเต็มใจรับ


ชายหนุ่มทำได้เพียงนั่งก้มหน้าอย่างละอายใจ


ฮายาเตะเสริม


“หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือ… เรียกข้าได้ทุกเมื่อ”


“…หือ?”


กริดไม่เชื่อหูอีกครั้ง คราวนี้ตกใจจนเผลอทำถ้วยชาหลุดมือ


ลำดับหนึ่งแห่งหอคอย


มนุษย์ผู้เป็น ‘ตัวตนสัมบูรณ์’ คนเดียวบนโลก


นักล่ามังกร สิ่งมีชีวิตที่เคยสังหารมังกรมากับมือ


ชายคนนั้นบอกว่าจะให้ยืมพลัง ทั้งที่วางมือจากทางโลกไปแล้ว?


“ไม่ใช่ว่า… หอแห่งปัญญาห้ามยุ่งเกี่ยวกับทางโลกหรอกหรือ?”


“แน่นอน ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก”


ฮายาเตะหยุดถ้วยชาที่หลุดจากมือกริด จากนั้นก็บังคับให้กลับไปอยู่ตำแหน่งเดิม


พลังจิตเคลื่อนย้ายวัตถุ


“…และแอสการ์ดก็ไม่ได้อยู่บนโลก”


“…!!”


กริดพลันขนลุก


แรงกดดันมหาศาลกำลังพรั่งพรูออกจากดวงตาที่มักอ่อนโยนของฮายาเตะ


เป็นความรู้สึกประหนึ่งกำลังยืนเผชิญหน้าขุนเขาขนาดมหึมาที่สูงเสียดฟ้า


“หอแห่งปัญญาคอยรับมือกับมังกรเพื่อปกป้องโลก พวกเราเคยเชื่อมาตลอดว่า มังกรคือภัยคุกคามอันดับหนึ่งของมนุษย์… แต่ในเวลานี้ เทพต่างหากที่กำลังเป็นภัยคุกคาม มิใช่มังกร…”


กริดสัมผัสถึงอารมณ์อันหลากหลายจากร่างกายฮายาเตะ


หนึ่งในนั้นคือความโกรธ ความโกรธที่ยากจะระงับ


“ตัวข้า… และหอคอยแห่งนี้… ทุกคนล้วนผิดหวังในตัวเทพ… ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกมันทำตามใจชอบ”


“อึก…”


หัวใจกริดกำลังเต้นระรัว


สภาหอคอย


เพียงจินตนาการว่าจะมีคนเหล่านี้เป็นพวกพ้องในการบุกถล่มสวรรค์และช่วยเฮ็กเซเทีย กริดรู้สึกตื้นตันจนหาคำอธิบายไม่ได้


อย่างไรก็ตาม ความตื่นเต้นสงบลงภายในเวลาอันสั้น


แอสการ์ดคือดินแดนแห่งเทพ ไม่สามารถผ่านเข้าออกได้โดยปราศจาก ‘การอนุญาต’


ไม่ใช่สถานที่ที่นึกจะบุกก็บุกได้ด้วยพละกำลัง แม้จะมีความแข็งแกร่งเพียงพอ


นอกจากนั้น พลังของรีเบคก้าและเซราทุลก็ยังเป็นปริศนา


สรุปโดยสั้น ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดศึกเต็มรูปแบบ


ฮายาเตะเองก็คิดแบบเดียวกัน


“ก่อนอื่น สั่งสมความแข็งแกร่งไปก่อน ใช้ชีวิตไปตามปรกติพลางมองหาโอกาส”


“ความแข็งแกร่ง… ไม่มีทางลัดเลยหรือ?”


กริดถามจากก้นบึ้ง


เป็นความปรารถนาอันแสนบริสุทธิ์ เจตนาเพียงเพื่อปกป้องคนสำคัญในสงครามใหญ่ที่กำลังจะมาถึง


ฮายาเตะส่ายหน้า


“สำหรับเจ้า ปล่อยให้ทุกสิ่งดำเนินไปแบบเดิมดีที่สุด”


กล่าวอีกนัยหนึ่ง ฮายาเตะยอมรับและชื่นชมในเส้นทางที่กริดเลือกเดินมาตลอด


เพียงประโยคสั้นๆ หัวใจชายหนุ่มรู้สึกอบอุ่นเหนือพรรณนา


กริดสลัดความกังวลเป็นปลิดทิ้ง ลุกขึ้นยืนและโค้งศีรษะคำนับ


“ขอบคุณมากครับ”


“ทางนี้ก็ขอบใจเช่นกัน… เป็นเพราะเจ้า วัฏจักรนักชิมจึงผ่านไปด้วยดี หวังว่าจะได้พบกันอีก”


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,855
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

  1. ถ้าเปนฝ่าฝยุโรป จะเป็นกษัตริย์อาเธอร์ผู้สังหารมังกร แต่ถ้าเป็นฝ่ายญี่ปุ่น. จะเปนการสังหารไฮดร้า9 หัว หรืเปล่า

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00