จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,365



ทั่วโลกกำลังตั้งคำถามกับยูร่า


เธอคือหนึ่งในผู้เล่นคลาสตำนานอันน้อยนิดและยังเป็นผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่สามารถใช้ชีวิตในนรก ไม่แปลกที่จะถูกคำถามถาโถมเข้าใส่


แต่ยูร่าเพิกเฉยต่อทุกคำถาม


หญิงสาวที่เคยออกหน้าสื่อบ่อยครั้งในอดีต เคยให้สัมภาษณ์ตามรายการนั้นรายการนี้อย่างฉะฉานมั่นใจ ปัจจุบันกำลังเผชิญความเหนื่อยล้าและเอือมระอา


“ความงามของคุณไม่เปลี่ยนไปเลยแม้จะผ่านมาแล้วหลายปี ขอถามได้ไหมครับว่ามีเคล็ดลับในการดูแลตัวเองอย่างไร”


คำถามที่หาแก่นสารไม่ได้


“ช่วงเวลาการเกษียณของลีจินเมียงซึ่งเป็นปู่ของคุณ ใกล้เข้ามาถึงและกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในช่วงเวลานี้ มีข่าวลือว่าประธานลีเลือกคุณเป็นผู้สืบทอด หากท่านประธานลีเกษียณอายุจริง คุณจะเลิกเล่นซาทิสฟายและเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะนักธุรกิจหรือไม่ครับ”


คำถามในประเด็นละเอียดอ่อนของครอบครัว


“คุณออกเดตกับคุณยองวูบ่อยครั้ง เป็นที่ทราบกันดีว่า ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาได้รับการยินยอมจากครอบครัวทั้งสองฝ่าย คุณคิดว่าจะมีข่าวดีเกี่ยวกับพิธีสมรสในเร็วๆ นี้ไหมครับ”


เนื้อหาของคำถามล้วนก้าวก่ายชีวิตส่วนตัว จึงไม่แปลกที่ยูร่าจะเกิดความไม่พอใจ


หลังจากเข้าร่วมกิลด์โอเวอร์เกียร์ เธอไม่อยากเสียเวลาตอบคำถามไร้สาระเหล่านี้สักเท่าไร


“ดูเหมือนว่าคำถามเกี่ยวกับซาทิสฟายจะหมดแล้วสินะคะ ถ้าอย่างนั้น ดิฉันขอจบการสัมภาษณ์ไว้เพียงเท่านี้”


ยูร่าฝืนไม่ขมวดคิ้ว ลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยรอยยิ้ม


ด้านหลังหญิงสาวคือวิหารเทพโอเวอร์เกียร์ที่กำลังเร่งมือก่อสร้างอย่างเต็มกำลัง


เหตุผลที่เธอปฏิเสธการสัมภาษณ์จากสื่อภายนอก และเลือกที่จะให้สัมภาษณ์ภายในเกมเพียงอย่างเดียว เพราะต้องการโฆษณาศาสนาเทพโอเวอร์เกียร์ในทางอ้อม


“เอ่อ… คุณเคยบอกว่า โบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์จะมอบบัฟที่ทำให้ค่าความคงทนของไอเท็มไม่ลดลง?”


ผู้สัมภาษณ์ไม่อยากให้การสัมภาษณ์จบลงเร็วนัก จึงเปลี่ยนประเด็นกลับเข้าเรื่องซาทิสฟาย


และนั่นคือสิ่งที่ยูร่าต้องการ


“ใช่ค่ะ เป็นบัฟที่จะได้รับทันทีเมื่อเปลี่ยนศาสนา ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมในฐานะนักบวชหรือพาลาดิน เพียงแค่คุณสวดวิงวอนถึงเทพโอเวอร์เกียร์ บัฟดังกล่าวจะอยู่ได้นานแปดชั่วโมง”


“น่าสนใจทีเดียวนะครับ… ตามปรกติแล้ว หากไม่มีค่าความชำนาญที่มากพอ การซ่อมแซมไอเท็มด้วย ‘ชุดซ่อมแซม’ มีโอกาสจะทำให้ค่าความคงทนสูงสุดลดลง ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่มีใครอยากซ่อมแซมไอเท็มด้วยตัวเอง นอกจากจะอันตรายแล้ว ชุดซ่อมแซมยังมีราคาสูงมาก”


“ถูกต้องค่ะ นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่สามารถเก็บตัวอยู่ในจุดเก็บเลเวลได้นานนัก แต่ถ้าเข้าร่วมศาสนาโอเวอร์เกียร์ พวกคุณสามารถล่าในจุดเดิมได้นานถึงแปดชั่วโมง การเก็บเลเวลจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดเนื่องจากไม่ต้องคอยพะวงกับความคงทนและช่วยประหยัดเงินไปในตัว”


“แต่ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า บัฟของโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์ยังด้อยกว่าหากเทียบกับศาสนาอื่น โบสถ์รีเบคก้าจะช่วยให้เก็บเลเวลได้เร็วขึ้นจากบัฟสนับสนุนการต่อสู้ทั้งเก้าชนิด ส่วนวิหารยาธานจะเพิ่มอัตราการได้รับค่าประสบการณ์”


“ส่วนหนึ่งเพราะระดับของศาสนาเทพโอเวอร์เกียร์ยังต่ำอยู่ แต่ยิ่งมีสาวกเข้าร่วมมากเท่าไร บัฟก็จะยิ่งพัฒนามากเท่านั้น… ดิฉันคิดว่าบัฟส่วนใหญ่ในอนาคตจะเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนด้านไอเท็ม”


ฮิวรอยที่เดินผ่านมาได้ยิน พูดแทรกการสัมภาษณ์


“ใช่แล้วครับ มีทั้งบัฟที่ช่วยเพิ่มเกรดของไอเท็มชั่วขณะ บัฟที่จะช่วยให้คุณสวมใส่ไอเท็มของผู้อื่น หรือบัฟที่ช่วยเพิ่มอัตราการดรอปไอเท็ม… ประสิทธิภาพในการเก็บเลเวลเป็นแค่เรื่องพื้นฐาน ในอนาคต โบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์จะมีบัฟที่ช่วยให้สภาพคล่องทางการเงินของทุกคนพัฒนาขึ้นควบคู่ไปกับการเก็บเลเวล ขอเพียงทุกคนเข้าร่วมโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์และช่วยเพิ่มระดับให้ศาสนา ผลประโยชน์มากมายก็จะตามมา”


“เรื่องนั้น… คุณแน่ใจได้ยังไง?”


“แน่ใจได้ยังไง? เฮ่อ… คุณนี่ช่าง… จุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวของผู้หญิงไม่พอ ยังจะเคลือบแคลงในคำพูดของคนที่กิริยามารยาทดีงามอย่างผม… พ่อแม่ของคุณต้องเสียใจมากแน่”


“เห…?”


หูฝาดไปรึเปล่า?


ไม่เพียงฮิวรอยจะเข้ามาแทรกการสัมภาษณ์ แต่ยังเอ่ยถึงพ่อแม่ของผู้สัมภาษณ์อย่างไร้ยางอาย?


ไม่น่าจะมีใครเสียสติขนาดนี้… มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่กล้าทำ…


สมองของนักข่าวกำลังปั่นป่วน


ขณะความเงียบงันเข้าครอบงำ


[ราชาโอเวอร์เกียร์กริด ทำการเขียนมหากาพย์บทที่สิบเอ็ด]



[เขาเปลี่ยนให้สิ่งมีชีวิตที่เย่อหยิ่ง ทระนงตน สูงศักดิ์ และเชื่อว่าตนสมบูรณ์แบบจนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร มาเป็นบริวารได้สำเร็จ]


[เทพตนอื่นต่างพากันริษยาเนื่องจากเขากระทำในสิ่งที่ไม่เคยมีเทพตนใดประสบความสำเร็จมาก่อน เหล่าสาวกของเขาต่างพากันปลื้มปีติและเริ่มคุกเข่าสวดวิงวอน]


……



[ราชาโอเวอร์เกียร์กริด เสร็จสิ้นการเขียนมหากาพย์หน้าที่สิบเอ็ด]


[ปฐมบทของเทวตำนานครั้งใหม่กำลังสร้างความอิ่มเอมใจเป็นล้นพ้นให้แก่เหล่าสาวกของศาสนาเทพโอเวอร์เกียร์]


[ชื่อเสียงของศาสนาเทพโอเวอร์เกียร์จะขจรขจายเป็นระยะเวลาหนึ่ง!]


[ความศรัทธาของผู้ที่ยังเคลือบแคลงเริ่มสั่นคลอน!]


[กลุ่มคนที่สั่นคลอนบางส่วนหันมานับถือศาสนาเทพโอเวอร์เกียร์!]


“…เผ่าพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบจนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร?”


ความสำเร็จที่ไม่เคยมีเทพตนใดกระทำได้มาก่อน?


เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่?


หลังจากอ่านข้อความโลกจบ ชื่อของฮิวรอยพลันอันตรธานไปจากสมองของนักข่าวที่กำลังผุดคำถามใหม่ขึ้นมาแทน


เห็นอีกฝ่ายทำหน้าฉงน ยูร่าใจดีช่วยอธิบาย และยังเป็นการบอกทางอ้อมไปถึงนักอ่านทั่วโลกที่จะได้เห็นบทความนี้ในอนาคต


“เทพโอเวอร์เกียร์ของเราแต่งตั้งมังกรเป็นผู้ส่งสาร”


“หา…? มังกร? หมายถึงมังกรจริงๆ?”


“ด้วยพลังนี้ อัตราการเติบโตของศาสนาเทพโอเวอร์เกียร์จะก้าวกระโดดชนิดที่ศาสนาใดไม่เคยทำได้มาก่อน หากพวกคุณอยากพัฒนาตัวเองได้เร็วกว่าคนอื่น ขอแนะนำให้เปลี่ยนมานับถือศาสนาเทพโอเวอร์เกียร์เสียตั้งแต่ตอนนี้”


“ตะ… ตกลง…”


หลังจากได้สติ นักข่าวรีบเขียนข้อความของยูร่าด้วยใบหน้าเหม่อลอย


บทสัมภาษณ์คราวนี้มีข้อมูลของศาสนาโอเวอร์เกียร์มากกว่าข่าวส่วนตัวของยูร่าเสียอีก


***


“กิมจิ~”


แชะ!


ขณะยูร่ากำลังให้สัมภาษณ์ในวิหารเทพโอเวอร์เกียร์ทางทิศใต้ของเมืองหลวง จิสึกะกำลังให้สัมภาษณ์ในวิหารทิศตะวันออก


เธอกระตือรือร้นผิดกับยูร่า การสัมภาษณ์ของจิสึกะเป็นไปในลักษณ์งานแถลงข่าวที่มีสื่อหลายช่องเข้าร่วม เนื้อหาเจาะจงไปที่การโฆษณาศาสนาเทพโอเวอร์เกียร์โดยไม่ปิดบัง ถึงขั้นถ่ายเซลฟี่คู่กับรูปปั้นกริดและแชร์ลงไปใน SNS ทันที


เคียงข้างเทพโอเวอร์เกียร์ ♥

#ผู้เล่นคนแรกที่เป็นเทพ #ศาสนาเทพโอเวอร์เกียร์ #กริดจิสึกะ #ราชาโอเวอร์เกียร์ #ได้บัฟทันทีที่เข้าร่วมศาสนาเทพโอเวอร์เกียร์


“…”


มุมปากของบรรดานักข่าวกำลังสั่นระริก


พวกมันเคยมีคำถามคาใจมากมาย จึงตอบรับคำเชิญของจิสึกะและถ่อมาถึงไรน์ฮาร์ทเพื่อฟังคำแถลง


‘…เอาแต่โปรโมตโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์เนี่ยนะ’


‘ในสถานการณ์แบบนี้ยังกล้าส่งหัวใจ’


ตามปรกติแล้ว นักข่าวมักไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องที่อาชีพของตนถูกตราหน้าว่าเป็นพวกขยะ โดยเฉพาะนักข่าวของซาทิสฟายที่มีปูนฉาบหน้าอยู่หลายชั้น


นักข่าวซาทิสฟายส่วนมากจะมาจากสายบันเทิงที่เชี่ยวชาญการทำข่าวกอสซิบด้านความรัก เสียงด่าทอจากสังคมจึงเป็นสิ่งที่ได้ยินจนชินชา


ทว่า พฤติกรรมของจิสึกะนั้นไร้ยางอายจนแม้แต่พวกมันยังเอือมระอา


ทุกคำถามที่เธอไม่อยากตอบ จิสึกะจะเอาแต่ปิดปากเงียบจนไม่มีประเด็นให้เขียนลงในไปข่าวกอสซิบ


‘ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เราคงไปหายูร่าแทน…’


ทั้งที่มีประสบการณ์กว่าสิบปี แต่พวกมันก็ยังจนปัญญาจะรับมือ


ขณะหลายคนเริ่มถอนหายใจ


[ราชาโอเวอร์เกียร์กริด ทำการเขียนมหากาพย์บทที่สิบเอ็ด]


ราวกับฟ้ามาโปรดพวกมัน


ดวงตาของกองทัพนักข่าวเริ่มส่องแสงเมื่อพบเบาะแสข่าวสำคัญ แต่ละคนรีบก้มหน้าจดบันทึกเนื้อหาของมหากาพย์


‘เขาโน้มน้าวเนเฟลิน่าสำเร็จแล้ว!’


เมื่อได้เห็นมหากาพย์และเข้าใจเรื่องราว จิสึกะเผยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า


“เสียสติไปแล้วรึไง”


รอยยิ้มของหญิงสาวอันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว


จิสึกะตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงตำหนิแสนเย็นชา


เธอหันไปจ้องชายชราเจ้าของเสียงด้วยดวงตาดุดัน


“ระวังคำพูดคำจาด้วย”


เธอถูกคนแปลกหน้ากล่าวหาว่าเสียสติเพียงเพราะเซลฟี่กับรูปปั้นและพิมพ์แคปชั่นรูปหัวใจ?


หญิงสาวทั้งหงุดหงิดและโมโห พฤติกรรมของเธอไม่สมควรที่จะถูกตำหนิด้วยถ้อยคำรุนแรงเช่นนี้


แต่เนื่องจากอีกฝ่ายค่อนข้างมีอายุ เธอจึงไม่กล้าด่าทออย่างหยาบคาย


ชายแก่คนเดิมทวนคำซ้ำ


“เจ้าไม่ปรกติก็จริง… แต่หมอนั่นเสียสติยิ่งกว่า”


ฟังถึงตรงนี้ จิสึกะเริ่มหงุดหงิด


“ใครไม่ปรกติ…?! ตาแก่! สนิทกันรึไง?”


“อาจไม่สนิทกับเจ้า แต่สนิทกับราชาที่เจ้ารับใช้เป็นอย่างดี… หมอนั่นเผลอใช้ค้อนทุบหัวตัวเองตอนสร้างดาบรึไง? ทำไมถึงได้เชื่อใจมังกรจนถึงขั้นมอบตำแหน่งผู้ส่งสาร”


“…”


จากที่ฟัง คำว่าเสียสติของอีกฝ่ายจะหมายถึงกริด ไม่ใช่เธอ


ทว่า จิสึกะยิ่งทวีความโมโหเนื่องจากการด่าผู้ชายของตนมีค่าเท่ากับด่าตนโดยตรง หญิงสาวชี้หน้าด่าชายชรากลับ


“แล้วแกเป็นใครถึงกล้าพูดกับเขาแบบนั้น!”


เพียงจิสึกะขึ้นเสียง ผ้าคลุมของชายชราสะบัดพลิ้ว กว่าจะรู้ตัวอีกที อีกฝ่ายก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย


‘อ…อะไรกัน?’


ไม่ใช่เวทมนตร์


นี่มัน…


‘ชุนโป?’


สุดยอดทักษะที่เป็นเอกลักษณ์ของเหนือมนุษย์


จิสึกะอาจคุ้นชินกับมันเพราะเคยเห็นจากกริดบ่อยครั้ง แต่นี่ไม่ใช่พลังที่ใครก็สามารถครอบครองได้ ผู้เล่นทั่วไปบางคนอาจไม่มีโอกาสได้เห็นเลยสักครั้งจนกระทั่งเกมปิดตัว


แต่ชายชราแปลกหน้ากลับใช้ชุนโป


หลังจากนึกทบทวนคำตำหนิของอีกฝ่าย จิสึกะพลันเย็นเยียบไปถึงกระดูกสันหลัง


เธอทิ้งกลุ่มนักข่าวไว้ตามลำพังและเริ่มออกวิ่ง


> มีผู้บุกรุก! รีบอารักขาราชินีและองค์ชาย! ยกระดับความปลอดภัยในย่านตีเหล็กโดยด่วน!


คำเตือนของจิสึกะถูกส่งไปยังสมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนในไรน์ฮาร์ท


ขณะเดียวกัน ภายในห้องนอนเนเฟลิน่า


งั่มงั่ม อึกอึกอึก


ในท้องหล่อนมีหลุมดำอยู่รึไง?


กริดยืนจ้องเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่เขมือบหมูย่างทั้งตัวในคำเดียวพร้อมกับเคี้ยวกระดูกเสร็จสรรพ


ทันใดนั้น ชายชราสวมเสื้อคลุมปรากฏตัวขึ้นและจ้องมองมา


“ที่แท้เจ้าก็ซ่อนแฮชลิ่งไว้… ข้าคิดจะมาแสดงความยินดีหลังจากได้ยินว่าเจ้าเริ่มสั่งสมบารมีเทพ แต่กลับกลายเป็นถูกหักหลังเสียได้”


ชายชราถอดผ้าคลุมออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง


ไม่ใช่ใครนอกจากอริยดาบบีบัน


“แฮชลิ่งตัวนี้มีกระดูกสันหลังยี่สิบเจ็ดข้อ ใกล้โตเต็มวัยแล้ว ข้าคงปล่อยให้มีชีวิตอยู่ถึงตอนนั้นไม่ได้”


กริดตระหนักถึงความผิดพลาดของตนทันที


มันอาจเก็บซ่อนตัวตนของเนเฟลิน่าจากสภาหอคอยได้ แต่ไม่มีวันปกปิดข้อมูลที่ปรากฏในมหากาพย์


“เดี๋ยวก่อน! เด็กคนนี้เป็นพวกพ้องของผม!”


กริดตะโกนบอกบีบันที่กำลังชักดาบ แต่นั่นไม่เป็นผล


“เจ้าเองก็เคยได้ยินอันตรายจากมังกรมาแล้ว… หล่อนอาจยอมร่วมมือกับมนุษย์เพราะยังอ่อนแอ แต่จะเผยธาตุแท้ทันทีที่โตเต็มวัย ข้าต้องรีบกำจัดทิ้งในตอนที่หล่อนยังเป็นแฮชลิ่ง ไม่อย่างนั้นอาจเกิดปัญญาตามมาในภายหลัง”


วินาทีที่วิชาดาบไร้เทียมทานถูกสำแดง ปราณดาบปริมาณมหาศาลเริ่มพรั่งพรูออกจากร่างกายบีบัน


เนเฟลิน่ากลืนน้ำลายพร้อมกับตะโกนด้วยดวงตาเบิกกว้าง


“ก…กล้าหันดาบใส่ข้าเชียวรึ! เสียมารยาท!”


“เฮ่อะ!”


ขณะบีบันเตรียมปลดปล่อยคลื่นดาบจันทร์เสี้ยว มวลพลังเวทเข้มข้นพลันพุ่งลงจากเพดาน กระแทกใส่ดาบบีบัน


“…!”


บีบันจำต้องยอมรับในความยอดเยี่ยมของแรงปะทะ ขณะเดียวกันก็แผ่ประสาทสัมผัสออกไปตรวจจับตำแหน่งของจอมเวท


ขณะชักดาบพลางกวาดสายตา มันเหลือบเห็นขนนกสีขาว


ทันใดนั้น เกิดระเบิดรุนแรงจนบีบันถูกผลักกระเด็นหลายก้าว


บีบันที่เผชิญความประหลาดใจหนแล้วหนเล่า พยายามคลายกล้ามเนื้อแขนข้างที่กำลังสั่นเทาอย่างมิอาจหักห้าม


เมื่อเงยหน้ามอง มันพบกับสองบุคคลมาดสง่างาม


คนหนึ่งคือชายผมทองที่มาพร้อมปีกสีขาว ส่วนอีกคนคือชายผมเงินที่กำลังถือไม้เท้าในท่าพาดบ่า


ทั้งสองลอยตัวข้างกันพลางเพ่งมองบีบันด้วยสายตาไม่เป็นมิตร


“เทวทูต…”


และบราฮัม?


“แต่พวกเจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”


บีบันแสยะยิ้มพร้อมกับตั้งท่าเตรียมโจมตี


ทันใดนั้น ใครบางคนชกใส่แผ่นหลังบีบันเต็มแรง


เมื่อหันกลับไปมองด้วยสีหน้าเจ็บปวด มันพบกับเจสสิก้า


“ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าลงมือบุ่มบ่าม”


“ต…แต่ว่า แฮชลิ่ง…”


“พวกเราสามารถตีกรอบมังกรบางตัวให้อยู่ในการควบคุมได้ หนึ่งในนั้นคือมังกรจอมเขมือบ กับแค่แฮชลิ่งก็ต้องกลัวอะไร? และเหนือสิ่งอื่นใด หล่อนเป็นลูกสาวของมังกรคลั่ง ฮายาเตะเคยบอกว่า พวกเราควรปกป้องหล่อนหากเป็นไปได้”


“ฮายาเตะรู้เรื่องแฮชลิ่งตัวนี้แล้ว?”


“รู้ตั้งแต่ตอนที่ได้พบกริดครั้งแรก”


“แล้วทำไมเขาถึงไม่บอกอะไรกับข้า…”


“เขากลัวว่าเจ้าจะสติแตกและรีบออกจากหอคอยมาฆ่าหล่อน”


“…”


เราเป็นพวกไว้ใจไม่ได้ขนาดนั้นเลย?


บีบันที่หดหู่เริ่มปิดปากเงียบ


เจสสิก้าถอนหายใจ จากนั้นก็พยักหน้าให้กริด


“อย่างที่เจ้าทราบ วัฏจักรการชิมเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่พวกเรามาแจ้งข่าวช้าเพราะเสียเวลาวิเคราะห์เส้นทางของไรเดอร์สอยู่ ต้องขอโทษสำหรับเรื่องนั้นด้วย”


“ผมแวะไปที่รังไรเดอร์สเมื่อหกวันก่อน แต่ก็ไม่พบอะไรเลย เรื่องนั้นทำให้ตื่นตระหนกพอสมควร”


“จากการตรวจสอบ เจ้านั่นออกจากรังตั้งแต่ก่อนที่วัฏจักรจะเริ่มเสียอีก ปัจจุบันไรเดอร์สอยู่ที่อาณาจักรเมอร์เร่ พิกัดตามนี้…”


เจสสิก้ายื่นแผนที่ให้กริด


หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจ กริดเดินไปหาสติกส์ตามความเคยชิน



______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,845
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared

Comments

  1. บีบันผู้เปิดหมดไม่สนลูกใคร55555555

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00