จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,366



[มีข่าวลือว่า มีผู้เดินทางมาสักการะรูปปั้นของท่านอย่างไม่ขาดสาย!]


[เลเวลของเทวรูปเทพโอเวอร์เกียร์กริดเพิ่มเป็นระดับ 5!]


ในวันที่เทพองค์ใหม่ถือกำเนิด รูปปั้นราชาวีรบุรุษกริดในหอเกียรติยศบนหมู่เกาะเบเฮ็นได้ถูกเลื่อนระดับเป็นเทวรูปเทพโอเวอร์เกียร์กริด


เลเวลของเทวรูปหินอาจถูกรีเซต แต่เอฟเฟคของบัฟที่กริดได้รับจะมีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะในยามที่เลเวลเต็ม


[หนึ่งเดือนถัดจากนี้ ค่าความชำนาญมือของท่านจะเพิ่มขึ้น 10% และเพิ่มโอกาสสร้างไอเท็มเกรดสูงอีกเล็กน้อย]


[หนึ่งเดือนถัดจากนี้ ทั้งค่าพละกำลัง ความอดทน สติปัญญา และความว่องไวจะเพิ่มขึ้นอย่างละ 5% นอกจากนั้น ความเร็วในการร่ายและพลังโจมตีของทักษะประเภทดาบจะเพิ่มขึ้น ระยะหน่วงหลังใช้ของเวทมนตร์ลดลง ความเร็วในการร่ายเวทเพิ่มขึ้นเล็กน้อย]


เดิมที รูปปั้นราชาวีรบุรุษจะเพิ่มเพียงค่าความชำนาญมือ อัตราการผลิตไอเท็มเกรดสูง และความเร็วในการร่ายวิชาดาบ ในทางกลับกัน เทวรูปของเทพโอเวอร์เกียร์ยังคงรักษาเอฟเฟคเดิมเอาไว้ โดยจะเพิ่มความสามารถในเชิงต่อสู้ให้กับวิชาดาบและเวทมนตร์เข้ามา


ถึงอัตราการเพิ่มจะยังต่ำ แต่เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า รูปปั้นใหม่จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าหากพัฒนาไปถึงเลเวลเดิมของรูปปั้นเก่า


‘อา… ค่าความชำนาญมือของเราลดลงเล็กน้อย ช่วงนี้คงต้องงดการสร้างไอเท็มคุณภาพสูงไปก่อน’


ในตอนแรก รูปปั้นราชาวีรบุรุษเคยมีเลเวลสิบห้าซึ่งเป็นระดับสูงสุด บัฟของรูปปั้นจะช่วยเพิ่มค่าความชำนาญมือมากถึง 30% ในขณะที่บัฟของเทวรูปเทพโอเวอร์เกียร์เลเวลห้าจะเพิ่มเพียง 10%


อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ผู้คนสามารถเข้าถึงเทวรูปหิน (หรือสำริด) ของกริดได้ง่ายขึ้น เป็นผลมาจากการที่โบสถ์โอเวอร์เกียร์ถูกสร้างขึ้นทั่วทั้งอาณาจักร


แต่ละโบสถ์จะมีเทวรูปสำริดของกริดไม่ต่ำกว่าหนึ่ง ผู้คนจึงมีโอกาสสวดวิงวอนถึงกริดได้โดยไม่ต้องถ่อไปไกลถึงหมู่เกาะเบเฮ็น ส่งผลให้เลเวลของเทวรูปเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด (เทวรูปหินและสำริดใช้ระบบเลเวลเดียวกัน)


แน่นอน การประชาสัมพันธ์ของยูร่าและจิสึกะช่วยได้มาก นับตั้งแต่สองสาวงามของโลกออกแถลงการณ์และให้สัมภาษณ์กับนักข่าวและสื่อสังคมออนไลน์ ผู้คนจำนวนมากเริ่มหลั่งไหลมาสักการะเทวรูปเทพโอเวอร์เกียร์อย่างไม่ขาดสาย


‘เราสามารถเรียกมันว่าบัฟถาวรได้อย่างเต็มปาก นอกเสียจากศาสนาเทพโอเวอร์เกียร์จะถูกทำลาย’


ไม่สำคัญว่ากริดจะมีพื้นฐานเป็นเทพแนวไหน


ขอเพียงเอฟเฟคจากบัฟช่วยเสริมประสิทธิภาพให้กับทั้งวิชาดาบ เวทมนตร์ และการผลิตไอเท็ม กริดสามารถสถาปนาตนเองเป็นเทพสงครามที่มีความหลากหลายกว่าปรกติ


สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงแก่นแท้ของคลาสปัจจุบัน


“แต่ทำไมถึง…”


ณ เมืองชายแดนแห่งหนึ่งในอาณาจักรเมอร์เร่


ร่างกายชายหนุ่มกำลังสั่นเทาขณะยืนหน้าโรงแรมที่มีป้ายเก่าแก่เขียนไว้ว่า ‘ฮิลล์แกรม’


มังกรจอมเขมือบ ไรเดอร์ส


ใครจะไปคิดว่า มังกรซึ่งดำรงตนมาตั้งแต่ยุคสมัยต้นกำเนิดจะเลือกพักอยู่ในโรงแรมเก่าโทรมและคับแคบเช่นนี้


สติกส์บอกลากริดที่กำลังคลางแคลงว่าตนอาจได้รับแผนที่ผิด


“กระหม่อมขอตัวก่อน”


สีหน้าและน้ำเสียงแฝงความตึงเครียดชัดเจน ภายในใจสติกส์กำลังกระวนกระวาย สายตาที่มองไปทางกริดเผยความโกรธเคืองเบาบาง


มังกรจอมเขมือบคือสัญลักษณ์แห่งความบ้าคลั่งที่เคยเคี้ยวรากของต้นไม้โลกเพียงเพราะสงสัยในรสชาติ


จากมุมมองของสติกส์ ต่อให้ไม่นับเรื่องที่ตนถูกฝังคำสาปโรคร้ายซึ่งไม่มีวันรักษาหาย มังกรจอมเขมือบก็ยังเป็นศัตรูตัวฉกาจของมารดาอยู่ดี


ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด มันไม่พอใจอย่างมากที่กริดต้องการผูกมิตรกับมังกรจอมเขมือบ


แต่หลังจากพิจารณาว่านี่คือภารกิจสำคัญ สติกส์พยายามย้ำเตือนตัวเองให้ปล่อยวางนับร้อยครั้ง


ถึงกระนั้น กริดกลับขอร้องให้ตนพามาหาไรเดอร์ส?


‘เขาคงไม่ชอบเอลฟ์อย่างเราที่ศรัทธาเทพธิดารีเบคก้าแต่เพียงผู้เดียว’


กริดจงใจทำให้เราหงุดหงิดสินะ…


สติกส์กลืนคำพูดที่ว่า ‘กระหม่อมเชื่อในตัวฝ่าบาทและพยายามเปลี่ยนความศรัทธาอยู่’ ลงคอ พลางหันหลังกลับด้วยรอยยิ้มขื่นขม


ทันใดนั้น กริดหันมาพูด


“อย่าได้เข้าใจผิด ฉันเลือกให้นายมาส่งแทนที่จะเป็นบราฮัม เพราะฉันต้องการแสดงความจริงใจ”


“…”


“ทุกครั้งที่ออกเดินทาง ฉันบอกกับนายเสมอว่าจะไปไหน หากคราวนี้แอบเดินทางมาพบกับมังกรจอมเขมือบอย่างลับๆ … นายอาจเข้าใจผิดคิดว่าฉันหักหลัง ฉันไม่อยากให้มีความเข้าใจผิดไร้สาระแบบนั้นเกิดขึ้น”


“…”


“ฉันไม่เคยลืมว่ามังกรจอมเขมือบคือศัตรูของนาย และไม่เคยคิดจะญาติดีกับมันจนต้องสูญเสียผู้ที่ภักดี… การพบกันในคราวนี้เกิดขึ้นเพราะความจำเป็น ได้โปรดเข้าใจด้วย”


“…เข้าใจขอรับ”


“แล้วพบกันในอีกสองสามวัน”


“ขอให้ฝ่าบาทปลอดภัย”


ขณะกริดเปิดประตูโรงแรมด้วยความโล่งใจ สติกส์เผยสีหน้าผ่อนคลาย


***


แอ๊ด~


บทสนทนาอย่างจริงใจกับสติกส์มีส่วนสำคัญอย่างมากในการทำให้กริดสุขุมเยือกเย็น ชายหนุ่มไม่รู้สึกกดดันจากชื่ออันยิ่งใหญ่อย่าง ‘มังกรจอมเขมือบ ไรเดอร์ส’ อีกต่อไป ความคิดเดียวในหัวก็คือ อีกฝ่ายเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับบรรลุภารกิจของหอแห่งปัญญา


“ยินดีต้อนรับ”


ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้ดูแลโรงแรมกล่าวทักทายกริด


ท่าทีมิได้เป็นไปอย่างสุภาพสักเท่าไร


ในสภาพปากคาบบุหรี่ มันจ้องมาทางกริดและถามห้วน


“ขุนนาง? คนพวกนั้นไม่เคยคิดจะพักในโรงแรมซอมซ่อของฉัน… บอกจุดประสงค์ของนายมา”


“กำลังตามหาใครบางคน ได้ยินว่าเข้าพักที่นี่ตั้งแต่สี่วันก่อน”


“…เป็นขุนนางจริงๆ สินะ”


ผู้ดูแลเก็บบุหรี่อย่างเงียบงัน


ท่าทีของมันเผยความนอบน้อมขณะเดินนำทางกริดไปยังห้องด้านในสุดของชั้นสอง


“ท่านไรเดอร์ส คนที่คนท่านกำลังรอมาถึงแล้ว”


“…!”


ทำไมมังกรถึงเลือกพักอาศัยในโรงแรมสภาพทรุดโทรมแห่งนี้?


คำตอบง่ายนิดเดียว ผู้ดูแลโรงแรมรู้จักตัวตนที่แท้จริงของไรเดอร์ส


มนุษย์แอบติดต่อกับมังกร…


อย่าบอกนะว่า ชายวัยกลางคนที่ไม่มีอะไรโดดเด่น แท้จริงแล้วจะเป็น NPC สุดพิเศษที่น่าทึ่ง?


ขณะกริดกำลังประหลาดใจ ประตูห้องเปิดออกด้วยตัวเอง


ทัศนียภาพหลังประตูตรงข้ามกับสิ่งที่ชายหนุ่มจินตนาการโดยสิ้นเชิง


ห้องของโรงแรมที่ซอมซ่อและคับแคบ กลับกว้างข้างและโอ่โถงราวกับมหาราชวังที่จักรพรรดิเคยพักอาศัย


“…”


กริดซึ่งเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าตื่นตะลึง มีอันต้องยืนแข็งทื่อเป็นรูปปั้น


บนโต๊ะยาวที่เรียงรายไปด้วยอาหารรสเลิศ ชายคนหนึ่งกำลังนั่งรับประทานอยู่ตามลำพัง


ท่วงท่าการใช้มีดส้อมเป็นไปอย่างสง่างาม


เพลงคลาสสิกดังขึ้นเป็นพื้นหลังในวินาทีที่กริดเข้ามาด้านใน ช่วยเสริมความสง่างามและเลอค่าของอีกฝ่าย


ทันใดนั้น ชายหนุ่มพลันเกิดความรู้สึกท่วมท้น


พลังเวทของไรเดอร์ส


แรงกดดันมหาศาลที่แผ่ออกจากร่างกายชายผมสีม่วงยาวถึงสะโพก กำลังพันธนาการกริดจนมิอาจขยับเขยื้อน


หลังจากเคี้ยวเนื้อในปากเสร็จ ชายผู้ยังคงนั่งหลังตรงด้วยท่าทีผ่อนคลาย กล่าวกับกริดที่หยุดหายใจไปชั่วขณะ


“รสชาติอาหารของฮิลล์แกรมไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดแม้จะผ่านมานานกว่าหนึ่งพันปี เป็นผลจากการที่ข้าพยายามอย่างหนักเพื่อรักษารสชาติที่ตัวเองชื่นชอบ”


“…”


บนใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง ดวงตาของกริดกำลังสั่นเทา


วาจามังกร


ทุกคำที่พรั่งพรูออกจากปากชายผมสีม่วง อัดแน่นไปด้วยมวลพลังลึกลับที่ยากจะหาพบบนโลกใบนี้


พลังดังกล่าวที่เข้มข้นไม่แพ้แรงกดดันจากพลังเวทในตอนต้น ร่างกายกริดถูกบดขยี้ทุกซอกมุมจนหมดทางต้านทาน


“ทุกหนึ่งร้อยปีที่ข้าลืมตาตื่น สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวทุกครั้งคืออาหารของฮิลล์แกรม สำหรับข้าแล้ว ฮิลล์แกรมเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่สิ่ง หรืออาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ข้าคิดถึง”


ชายคนดังกล่าววางมีดส้อมลงและเช็ดปาก


หลังจากจิบไวน์ในแก้วที่เต็มไปด้วยฟอง มันพึมพำ


“แต่อยู่มาวันหนึ่ง ข้ากลับไม่สามารถกินอาหารทุกจานได้หมดเกลี้ยง แม้แต่ไวน์ที่ข้าชื่นชอบก็ยังรู้สึกเบื่อหน่ายหลังจากผ่านไปสองสามจิบ… ข้าคิดถึงรสชาติของมัน แต่ก็เบื่อเพราะรู้จักรสชาติของมันดีเกินไป”


ชายคนเดิมผลักเก้าอี้ถอยหลังพร้อมกับลุกขึ้นอย่างไม่รีบร้อน


ไรเดอร์ส


อาจเป็นเพราะชายคนนี้กำลังจำแลงกายในร่างมนุษย์ ชื่อที่ควรส่องแสงระยิบระยับกลับขาวโพลนไม่ต่างจาก NPC ปรกติ


“ข้าอยากขอบใจเจ้าที่เข้ามาขัดจังหวะ ไม่อย่างนั้นคงเผลอก่อความผิดพลาดลงไป”


“แฮ่ก… แฮ่ก…”


ในวินาทีที่ไรเดอร์สขอบคุณ แรงกดดันซึ่งท่วมท้นร่างกายกริดพลันอันตรธานหายราวกับเป็นเรื่องโกหก


เส้นขุนลุกเกรียวไปทั่วร่าง ลมหายใจเริ่มกลับคืนมา


สมองครุ่นคิดถึง ‘ความผิดพลาด’ ที่ไรเดอร์สเกือบกระทำ


จากนั้น ไรเดอร์สอธิบายต่อ


“จนถึงเมื่อครู่ ข้าเกือบจะทำลายโรงแรมเล็กๆ แห่งนี้ไปพร้อมกับสายเลือดฮิลล์แกรมทั้งหมด… หากเผลอทำลงไป ข้าคงต้องนึกเสียใจในอีกหนึ่งร้อยปีถัดมาแน่”


“…”


ครอบครัวที่รับใช้มังกรมานานกว่าพันปี


ไรเดอร์สคิดจะทำลายตระกูลที่ยอมอนุรักษ์รสชาติซึ่งมันโปรดปรานอย่างยาวนาน เพียงเพราะเบื่อในรสชาติอาหารเดิม?


เหลวไหลสิ้นดี…


คล้ายกับกำลังเห็นภาพไรเดอร์สเคี้ยวรากต้นไม้โลกต่อหน้าเอลฟ์ กริดเริ่มเกิดอารมณ์ขุ่นเคือง


อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกนอกจากยิ้มให้


เป็นรอยยิ้มห่วยๆ ที่เคยทำบ่อยครั้งในอดีต


คำสาบานกับตัวเองที่จะ ‘ไม่ถูกมังกรจอมเขมือบข่มขวัญโดยเด็ดขาด’ อันตรธานหายไปในวินาทีที่ได้เผชิญหน้ากับอีกฝ่ายโดยตรง


ทั้งกระแสพลังเวทที่ท่วมท้นและธรรมชาติการทำลายล้างที่ติดตัวมังกรมาตั้งแต่เกิด สิ่งเหล่านี้อยู่นอกเหนือจินตนาการกริดไปไกลจนเกิดเป็นความหวาดกลัว


‘บ้าจริง…’


กริดมีหลายข้ออ้างให้ใช้ปกป้องตัวเอง


มังกรแตกต่างจากจอมอสูร


ถึงจะผูกมิตรโดยสมบูรณ์ไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ศัตรูกันตามธรรมชาติ


ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการยิ้มให้อีกฝ่าย แม้จะเป็นรอยยิ้มห่วยๆ


เป้าหมายของหอแห่งปัญญามิใช่การทำร้ายมังกร แต่เป็นการเติมเต็มความปรารถนาเพื่อมิให้มันออกอาละวาด


แม้แต่นักล่ามังกรฮายาเตะและสภาหอคอย ถ้าเลือกได้ พวกมันก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับมังกรสักเท่าไร


ถูกต้อง การฝืนยิ้มมิได้เกิดจากความขี้ขลาด แต่สิ่งนี้ผ่านการตัดสินใจอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว


ทว่า ถึงกริดจะปลอบใจกับตัวเองด้วยเหตุผลข้างต้น แต่ภายในใจกลับยังไม่หายกระสับกระส่าย


ขณะชายหนุ่มขบกรามแน่นพร้อมกับใช้มือบีบหัวใจ ไรเดอร์สเปิดปาก


“ข้าต้องการระงับความหิวเดี๋ยวนี้ ช่วยนำทางในทันทีด้วย”


ไรเดอร์สที่สวมเสื้อคลุมสีฉูดฉาดเดินออกจากห้องไปก่อน ทันใดนั้น ห้องพักแสนโอ่โถงซึ่งกว้างขวางไม่ต่างจากวังหลวง แปรสภาพกลายเป็นห้องซอมซ่อและคับแคบทันใด


เมื่อเดินลงไปถึงชั้นหนึ่ง ไรเดอร์สเตือนผู้ดูแลโรงแรม


“ทายาทของเจ้าในอีกร้อยปีข้างหน้าต้องรักษารสชาติดั้งเดิมของบรรพบุรุษให้ได้ ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมคิดค้นรสชาติใหม่”


“ข…เข้าใจแล้วขอรับ!”


ผู้ดูแลโรงแรมที่เข้าใจความนัยแฝง รีบขานรับอย่างแข็งขัน


ขณะหมอบกราบพลางใช้ศีรษะโขกพื้นและส่งเสียงสะอื้น ร่างกายของมันสั่นเทาไม่ต่างจากต้นไม้ท่ามกลางพายุ


ตระกูลที่ถูกสาปโดยไรเดอร์สย่อมเคียดแค้นโชคชะตาของตนและทายาท


‘มังกร…’


อะไรคือเหตุผลที่ทำให้มังกรมักถูกเกลียดชังและเป็นที่หวาดกลัว?


เหตุใดจอมอสูรถึงแทบไม่เคยเอ่ยนามของมังกร?


เหตุใดเหล่าทวยเทพบนอาณาจักรฮวานถึงไม่คิดร่วมมือกับมังกรเพื่อทำสงครามกับเทพบนแอสการ์ด?


กริดที่ค้นพบอีกหนึ่งสาเหตุเริ่มมั่นใจ


มังกรคือสิ่งมีชีวิตที่ไม่ควรผูกมิตรด้วยโดยเด็ดขาด


เป็นความโชคดีระดับฟ้าประทานที่ตนได้เนเฟลิน่ามาเป็นผู้สงสารและคอยปกป้องอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


‘ระหว่างวัฏจักรการชิม… แค่เอาชีวิตให้รอดก็พอแล้ว’


อย่าทำตัวโดดเด่นต่อหน้าไรเดอร์ส ไม่มีประโยชน์ที่จะกลายเป็นจุดสนใจ


กริดสาบานกับตัวเองพลางเผยรอยยิ้ม


“จุดหมายแรกคือจักรวรรดิซาฮารัน”


ภัตตาคารที่จักรพรรดินียอมรับและมีโอกาสถูกปากไรเดอร์สมากที่สุด


“ไปไททันกันเถอะ”


“จะเป็นรสชาติแบบไหนกันนะ”


เพียงไรเดอร์สพยักหน้า คนทั้งสองพลันปรากฏตัวใจกลางกรุงไททัน


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,846
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00