จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,370



ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วกรุงไรน์ฮาร์ทว่า กริดกำลังพาแขกพิเศษคนหนึ่งตระเวนกินตามร้านอาหารชื่อดัง


ต้องสำคัญขนาดไหน กษัตริย์ของอาณาจักรถึงยอมนำทางด้วยตัวเอง?


ผู้คนต่างพากันคาดเดาตัวตนที่แท้จริงของแขกพิเศษ


แน่นอน ไม่มีใครทราบคำตอบ


แม้แต่ข้าราชการและขุนนางระดับสูงก็ไม่มีข้อมูล


“หือ? กลับไปแล้ว?”


ข่าวการตระเวนกินของแขกพิเศษล่วงรู้มาถึงหูไอดาน


ในฐานะพ่อครัววังหลวง ไอดานรีบจัดเตรียมอาหารชุดใหญ่เพื่อหวังเสิร์ฟต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ แม้จะไม่มีคำสั่งให้ทำก็ตาม


“อุตส่าห์เตรียมอาหารไว้มากมาย… ทำไมกัน”


แขกพิเศษกลับไปแล้ว ข่าวดังกล่าวทำให้ไอดานถึงกับช็อก


“เขาตระเวนกินตามร้านดังทั้งวันไม่ใช่หรือ? ย่อมต้องหมายความว่า แขกพิเศษคนนี้สนใจอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์…”


“ก็เหมือนจะเป็นแบบนั้น”


“แล้วทำไมถึงกลับไปโดยไม่รอกินอาหารของฉัน?”


“…คงมีเหตุด่วนกระมัง หรือไม่ก็ยุ่งมาก”


ในหมู่ชาวโอเวอร์เกียร์ ห้องครัวของไอดานมักถูกเรียกว่า ‘ศูนย์ฝึกพิเศษ’


ทหารและอัศวินมักถูกสั่งให้แวะเข้าไปในห้องครัวไอดานเพื่อ ‘เพิ่มค่าต้านทานพิษ’ ไม่ใช่เพื่อเติมเต็มความหิว


แต่ไอดานไม่ทราบความจริงข้อนี้


ในอดีต ไอดานเคยไม่แยแสความรู้สึกของคนกิน เอาแต่ปรุงอาหารตามวิถีทางที่ตัวเองมองว่าเป็นศิลปะ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว ไอดานไม่อยากขวางกระแสสังคม จึงเริ่มใช้ ‘ผงเวทมนตร์’ ที่ชื่อว่าเกลือ เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงรสชาติได้มากขึ้น


“เฮ่อ… แย่ชะมัด”


นี่เป็นโอกาสทองที่จะทำให้แขกบ้านแขกเมืองได้ตระหนักว่า อาหารของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์นั้นยอดเยี่ยมเพียงใด


ไอดานส่ายหน้าพลางส่งเสียงเรียกทหารที่กำลังจะเดินออกไป


“ขอบใจมากสำหรับข่าว ฉันไม่มีรางวัลจะตอบแทน แต่ในครัวยังเหลืออาหารที่เตรียมไว้สำหรับแขก เชิญกินได้ตามสบาย”


“เอ๋…? ฉ…ฉันไม่มีคิวฝึกวันนี้… ต้องไปเข้าเวรด้วย…”


“แล้วเกี่ยวอะไรกับการฝึก? ตอนนี้เป็นเวลาอาหารกลางวัน นายควรเติมเต็มกระเพาะก่อนไปทำงาน”


“ฉันจะถูกลงโทษทางวินัยถ้าไปเข้าเวรไม่ได้…”


“หึหึ… ดูพูดเข้าสิ นายกำลังจะบอกว่า อาหารของฉันอร่อยเสียจนกินแล้วลืมวันลืมคืนสินะ ไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยเตือนถ้าใกล้ถึงเวลาเข้าเวร”


“…”


ห้องครัวไอดานกว้างขวางกว่าครัวอื่นในปราสาทอย่างชัดเจน


เพราะที่แห่งนี้ถูกออกแบบให้เป็นศูนย์ฝึกค่าต้านทานพิษ การมีขนาดที่ใหญ่โตจะช่วยให้ฝึกทหารได้เป็นจำนวนมากในคราวเดียว


สิ่งนี้ทำให้ไอดานหลงคิดไปคนเดียวว่า ทุกคนยอมรับในฝีมือการทำอาหารของตน ครัวจึงมีขนาดใหญ่กว่าใคร


ทหารคนดังกล่าวส่ายหัว ก่อนจะรีบกุมท้องด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว


“อุก…! ท้องฉัน… ฉ… ฉันต้องไปเข้าห้องน้ำก่อน! วันนี้ของดมื้อเที่ยง!”


“กะทันหันจังนะ…”


ทหารรีบร้อนออกจากครัวก่อนที่ไอดานจะได้ตั้งคำถาม


หลังจากหันไปมองจานอาหารที่วางเรียงรายเต็มโต๊ะ ไอดานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตักพวกมันใส่กล่องข้าวกลางวัน


ทันใดนั้น ไอดานผุดไอเดียใหม่ที่น่าสนใจ


‘ได้ยินมาว่า… ใกล้กับภูเขามีกลุ่มผู้อพยพอาศัยอยู่ชั่วคราว’


เมเดีย เบลโต้ เก๊าส์ โรเทมอน


ในช่วงสิบปีหลัง มีมากถึงห้าอาณาจักรที่ล่มสลาย


สงครามอันเกิดจากฝีมือมนุษย์และการรุกรานของจอมอสูรทำให้หลายคนต้องกลายเป็นผู้อพยพ


อาณาจักรส่วนมากมักกีดกันคนเหล่านี้ด้วยเหตุผลทางการเงินและความมั่นคงภายใน แต่ไม่ใช่กับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


คล้ายกับกำลังบอกเป็นนัยว่า พวกตนมีศักยภาพเพียงพอที่จะจัดการกับสายลับซึ่งอาจแฝงตัวเข้ามา นอกจากนั้นยังมีสภาวะทางการเงินที่มั่นคงจากหน่วยล่าบอสสุดแกร่งซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วทวีป


สำหรับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือจำนวนประชากร


***


“มาถึงสักที”


พวกมันต้องข้ามแม่น้ำและภูเขามากมายเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจตราของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ นอกจากนั้นยังต้องเผชิญอันตรายหนแล้วหนเล่าเมื่อฝืนแหกกฎ ลอบเข้าไปในเขตหวงห้าม


จนในที่สุด พาลาดินของโบสถ์ยูดาห์ที่ปลอมตัวเป็นผู้อพยพก็เดินทางมาถึงชายขอบเมืองหลวงของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ กรุงไรน์ฮาร์ท


“เป็นเพราะเซอร์ยามี่ พวกเราจึงมาถึงที่นี่ได้อย่างปลอดภัย”


เหล่าพาลาดินต่างยกย่องบุคคลที่ชื่อยามี่


ยามี่ - ผู้เล่นที่กลายเป็นพาลาดินอันดับหนึ่งของโบสถ์ยูดาห์หลังจากโทบันหักหลังและเปลี่ยนความเชื่อ


ยามี่ - พาลาดินอันดับห้าของโลก - กำลังสับสนกับสถานการณ์ปัจจุบัน


‘ไม่ว่าจะมองมุมไหน เรื่องราวก็เหลวไหลสิ้นดี…’


ในวันที่โบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์ถือกำเนิดและมีการขนย้ายเทวรูปรีเบคก้าออกจากอาณาจักร สาวกของโบสถ์ยูดาห์ต่างได้รับวิวรณ์กันถ้วนหน้า


เป็นวิวรณ์ในเชิงตำหนิกริด โทษฐานทรยศต่อเทพธิดาและสร้างความสับสนต่อคนหมู่มากหลังจากสถาปนาตัวเองเป็นเทพ


อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีคำสั่งโดยตรงให้ทำร้ายกริด


เทพยูดาห์ยังคงให้โอกาส


อาจเป็นเพราะความทรงจำที่เคยมีต่อกริดเมื่อครั้งอวยพรพาเฟรเนี่ยม หรือไม่ก็เพราะคุณงามความดีที่กริดเคยกระทำต่อโบสถ์รีเบคก้า


แต่โอกาสของยูดาห์มาพร้อมข้อแม้หนึ่งเรื่อง


กริดต้องยอมจำนนต่อแอสการ์ด


‘กริดจะยอมรับข้อเสนอจริงหรือ…’


เทพสวรรค์อนุญาตให้กริดสร้างวิหารของตัวเองได้ แต่ต้องสร้างวิหารของเทพสวรรค์ทั้งสาม (รีเบคก้า ยูดาห์ โดมิเนี่ยน) ไว้เคียงข้าง


นอกจากนั้น เทวรูปของเทพสวรรค์ต้องใหญ่กว่าเทพโอเวอร์เกียร์สองเท่า


หลังจากทบทวนเจตจำนงของเทพยูดาห์จนมั่นใจ ยามี่ทำการปกปิดใบหน้าตัวเองอีกครั้ง


ในฐานะพาลาดินอันดับหนึ่งของโบสถ์ มันเข้าใจหลักการและโครงสร้างของเทพในซาทิสฟายเป็นอย่างดี แม้กริดจะยังอ่อนแอ แต่ก็เป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษที่ถือกำเนิดจากความปรารถนาอย่างแรงกล้าของมนุษย์


หากกริดยอมจำนนต่อเทพสวรรค์ นั่นจะเป็นการทรยศต่อความรู้สึกของเหล่าสาวกอย่างใหญ่หลวง


ลำพังสภาพปัจจุบันยังมีผู้ศรัทธาเพียงน้อยนิด หากกริดยอมทำตามข้อเสนอของยูดาห์จริง เกรงว่าพัฒนาการของโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์คงเดินมาถึงทางตัน


เช่นนั้นแล้ว มีเหตุผลอะไรที่กริดจะยอมทำตามข้อเสนอ?


‘เขาคงตอบปฏิเสธทันที’


ต้องไม่ลืมว่า เหล่าคณะทูตของโบสถ์ยูดาห์ถูกกีดกันไม่ให้เข้าอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ในทุกช่องทาง พวกมันจึงต้องปลอมตัวเป็นผู้อพยพ


ในสายตายามี่ มันค่อนข้างหงุดหงิดที่พาลาดินรอบตัวต่างพากันเชื่อว่า เหตุการณ์จะผ่านไปด้วยดีหากพวกตนมีโอกาสเข้าพบกริด


ขณะยามี่ถอนหายใจยาว ‘รองกัปตัน’ ตบไหล่แผ่วเบา


“อย่าได้กังวลไป เจ้าเมืองเรย์ดันผู้โง่เขลาไม่ยอมให้เราเข้าเมืองเพียงเพราะความจงรักภักดีอย่างสุดโต่ง แต่กษัตริย์กริดนั้นเป็นคนดีและปรีชาสามารถ ตอนนี้ดวงตาของเขาอาจมืดบอดเพราะหลงระเริงในสถานะเทพ หากได้ฉุกคิดและตระหนักถึงความหวังดีจากเทพยูดาห์ เขาจะกลับมาเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องได้อีกครั้ง”


“…”


เป็นอย่างนั้นได้ก็ดี…


‘เฮ่อ… ใครจะไปรู้… เราอาจถูกกริดเชือดทิ้งทันทีที่พล่ามถ้อยคำไร้สาระเหล่านั้นออกมา…’


อย่างไรก็ตาม สำหรับยามี่ ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการยอมทำตามเจตจำนงของวิวรณ์อีกแล้ว


มันได้ยินมาว่า สันตะปาปาดาเมี่ยนสูญสิ้นทุกสิ่งเพียงเพราะปฏิเสธที่จะทำตามวิวรณ์ของเทพธิดารีเบคก้า


ขณะยามี่พยายามขจัดความกระวนกระวาย


“พวกคุณดูหิวโซนะ คงลำบากแย่ที่ต้องสูญเสียอาณาจักรไป”


NPC ชื่อ ‘ไอดาน’ เดินผ่านพุ่มไม้และตรงมาทางพวกมัน


อาศัยการฟังเสียงเท้า ทุกคนทราบทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นแค่ NPC ธรรมดาที่ไม่มีพิษภัย


ไอดานหยิบกล่องอาหารกลางวันออกจากกระเป๋า


“ฉันเป็นพ่อครัว ไม่ต้องกังวลไป”


‘ไม่มีใครกังวลทั้งนั้น’


การเป็นพาลาดินอันดับหนึ่งของโบสถ์ ไม่ได้หมายถึงการเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของโบสถ์


เฉกเช่นที่โบสถ์รีเบคก้ามีหน่วยเท็มพล่า โบสถ์ยูดาห์เองก็มีองค์กรลับที่คอยฟูมฟักนักรบทรงพลัง และพาลาดินที่ร่วมเดินทางมากับยามี่ก็สังกัดอยู่ในหน่วยดังกล่าว


ทุกคนล้วนมีค่าสถานะพิเศษหลายชนิด อีกทั้งถือครองสมญานาม ทักษะ เวทมนตร์ และไอเท็มระดับสูง


หนึ่งในความสามารถสำคัญคือการบัฟเป็นวงกว้าง ช่วยเพิ่มค่าต้านทานความเสียหายจากทักษะ เพิ่มค่าพลังโจมตีให้อาวุธ เพิ่มค่ามานาสูงสุด เสริมพลังธาตุในทุกการโจมตี


เมื่อบัฟเหล่านี้ถูกใช้งานพร้อมกัน ทุกคนจะแข็งแกร่งจนผู้เล่นทั่วไปยากจะรับมือ นอกจากนั้นยังมีบัฟพิเศษที่จะแสดงผลเมื่อเข้าเงื่อนไขพิเศษ ชวนให้นึกถึงดาเมี่ยนในการแข่งตะลุมบอนราชาอสูรเลยทีเดียว


กล่าวโดยสรุป ในสายตายามี่ คนกลุ่มนี้ถือเป็นหนึ่งในนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกซาทิสฟาย


แต่ว่า… ที่นี่คืออาณาจักรโอเวอร์เกียร์ซึ่งมีทั้งกริด ปิอาโร่ เมอร์เซเดส และบราฮัม… นอกจากนั้น ในเมืองหลวงยังมี ‘ลันเทียร์’ เฟคเกอร์ และ ‘อริยศร’ จิสึกะ… ยากจะหากองทัพใดในโลกมาโค่นล้ม…


แต่ถึงอย่างนั้น


“ฮะฮะ! พวกเราไม่ได้ระแวงอะไร ขอบคุณสำหรับอาหาร”


“พวกเราดีใจที่ได้พบคนใจกว้างแบบคุณ… ดูเหมือนว่า อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะร่ำรวยจนแม้แต่ชาวบ้านธรรมดาก็ยังมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่… ขอให้พระองค์มองเห็นบุญกุศลของคุณ”


ยามี่และพรรคพวกตรวจพบไอดานตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายเข้ามาในเขตภูเขา จึงมิได้แสดงท่าทีหวาดระแวง


ทุกคนล้วนเป็นนักรบชั้นสูงของโบสถ์ยูดาห์ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะตรวจจับจิตสังหารของศัตรู


“พวกนายเป็นผู้ศรัทธาเทพสินะ… ฉันมาจากตะวันออก ไม่ค่อยรู้จักเทพแถบนี้สักเท่าไร แต่ถ้าไม่ติดขัดอะไร ลองนับถือเทพโอเวอร์เกียร์เพิ่มอีกสักองค์ไหม? หากสวดวิงวอนถึงเทพหลายองค์ ก็น่าจะได้รับหลายพรในเวลาเดียวกันไม่ใช่หรือ? ฮะฮะ! ฉันขอตัวก่อนนะ”


สำหรับโบสถ์ยูดาห์ การรับใช้เทพองค์อื่นมิใช่ข้อห้าม


ร่วมกันกับโบสถ์โดมิเนี่ยน โบสถ์ยูดาห์ถือกำเนิดเพื่อรับใช้เทพธิดารีเบคก้าเป็นทุนเดิม ศาสนายูดาห์จึงค่อนข้างเปิดกว้างและไม่โกรธเคืองหากสาวกจะเลือกศรัทธาในรีเบคก้าด้วย


นั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้เทพยูดาห์พยายามเจรจากับกริดอย่างประนีประนอม


“หืม… น่าแปลก…”


หลังจากไอดานกลับไป เหล่าพาลาดินที่กำลังกินอาหารกลางวันต่างพบความไม่ชอบมาพากล


ไม่เพียงทุกคนจะลอบเข้าเมืองโดยปลอมตัวเป็นผู้อพยพ แต่ยังเลือกแหล่งกบดานเป็นพื้นที่ห่างไกลจากชุมชนเพื่อไม่ให้ถูกพบตัว


ชาวบ้านธรรมดาไม่มีทางทราบว่าแถวนี้มีคนอยู่


…แล้วทำไมถึงนำกล่องอาหารกลางวันมาส่งได้ถึงมือ?


“อย่าบอกนะว่า… อาณาจักรโอเวอร์เกียร์พบตัวพวกเราแล้ว?”


“เหลวไหลน่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ป่านนี้เราคงถูกกองทหารหลวงล้อมกรอบแล้ว ก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น”


“นั่นสินะ รีบกินให้อิ่ม จากนั้นก็เข้าเฝ้าราชาโอเวอร์เกียร์…”


แต่ผ่านไปไม่นาน บรรดาพาลาดินต้องผลัดกันใช้เวทมนตร์ถอนพิษออกจากร่างกายเป็นการใหญ่


ฉากตรงหน้าทำให้ทุกคนพากันเย็นสันหลัง


“…พวกเราถูกพบตัวแล้ว”


“อาณาจักรโอเวอร์เกียร์แอบจับตามองพวกเรามาตลอด”


“ถึงกับให้ชาวบ้านวางยาพิษ… ต่ำช้าชะมัด”


“พ…พวกเราควรทำยังไงต่อ? ในเมื่อถูกจับตามองแบบนี้ พวกเรายังมีโอกาสเข้าไรน์ฮาร์ทอีกหรือ?”


“ฉันเคยพูดไปแล้ว ราชาโอเวอร์เกียร์เป็นคนดีและปรีชาสามารถ มีโอกาสเป็นไปได้ว่า ผู้ที่สอดแนบและออกคำสั่งให้ชาวบ้านวางยาพิษเราจะไม่ใช่ตัวราชา แต่เป็นลูกน้องของเขา… ในเมื่อกลายเป็นแบบนี้ พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตีฝ่าเข้าไปตรงๆ”


บรรดาพาลาดินตัดสินใจถอดเสื้อผ้าซอมซ่อและสวมชุดศึกโบสถ์ยูดาห์


ชุดศึกของยูดาห์มีความคล่องตัวและเหมาะแก่การออกรบมากกว่าชุดหรูหรารุ่มร่ามของโบสถ์รีเบคก้า แสดงให้เห็นถึงความต่างชั้นระหว่างโบสถ์ที่เน้นฝีมือการต่อสู้กับโบสถ์ที่เน้นการฮีลสนับสนุน


“ถ้าไรน์ฮาร์ทไม่ยอมให้พวกเราเข้าไป ในนามตัวแทนของเทพยูดาห์ ฉันอนุญาตให้พวกนายใช้ค้อนศึกได้”


“ขอรับ!”


เหล่าพาลาดินตอบรับขึงขังพร้อมกับเดินลงจากภูเขา จุดหมายคือประตูเมืองไรน์ฮาร์ทที่อยู่ไม่ไกลออกไป


“พวกเราเป็นคณะทูตจากโบสถ์ยูดาห์!”


“ในนามของเทพยูดาห์ พวกเราจะให้โอกาสเทพโอเวอร์เกียร์! เทพโอเวอร์เกียร์ต้องสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อเทพธิดารีเบคก้าและเทพยูดาห์! ต้องสาบานว่าจะยอมจำนนต่อแอสการ์ด! เพื่อพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าเทพโอเวอร์เกียร์ไม่ใช่คนนอกรีต!”


สำหรับพาลาดิน ยิ่งเปี่ยมศรัทธาเท่าไร ก็ยิ่งมากพิธีรีตองเท่านั้น หลังจากเห็นว่าสองฝั่งถนนเต็มไปด้วยชาวนา พวกมันตัดสินใจตะโกนกึกก้องเพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของโบสถ์ยูดาห์และแอสการ์ดทางอ้อม


“…”


“…”


ผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจ ยามี่ได้สติกลับมาและพบว่าตนกับพรรคพวกถูกจับนั่งในท่าคุกเข่ากลางทุ่งนา


โดยที่ชาวนาในตำนาน ปิอาโร่ มิได้ปรากฏตัว


รอบๆ มีเพียงชาวนากลุ่มใหญ่


“ท…ทำไมชาวนาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้…?!”


“ถ้าชาวนาของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์รวมตัวกันก่อกบฏ กษัตริย์จะต้องเปลี่ยนมือในค่ำคืนเดียวแน่!”


“พวกแกกำลังพล่ามอะไร…”


เหล่าชาวนาจ้องหน้าแขกไม่ได้รับเชิญที่เอาแต่พล่ามไร้สาระ


“ข…ขุนนาง?”


ขุนนางผมสีทองคนหนึ่งปรากฏตัว


เมื่อเห็นท่วงท่าการเดินอันสง่างามและดาบหรูหราที่เหน็บตรงเอว ทุกคนเริ่มคาดเดาว่า ชายคนนี้ต้องมาจากตระกูลใหญ่ของอาณาจักรแน่นอน


‘ขุนนางระดับสูงมาทำอะไรที่นี่?’


พาลาดินต่างพากันกลืนน้ำลาย


พวกมันไม่เข้าใจว่าทำไมอาณาจักรถึงส่งขุนนางมาหาด้วยตัวเอง


“บลันด์ ทำยังไงกับพวกมันดี?”


“หืม… ไม่รู้เหมือนกัน ฉันต้องไปขุดหัวมันต่อ… ส่งให้ทหารองครักษ์จัดการเถอะ”


“ตกลง!”


“…”


หมอนี่ก็เป็นชาวนา?


ถึงอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะร่ำรวยเพียงใด แต่การที่ชาวนาธรรมดาแต่งตัวเหมือนขุนนางทุกกระเบียดนิ้วมันออกจะ…


ขณะพาลาดินกำลังสับสนสุดขีด


“พวกมัน. เป็นใคร.”


ชายร่างกายกำยำปรากฏตัว


มือข้างหนึ่งแบกดาบใหญ่ทรงฉลามสีน้ำเงินเข้มไว้บนหลัง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นนับสิบ


เพียงจ้องมองก็รู้สึกได้ถึงพลังงานมหาศาล ประหนึ่งแม่ทัพใหญ่ที่ผ่านการรบราฆ่าฟันมานับไม่ถ้วน


‘หลังจากนี้คือของจริงสินะ!’


‘นึกไม่ถึงว่าแม่ทัพใหญ่จะออกโรงด้วยตัวเอง…’


‘พวกมันหวาดระแวงเราขนาดนี้เชียว?’


“หัวหน้าองครักษ์ จะทำยังไงกับพวกมันดีครับ?”


“…”


พาลาดินพลันกลืนน้ำลายด้วยสมองขาวโพลน


ทางด้านยามี่ สมองของมันทำงานเกินขีดจำกัดมาสักพักแล้ว


อันที่จริง ยามี่พอจะเห็นอนาคตของตัวเองอย่างเลือนรางนับตั้งแต่อ่านวิวรณ์จากเทพยูดาห์จบ


‘นี่มัน… ไม่ว่าจะมองมุมไหน… การเปลี่ยนมานับถือเทพโอเวอร์เกียร์คือทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด’


หลังจากวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน ยามี่ตัดสินใจหนักแน่น


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,850
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00