จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,372
ต้องใช้เวลา 27 ปี 145 วันในการร่ายเวทอุกกาบาตให้ครบหนึ่งหมื่นครั้ง
หรือก็คือ เวลาคูลดาวน์ของเวทอุกกาบาตเท่ากับยี่สิบสี่ชั่วโมง จากบรรดาเวทมนตร์ทั้งหมด เวทอุกกาบาตมีความอลังการและรัศมีสังหารกว้างที่สุด หากมีระยะหน่วงสั้นคงไม่ถูกต้องตามหลักสมดุลเกมสักเท่าไร
‘ถ้าเราสร้างไอเท็มลดระยะหน่วงให้บราฮัม…’
ไอเท็มลดระยะหน่วงถือเป็นของหายาก
จนถึงตอนนี้ จากบรรดาไอเท็มทั้งหมดที่กริดเคยสร้าง ชิ้นเดียวที่ลดระยะหน่วงคือคันศรฟินิกซ์แดง
อย่างไรก็ตาม เอฟเฟกต์ดังกล่าวใช้ได้กับทักษะประเภทไฟเท่านั้น
สำหรับกริด เอฟเฟคลดระยะหน่วงเกือบทั้งหมดมาจากสมญานามและทักษะ
และถึงแม้กริดจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ไอเท็มลดระยะหน่วง แต่บราฮัมก็ยังมีงานอื่นต้องทำ หมายความว่าต้องคอยสับเปลี่ยนไอเท็มบ่อยๆ
“นอกจากนั้น ถึงจะเราสร้างไอเท็มลดระยะหน่วงให้บราฮัมสวมใส่แบบเต็มพิกัด…"
หากระยะหน่วงของเวทอุกกาบาตลดลง 20% ต้องใช้เวลาประมาณ 22 ปีในการร่ายอุกกาบาตครบหมื่นครั้ง
หากลดระยะหน่วงได้ 30% ก็ต้องใช้เวลาราว 20 ปี
ถือเป็นช่วงเวลาที่นานอยู่ดี
ยี่สิบปีเต็ม เราจะทนรอไหวจริงหรือ…
นอกจากนั้น ยังไม่แน่ว่าบราฮัมจะใช้เวทอุกกาบาตได้วันละครั้ง อาจมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นกลางคัน
‘…คงได้รอจนกลายเป็นบ้าแน่’
ขณะกริดกำลังเคร่งเครียด บราฮัมจิบชาในถ้วยจนหมด เอนหลังพิงเก้าอี้และมองกริดด้วยสายตาเจือความดูแคลน
“แม้แต่คุณยายเวทกังวานคนนั้น ก็ยังใช้เวทอุกกาบาตได้แค่หนึ่งครั้งในทุกๆ สองวัน”
คุณยายเวทกังวาน
คงหมายถึงเจสสิก้า มหาจอมเวทในตำนานรุ่นก่อน
“การใช้มหาเวทจะทำให้วงจรเวทมนตร์เสียหาย และบนโลกนี้ ไม่มีใครฟื้นฟูวงจรเวทมนตร์ได้เร็วเท่าฉันอีกแล้ว จอมเวททุกคนบนโลกควรมองฉันเป็นเป้าหมายสูงสุดที่ต้องไขว่คว้า… ความกังวลของนายมันเปล่าประโยชน์”
“…”
กริดทำได้แค่เงียบ เพราะยังเข้าใจคำพูดบราฮัมไม่กระจ่าง
จนกระทั่ง
> …ที่เล่าไป หมายความว่ายังไง?
กริดถ่ายทอดคำพูดบราฮัมให้ลอเอลฟัง จากนั้นก็ขอคำอธิบาย
อีกฝ่ายตอบกลับทันที
> ดูเหมือนว่า บราฮัมจะมีเอฟเฟคลดระยะหน่วงเวทมนตร์ถึงค่าสูงสุดแล้ว
> อ้อ…
สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก บราฮัมคือจอมเวทที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์
การปลดปล่อยเวทมนตร์ได้รวดเร็วและบ่อยครั้งกว่าคนอื่นถือเป็นเรื่องปรกติ
สาเหตุที่สามารถใช้เวทอุกกาบาตได้ถึงวันละหนึ่งครั้ง เพราะบราฮัมมีค่าลดระยะหน่วงเวทมนตร์ถึงขีดจำกัดแล้ว
ไม่มีใครสามารถลดระยะหน่วงได้มากกว่านี้
“นอกจากนั้น เวทอุกกาบาตยังไม่เหมาะจะฝังลงบนยุทธภัณฑ์”
ขณะกริดเริ่มค้นพบความจริง บราฮัมยังคงอธิบายต่อ
“เวทอุกกาบาตคือเวทมนตร์ที่ใช้หลักการง่ายๆ โง่ๆ เพื่อดึงดวงดาวจากอวกาศลงมายังพื้นโลก”
บราฮัมคงเป็นคนเดียวที่กล้านิยามเวทมนตร์ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนที่ใช้ได้ ว่า ‘เวทมนตร์ง่ายๆ โง่ๆ’
“เวทอุกกาบาตจะทำลายพื้นดินเป็นวงกว้าง รู้แบบนี้แล้วยังจะใช้อีกหรือ? นายเป็นจอมอสูรรึไง?”
“…”
กริดเย็นไปถึงสันหลังเมื่อจินตนาการภาพตัวเองใช้อาวุธฝังเวทอุกกาบาต
ในอนาคต ทุกครั้งที่ฟาดฟันศัตรู สิ่งรอบข้างจะถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง อีกไม่นานกริดคงถูกเรียกว่า ‘ชายผู้ทำให้ยาธานละอายใจ’
“ถ้าอย่างนั้น นอกจากเวทอุกกาบาตแล้ว ยังมีเวทมนตร์ชนิดใดที่ทรงพลัง มีประสิทธิภาพ และเท่?”
ทำไมต้องเท่?
แน่นอนอยู่แล้ว กริดคือราชาและเทพ
ความสง่างามต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง เอฟเฟคเวทมนตร์ต้องยอดเยี่ยมและอลังการ
คล้ายกับบราฮัมเห็นพ้องในความคิด
“ดิสอินทิเกรต” (Disintegrate)
แตกต่างจากเวทอุกกาบาตที่เป็นเวทมนตร์เชิงกายภาพซึ่งจะดึงดวงดาวลงมาทำลายโลก ดิสอินทิเกรตคือเวทมนตร์ที่สร้างหอกแสงด้วยละอองมานา สามารถโผล่ออกจากอากาศในพริบตาและสร้างความเสียหายหนักหน่วงแก่เป้าหมาย
ข้อเสียเดียวก็คือ มันจะโจมตีเพียงหนึ่งเป้าหมาย แต่สามารถโจมตี ‘หมู่’ เล็กๆ ได้ด้วยเอฟเฟค ‘ทะลุทะลวง’
“เป็นเวทมนตร์ที่ทั้งทรงพลังและสง่างาม”
อึก
กริดกลืนน้ำลายเหนียว
เพียงจินตนาการว่าจะมีหอกแสงตกลงมาจากฟากทุกครั้งที่ตนเหวี่ยงดาบ หัวใจชายหนุ่มพลันเต้นระรัว
จากนั้น มันเริ่มกังวล
“คงไม่ต้องรอนานถึงยี่สิบเจ็ดปีใช่ไหม”
“อย่างมากสิบปี อย่างเร็วเจ็ดปี จากสูตรเวทมนตร์ของดิสอินทิเกรต จะมีบางครั้งที่วงจรเวทมนตร์ของฉันไม่เสียหาย”
หรือตีความได้ว่า ‘มีโอกาสใช้ได้หลายครั้งติดต่อกัน’
เจ็ดถึงสิบปีเป็นช่วงเวลาที่กริดอดทนรอไหว
หากต้องการแร่ที่ดีที่สุดในโลก นี่คือราคาที่ต้องจ่าย
แน่นอน ถ้าบราฮัมแนะนำว่าเวทอุกกาบาตเหมาะสมที่สุด กริดก็ยินดีจะรอถึงยี่สิบเจ็ดปี
“สิบปีสินะ… ฉันจะรอ”
“ตัดสินใจได้ดี… นอกจากนั้น ฉันจะฝังเวทมนตร์อื่นให้นายระหว่างรอดิสอินทิเกรต… ถ้าสร้างแร่ใหม่เสร็จเมื่อไรก็มาหาฉันได้ทันที”
ดวงตากริดพลันเบิกโพลง
มันลืมประเด็นนี้เสียสนิท เพราะสมองถูกตีกรอบไว้ว่า แร่หนึ่งชนิดสามารถฝังเวทมนตร์ได้เพียงชนิดเดียว
แต่ละโมบนั้นงอกเงยได้ทวีคูณ หลังจากสร้างแร่เสร็จ กริดสามารถแยกก้อนละโมบเพื่อฝังเวทมนตร์อีกหลายชนิดลงไปได้ตามใจชอบ แร่ก้อนหลักอาจเก็บไว้ให้บราฮัมฝังดิสอินทิเกรต ระหว่างนั้นก็ใช้แร่ก้อนรองๆ ฝังเวทที่สามารถฝึกได้เร็ว
หรือก็คือ ถ้าเวทอุกกาบาตไม่มีผลข้างเคียงร้ายแรง การรอนานถึงยี่สิบเจ็ดปีก็ไม่ใช่ปัญหา
“บราฮัม นายมีเวทมนตร์กี่ชนิด”
“ถ้านับเฉพาะเวทที่ยังหลงเหลือความเป็นเวทมนตร์… เก้าชนิด… ส่วนเวทที่เหลืออีก 116 ชนิด ฉันสามารถปลดปล่อยพวกมันได้ตามใจนึก ไม่หลงเหลือคุณสมบัติของเวทมนตร์อีกแล้ว”
สำหรับบราฮัม การใช้เวทมนตร์ก็เหมือนกับการหายใจ มันสามารถสร้าง ‘วิถีแห่งเวทมนตร์’ ขึ้นมาใหม่และหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเอง
กล่าวได้ว่า เวทมนตร์ย่อยชนิดอื่นได้รวมหนึ่งกับจิตใจบราฮัมเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงมหาเวททั้งเก้าชนิดที่ต้องปลดปล่อยเวทมนตร์จากสูตรและวงจรเวท
แค่คิดตามก็น่าทึ่งแล้ว
แต่กริดไม่ได้ตื่นเต้นมากนัก มันย่อมทราบดีกว่าใครว่า บราฮัมยิ่งใหญ่เพียงใด เรื่องนี้จึงมิได้อยู่เหนือความคาดหมาย
ชายหนุ่มถามเข้าประเด็น
“สรุปแล้ว… นายสามารถฝังเวทมนตร์ได้กี่ชนิด? 125 หรือ 9”
“…125”
“ถ้าฉันเตรียมแร่ไว้ 125 ก้อน นายสามารถฝังเวททั้งหมดได้สินะ?”
“…นายมีความเกรงใจบ้างไหม”
“…”
ไม่ผิดจากที่คาด การขอให้อีกฝ่ายใช้เวทมนตร์ 1.25 ล้านครั้งคงมากเกินไปสักหน่อย ถึงจะมีค่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครสูงขนาดไหนก็ตาม
‘ไม่ต่างอะไรกับการขังไว้ในห้องและบังคับให้ทำงานนานนับสิบปี…’
ขณะกริดกำลังรู้สึกผิด บราฮัมกล่าวในสิ่งที่เหนือความคาดหมาย
“นายลืมอะไรไปรึเปล่า… เพียงเพราะเป็นเวทมนตร์ที่ฝังอยู่ในอุปกรณ์สวมใส่ ไม่ได้แปลว่าพวกมันจะไม่เผาผลาญมานาขณะใช้งาน นั่นขึ้นอยู่กับชนิดของเวทมนตร์ บางชนิดอาจไม่สิ้นเปลืองมานา แต่บางชนิดก็ตรงกันข้าม เวทมนตร์ส่วนใหญ่ใช้มานาเป็นทรัพยากรหลัก”
หากทรัพยากรไม่ถูกใช้งานเลยขณะปลดปล่อยเวทมนตร์จากยุทธภัณฑ์ ทุกคนบนโลกคงมีความฝันเดียวกันหมด นั่นก็คือการ ‘สวมใส่ไอเท็มเวทมนตร์’ เต็มอัตราศึก เพียงเท่านี้ก็จะปลดปล่อยเวทมนตร์และทักษะได้อย่างไร้ขีดจำกัด
“ไม่ใช่แค่นั้น เวทมนตร์บางชนิดจะแสดงผลอัตโนมัติตามเงื่อนไขโดยไม่สนใจเจตนาของผู้สวม นั่นมีแต่จะนำพาความฉิบหายมาเยือน เข้าใจหรือยัง?”
“อา… เข้าใจแล้ว”
กริดพลันซาบซึ้ง
คำพูดข้างต้นของบราฮัมหมายความว่า หากไม่ติดข้อจำกัดเรื่องผลข้างเคียง บราฮัมยินดีที่จะใช้เวทมนตร์ 1.25 ล้านครั้งเพื่อตน
“…ฉันช่วยจะเลือกเวทมนตร์ที่มีผลข้างเคียงน้อยให้เอง”
บราฮัมสร้างวงแหวนเวทมนตร์และใช้มันรัดเส้นผม
ถัดจากนี้จะเป็นการหมกมุ่นศึกษาเวทมนตร์ทุกชนิดอย่างละเอียด มันจึงบอกให้กริดออกจากห้อง
“ฉันจะสร้างแร่ที่ดีที่สุดให้นาย…”
ย้อนกลับไปในวินาทีที่พบกริดครั้งแรก บราฮัมเสียใจมากที่มันมิอาจควบคุมพาเฟรเนี่ยม
พาเฟรเนี่ยมคือแร่ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างแพ็กม่าและบราฮัมก็จริง แต่แพ็กม่าไม่ไว้ใจบราฮัมที่เป็นแวมไพร์ จึงผูกขาดความเป็นเจ้าของพาเฟรเนี่ยมไว้แต่เพียงผู้เดียว
‘…เราไม่เหมือนกับแพ็กม่า’
แร่ชนิดใหม่ที่จะถือกำเนิดในอนาคต กริดต้องการแบ่งปันความเป็นเจ้าของร่วมกับบราฮัม
หรือก็คือ บราฮัมจะสวมใส่ไอเท็มที่ผลิตจากแร่ชนิดนี้ได้เหมือนกับตน
กริดปรารถนาจะทำให้บราฮัมกลายเป็นมหาจอมเวทโอเวอร์เกียร์ที่ไม่มีใครสามารถต้านทาน
ชายหนุ่มโค้งศีรษะให้เล็กน้อยและเตรียมเดินออกจากห้อง
ทันใดนั้น พื้นของวังเกิดลาดเอียงเล็กน้อย
เป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยที่มิอาจใช้ไม้บรรทัดวัด อย่างน้อยก็ไม่ใช่ระดับที่คนธรรมดาและคนที่มีวิสัยทัศน์ปานกลางจะตระหนักถึงความผิดปรกติ
แต่กริดสามารถรับรู้ บราฮัมที่อยู่ภายในห้องก็เช่นกัน
“พิกัดคลาดเคลื่อน”
เมื่อพิกัดของสถานที่เกิดความเปลี่ยนแปลง การใช้วาร์ปเกตอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุใหญ่หลวง ผู้ใช้งานจะถูกส่งไปยังสถานที่ลึกลับและไม่มีใครรู้จัก
บราฮัมซึ่งเป็นคนกุมอำนาจทางเวทมนตร์ทั้งหมดของอาณาจักร สามารถระงับการใช้งานวาร์ปเกตได้ทันที
อย่างไรก็ตาม บราฮัมมิได้ทำ เพราะมันทราบดี อีกไม่นานเหตุการณ์นี้ก็จะจบลง
ไม่ผิดจากที่คาด
[วิชาดาบอันทรงพลังของอริยดาบกำลังแบ่งโลกออกเป็นสองซีก!]
[เทพธรณี คาริออน ใช้พลังเพื่อสมานทุกสิ่งให้กลับสู่ปรกติ]
ข้อความโลกปรากฏขึ้น
พิกัดที่เคยคลาดเคลื่อนเพราะโลกถูกแบ่งเป็นสองซีกเริ่มกลับเป็นเหมือนเดิม
จากนั้น
[อริยดาบ ‘ครอเกล’ สังหารครึ่งเทพสำเร็จ!]
ข่าวที่จะทำให้โลกเกิดประเด็นถกเถียงร้อนแรง
ถัดจากกริด ครอเกลคือผู้เล่นคนที่สองที่สามารถสังหารครึ่งเทพ
‘หมอนั่นเปิดศึกกับยังบันเต็มตัวแล้วสินะ…’
สำคัญกว่าการเป็นคู่แข่ง ครอเกลคือเพื่อนของกริด เป็นผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่กริดให้การยกย่อง
กริดไม่เคยเคลือบแคลงเลยว่า อีกฝ่ายจะต้องพัฒนาตัวเองจนอยู่ในระดับเดียวกับตน หรือไม่ก็ก้าวข้ามตนในสักวัน
ถ้าต้องเป็นศัตรูกับครอเกล… พวกยังบันคงอยู่ไม่สุขแน่…
‘แบบนี้ดีแล้ว เราจะได้ไม่ต้องกังวลปัญหาจากฝั่งอาณาจักรฮวานไปอีกพักใหญ่… ขอบใจมากครอเกล’
จะมีพันธมิตรคนใดแข็งแกร่งและเชื่อใจได้มากไปกว่าครอเกล?
สำหรับกริด คำตอบคือไม่มี
หัวใจชายหนุ่มเริ่มผ่อนคลาย
***
กริดไม่มัวรีรอ รีบมุ่งหน้าไปยังหอแห่งปัญญาทันที
มันมีแผนจะมอบสร้อยคอเนอวาร์ธานให้ลาร์ดวูล์ฟเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์และรับเหล็กแสงจันทร์เป็นรางวัลตอบแทน
นอกจากนั้นยังต้องการปรึกษาลาร์ดวูล์ฟเรื่องการสร้างแร่ชนิดใหม่
“มีอะไร?”
ลาร์ดวูล์ฟเอียงคอสงสัย
คล้ายกับไม่ทราบเหตุผลที่กริดมาเยือนกะทันหัน
มันลืมไปแล้วว่าเคยขอให้กริดชิงสร้อยเนอวาร์ธานกลับมา
ไม่สิ บางที มันอาจไม่ได้คาดหวังตั้งแต่แรก
“ผมเอาสร้อยมาให้”
“สร้อย? สร้อยอะไร?”
“สร้อยคอเนอวาร์ธาน”
“จ…จริงหรือ? มหาโจรราตรีสีชาดยอมแลกเปลี่ยนได้ยังไง… ไม่จริงน่า… เป็นไปไม่ได้…”
“…”
ในเมื่อคิดว่าเป็นไปไม่ได้… แล้วเอ็งมอบภารกิจมาให้ทำไม?
กริดอยากถาม แต่สุดท้ายก็ต้องกลืนประโยคลงคอ
ภาพของจักรกลเวทมนตร์ขนาดมหึมาด้านในห้องทำงานลาร์ดวูล์ฟ ทำให้กริดต้องสุภาพนอบน้อมเป็นพิเศษ
Comments
Post a Comment